ต่งฮ่วนจือตอนนี้ยังโทษนางได้เสียที่ไหนนี่เป็นการแบ่งภาระให้เขาเสียด้วยซ้ำ เขากลับมาเอาตอนนี้แล้วเพิ่งคิดจะจัดเลี้ยง จะอย่างไรมันก็ดูช้าไปหน่อยแล้ว"เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าเสียแล้ว เป็นเจ้าที่คิดได้รอบคอบ ข้าเดิมทียังว่าถึงอย่างไรก็เป็นอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของสำนักตน ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น" ต่งฮ่วนจือบอกมา"ท่านคิดไม่รอบคอบเสียที่ไหนกัน ท่านต้องดูแลสาขาของพันธมิตรโอสถที่ใหญ่โตขนาดนี้ เรื่องก็มากพออยู่แล้ว" ฮูหยินเฉินเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนหวาน"อีกเดี๋ยวเจ้าพาฮ่าวจูมากินด้วยกันสิ ข้าจะแนะนำศิษย์น้องหญิงให้พวกเจ้าได้รู้จัก" ต่งฮ่วนจือมองฮูหยินเฉิน "เจ้าก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพออากาศหนาวแล้วมือไม้เย็นหรอกหรือ? เดี๋ยวข้าจะเชิญศิษย์น้องหญิงจับชีพจรให้เจ้า ให้นางเบิกยามาบำรุงเจ้าหน่อย""จะไปรบกวนแม่นางฟู่ได้อย่างไรกัน""ไม่รบกวน เจ้าเองก็ถือเป็นคนของพวกเรา ศิษย์น้องหญิงไม่ติดใจอะไรหรอก""เช่นนั้น...""เอาอย่างนี้นั่นล่ะ" ต่งฮ่วนจือเองก็ไม่ให้โอกาสนางได้ปฏิเสธฮูหยินเฉินหลังจากถูกเขาช่วยชีวิตไว้ก็ร่างกายอ่อนแอจริงๆ ปกติตอนที่อากาศเย็นก็ไม่ค่อยออกไปไหน พอออกไปทีก
นางยังรู้สึกคาดหวังใบหน้าของเขาตอนที่ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ว่าใบหน้านั้นจะชวนหลงใหลแค่ไหนตอนนี้ยังมีแผลเป็นพิษอยู่อีกหน่อยหนึ่ง เขาก็ยังทำให้แม่นางน้อยเฉินฮ่าวจูคนนั้นหลงไปแล้ว ถ้าฟื้นฟูจนสมบูรณ์จริง ยังไม่รู้ว่าต้องทำแม่นางน้อยอกหักกันไปอีกกี่คนเซียวหลันยวนใจสั่นกึก "พอสิ้นปี ตอนที่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ข้าจะพาเจ้าไปยอดเขาโยวชิงสักครั้งหนึ่งเป็นอย่างไร?""ทำไม อยากให้ข้าไปดูสถานที่ที่ท่านอยู่มาสิบกว่าปีหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนอันที่จริงยังมีอีกหนึ่งความคิด แต่ตอนนี้เวลายังอีกนาน ยังไม่ได้เตรียมการละเอียดขนาดนั้นฟู่จาวหนิงพันผ้าทำแผลให้เขาอีกครั้ง ยื่นมือไปเกี่ยวคางเขา "สามีของข้านี่หล่อจริงๆ"นี่มัน...กำลังแหย่เขาอยู่หรือ?เซียวหลันยวนจิตใจสั่นสะท้าน ยื่นมือโอบเอวนางไว้ กำลังจะดึงนางมาในอ้อมกอด ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้นมา"นายท่าน แม่นางเฉินเข้ามาแล้ว"ชิงอีมองเฉินฮ่าวจูตรงหน้าเฉินฮ่าวจูบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับนายท่านพวกเขา เขาเดิมทีก็อยากจะถามว่าเรื่องอะไร เขาไปถ่ายทอดให้ก้พอ แต่พอคิดว่าวันนี้ตอนกลางวันเพิ่งได้รับของขวัญจากนางมา จึงให้นางรอสักครู่ ส่วนตนเองจึงมาเคา
"ข้ารู้ว่าท่านคือแม่นางฟู่ศิษย์น้องหญิงของลุงต่ง แต่ว่า แต่ว่าไม่ทราบคุณชายท่านนี้..."เฉินฮ่าวจูทำใจมาตลอดทาง พอเห็นโถงอาหารอยู่ไม่ไกลแล้ว นางจึงทนไม่ไหวอีก หมุนตัวกลับมายืนนิ่ง เหลือบมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นมาตรงๆ"เขาหรือ" ฟู่จาวหนิงยิ้ม "สามีของข้าเอง""อ๋า?"เฉินฮ่าวจูแม้จะเดาได้ว่านี่คือสามีของนาง แต่พอเจอการยืนยันเข้าจริง ในใจนางก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างนางมาช้าไปหรรือ?"เช่นนั้นฮ่าวจูควรจะเรียกอย่างไร?"พูดมาแล้วว่าเป็นสามีของนาง แล้วยังจะเรียกอีกหรือ? แม่นางคนนี้กล้าหาญดีจริงๆฟู่จาวหนิงเม้มปาก รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา"ท่านเซียวหก"ท่านเซียวหก?คำเรียกนี้มัน...เซียวหลันยวนดึงนางเข้ามาใกล้อย่างจนใจ เดินผ่านข้างตัวเฉินฮ่าวจู พูดมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "หากมีธุระ ก็บอกฮูหยินของข้า ไม่จำเป็นต้องพูดกับข้าหรอก"เขาไม่มีใจที่จะมารับมือกับแม่นางน้อยแบบนี้เลยจริงๆพอเห็นว่าผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือมาแล้ว พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องให้เฉินฮ่าวจูนำทางอีก เดนิตรงเข้าไปทันทีในห้องอาหารมีโต๊ะตัวใหญ่ นั่งได้ถึงสิบสองคน"จาวหนิง รีบมาเร็ว ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าวันนี้เต็มใจย
ต่งฮ่วนจืออุ้มไหสุราเข้ามา ด้านหลังมีฮูหยินเฉินตามมาด้วยฮูหยินเฉินพอเข้ามา ลมก็พัดเข้ามาจากด้านนอก นำกลิ่นหอมจรุงบนตัวนางเข้ามาด้วยความหอมนี้ไม่ใช่พวกถุงหอม แต่เป็นกลิ่นหอมชั้นสูงมากเฉินฮ่าวจูอยู่ข้างกายนางฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวฮูหยินเฉินฮูหยินเฉินคนนี้หน้าตาสะสวย หลักๆ คือบุคลิกภาพและรูปร่างดีมาก เฉินฮ่าวจูคิ้วตาดูคล้ายกับนาง แค่มองก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกกันและกระโปรงของนางก็ปักดอกไม้สีเงินเอาไว้ผืนหนึ่ง ดูเป็นเอกลักษณ์มาก ระหว่างที่เดินก็เหมือนมีคลื่นน้ำกำลังกระเพื่อม ทำเอาคนต้องจ้องกันไม่วางตาผู้อาวุโสจี้พอเห็นสองแม่ลูกเข้ามา ก็อดมองไปทางต่งฮ่วนจือไม่ได้ตอนกลางวันก็บอกไปแล้ว พอรับสองแม่ลูกนี้มาก็รับมาเสียสี่ปี ตอนนี้ทำไมยังพามาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงด้วย?"ข้าขอแนะนำสักนิด คนผู้นี้คือฮูหยินเฉินกับลูกสาวของนางฮ่าวจู งานเลี้ยงคืนนี้ เป็นฮูหยินเฉินที่เชิญพ่อครัวของเมืองจี้เพื่อมาจัดเลี้ยงต้อนรับท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงเป็นพิเศษ"ต่งฮ่วนจือไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะควร ฮูหยินเฉินเป็นคนที่ทำตัวดีไม่สร้างปัญหามาโดย ตลอดยิ่งไปกว่านั้นตัคนเองก็ยังอ่อนโยนและจิตใ
อ๋องเจวี้ยนที่ไม่สวมหน้ากาก!องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนแล้ว!ตอนนี้นางเห็นแค่แผ่นเล็กๆ แปะอยู่บนหน้าเท่านั้น แทบไม่ส่งผลกระทบกับใบหน้าของเขาเลยพอมองเช่นนี้ ความหล่อเหลานั่นก็ยิ่งทำให้จิตใจคนเคลิบเคลิ้มเมามายนางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่เล่าลือกัน บอกว่าหน้าเหมือนผีทำเอาเด็กน้อยร้องไห้อะไรนั่น โกหกทั้งเพ!นางมีโชคติดตัวจริงๆ คืนนี้เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะมาพันธมิตรโอสถ นางกับซือถูไป๋เตรียมจะไปหอสุราเพื่อทานอาหารเย็น แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอผ่านพันธมิตรโอสถ นางก็เกิดสนใจขึ้นมา ร้องให้หยุดรถม้า ในใจเกิดความอยากจะลงจากรถม้าแล้วเข้าไปทันทีและตามคาด ถ้าไม่เข้ามากะทันหัน นางจะได้เห็นใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนหรือ?ตอนนั้นยังเอาแต่คิดว่าใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนคงพังไปแล้ว และน่าจะน่ากลัวเอามากๆเซียวหลันยวนถูกสายตาร้อนแรงของนางจ้องมองจนต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยอาหารมื้อนี้เขารู้สึกเหมือนกินไม่ลงแล้วแต่เมื่อครู่เห็นท่าทีของฟู่จาวหนิง นางดูจะสนใจกับอาหารเหล่านี้มาก ดังนั้นเขาจึงต้องทนไปก่อน"คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะมาเมืองจี้ด้วย รีบนั่งเถิด" ต่งฮ่วนจือ
อ๋องเจวี้ยนแห่งแคว้นเจา!ท่านอ๋องที่สูงส่ง! สายตาของนางยอดเยี่ยมจริงๆ ชายหนุ่มที่ตกหลุมรักครั้งแรกเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน!หลังจากรู้ตัวตนฐานะของอ๋องเจวี้ยน นางก็ยิ่งไม่อยากยอมแพ้แล้ว!เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ท่านแม่ ข้า..."เฉินฮ่าวจูก้มหน้าต่ำ ดึงชายเสื้อของฮูหยินเฉิน"มีอะไรหรือ?"ฮูหยินเฉินยังคิดว่านางได้พบกับองค์หญิงใหญ่และท่านอ๋องจนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเฉินฮ่าวจูเดิมทีอยากจะถามออกไปคำหนึ่ง ว่านางไปเป็นสนมได้ไหม สนมของท่านอ๋อง น่าจะแตกต่างกับสนมทั่วไปกระมัง?แต่ลุงต่งก็นั่งอยู่ข้างๆ นางกลัวว่าจะถูกได้ยินเข้า จึงเม้มปากไม่พูดออกมาทว่าทางนั้น หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชูถ้วยสุราเอ่ยประโยคนั้นกับเซียวหลันยวน บรรยากาศบนโต๊ะก็แข็งทื่อไปในพริบตา ทุกคนล้วนตะลึงสงสัยสลับกันไปมา ไม่รู้ควรพูดอะไรดีเซียวหลันยวนมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนางเองก็ยังชูถ้วยสุราไม่ขยับ ราวกับว่าถ้าเขาไม่มีปฏิกิริยา นางก็จะชูถ้วยเอาไว้อย่างนั้นตลอด"เขาตอนนี้ไม่เหมาะจะดื่มสุราน่ะ ถ้าองค์หญิงใหญ่อยากดื่ม ข้าจะดื่มกับท่านสักถ้วยเอง"ฟู่จาวหนิงชูถ้วยสุราขึ้น จากนั้นก็ดื่มลงไปจนหมด
เซียวหลันยวนพอเห็นสีหน้าซือถูไป๋ชะงักไป ก็เหลือบมองดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่ง น้ำเสียงยิ่งจืดจางไปอีก"พระชายาของข้ามีจิตใจงาม ไม่คิดจะทำให้ใครเสียหน้าจึงหาเหตุผลมาอ้าง แต่ถ้าอยากให้ข้าพูดตรงๆ มันก็คือไม่อยากจะดื่มกับคนอื่นไม่ใช่หรือ?"พอเขาพูดออกมา สีหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เปลี่ยนไปแล้วต่งฮ่วนจือในใจก็อดขมขื่นขึ้นไม่ได้อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆคนอื่นเห็นสภาพจะร้องไห้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้จริงๆตอนนี้เอง เฉินฮ่าวจูก็ชูถ้วยสุรายืนขึ้นมาฮูหยินเฉินคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงยั้งไว้ไม่ทันนางทำได้แค่มองลูกสาวอย่างร้อนรน ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรเฉินฮ่าวจูสูดลมหายใจลึก นางไม่อยากให้อ๋องเจวี้ยนผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นี่คือต้าชื่อนะ ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นโกรธขึ้นมาจริงๆ อ๋องเจวี้ยนอาจจะตกอยู่ในอันตราย นางจะช่วยอ๋องเจวี้ยนเองเขาผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น จะต้องเป็นเพราะฟู่จาวหนิงหึงหวงแน่ๆ หึงหวงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ดังนั้นแค่สุราก็ยังไม่ยอมให้อ๋องเจวี้ยนได้ดื่มไม่รู้กาลเทศะนี่คือการประเมินต่อตัวฟู่จาวหน
"พวกท่านกินอิ่มแล้วหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตะลึงงันไป"ใช่ พวกเราขอตัวก่อน""พระชายาอ๋องเจวี้ยน...""องค์หญิงใหญ่ลองชิมอาหารนี้ดู นี่เป็นรสชาติของเมืองจี้เลยนะ เมืองหลวงจักรพรรดิทางนั้นไม่มีหรอก ไม่รู้ว่าท่านเลยกินแล้วหรือยัง"ผู้อาวุโสจี้เข้าขวางบทสนทนาของนางทันที ส่งสัญญาณให้สาวใช้วังของนางมาตักแบ่งสำรับ จากนั้นก็จงใจใช้คำพูดรังเกียจหน่อยๆ "ศิษย์น้องเล็กของข้าคนนี้กินข้าวไว ไม่ค่อยพิถีพิถัน อะไรที่ถูกปากก็จะกินอย่างอิ่มหนำสำราญ"แต่ตอนที่พูดคำพูดนี้น้ำเสียงของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูกินอย่างอิ่มหนำสำราญมีอะไรผิดกัน? หรือว่ามันเทียบกับพวกเขาที่กินกันอย่างมีพิธีรีตองแบบนั้น?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็อิจฉามาก นางเองก็อยากจะมีอิสระอย่างเต็มทีแบบฟู่จาวหนิงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายก็ยังมีอ๋องเจวี้ยนคอยคีบอาหารให้นางอยู่ตลอดอีกแต่นางนั้นไม่มีเลยคำพูดนี้ของผู้อาวุโสจี้เหมือนกำลังกระตุ้นนางถึงอย่างไรนางก็ถูกขวางไว้เช่นนี้แล้ว ก็ทำได้แค่มองเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงออกจากห้องอาหารไปเฉินฮ่าวจูเองก็มองแผ่นหลังพวกเขาตาแป๋วนางรวบรวมความกล้า แต่งหน้าอย่างตั้งใจ เดิมทีคิดว
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่