ซือถูไป๋เดินออกไปข้างๆ สองก้าว ออกห่างจากนางหน่อย"องค์หญิงใหญ่อันที่จริงสามารถไปถามฝ่าบาทอีกครั้งหลังกลับไปได้ เชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องเล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียดแน่"พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงหม่นลงมาเล็กน้อยซือถูไป๋ปฏิเสธนางอย่างชัดเจนนี่มันเพราะอะไรกัน?นางรู้ว่าซือถูไป๋จะเว้นระยะห่างกับนาง เพื่อไม่ให้ฟู่จาวหนิงเข้าใจผิดแต่ฟู่จาวหนิงมีอะไรต้องเข้าใจผิดล่ะ? นางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนแคว้นเจานี่ แต่งงานไปแล้ว ยังจะมาสนใจว่าซือถูไป๋อยู่ใกล้ใครด้วยหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นซือถูไป๋ทำไมต้องทุ่มเทสุดใจกับฟู่จาวหนิงเช่นนี้ด้วย?แน่นอนว่า ฟู่จาวหนิงหน้าตาดีเอามากๆ แต่นางเองก็ไม่ได้แย่นี่ ฟุ่จาวหนิงวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมเกินใคร แต่นางก็ยังมีโชคดีอยู่กับตัวนะฟู่จาวหนิงแต่งงานแล้ว ร่างกายก็น่าจะไม่บริสุทธิ์แล้วไหม แต่นางยังสะอาดผุดผ่อง ตัวตนฐานะก็ยังสูงส่งพอมาดูนิสัย นางรู้สึกว่านิสัยตนเองก็ยังดีกว่าฟู่จาวหนิงเยอะ นางทั้งเกรงใจและอ่อนโยนกับซือถูไป๋มาตลอด พูดจาอ่อนหวาน แต่ฟู่จาวหนิงมีแต่เย็นชาใส่ซือถูไป๋เห็นๆ อยู่ว่าซือถูไป๋มีใจให้นาง แต่ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไว้หน้ามาตลอดพอ
คำพูดนี้แปลกๆ หน่อยยิ่งไปกว่านั้นพอนางพูดจบยังเหลือบมองต่งฮ่วนจือผาดหนึ่งด้วย สายตาเหมือนมีความเห็นใจต่งฮ่วนจือมองออกว่านางเห็นใจตนเอง จึงนิ่งขรึมไม่พูดจาฟู่จาวหนิงเองก็เหลือบมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่งนางไม่รู้ว่าเพราะอะไรองค์หญิงใหญ่จู่ๆ ก็ไม่คิดจะอำพรางร่องรอยตนเอง วิ่งแจ้นออกมาปรากฏต่อหน้านางเพื่ออะไรกัน?"ไปเถอะ กลับกัน"ผู้อาวุโสจี้พอตัดสินใจกลับ ก็ไม่ชักช้าอีกตอนที่พวกเขากำลังจะออกไป องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับมองไปทางสองคนที่อยู่ใต้ต้นไม้นั่น"แล้วสองคนนี้จะทำอย่างไรดี?"นางยื่นมือไปทางชายคนที่ยังอยู่ในท่าเดิมเช่นนั้น ปากก็ยังอ้าค้างอยู่"ระวัง..."องครักษ์ของนางรีบเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังคงยื่นมือเข้าไปวัดลมหายใจของชายคนนั้น นางอุทานร้องออกมา"เอ๊! คนคนนี้ยังมีลมหายใจอยู่!"คำพูดนี้ทำให้คนทั้งหมดหยุดลงมาคนคนนั้นยังคงแข็งทื่ออยู่ท่าเดิม ดูเหมือนจะตายไปแล้ว แต่ยังมีลมหายใจอยู่หรือ?"แม่นางฟู่ ท่านเป็นหมอ ท่านรีบมาดูอาการเร็ว ท่านไปแบบนี้ไม่ได้นะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหันหน้ามองไปทางฟู่จาวหนิงสีหน้าและน้ำเสียงของนางมีเชิงตำหนิหน่อยๆ เพรา
"เมื่อครู่ผู้เฒ่ารองซุนก็บอกแล้ว ท่านไม่ได้ยินหรอกหรือ?"ฟู่จาวหนิงไม่อยากพูดอะไรมากจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ดูท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ยอมให้พวกเขาออกไปด้วย"เขายังไม่ได้มาดูเลย" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เชื่อแม้แต่น้อยนางยื่นมือออกไปอีกครั้ง นิ้วจับไปที่ลมหายใจของชายอีกคน สัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อุทานออกมาอีกครั้ง "จริงๆ นะ คนนี้ก็ยังมีลมหายใจอยู่! ท่านไม่เชื่อก็เข้ามาดูสิ"สองคนนี้ยังมีลมหายใจอยู่แท้ๆ ฟู่จาวหนิงทำไมจึงไม่คิดจะช่วยพวกเขา?"ศิษย์น้องหญิง ถ้าอย่างไรให้ข้าเข้าไปดูหน่อยเถอะ ถ้าช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ ค่อยว่ากัน" ต่งฮ่วนจือเองก็ร้อนรนขึ้นมาแล้วถ้านี่เป็นคนในตระกูลใหญ่ของเมืองจี้ ถึงตอนนั้นรู้ว่าพวกเขาเจอแล้วแต่กลับนิ่งดูดาย เกรงว่าคงกระเทือนไปถึงพันธมิตรโอสถแน่"ท่านอาจารย์เองก็อยู่ที่นี่นะ อย่าทำให้ต้องกระเทือนไปถึงชื่อเสียงท่านอาจารย์เลย" ต่งฮ่วนจือกดเสียงต่ำ เขากำลังเตือนฟู่จาวหนิงด้วยความหวังดี"ถ้าอย่างนั้น ให้ข้าเข้าไปดูก่อน ข้าจะลองดูว่าเขายังมีลมหายใจจริงไหม จากนั้นจะวางพวกเขานอนลง แบกห่างออกมาจากใต้ต้นไม้หน่อย แล้วเจ้าค่อยไปจับชีพจรพวกเขาแล้วกัน ดีไหม?""ท่าน
เมื่อครู่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง พวกเขาล้วนถอยออกมาอีกตามสัญชาตญาณ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ถอยมาหลายก้าวตอนนนี้พวกเขามองสี่ศพตรงหน้า แต่ละคนล้วนรู้สึกสันหลังวาบ ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำต่งฮ่วนจือรู้สึกหวาดผวาหลังเกิดเรื่องเมื่อครู่นี้ถ้าเขาเข้าไปตรวจสอบสองคนนั้นจริงๆ ...ตอนนี้เขาเองก็คงตายอยู่ตรงนั้นแล้วไหม?โชคดีที่ศิษย์น้องหญิงห้ามเขาไว้!ต่งฮ่วนจือหันหน้ามามองฟู่จาวหนิง เห็นเพียงฟู่จาวหนิงเม้มปาก สีหน้าเคร่งขรึมเขาผิดที่ไปตำหนิศิษย์น้องหญิงเสียแล้ว เขาเมื่อครู่พอได้ยินคำพูดขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วยังรู้สึกว่าศิษย์น้องหญิงเย็นชาไร้น้ำใจเหลือเกินศิษย์น้องหญิงบอกว่าสองคนนั้นช่วยไม่ได้แล้ว ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริงนางไม่จำเป็นต้องเข้าไปตรวจก็รู้แล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่งจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าโชคขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนี่ดีจริงๆ นางตอนแรกไปแตะสองคนนั้น แล้วยังยื่นมือเข้าไปด้วย แต่สองคนนั้นก็ไม่สำรอกออกมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าขาตนเองอ่อนยวบไปแล้วกลิ่นที่นี้ทำเอาท้องของนางปั่นป่วน"ฮ่วนจือ หลังจากนี้เจอเรื่องอะไรก็ต้องคิด
ศิษย์ที่พันธมิตรให้รออยู่ที่นี่บอกพวกเขาว่า "หมอเทวดาซุนพาพวกรุ่นหลังตระกูลซุนออกไปแล้ว บอกกับทุกคนว่าชาวบ้านย้ายไปหมดแล้ว วัตถุดิบยาเองก็เอาไปหมดแล้วเช่นกัน ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อแล้วกลับเมืองหลวงไปหมด"ส่งสัญญาณว่าจะกลับเมืองหลวง คนในป่าก็ออกมาหมดแล้ว"แต่ว่าน่าจะยังมีคนส่วนน้อยที่อยู่ในนั้นแล้วไม่ได้ยินสัญญาณ"ผู้อาวุโสจี้ถอนใจ "ดูท่าทุกคนจะเชื่อผู้เฒ่ารองซุนมาก"ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางกลับไปหลังจากไ้ดยินคำพูดของเขาหรอก"คนของสมาคมหมอใหญ่เองก็คุ้นเคยกับผู้เฒ่ารองซุนมาก และล้วนรู้จักแคว้นหมิ่นกัน รู้ถึงพลังตระกูลซุนของเขา" ต่งฮ่วนจือเอ่ยขึ้นซือถูไป๋เดินอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง "คนของสมาคมหมอใหญ่ล้วนเชื่อมั่นตัวผู้เฒ่ารองซุนขนาดนี้ แล้วในการแลกเปลี่ยนวิชาแพทย์ถัดจากนี้ เจ้าจะถูกกีดกันออกมาไหม?""น่าจะไม่หรอกกระมัง ผู้เฒ่ารองซุนเองก็ไม่รู้จักข้าเสียหน่อย เขาไม่จำเป็นต้องมาจับจ้องข้า" ฟู่จาวหนิงไม่ได้เอามาใส่ใจต่อให้ถูกกีดกัน นางก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่เสียหน่อย การไปเป็นเพื่อนกับคนทั้งหมด มันสำคัญอะไรตรงไหน?"เจ้ามองขาดดีจริงๆ" ซือถูไป๋มองสีหน้านางที่ไม่กังวลไม่ได้วิตกอะไร
นี่อยากจะบอกว่าเขาเสียเวลาไปสิบกว่าปีอย่างนั้นหรือ? แล้วยังแค้นผิดคนอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับหรือเติบโตขึ้นเลยด้วย?เขาตอนนี้ดูซีดเซียวไม่มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดหรือรู้สึกว่าเขาจะน่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว?แค่ถามถึงแคว้นหมิ่นกับซุนฉงหมิง เขาก็ไม่ได้รู้อะไรสักเท่าไร..."หนิงหนิงตอนนี้อยจะไปถามซือถูไป๋ดูไหม ไปฟังเขาเล่าเสียหน่อย?" เขาหดแขนเข้ามา นดวงตาหม่นลงเล็กน้อย ถ้านางอยากจะไปคุยกับซือถูไป๋จริง เขาก็คง...ฟู่จาวหนิงตอนนี้ฟังออกถึงความผิดปกติหน่อยๆ แล้วนางเงยหน้าขึ้นในอ้อมกอดเขา โน้มคอของอีกฝ่าย ให้เขาก้มหน้าลงมาเช่นนี้นางจึงจะเห็นดวงตาและสีหน้าของเขาพอมองเช่นนี้ สีหน้าท่านอ๋องก็ขรึมไปจริงๆฟู่จาวหนิงพอคิด ก็หัวเราะพรืดออกมา"เจ้ายังจะหัวเราะอีก?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมๆ "กำลังหัวเราะที่ข้าความรู้ตื้นเขินหรือ?""ฮ่าๆๆ"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดเหมือนหึงหวงเช่นนี้ของเขา ก็อดหัวเราะเสียงดังขึ้นมาไม่ได้เซียวหลันยวนกอดนางแน่นขึ้น ก้มหน้าลงกดริมฝีปากบนนางเบาๆ "ใช่ไหม?""ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าท่านจะพูดจาหึงหวงแบบนี้" ฟู่จาวหนิงแนบชิดขึ้นไป จูบไปบนริมฝีปากเขาเอง
ต่งฮ่วนจือตอนนี้ยังโทษนางได้เสียที่ไหนนี่เป็นการแบ่งภาระให้เขาเสียด้วยซ้ำ เขากลับมาเอาตอนนี้แล้วเพิ่งคิดจะจัดเลี้ยง จะอย่างไรมันก็ดูช้าไปหน่อยแล้ว"เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าเสียแล้ว เป็นเจ้าที่คิดได้รอบคอบ ข้าเดิมทียังว่าถึงอย่างไรก็เป็นอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของสำนักตน ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น" ต่งฮ่วนจือบอกมา"ท่านคิดไม่รอบคอบเสียที่ไหนกัน ท่านต้องดูแลสาขาของพันธมิตรโอสถที่ใหญ่โตขนาดนี้ เรื่องก็มากพออยู่แล้ว" ฮูหยินเฉินเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนหวาน"อีกเดี๋ยวเจ้าพาฮ่าวจูมากินด้วยกันสิ ข้าจะแนะนำศิษย์น้องหญิงให้พวกเจ้าได้รู้จัก" ต่งฮ่วนจือมองฮูหยินเฉิน "เจ้าก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพออากาศหนาวแล้วมือไม้เย็นหรอกหรือ? เดี๋ยวข้าจะเชิญศิษย์น้องหญิงจับชีพจรให้เจ้า ให้นางเบิกยามาบำรุงเจ้าหน่อย""จะไปรบกวนแม่นางฟู่ได้อย่างไรกัน""ไม่รบกวน เจ้าเองก็ถือเป็นคนของพวกเรา ศิษย์น้องหญิงไม่ติดใจอะไรหรอก""เช่นนั้น...""เอาอย่างนี้นั่นล่ะ" ต่งฮ่วนจือเองก็ไม่ให้โอกาสนางได้ปฏิเสธฮูหยินเฉินหลังจากถูกเขาช่วยชีวิตไว้ก็ร่างกายอ่อนแอจริงๆ ปกติตอนที่อากาศเย็นก็ไม่ค่อยออกไปไหน พอออกไปทีก
นางยังรู้สึกคาดหวังใบหน้าของเขาตอนที่ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ว่าใบหน้านั้นจะชวนหลงใหลแค่ไหนตอนนี้ยังมีแผลเป็นพิษอยู่อีกหน่อยหนึ่ง เขาก็ยังทำให้แม่นางน้อยเฉินฮ่าวจูคนนั้นหลงไปแล้ว ถ้าฟื้นฟูจนสมบูรณ์จริง ยังไม่รู้ว่าต้องทำแม่นางน้อยอกหักกันไปอีกกี่คนเซียวหลันยวนใจสั่นกึก "พอสิ้นปี ตอนที่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ข้าจะพาเจ้าไปยอดเขาโยวชิงสักครั้งหนึ่งเป็นอย่างไร?""ทำไม อยากให้ข้าไปดูสถานที่ที่ท่านอยู่มาสิบกว่าปีหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนอันที่จริงยังมีอีกหนึ่งความคิด แต่ตอนนี้เวลายังอีกนาน ยังไม่ได้เตรียมการละเอียดขนาดนั้นฟู่จาวหนิงพันผ้าทำแผลให้เขาอีกครั้ง ยื่นมือไปเกี่ยวคางเขา "สามีของข้านี่หล่อจริงๆ"นี่มัน...กำลังแหย่เขาอยู่หรือ?เซียวหลันยวนจิตใจสั่นสะท้าน ยื่นมือโอบเอวนางไว้ กำลังจะดึงนางมาในอ้อมกอด ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้นมา"นายท่าน แม่นางเฉินเข้ามาแล้ว"ชิงอีมองเฉินฮ่าวจูตรงหน้าเฉินฮ่าวจูบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับนายท่านพวกเขา เขาเดิมทีก็อยากจะถามว่าเรื่องอะไร เขาไปถ่ายทอดให้ก้พอ แต่พอคิดว่าวันนี้ตอนกลางวันเพิ่งได้รับของขวัญจากนางมา จึงให้นางรอสักครู่ ส่วนตนเองจึงมาเคา