"บ้านนั้นเป็นใครกันหรือ?" ฟู่จาวหนิงไม่รู้จักครอบครัวของหมอเทวดาอัน"อันฉิน หมอเทวดาแห่งหนานเจียง ข้างๆ เขาคือลูกชายอันหลี่ และยังมีหลานชายอันหราน" สืออีแนะนำให้นางเสียงต่ำในเมื่อเป็นคนแคว้นเจา แล้วยังมีชื่อเสียงอีก เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเคยตรวจสอบไปแล้ว"นี่เป็นครอบครัวที่คนทั้งสามรุ่นล้วนเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินก็ตกใจดูแล้วน่าจะให้ความสำคัญกับงานประชุมหมอใหญ่จริงๆ"งานประชุมหมอใหญ่ครั้งนี้ตอนท้ายสุดจะจัดการประชุมครั้งหนึ่ง" ไป๋หู่พูดสิ่งที่เขาไปหาข้อมูลมา ก็น่าจะประมาณว่าคนที่มีชื่อที่สุดในวงการแพทย์นำเอารายชื่อคนที่อยากจะเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่ออกมาดูรอบหนึ่ง หารือกันว่าคนไหนสามารถเป็นสมาชิกใหม่ และคนกลุ่มไหนที่ไม่มีคุณสมบัติ"สืออีเอ่ยต่อมาอีก "แล้วก็ถ้ามีหมอจากสมาคมหมอใหญ่ ถ้าหากสองปีนี้ไปละเมิดเรื่องอะไรที่ผิดกฏของสมาคมหมอใหญ่ ก็จะหารือกันว่าควรจะเตะคนๆ นั้นออกไปไหม ปลดป้ายอนุญาตหมอออก"ฟู่จาวหนิงฟังเข้าใจแล้วก็ดูเหมือนกับการประชุมหมอนั่นล่ะดูเหมือนสมาคมหมอใหญ่จะมีรายชื่อสมาชิกอยู่ชุดหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นทุกรอบจัดยังสามารถรับสมาชิกใหม่มาได้"คุณหนู
ฟู่จาวหนิงพอเห็นทุกคนได้ยินชื่ออันฉินก็รู้จักกัน จึงเข้าใจที่ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนพูดว่าชื่อเสียงของเขายังไม่โด่งดังนั้นหมายถึงอะไรก็คือยังไม่ได้โด่งดังไปทั้งใต้หล้า น่าจะมีชื่อแค่ในวงแคบๆ เท่านั้นไม่เหมือนกับหมอเทวดาอัน ที่ห่างไกลนับพันลี้ตั้งแต่เจียงหนานแคว้นเจาจนมาถึงเมืองจี้ในต้าชื่อ แค่พูดชื่อก็มีคนรู้จักแต่พอมองหน้าตาของหมอเทวดาอันที่มีเคราขาว นางก็ยอมรับแล้วคนเขาอายุตั้งขนาดนี้แล้ว ดูมีท่าทางแบบเซียนผู้วิเศษด้วย พอบอกว่าเป็นหมอเทวดา ยังดูมีแรงกล่อมมากกว่าแม่นางที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบอย่างนางเสียด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะเป็นหมอมากว่าครึ่งชีวิตแล้วด้วยนางเองก็ไม่ใช่คนที่อิจฉาริษยาต่อชื่อเสียง ก็แค่รู้สึกขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นดูท่าต้องรอให้นางมีชื่อเสียงโด่งดังเสียก่อน ตอนที่เดินไปไหนแล้วมีแต่คนรู้จัก พวกคนทรงอำนาจถึงจะเคารพนางอย่างจริงใจ และไม่กล้ามากดขี่รังแกอีกถึงตอนนั้นนางถึงจะถือว่าตนเองมีเส้นสายตอนนี้ยังเร็วเกินไปฟู่จาวหนิงไม่เคยคิดจะพึ่งพาเซียวหลันยวนมาก่อน ตัวตนฐานะอย่างพระชายาอ๋องเจวี้ยน จะมีความสัมพันธ์แค่สามีภรรยาไม่ได้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร ท้ายสุ
เขาไม่ได้มองฟู่จาวหนิง เพราะความสนใจอยู่บนตัวชายชราคนนั้น"นายท่านเจิ้งกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า?" ข้างๆ มีคนคาดเดาขึ้นเสียงแผ่วหมอเทวดาหลี่พอได้ยินคำว่านายท่านเจิ้ง ดวงตาก็เปล่งประกายก่อนที่จะมาเขาหาข่าวไว้แล้ว ตระกูลเจิ้งของเมืองจี้ มีความสัมพันธ์ทางการแต่งงานกับขุนพลแข็งแกร่งที่ประจำการในชายแดนทางเหนือของแคว้นเจาอยู่ฮูหยินรองของขุนพลใหญ่คนนั้น คือลูกสาวของตระกูลเจิ้งเมืองจี้ตระกูลเจิ้ง เป็นเศรษฐีต้นๆ ของเมืองจี้ถ้าเขาสามารถเกาะตระกูลเจิ้งได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกินดื่มแล้ว ตระกูลเจิ้งแค่ปลายเล็บร่วงลงมาก็ทำให้เขากินดีอยู่ดีได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกข้อดีหนึ่ง เขาก็จะได้รับการคุ้มครองจากขุนพลคนนั้นด้วยถึงอย่างไรเขาก็แทบจะอยู่ในเมืองหลวงไมม่ได้แล้ว ครั้งนี้ที่ออกมา หมอเทวดาหลี่ก็คิดจะเลือกสถานที่ใหม่แล้วลงหลักปักฐาน หลังจากนี้ค่อยสะสมชื่อเสียงเงินทองขึ้นมาใหม่ถ้าสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับนายท่านเจิ้งได้ ก็อยู่ในเมืองจี้ได้ หากได้รับสิ่งยืนยันจากเขา จะไปเข้าหากับแม่ทัพลูกเขยรองของตระกูลเจิ้งที่ทางเหนือก็ยังได้ชั่วขณะนี้ หมอเทวดาหลี่คิดไปไม่น้อยเลย ในใจตัดสินใจแล้ว จ
เข็มในมือหมอเทวดาหลี่กำลังจะปักลงไปที่หน้าอกนายท่านเจิ้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา "ข้าคิดว่าตอนนี้ทางที่ดีให้นายท่านเจิ้งอาเจียนออกมาให้หมดดีกว่า"เสียงกังวาล แจ่มชัดอย่างมากเอ๋? คำพูดนี้พูดได้ถูกต้อง!หมอเทวดาอันประหลาดใจ หันมองไปทางที่มาของเสียงทันทีจานั้นเขาจึงเห็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยไร้เทียมทานคนหนึ่งคำพูดนี้นางเป็นคนพูดหรือ?หมอเทวดาหลี่มือแข็งไป เขาฟังเสียงนี้แล้วคุ้นหูมาก!ไม่หรอกมั๊งไม่ใช่หรอก? เขาจะซวยขนาดนี้เลยหรือ ถึงต้องมามาเจอกับเจ้าเด็กเมื่อวานซืนอย่างฟู่จาวหนิงเวลานี้?!"ใช่ๆๆ แม่นางคนนี้พูดถูก สหายหลี่ ให้นายท่านเจิ้งอาเจียนออกมาให้หมดจะดีกว่า"หมอเทวดาอันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เดิมทีเขาก็จะพูดประโยคนี้ออกมา ตอนนี้มีคนพูดแทนเขาแล้ว เขาเองก็ลิงโลดขึ้นมา รีบพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วยคนตระกูลเจิ้งพอได้ยินคำนี้ จึงมองไปทางฟู่จาวหนิงหน้าตาของฟู่จาวหนิง บางครั้งก็ทำให้คนรู้สึกถูกความสวยเข้าคุกคาม ดังนั้นพวกเขาจึงตะลึงงันไปแล้ว"นายท่านเจิ้งคนนี้เหมือนกินอะไรผิดสำแดงเข้าไป ถ้าสามารถให้ทำให้อาเจียนออกมาให้หมดจะดีที่สุด" ฟู่จาวหนิงเดินออกมาก้าวหนึ่ง เดินข้ามาจากในกลุ
หมอเทวดาหลี่อยู่ที่นี่ นางกับหมอเทวดาหลี่ไม่ลงรอยกัน พูดได้ว่ามีความแค้นกันอยู่ แต่ถ้าจะต้องไปหาเรื่องหมอเทวดาหลี่ นางเองก็ขี้เกียจ แต่ในเมื่อมาเจอกันแล้ว ก็ถือโอกาสเล่นงานเขาเสียหน่อยแล้วกันและก็มีคนคนหนึ่งกำลังจะขึ้นชั้นบน แล้วเจอกับเรื่องน่าสนุกนี้พอดี จึงหยุดเท้าลงมา"ผู้เฒ่ารอง ดูท่าจะมีคนป่วยนะ""นั่นมันหมอเทวดาอันกับหมอเทวดาหลี่นี่ สองคนนี้มาจากแคว้นเจา"ซุนฉงหมิงเองก็เห็นคนเหล่านั้นแล้ว แต่เพียงไม่นานก็หมุนสายตากลับ ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก"ขึ้นไปเถอะ คนป่วยที่มาจากเมืองหมานทางนั้นถึงจะเป็นสิ่งที่พวกเราต้องค้นคว้า อย่าลืมเป้าหมายที่พวกเรามาที่นี่"ซุนฉงหมิงพากลุ่มคนขึ้นชั้นบนไปและพวกของฟู่จาวหนิงก็ตามคนของตระกูลเจิ้งไปยังห้องหนึ่งที่เรือนหลังนายท่านเจิ้งเองก็ถูกจัดการจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว"ขอเชิญหมอเทวดาทั้งสามตรวจอาการนายท่านของพวกเราอย่างละเอียดอีกครั้งด้วย" คนจากตระกูลเจิ้งมองฟู่จาวหนิง และก็เชิญนางเข้าไปด้วยหมอเทวดาหลี่เหลือบมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง อดร้องเชอะเย็นชาขึ้นมาไม่ได้"ในเมื่อพวกเจ้าขนาดหญิงสาวขนเหลืองแบบนี้ก็ยังมองเป็นหมอเทวดา เช่นนั้นก็ให้นางรักษาให้นายท่
"อ๋องเจวี้ยน?"คนที่นี่ล้วนมองฟู่จาวหนิงอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็มองหมอเทวดาหลี่แต่คนของตระกูลเจิ้งกลับไม่ค่อยสบายใจนักนายท่านของพวกเขาตอนนี้ยังนอนหน้าซีดอยู่เลยนะ หมอเทวดาหลี่ทำไมถึงเอาแต่นอกเรื่องอยู่เรื่อย?"น้องหลี่ เราให้แม่นางฟู่จับชีพจรก่อนแล้วค่อยคุยกันดีไหม?" หมอเทวดาอันก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้เช่นกันพ่อลูกอันหลี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ได้เข้ามา คนล้อมมากเกินไปไม่ดีกับผู้ป่วยแต่พวกเขาได้ยินหมอเทวดาหลี่เอ่ยถึงอ๋องเจวี้ยน พ่อลูกทั้งสองคนจึงสบตากัน สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยหมอเทวดาหลี่เดิมทียังคิดจะพูดต่อ แต่หมอเทวดาอันก็ยืนอยู่ข้างฟู่จาวหนิงแล้ว จะอย่างไรเขาก็ต้องไว้หน้าหมอเทวดาอันบ้าง จึงทำเอาไว้ก่อนฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา จับชีพจร จากนั้นก็บีบเปิดปากของนายท่านเจิ้งออกดู จากนั้นก็มองไปทางดวงตาเขา ถามคนตระกูลเจิ้งว่า"วันนี้เขากินเห็ดอะไรลงไป?"คนตระกูลเจิ้งพอเห็นนางถามจุดนี้ ก็ล้วนประหลาดใจกัน รีบร้อนพยักหน้า"ใช่ๆๆ นายท่านของพวกเรากินเห็ดไปหลายชนิด ครั้งนี้ได้เห็ดสีแดงที่ไม่เคยกินมาชนิดหนึ่ง จึงกินเข้าไปมากหน่อย""เห็ดนั้นน่าจะมีพิษ ยังดีที่เขาอาเจียนออกมา ตอนนี้กินยาล้า
ฝั่งตรงข้ามก็เป็นโรงยาทงฝูพอดี เพียงไม่นานก็จัดยาเสร็จหมอเทวดาหลี่พอเห็นพวกเขาเชื่อฟู่จาวหนิงจริงๆ ตำรับยานั้นก็ไม่ให้หมอเทวดาอันอ่านก่อนด้วยซ้ำ จึงรู้ว่าตนเองตอนนี้อยู่บนเรือลำเดียวกับตระกูลเจิ้งไม่ได้แล้ว จึงสะบัดชายเสื้อชักสีหน้าปั้นยากเดินออกไปฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา หันไปกำชับกับคนตระกูลเจิ้งอีกสองสามเรื่อง จึงได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านหน้าอีกครั้ง"แม่นางฟู่ ขอเชิญท่านไปที่จวนของเราหน่อยได้ไหม ไปดูฮูหยินกับนายน้อย?"ฟู่จาวหนิงเดิมทีไม่คิดจะไป นางเองก็มาเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่นะ แต่พอคิดว่าการกินเห็ดจนติดพิษเองก็เป็นได้ทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก ร่างกายแตกต่างกัน ปริมาณการกินก็แตกต่างกัน สถานการณ์ของโรคก็อาจจะแตกต่างกันไปด้วย"บ้านตระกูลเจิ้งอยู่ห่างไปมากไหม?" นางถาม"ไม่ไกล เพราะอย่างนี้พวกเราจึงแบกนายท่านมาหาได้ทันที""ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเสียรอบหนึ่งแล้วกัน หมอเทวดาอันท่าน...""ไม่นางฟู่ไปก็พอ พวกเราจะขึ้นไปดูที่ชั้นบนก่อน เอาไว้ค่อยเจอกัน"ฟู่จาวหนิงจึงไปกับคนของตระกูลเจิ้งหมอเทวดาอันมองชายหนุ่มร่างใหญ่หลายคนเดินตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิง ก็อดถอนใจเบาขึ้นมาไม่ได้อั
นายท่านเจิ้งพอได้ยินหน้าก็เปลี่ยนสี แทบจะทรุดลงกับพื้น คนใช้ตระกูลเจิ้งรีบเข้ามาประคองเขา"เกิดอะไรขึ้นกัน?"ฮูหยินเจิ้งเองก็รีบคว้าข้อมือลูกชายไว้ "ข้ากับลูกชายไม่ได้ติดพิษแค่ชนิดเดียวหรือ?"นายน้อยเจิ้งดูอายุราวสิบหกสิบเจ็ด เมื่อครู่ยังแอบมองฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด ตอนนี้พอได้ยินคำพูดนี้ ใจเขาก็สั่นคร้าม ไม่สนเรื่องหลงใหลใบหน้าฟู่จาวหนิงอีกแล้ว"พวกเราไม่ได้ติดพิษจากเห็ดแดงแบบพ่อของข้าหรือ?"พอสิ้นเสียง เขาก็รู้สึกปวดขึ้นที่ท้อง เจ็บจนเขากรีดร้องขึ้นในทันที โค้งตัวงอลงไป"เจ็บจะตายอยู่แล้ว....""อี้เอ๋อร์!" ฮูหยินเจิ้งร้องขึ้นมา แต่ท้องของนางเองก็ปวดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความเจ็บปวดนี้มาอย่างเร่งด่วนและรุนแรง ราวกับมีกรงเล็บเหล็กคว้าลำไส้ของพวกเขาเอาไว้ เจ็บจนนางยังต้องโค้งเอวลงไป สีหน้าซีดเผือดในพริบตา"ฮูหยิน อี้เอ๋อร์!"นายท่านเจิ้งถูกประคองเข้ามา ตกตะลึงจนหน้าซีดเขากับฮูหยินมีลูกสาวอยู่สามคน คนสุดท้องคือลูกชายคนนี้ ลูกชายคนเล็กแบกภาระทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวทั้งสามล้วนแต่งงานออกไปหมดแล้ว ล้วนคิดกันว่าหลังจากนี้จะช่วยประคับประคองลูกชายคนเล็กคนนี้ พูดได้ว่