อ๋องเจวี้ยนแห่งแคว้นเจา!ท่านอ๋องที่สูงส่ง! สายตาของนางยอดเยี่ยมจริงๆ ชายหนุ่มที่ตกหลุมรักครั้งแรกเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน!หลังจากรู้ตัวตนฐานะของอ๋องเจวี้ยน นางก็ยิ่งไม่อยากยอมแพ้แล้ว!เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ท่านแม่ ข้า..."เฉินฮ่าวจูก้มหน้าต่ำ ดึงชายเสื้อของฮูหยินเฉิน"มีอะไรหรือ?"ฮูหยินเฉินยังคิดว่านางได้พบกับองค์หญิงใหญ่และท่านอ๋องจนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเฉินฮ่าวจูเดิมทีอยากจะถามออกไปคำหนึ่ง ว่านางไปเป็นสนมได้ไหม สนมของท่านอ๋อง น่าจะแตกต่างกับสนมทั่วไปกระมัง?แต่ลุงต่งก็นั่งอยู่ข้างๆ นางกลัวว่าจะถูกได้ยินเข้า จึงเม้มปากไม่พูดออกมาทว่าทางนั้น หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชูถ้วยสุราเอ่ยประโยคนั้นกับเซียวหลันยวน บรรยากาศบนโต๊ะก็แข็งทื่อไปในพริบตา ทุกคนล้วนตะลึงสงสัยสลับกันไปมา ไม่รู้ควรพูดอะไรดีเซียวหลันยวนมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนางเองก็ยังชูถ้วยสุราไม่ขยับ ราวกับว่าถ้าเขาไม่มีปฏิกิริยา นางก็จะชูถ้วยเอาไว้อย่างนั้นตลอด"เขาตอนนี้ไม่เหมาะจะดื่มสุราน่ะ ถ้าองค์หญิงใหญ่อยากดื่ม ข้าจะดื่มกับท่านสักถ้วยเอง"ฟู่จาวหนิงชูถ้วยสุราขึ้น จากนั้นก็ดื่มลงไปจนหมด
เซียวหลันยวนพอเห็นสีหน้าซือถูไป๋ชะงักไป ก็เหลือบมองดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่ง น้ำเสียงยิ่งจืดจางไปอีก"พระชายาของข้ามีจิตใจงาม ไม่คิดจะทำให้ใครเสียหน้าจึงหาเหตุผลมาอ้าง แต่ถ้าอยากให้ข้าพูดตรงๆ มันก็คือไม่อยากจะดื่มกับคนอื่นไม่ใช่หรือ?"พอเขาพูดออกมา สีหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เปลี่ยนไปแล้วต่งฮ่วนจือในใจก็อดขมขื่นขึ้นไม่ได้อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆคนอื่นเห็นสภาพจะร้องไห้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้จริงๆตอนนี้เอง เฉินฮ่าวจูก็ชูถ้วยสุรายืนขึ้นมาฮูหยินเฉินคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงยั้งไว้ไม่ทันนางทำได้แค่มองลูกสาวอย่างร้อนรน ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรเฉินฮ่าวจูสูดลมหายใจลึก นางไม่อยากให้อ๋องเจวี้ยนผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นี่คือต้าชื่อนะ ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นโกรธขึ้นมาจริงๆ อ๋องเจวี้ยนอาจจะตกอยู่ในอันตราย นางจะช่วยอ๋องเจวี้ยนเองเขาผิดใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น จะต้องเป็นเพราะฟู่จาวหนิงหึงหวงแน่ๆ หึงหวงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ดังนั้นแค่สุราก็ยังไม่ยอมให้อ๋องเจวี้ยนได้ดื่มไม่รู้กาลเทศะนี่คือการประเมินต่อตัวฟู่จาวหน
"พวกท่านกินอิ่มแล้วหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตะลึงงันไป"ใช่ พวกเราขอตัวก่อน""พระชายาอ๋องเจวี้ยน...""องค์หญิงใหญ่ลองชิมอาหารนี้ดู นี่เป็นรสชาติของเมืองจี้เลยนะ เมืองหลวงจักรพรรดิทางนั้นไม่มีหรอก ไม่รู้ว่าท่านเลยกินแล้วหรือยัง"ผู้อาวุโสจี้เข้าขวางบทสนทนาของนางทันที ส่งสัญญาณให้สาวใช้วังของนางมาตักแบ่งสำรับ จากนั้นก็จงใจใช้คำพูดรังเกียจหน่อยๆ "ศิษย์น้องเล็กของข้าคนนี้กินข้าวไว ไม่ค่อยพิถีพิถัน อะไรที่ถูกปากก็จะกินอย่างอิ่มหนำสำราญ"แต่ตอนที่พูดคำพูดนี้น้ำเสียงของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูกินอย่างอิ่มหนำสำราญมีอะไรผิดกัน? หรือว่ามันเทียบกับพวกเขาที่กินกันอย่างมีพิธีรีตองแบบนั้น?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็อิจฉามาก นางเองก็อยากจะมีอิสระอย่างเต็มทีแบบฟู่จาวหนิงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายก็ยังมีอ๋องเจวี้ยนคอยคีบอาหารให้นางอยู่ตลอดอีกแต่นางนั้นไม่มีเลยคำพูดนี้ของผู้อาวุโสจี้เหมือนกำลังกระตุ้นนางถึงอย่างไรนางก็ถูกขวางไว้เช่นนี้แล้ว ก็ทำได้แค่มองเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงออกจากห้องอาหารไปเฉินฮ่าวจูเองก็มองแผ่นหลังพวกเขาตาแป๋วนางรวบรวมความกล้า แต่งหน้าอย่างตั้งใจ เดิมทีคิดว
อิ๋นสั่วตัดสินใจออกมานางไม่อยากให้องค์หญิงใหญ่ของนางต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ถ้าหากองค์หญิงใหญ่อยากจะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนจริงๆ นางก็อยากจะหาวิธีแยกอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงออกจากกัน"องค์หญิงใหญ่ ข้าน้อยเพิ่งพูดไป อ๋องเจวี้ยนตอนนี้ในใจมีแต่ฟู่จาวหนิง แต่ถ้าหากฟู่จาวหนิงกลายเป็นตัวตนฐานะอื่นล่ะ?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นใจเต้นผาง"นางยังจะมีตัวตนฐานะอื่นได้อีกหรือ?""ฝ่าบาทชอบหญิงสาวหน้าตาสะสวยและมีความสามารถมาแต่ไหนแต่ไร" อิ๋นสั่วกดเสียงต่อ คำพูดนี้พูดออกมาอย่างมีนัยยะแฝงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึง สายตาที่มองอิ๋นสั่วเริ่มสับสนขึ้นมา"อย่างนั้นไม่ได้นะ...""องค์หญิงใหญ่ ท่านมองออกไหมว่าแม่นางฟู่คนนั้นยังมีร่างกายที่บริสุทธิ์หรือเปล่า?"อิ๋นสั่วแม้จะเป็นหญิงสาวที่โตแล้ว แต่หลังจากนางถูกมองว่าเป็นคนข้างกายองค์หญิงใหญ่ก็ฝึกฝนตัวตนฐานะนางกำนัลอาวุโสมาแล้ว ตัวตนฐานะอย่างนางกับเฉินเซียง เรื่องที่เรียนรู้มามีมากมาย"อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงตอนที่อยู่ด้วยกัน ร่างกายของทั้งสองคนไม่ได้ใกล้ชิดกันอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนคนที่เคยมีความสัมพันธ์อย่างหวานชื่น ตอนที่ฟู่จาวหนิงเดินเหินก็ยังเป็นท่าทางข
ตอนแรกที่นางแต่งงานกับเซียวหลันยวน ก็เป็นเช่นนี้จริงๆดังนั้นที่อิ๋นสั่ววิเคราะห์มานั้นถูกต้ององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าอิ๋นสั่วพูดมามีเหตุผล"เพียงแต่ว่า อ๋องเจวี้ยนตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรข้าเลย""นั่นก็เป็นไปได้มากกว่าเพราะเขาเป็นคนที่รักษาคำสัญญา เขากับแม่นางฟู่มีการแลกเปลี่ยนกัน แน่นอนว่าต้องฟังแม่นางฟู่ ต้องเว้นระยะห่างกับหญิงสาวคนอื่น"อิ๋นสั่วพยายามเตือนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "แต่ถ้าหากแม่นางฟู่ผิดสัญญาการแลกเปลี่ยนของพวกเขาขึ้นก่อนล่ะ เช่นนั้นอ๋องเจวี้ยนก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาอีกต่อไป ถึงตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ท่านก็เข้าไปปลอบโยนอ๋องเจวี้ยน เป็นไปได้มากกว่าอาจจะทำให้ใจเขาหวั่นไหวได้"ฟังนางพูดเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่พูดอะไรต่อแล้วเพราะนางเข้าใจความหมายของอิ๋นสั่วถ้าส่งฟู่จาวหนิงเข้าวังได้ ส่งนางไปตรงหน้าองค์จักรพรรดิ ให้องค์จักรพรรดิเห็นฟู่จาวหนิงที่งามขนาดนั้น จากนั้นก็อวดอ้างวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงให้ยิ่งวิเศษมหัศจรรย์ วิชาแพทย์บวกกับความงาม สิ่งนี้ทำต้องทำให้องค์จักรพรรดิสนใจอย่างมาก และไม่มีทางปล่อยนางไปแน่!ขอแค่ฟู่จาวหนิงเข้าตาองค์จักรพรรดิ อ๋องเจวี
คนตระกูลซุนจากแคว้นหมิ่นแน่นอนว่าพักกันอยู่ที่นี่และวันนี้ หมอเทวดาหลี่จากแคว้นเจาก็มาถึงแล้วนอกจากหมอเทวดาหลี่ หมอเทวดาอันที่มีชื่อเสียงวิชาแพทย์ลือกระฉ่อนทางเจียงหนานแคว้นเจาก็มาถึงด้วยเช่นกัน เขาทั้งสองคนเจอกันกลางทางจึงรวมกลุ่มมาด้วยกันอันที่จริงถึงอย่างไรก็ไปทางเดียวกัน ความเร็วในการเดินจึงใกล้เคียงกัน ไม่รวมกลุ่มก็เหมือนรวมกลุ่มอยู่ดีพอมาถึงเมืองจี้ หมอเทวดาหลี่และหมอเทวดาอันก็ล้วนเข้าไปพักในหอวัฒนธรรมเดิมทีหมอเทวดาหลี่เวลาอยู่ต่อหน้าหมอเทวดาอันก็มีท่าทีสูงส่งอยู่ ถึงอย่างไรเขาก็เข้าไปอยู่ถึงในเมืองหลวงได้ เป็นคนดังต่อหน้าองค์จักรพรรดิ ตอนเข้าออกวังจักรพรรดิ คนทีคบค้าด้วยก็ล้วนเป็นเหล่าราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงก่อนหน้านี้หมอเทวดาหลี่ก็แอบเหยียบหน้าหมอเทวดาอันอยู่ไม่น้อยแต่ครั้งนี้พอเจอเข้ากับหมอเทวดาอัน ท่าทีของหมอเทวดาหลี่ก็กดลงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เวลาพูดจาก็เอาแต่เรียกท่านหลี่อย่างนั้นท่านหลี่อย่างนี้ ศิษย์น้องอย่างนั้นศิษย์น้องอย่างนี้ทำเอาหมอเทวดาหลี่ยังงงงันไปหมอเทวดาอันอยู่ที่เจียงหนาน ในบ้านเดิมทีก็ร่ำรวยอยู่แล้ว หลังจากชื่อเสียงของหมอเทวดาลือออกไป ก็มีขุนนางผ
"บ้านนั้นเป็นใครกันหรือ?" ฟู่จาวหนิงไม่รู้จักครอบครัวของหมอเทวดาอัน"อันฉิน หมอเทวดาแห่งหนานเจียง ข้างๆ เขาคือลูกชายอันหลี่ และยังมีหลานชายอันหราน" สืออีแนะนำให้นางเสียงต่ำในเมื่อเป็นคนแคว้นเจา แล้วยังมีชื่อเสียงอีก เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเคยตรวจสอบไปแล้ว"นี่เป็นครอบครัวที่คนทั้งสามรุ่นล้วนเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินก็ตกใจดูแล้วน่าจะให้ความสำคัญกับงานประชุมหมอใหญ่จริงๆ"งานประชุมหมอใหญ่ครั้งนี้ตอนท้ายสุดจะจัดการประชุมครั้งหนึ่ง" ไป๋หู่พูดสิ่งที่เขาไปหาข้อมูลมา ก็น่าจะประมาณว่าคนที่มีชื่อที่สุดในวงการแพทย์นำเอารายชื่อคนที่อยากจะเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่ออกมาดูรอบหนึ่ง หารือกันว่าคนไหนสามารถเป็นสมาชิกใหม่ และคนกลุ่มไหนที่ไม่มีคุณสมบัติ"สืออีเอ่ยต่อมาอีก "แล้วก็ถ้ามีหมอจากสมาคมหมอใหญ่ ถ้าหากสองปีนี้ไปละเมิดเรื่องอะไรที่ผิดกฏของสมาคมหมอใหญ่ ก็จะหารือกันว่าควรจะเตะคนๆ นั้นออกไปไหม ปลดป้ายอนุญาตหมอออก"ฟู่จาวหนิงฟังเข้าใจแล้วก็ดูเหมือนกับการประชุมหมอนั่นล่ะดูเหมือนสมาคมหมอใหญ่จะมีรายชื่อสมาชิกอยู่ชุดหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นทุกรอบจัดยังสามารถรับสมาชิกใหม่มาได้"คุณหนู
ฟู่จาวหนิงพอเห็นทุกคนได้ยินชื่ออันฉินก็รู้จักกัน จึงเข้าใจที่ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนพูดว่าชื่อเสียงของเขายังไม่โด่งดังนั้นหมายถึงอะไรก็คือยังไม่ได้โด่งดังไปทั้งใต้หล้า น่าจะมีชื่อแค่ในวงแคบๆ เท่านั้นไม่เหมือนกับหมอเทวดาอัน ที่ห่างไกลนับพันลี้ตั้งแต่เจียงหนานแคว้นเจาจนมาถึงเมืองจี้ในต้าชื่อ แค่พูดชื่อก็มีคนรู้จักแต่พอมองหน้าตาของหมอเทวดาอันที่มีเคราขาว นางก็ยอมรับแล้วคนเขาอายุตั้งขนาดนี้แล้ว ดูมีท่าทางแบบเซียนผู้วิเศษด้วย พอบอกว่าเป็นหมอเทวดา ยังดูมีแรงกล่อมมากกว่าแม่นางที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบอย่างนางเสียด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะเป็นหมอมากว่าครึ่งชีวิตแล้วด้วยนางเองก็ไม่ใช่คนที่อิจฉาริษยาต่อชื่อเสียง ก็แค่รู้สึกขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นดูท่าต้องรอให้นางมีชื่อเสียงโด่งดังเสียก่อน ตอนที่เดินไปไหนแล้วมีแต่คนรู้จัก พวกคนทรงอำนาจถึงจะเคารพนางอย่างจริงใจ และไม่กล้ามากดขี่รังแกอีกถึงตอนนั้นนางถึงจะถือว่าตนเองมีเส้นสายตอนนี้ยังเร็วเกินไปฟู่จาวหนิงไม่เคยคิดจะพึ่งพาเซียวหลันยวนมาก่อน ตัวตนฐานะอย่างพระชายาอ๋องเจวี้ยน จะมีความสัมพันธ์แค่สามีภรรยาไม่ได้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร ท้ายสุ