นางยังรู้สึกคาดหวังใบหน้าของเขาตอนที่ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ว่าใบหน้านั้นจะชวนหลงใหลแค่ไหนตอนนี้ยังมีแผลเป็นพิษอยู่อีกหน่อยหนึ่ง เขาก็ยังทำให้แม่นางน้อยเฉินฮ่าวจูคนนั้นหลงไปแล้ว ถ้าฟื้นฟูจนสมบูรณ์จริง ยังไม่รู้ว่าต้องทำแม่นางน้อยอกหักกันไปอีกกี่คนเซียวหลันยวนใจสั่นกึก "พอสิ้นปี ตอนที่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ข้าจะพาเจ้าไปยอดเขาโยวชิงสักครั้งหนึ่งเป็นอย่างไร?""ทำไม อยากให้ข้าไปดูสถานที่ที่ท่านอยู่มาสิบกว่าปีหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนอันที่จริงยังมีอีกหนึ่งความคิด แต่ตอนนี้เวลายังอีกนาน ยังไม่ได้เตรียมการละเอียดขนาดนั้นฟู่จาวหนิงพันผ้าทำแผลให้เขาอีกครั้ง ยื่นมือไปเกี่ยวคางเขา "สามีของข้านี่หล่อจริงๆ"นี่มัน...กำลังแหย่เขาอยู่หรือ?เซียวหลันยวนจิตใจสั่นสะท้าน ยื่นมือโอบเอวนางไว้ กำลังจะดึงนางมาในอ้อมกอด ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้นมา"นายท่าน แม่นางเฉินเข้ามาแล้ว"ชิงอีมองเฉินฮ่าวจูตรงหน้าเฉินฮ่าวจูบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับนายท่านพวกเขา เขาเดิมทีก็อยากจะถามว่าเรื่องอะไร เขาไปถ่ายทอดให้ก้พอ แต่พอคิดว่าวันนี้ตอนกลางวันเพิ่งได้รับของขวัญจากนางมา จึงให้นางรอสักครู่ ส่วนตนเองจึงมาเคา
"ข้ารู้ว่าท่านคือแม่นางฟู่ศิษย์น้องหญิงของลุงต่ง แต่ว่า แต่ว่าไม่ทราบคุณชายท่านนี้..."เฉินฮ่าวจูทำใจมาตลอดทาง พอเห็นโถงอาหารอยู่ไม่ไกลแล้ว นางจึงทนไม่ไหวอีก หมุนตัวกลับมายืนนิ่ง เหลือบมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นมาตรงๆ"เขาหรือ" ฟู่จาวหนิงยิ้ม "สามีของข้าเอง""อ๋า?"เฉินฮ่าวจูแม้จะเดาได้ว่านี่คือสามีของนาง แต่พอเจอการยืนยันเข้าจริง ในใจนางก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างนางมาช้าไปหรรือ?"เช่นนั้นฮ่าวจูควรจะเรียกอย่างไร?"พูดมาแล้วว่าเป็นสามีของนาง แล้วยังจะเรียกอีกหรือ? แม่นางคนนี้กล้าหาญดีจริงๆฟู่จาวหนิงเม้มปาก รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา"ท่านเซียวหก"ท่านเซียวหก?คำเรียกนี้มัน...เซียวหลันยวนดึงนางเข้ามาใกล้อย่างจนใจ เดินผ่านข้างตัวเฉินฮ่าวจู พูดมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "หากมีธุระ ก็บอกฮูหยินของข้า ไม่จำเป็นต้องพูดกับข้าหรอก"เขาไม่มีใจที่จะมารับมือกับแม่นางน้อยแบบนี้เลยจริงๆพอเห็นว่าผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือมาแล้ว พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องให้เฉินฮ่าวจูนำทางอีก เดนิตรงเข้าไปทันทีในห้องอาหารมีโต๊ะตัวใหญ่ นั่งได้ถึงสิบสองคน"จาวหนิง รีบมาเร็ว ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าวันนี้เต็มใจย
ต่งฮ่วนจืออุ้มไหสุราเข้ามา ด้านหลังมีฮูหยินเฉินตามมาด้วยฮูหยินเฉินพอเข้ามา ลมก็พัดเข้ามาจากด้านนอก นำกลิ่นหอมจรุงบนตัวนางเข้ามาด้วยความหอมนี้ไม่ใช่พวกถุงหอม แต่เป็นกลิ่นหอมชั้นสูงมากเฉินฮ่าวจูอยู่ข้างกายนางฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวฮูหยินเฉินฮูหยินเฉินคนนี้หน้าตาสะสวย หลักๆ คือบุคลิกภาพและรูปร่างดีมาก เฉินฮ่าวจูคิ้วตาดูคล้ายกับนาง แค่มองก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกกันและกระโปรงของนางก็ปักดอกไม้สีเงินเอาไว้ผืนหนึ่ง ดูเป็นเอกลักษณ์มาก ระหว่างที่เดินก็เหมือนมีคลื่นน้ำกำลังกระเพื่อม ทำเอาคนต้องจ้องกันไม่วางตาผู้อาวุโสจี้พอเห็นสองแม่ลูกเข้ามา ก็อดมองไปทางต่งฮ่วนจือไม่ได้ตอนกลางวันก็บอกไปแล้ว พอรับสองแม่ลูกนี้มาก็รับมาเสียสี่ปี ตอนนี้ทำไมยังพามาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงด้วย?"ข้าขอแนะนำสักนิด คนผู้นี้คือฮูหยินเฉินกับลูกสาวของนางฮ่าวจู งานเลี้ยงคืนนี้ เป็นฮูหยินเฉินที่เชิญพ่อครัวของเมืองจี้เพื่อมาจัดเลี้ยงต้อนรับท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงเป็นพิเศษ"ต่งฮ่วนจือไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะควร ฮูหยินเฉินเป็นคนที่ทำตัวดีไม่สร้างปัญหามาโดย ตลอดยิ่งไปกว่านั้นตัคนเองก็ยังอ่อนโยนและจิตใ
อ๋องเจวี้ยนที่ไม่สวมหน้ากาก!องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนแล้ว!ตอนนี้นางเห็นแค่แผ่นเล็กๆ แปะอยู่บนหน้าเท่านั้น แทบไม่ส่งผลกระทบกับใบหน้าของเขาเลยพอมองเช่นนี้ ความหล่อเหลานั่นก็ยิ่งทำให้จิตใจคนเคลิบเคลิ้มเมามายนางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่เล่าลือกัน บอกว่าหน้าเหมือนผีทำเอาเด็กน้อยร้องไห้อะไรนั่น โกหกทั้งเพ!นางมีโชคติดตัวจริงๆ คืนนี้เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะมาพันธมิตรโอสถ นางกับซือถูไป๋เตรียมจะไปหอสุราเพื่อทานอาหารเย็น แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอผ่านพันธมิตรโอสถ นางก็เกิดสนใจขึ้นมา ร้องให้หยุดรถม้า ในใจเกิดความอยากจะลงจากรถม้าแล้วเข้าไปทันทีและตามคาด ถ้าไม่เข้ามากะทันหัน นางจะได้เห็นใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนหรือ?ตอนนั้นยังเอาแต่คิดว่าใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนคงพังไปแล้ว และน่าจะน่ากลัวเอามากๆเซียวหลันยวนถูกสายตาร้อนแรงของนางจ้องมองจนต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยอาหารมื้อนี้เขารู้สึกเหมือนกินไม่ลงแล้วแต่เมื่อครู่เห็นท่าทีของฟู่จาวหนิง นางดูจะสนใจกับอาหารเหล่านี้มาก ดังนั้นเขาจึงต้องทนไปก่อน"คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะมาเมืองจี้ด้วย รีบนั่งเถิด" ต่งฮ่วนจือ
อ๋องเจวี้ยนแห่งแคว้นเจา!ท่านอ๋องที่สูงส่ง! สายตาของนางยอดเยี่ยมจริงๆ ชายหนุ่มที่ตกหลุมรักครั้งแรกเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน!หลังจากรู้ตัวตนฐานะของอ๋องเจวี้ยน นางก็ยิ่งไม่อยากยอมแพ้แล้ว!เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ท่านแม่ ข้า..."เฉินฮ่าวจูก้มหน้าต่ำ ดึงชายเสื้อของฮูหยินเฉิน"มีอะไรหรือ?"ฮูหยินเฉินยังคิดว่านางได้พบกับองค์หญิงใหญ่และท่านอ๋องจนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเฉินฮ่าวจูเดิมทีอยากจะถามออกไปคำหนึ่ง ว่านางไปเป็นสนมได้ไหม สนมของท่านอ๋อง น่าจะแตกต่างกับสนมทั่วไปกระมัง?แต่ลุงต่งก็นั่งอยู่ข้างๆ นางกลัวว่าจะถูกได้ยินเข้า จึงเม้มปากไม่พูดออกมาทว่าทางนั้น หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชูถ้วยสุราเอ่ยประโยคนั้นกับเซียวหลันยวน บรรยากาศบนโต๊ะก็แข็งทื่อไปในพริบตา ทุกคนล้วนตะลึงสงสัยสลับกันไปมา ไม่รู้ควรพูดอะไรดีเซียวหลันยวนมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนางเองก็ยังชูถ้วยสุราไม่ขยับ ราวกับว่าถ้าเขาไม่มีปฏิกิริยา นางก็จะชูถ้วยเอาไว้อย่างนั้นตลอด"เขาตอนนี้ไม่เหมาะจะดื่มสุราน่ะ ถ้าองค์หญิงใหญ่อยากดื่ม ข้าจะดื่มกับท่านสักถ้วยเอง"ฟู่จาวหนิงชูถ้วยสุราขึ้น จากนั้นก็ดื่มลงไปจนหมด
เซียวหลันยวนพอเห็นสีหน้าซือถูไป๋ชะงักไป ก็เหลือบมองดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่ง น้ำเสียงยิ่งจืดจางไปอีก"พระชายาของข้ามีจิตใจงาม ไม่คิดจะทำให้ใครเสียหน้าจึงหาเหตุผลมาอ้าง แต่ถ้าอยากให้ข้าพูดตรงๆ มันก็คือไม่อยากจะดื่มกับคนอื่นไม่ใช่หรือ?"พอเขาพูดออกมา สีหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เปลี่ยนไปแล้วต่งฮ่วนจือในใจก็อดขมขื่นขึ้นไม่ได้อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆคนอื่นเห็นสภาพจะร้องไห้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้จริงๆตอนนี้เอง เฉินฮ่าวจูก็ชูถ้วยสุรายืนขึ้นมาฮูหยินเฉินคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงยั้งไว้ไม่ทันนางทำได้แค่มองลูกสาวอย่างร้อนรน ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรเฉินฮ่าวจูสูดลมหายใจลึก นางไม่อยากให้อ๋องเจวี้ยนผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นี่คือต้าชื่อนะ ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นโกรธขึ้นมาจริงๆ อ๋องเจวี้ยนอาจจะตกอยู่ในอันตราย นางจะช่วยอ๋องเจวี้ยนเองเขาผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น จะต้องเป็นเพราะฟู่จาวหนิงหึงหวงแน่ๆ หึงหวงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ดังนั้นแค่สุราก็ยังไม่ยอมให้อ๋องเจวี้ยนได้ดื่มไม่รู้กาลเทศะนี่คือการประเมินต่อตัวฟู่จาวหน
"พวกท่านกินอิ่มแล้วหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตะลึงงันไป"ใช่ พวกเราขอตัวก่อน""พระชายาอ๋องเจวี้ยน...""องค์หญิงใหญ่ลองชิมอาหารนี้ดู นี่เป็นรสชาติของเมืองจี้เลยนะ เมืองหลวงจักรพรรดิทางนั้นไม่มีหรอก ไม่รู้ว่าท่านเลยกินแล้วหรือยัง"ผู้อาวุโสจี้เข้าขวางบทสนทนาของนางทันที ส่งสัญญาณให้สาวใช้วังของนางมาตักแบ่งสำรับ จากนั้นก็จงใจใช้คำพูดรังเกียจหน่อยๆ "ศิษย์น้องเล็กของข้าคนนี้กินข้าวไว ไม่ค่อยพิถีพิถัน อะไรที่ถูกปากก็จะกินอย่างอิ่มหนำสำราญ"แต่ตอนที่พูดคำพูดนี้น้ำเสียงของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูกินอย่างอิ่มหนำสำราญมีอะไรผิดกัน? หรือว่ามันเทียบกับพวกเขาที่กินกันอย่างมีพิธีรีตองแบบนั้น?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็อิจฉามาก นางเองก็อยากจะมีอิสระอย่างเต็มทีแบบฟู่จาวหนิงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายก็ยังมีอ๋องเจวี้ยนคอยคีบอาหารให้นางอยู่ตลอดอีกแต่นางนั้นไม่มีเลยคำพูดนี้ของผู้อาวุโสจี้เหมือนกำลังกระตุ้นนางถึงอย่างไรนางก็ถูกขวางไว้เช่นนี้แล้ว ก็ทำได้แค่มองเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงออกจากห้องอาหารไปเฉินฮ่าวจูเองก็มองแผ่นหลังพวกเขาตาแป๋วนางรวบรวมความกล้า แต่งหน้าอย่างตั้งใจ เดิมทีคิดว
อิ๋นสั่วตัดสินใจออกมานางไม่อยากให้องค์หญิงใหญ่ของนางต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ถ้าหากองค์หญิงใหญ่อยากจะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนจริงๆ นางก็อยากจะหาวิธีแยกอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงออกจากกัน"องค์หญิงใหญ่ ข้าน้อยเพิ่งพูดไป อ๋องเจวี้ยนตอนนี้ในใจมีแต่ฟู่จาวหนิง แต่ถ้าหากฟู่จาวหนิงกลายเป็นตัวตนฐานะอื่นล่ะ?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นใจเต้นผาง"นางยังจะมีตัวตนฐานะอื่นได้อีกหรือ?""ฝ่าบาทชอบหญิงสาวหน้าตาสะสวยและมีความสามารถมาแต่ไหนแต่ไร" อิ๋นสั่วกดเสียงต่อ คำพูดนี้พูดออกมาอย่างมีนัยยะแฝงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึง สายตาที่มองอิ๋นสั่วเริ่มสับสนขึ้นมา"อย่างนั้นไม่ได้นะ...""องค์หญิงใหญ่ ท่านมองออกไหมว่าแม่นางฟู่คนนั้นยังมีร่างกายที่บริสุทธิ์หรือเปล่า?"อิ๋นสั่วแม้จะเป็นหญิงสาวที่โตแล้ว แต่หลังจากนางถูกมองว่าเป็นคนข้างกายองค์หญิงใหญ่ก็ฝึกฝนตัวตนฐานะนางกำนัลอาวุโสมาแล้ว ตัวตนฐานะอย่างนางกับเฉินเซียง เรื่องที่เรียนรู้มามีมากมาย"อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงตอนที่อยู่ด้วยกัน ร่างกายของทั้งสองคนไม่ได้ใกล้ชิดกันอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนคนที่เคยมีความสัมพันธ์อย่างหวานชื่น ตอนที่ฟู่จาวหนิงเดินเหินก็ยังเป็นท่าทางข
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้