นี่อยากจะบอกว่าเขาเสียเวลาไปสิบกว่าปีอย่างนั้นหรือ? แล้วยังแค้นผิดคนอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับหรือเติบโตขึ้นเลยด้วย?เขาตอนนี้ดูซีดเซียวไม่มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดหรือรู้สึกว่าเขาจะน่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว?แค่ถามถึงแคว้นหมิ่นกับซุนฉงหมิง เขาก็ไม่ได้รู้อะไรสักเท่าไร..."หนิงหนิงตอนนี้อยจะไปถามซือถูไป๋ดูไหม ไปฟังเขาเล่าเสียหน่อย?" เขาหดแขนเข้ามา นดวงตาหม่นลงเล็กน้อย ถ้านางอยากจะไปคุยกับซือถูไป๋จริง เขาก็คง...ฟู่จาวหนิงตอนนี้ฟังออกถึงความผิดปกติหน่อยๆ แล้วนางเงยหน้าขึ้นในอ้อมกอดเขา โน้มคอของอีกฝ่าย ให้เขาก้มหน้าลงมาเช่นนี้นางจึงจะเห็นดวงตาและสีหน้าของเขาพอมองเช่นนี้ สีหน้าท่านอ๋องก็ขรึมไปจริงๆฟู่จาวหนิงพอคิด ก็หัวเราะพรืดออกมา"เจ้ายังจะหัวเราะอีก?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมๆ "กำลังหัวเราะที่ข้าความรู้ตื้นเขินหรือ?""ฮ่าๆๆ"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดเหมือนหึงหวงเช่นนี้ของเขา ก็อดหัวเราะเสียงดังขึ้นมาไม่ได้เซียวหลันยวนกอดนางแน่นขึ้น ก้มหน้าลงกดริมฝีปากบนนางเบาๆ "ใช่ไหม?""ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าท่านจะพูดจาหึงหวงแบบนี้" ฟู่จาวหนิงแนบชิดขึ้นไป จูบไปบนริมฝีปากเขาเอง
ต่งฮ่วนจือตอนนี้ยังโทษนางได้เสียที่ไหนนี่เป็นการแบ่งภาระให้เขาเสียด้วยซ้ำ เขากลับมาเอาตอนนี้แล้วเพิ่งคิดจะจัดเลี้ยง จะอย่างไรมันก็ดูช้าไปหน่อยแล้ว"เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าเสียแล้ว เป็นเจ้าที่คิดได้รอบคอบ ข้าเดิมทียังว่าถึงอย่างไรก็เป็นอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของสำนักตน ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น" ต่งฮ่วนจือบอกมา"ท่านคิดไม่รอบคอบเสียที่ไหนกัน ท่านต้องดูแลสาขาของพันธมิตรโอสถที่ใหญ่โตขนาดนี้ เรื่องก็มากพออยู่แล้ว" ฮูหยินเฉินเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนหวาน"อีกเดี๋ยวเจ้าพาฮ่าวจูมากินด้วยกันสิ ข้าจะแนะนำศิษย์น้องหญิงให้พวกเจ้าได้รู้จัก" ต่งฮ่วนจือมองฮูหยินเฉิน "เจ้าก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพออากาศหนาวแล้วมือไม้เย็นหรอกหรือ? เดี๋ยวข้าจะเชิญศิษย์น้องหญิงจับชีพจรให้เจ้า ให้นางเบิกยามาบำรุงเจ้าหน่อย""จะไปรบกวนแม่นางฟู่ได้อย่างไรกัน""ไม่รบกวน เจ้าเองก็ถือเป็นคนของพวกเรา ศิษย์น้องหญิงไม่ติดใจอะไรหรอก""เช่นนั้น...""เอาอย่างนี้นั่นล่ะ" ต่งฮ่วนจือเองก็ไม่ให้โอกาสนางได้ปฏิเสธฮูหยินเฉินหลังจากถูกเขาช่วยชีวิตไว้ก็ร่างกายอ่อนแอจริงๆ ปกติตอนที่อากาศเย็นก็ไม่ค่อยออกไปไหน พอออกไปทีก
นางยังรู้สึกคาดหวังใบหน้าของเขาตอนที่ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ว่าใบหน้านั้นจะชวนหลงใหลแค่ไหนตอนนี้ยังมีแผลเป็นพิษอยู่อีกหน่อยหนึ่ง เขาก็ยังทำให้แม่นางน้อยเฉินฮ่าวจูคนนั้นหลงไปแล้ว ถ้าฟื้นฟูจนสมบูรณ์จริง ยังไม่รู้ว่าต้องทำแม่นางน้อยอกหักกันไปอีกกี่คนเซียวหลันยวนใจสั่นกึก "พอสิ้นปี ตอนที่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ข้าจะพาเจ้าไปยอดเขาโยวชิงสักครั้งหนึ่งเป็นอย่างไร?""ทำไม อยากให้ข้าไปดูสถานที่ที่ท่านอยู่มาสิบกว่าปีหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนอันที่จริงยังมีอีกหนึ่งความคิด แต่ตอนนี้เวลายังอีกนาน ยังไม่ได้เตรียมการละเอียดขนาดนั้นฟู่จาวหนิงพันผ้าทำแผลให้เขาอีกครั้ง ยื่นมือไปเกี่ยวคางเขา "สามีของข้านี่หล่อจริงๆ"นี่มัน...กำลังแหย่เขาอยู่หรือ?เซียวหลันยวนจิตใจสั่นสะท้าน ยื่นมือโอบเอวนางไว้ กำลังจะดึงนางมาในอ้อมกอด ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้นมา"นายท่าน แม่นางเฉินเข้ามาแล้ว"ชิงอีมองเฉินฮ่าวจูตรงหน้าเฉินฮ่าวจูบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับนายท่านพวกเขา เขาเดิมทีก็อยากจะถามว่าเรื่องอะไร เขาไปถ่ายทอดให้ก้พอ แต่พอคิดว่าวันนี้ตอนกลางวันเพิ่งได้รับของขวัญจากนางมา จึงให้นางรอสักครู่ ส่วนตนเองจึงมาเคา
"ข้ารู้ว่าท่านคือแม่นางฟู่ศิษย์น้องหญิงของลุงต่ง แต่ว่า แต่ว่าไม่ทราบคุณชายท่านนี้..."เฉินฮ่าวจูทำใจมาตลอดทาง พอเห็นโถงอาหารอยู่ไม่ไกลแล้ว นางจึงทนไม่ไหวอีก หมุนตัวกลับมายืนนิ่ง เหลือบมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นมาตรงๆ"เขาหรือ" ฟู่จาวหนิงยิ้ม "สามีของข้าเอง""อ๋า?"เฉินฮ่าวจูแม้จะเดาได้ว่านี่คือสามีของนาง แต่พอเจอการยืนยันเข้าจริง ในใจนางก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างนางมาช้าไปหรรือ?"เช่นนั้นฮ่าวจูควรจะเรียกอย่างไร?"พูดมาแล้วว่าเป็นสามีของนาง แล้วยังจะเรียกอีกหรือ? แม่นางคนนี้กล้าหาญดีจริงๆฟู่จาวหนิงเม้มปาก รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา"ท่านเซียวหก"ท่านเซียวหก?คำเรียกนี้มัน...เซียวหลันยวนดึงนางเข้ามาใกล้อย่างจนใจ เดินผ่านข้างตัวเฉินฮ่าวจู พูดมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "หากมีธุระ ก็บอกฮูหยินของข้า ไม่จำเป็นต้องพูดกับข้าหรอก"เขาไม่มีใจที่จะมารับมือกับแม่นางน้อยแบบนี้เลยจริงๆพอเห็นว่าผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือมาแล้ว พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องให้เฉินฮ่าวจูนำทางอีก เดนิตรงเข้าไปทันทีในห้องอาหารมีโต๊ะตัวใหญ่ นั่งได้ถึงสิบสองคน"จาวหนิง รีบมาเร็ว ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าวันนี้เต็มใจย
ต่งฮ่วนจืออุ้มไหสุราเข้ามา ด้านหลังมีฮูหยินเฉินตามมาด้วยฮูหยินเฉินพอเข้ามา ลมก็พัดเข้ามาจากด้านนอก นำกลิ่นหอมจรุงบนตัวนางเข้ามาด้วยความหอมนี้ไม่ใช่พวกถุงหอม แต่เป็นกลิ่นหอมชั้นสูงมากเฉินฮ่าวจูอยู่ข้างกายนางฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวฮูหยินเฉินฮูหยินเฉินคนนี้หน้าตาสะสวย หลักๆ คือบุคลิกภาพและรูปร่างดีมาก เฉินฮ่าวจูคิ้วตาดูคล้ายกับนาง แค่มองก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกกันและกระโปรงของนางก็ปักดอกไม้สีเงินเอาไว้ผืนหนึ่ง ดูเป็นเอกลักษณ์มาก ระหว่างที่เดินก็เหมือนมีคลื่นน้ำกำลังกระเพื่อม ทำเอาคนต้องจ้องกันไม่วางตาผู้อาวุโสจี้พอเห็นสองแม่ลูกเข้ามา ก็อดมองไปทางต่งฮ่วนจือไม่ได้ตอนกลางวันก็บอกไปแล้ว พอรับสองแม่ลูกนี้มาก็รับมาเสียสี่ปี ตอนนี้ทำไมยังพามาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงด้วย?"ข้าขอแนะนำสักนิด คนผู้นี้คือฮูหยินเฉินกับลูกสาวของนางฮ่าวจู งานเลี้ยงคืนนี้ เป็นฮูหยินเฉินที่เชิญพ่อครัวของเมืองจี้เพื่อมาจัดเลี้ยงต้อนรับท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงเป็นพิเศษ"ต่งฮ่วนจือไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะควร ฮูหยินเฉินเป็นคนที่ทำตัวดีไม่สร้างปัญหามาโดย ตลอดยิ่งไปกว่านั้นตัคนเองก็ยังอ่อนโยนและจิตใ
อ๋องเจวี้ยนที่ไม่สวมหน้ากาก!องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนแล้ว!ตอนนี้นางเห็นแค่แผ่นเล็กๆ แปะอยู่บนหน้าเท่านั้น แทบไม่ส่งผลกระทบกับใบหน้าของเขาเลยพอมองเช่นนี้ ความหล่อเหลานั่นก็ยิ่งทำให้จิตใจคนเคลิบเคลิ้มเมามายนางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่เล่าลือกัน บอกว่าหน้าเหมือนผีทำเอาเด็กน้อยร้องไห้อะไรนั่น โกหกทั้งเพ!นางมีโชคติดตัวจริงๆ คืนนี้เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะมาพันธมิตรโอสถ นางกับซือถูไป๋เตรียมจะไปหอสุราเพื่อทานอาหารเย็น แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอผ่านพันธมิตรโอสถ นางก็เกิดสนใจขึ้นมา ร้องให้หยุดรถม้า ในใจเกิดความอยากจะลงจากรถม้าแล้วเข้าไปทันทีและตามคาด ถ้าไม่เข้ามากะทันหัน นางจะได้เห็นใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนหรือ?ตอนนั้นยังเอาแต่คิดว่าใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนคงพังไปแล้ว และน่าจะน่ากลัวเอามากๆเซียวหลันยวนถูกสายตาร้อนแรงของนางจ้องมองจนต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยอาหารมื้อนี้เขารู้สึกเหมือนกินไม่ลงแล้วแต่เมื่อครู่เห็นท่าทีของฟู่จาวหนิง นางดูจะสนใจกับอาหารเหล่านี้มาก ดังนั้นเขาจึงต้องทนไปก่อน"คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะมาเมืองจี้ด้วย รีบนั่งเถิด" ต่งฮ่วนจือ
อ๋องเจวี้ยนแห่งแคว้นเจา!ท่านอ๋องที่สูงส่ง! สายตาของนางยอดเยี่ยมจริงๆ ชายหนุ่มที่ตกหลุมรักครั้งแรกเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน!หลังจากรู้ตัวตนฐานะของอ๋องเจวี้ยน นางก็ยิ่งไม่อยากยอมแพ้แล้ว!เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ท่านแม่ ข้า..."เฉินฮ่าวจูก้มหน้าต่ำ ดึงชายเสื้อของฮูหยินเฉิน"มีอะไรหรือ?"ฮูหยินเฉินยังคิดว่านางได้พบกับองค์หญิงใหญ่และท่านอ๋องจนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเฉินฮ่าวจูเดิมทีอยากจะถามออกไปคำหนึ่ง ว่านางไปเป็นสนมได้ไหม สนมของท่านอ๋อง น่าจะแตกต่างกับสนมทั่วไปกระมัง?แต่ลุงต่งก็นั่งอยู่ข้างๆ นางกลัวว่าจะถูกได้ยินเข้า จึงเม้มปากไม่พูดออกมาทว่าทางนั้น หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชูถ้วยสุราเอ่ยประโยคนั้นกับเซียวหลันยวน บรรยากาศบนโต๊ะก็แข็งทื่อไปในพริบตา ทุกคนล้วนตะลึงสงสัยสลับกันไปมา ไม่รู้ควรพูดอะไรดีเซียวหลันยวนมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนางเองก็ยังชูถ้วยสุราไม่ขยับ ราวกับว่าถ้าเขาไม่มีปฏิกิริยา นางก็จะชูถ้วยเอาไว้อย่างนั้นตลอด"เขาตอนนี้ไม่เหมาะจะดื่มสุราน่ะ ถ้าองค์หญิงใหญ่อยากดื่ม ข้าจะดื่มกับท่านสักถ้วยเอง"ฟู่จาวหนิงชูถ้วยสุราขึ้น จากนั้นก็ดื่มลงไปจนหมด
เซียวหลันยวนพอเห็นสีหน้าซือถูไป๋ชะงักไป ก็เหลือบมองดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่ง น้ำเสียงยิ่งจืดจางไปอีก"พระชายาของข้ามีจิตใจงาม ไม่คิดจะทำให้ใครเสียหน้าจึงหาเหตุผลมาอ้าง แต่ถ้าอยากให้ข้าพูดตรงๆ มันก็คือไม่อยากจะดื่มกับคนอื่นไม่ใช่หรือ?"พอเขาพูดออกมา สีหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เปลี่ยนไปแล้วต่งฮ่วนจือในใจก็อดขมขื่นขึ้นไม่ได้อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆคนอื่นเห็นสภาพจะร้องไห้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้จริงๆตอนนี้เอง เฉินฮ่าวจูก็ชูถ้วยสุรายืนขึ้นมาฮูหยินเฉินคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงยั้งไว้ไม่ทันนางทำได้แค่มองลูกสาวอย่างร้อนรน ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรเฉินฮ่าวจูสูดลมหายใจลึก นางไม่อยากให้อ๋องเจวี้ยนผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นี่คือต้าชื่อนะ ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นโกรธขึ้นมาจริงๆ อ๋องเจวี้ยนอาจจะตกอยู่ในอันตราย นางจะช่วยอ๋องเจวี้ยนเองเขาผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น จะต้องเป็นเพราะฟู่จาวหนิงหึงหวงแน่ๆ หึงหวงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ดังนั้นแค่สุราก็ยังไม่ยอมให้อ๋องเจวี้ยนได้ดื่มไม่รู้กาลเทศะนี่คือการประเมินต่อตัวฟู่จาวหน