ฟู่จาวหนิงพอเห็นทุกคนได้ยินชื่ออันฉินก็รู้จักกัน จึงเข้าใจที่ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนพูดว่าชื่อเสียงของเขายังไม่โด่งดังนั้นหมายถึงอะไรก็คือยังไม่ได้โด่งดังไปทั้งใต้หล้า น่าจะมีชื่อแค่ในวงแคบๆ เท่านั้นไม่เหมือนกับหมอเทวดาอัน ที่ห่างไกลนับพันลี้ตั้งแต่เจียงหนานแคว้นเจาจนมาถึงเมืองจี้ในต้าชื่อ แค่พูดชื่อก็มีคนรู้จักแต่พอมองหน้าตาของหมอเทวดาอันที่มีเคราขาว นางก็ยอมรับแล้วคนเขาอายุตั้งขนาดนี้แล้ว ดูมีท่าทางแบบเซียนผู้วิเศษด้วย พอบอกว่าเป็นหมอเทวดา ยังดูมีแรงกล่อมมากกว่าแม่นางที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบอย่างนางเสียด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะเป็นหมอมากว่าครึ่งชีวิตแล้วด้วยนางเองก็ไม่ใช่คนที่อิจฉาริษยาต่อชื่อเสียง ก็แค่รู้สึกขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นดูท่าต้องรอให้นางมีชื่อเสียงโด่งดังเสียก่อน ตอนที่เดินไปไหนแล้วมีแต่คนรู้จัก พวกคนทรงอำนาจถึงจะเคารพนางอย่างจริงใจ และไม่กล้ามากดขี่รังแกอีกถึงตอนนั้นนางถึงจะถือว่าตนเองมีเส้นสายตอนนี้ยังเร็วเกินไปฟู่จาวหนิงไม่เคยคิดจะพึ่งพาเซียวหลันยวนมาก่อน ตัวตนฐานะอย่างพระชายาอ๋องเจวี้ยน จะมีความสัมพันธ์แค่สามีภรรยาไม่ได้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร ท้ายสุ
เขาไม่ได้มองฟู่จาวหนิง เพราะความสนใจอยู่บนตัวชายชราคนนั้น"นายท่านเจิ้งกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า?" ข้างๆ มีคนคาดเดาขึ้นเสียงแผ่วหมอเทวดาหลี่พอได้ยินคำว่านายท่านเจิ้ง ดวงตาก็เปล่งประกายก่อนที่จะมาเขาหาข่าวไว้แล้ว ตระกูลเจิ้งของเมืองจี้ มีความสัมพันธ์ทางการแต่งงานกับขุนพลแข็งแกร่งที่ประจำการในชายแดนทางเหนือของแคว้นเจาอยู่ฮูหยินรองของขุนพลใหญ่คนนั้น คือลูกสาวของตระกูลเจิ้งเมืองจี้ตระกูลเจิ้ง เป็นเศรษฐีต้นๆ ของเมืองจี้ถ้าเขาสามารถเกาะตระกูลเจิ้งได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกินดื่มแล้ว ตระกูลเจิ้งแค่ปลายเล็บร่วงลงมาก็ทำให้เขากินดีอยู่ดีได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกข้อดีหนึ่ง เขาก็จะได้รับการคุ้มครองจากขุนพลคนนั้นด้วยถึงอย่างไรเขาก็แทบจะอยู่ในเมืองหลวงไมม่ได้แล้ว ครั้งนี้ที่ออกมา หมอเทวดาหลี่ก็คิดจะเลือกสถานที่ใหม่แล้วลงหลักปักฐาน หลังจากนี้ค่อยสะสมชื่อเสียงเงินทองขึ้นมาใหม่ถ้าสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับนายท่านเจิ้งได้ ก็อยู่ในเมืองจี้ได้ หากได้รับสิ่งยืนยันจากเขา จะไปเข้าหากับแม่ทัพลูกเขยรองของตระกูลเจิ้งที่ทางเหนือก็ยังได้ชั่วขณะนี้ หมอเทวดาหลี่คิดไปไม่น้อยเลย ในใจตัดสินใจแล้ว จ
เข็มในมือหมอเทวดาหลี่กำลังจะปักลงไปที่หน้าอกนายท่านเจิ้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา "ข้าคิดว่าตอนนี้ทางที่ดีให้นายท่านเจิ้งอาเจียนออกมาให้หมดดีกว่า"เสียงกังวาล แจ่มชัดอย่างมากเอ๋? คำพูดนี้พูดได้ถูกต้อง!หมอเทวดาอันประหลาดใจ หันมองไปทางที่มาของเสียงทันทีจานั้นเขาจึงเห็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยไร้เทียมทานคนหนึ่งคำพูดนี้นางเป็นคนพูดหรือ?หมอเทวดาหลี่มือแข็งไป เขาฟังเสียงนี้แล้วคุ้นหูมาก!ไม่หรอกมั๊งไม่ใช่หรอก? เขาจะซวยขนาดนี้เลยหรือ ถึงต้องมามาเจอกับเจ้าเด็กเมื่อวานซืนอย่างฟู่จาวหนิงเวลานี้?!"ใช่ๆๆ แม่นางคนนี้พูดถูก สหายหลี่ ให้นายท่านเจิ้งอาเจียนออกมาให้หมดจะดีกว่า"หมอเทวดาอันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เดิมทีเขาก็จะพูดประโยคนี้ออกมา ตอนนี้มีคนพูดแทนเขาแล้ว เขาเองก็ลิงโลดขึ้นมา รีบพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วยคนตระกูลเจิ้งพอได้ยินคำนี้ จึงมองไปทางฟู่จาวหนิงหน้าตาของฟู่จาวหนิง บางครั้งก็ทำให้คนรู้สึกถูกความสวยเข้าคุกคาม ดังนั้นพวกเขาจึงตะลึงงันไปแล้ว"นายท่านเจิ้งคนนี้เหมือนกินอะไรผิดสำแดงเข้าไป ถ้าสามารถให้ทำให้อาเจียนออกมาให้หมดจะดีที่สุด" ฟู่จาวหนิงเดินออกมาก้าวหนึ่ง เดินข้ามาจากในกลุ
หมอเทวดาหลี่อยู่ที่นี่ นางกับหมอเทวดาหลี่ไม่ลงรอยกัน พูดได้ว่ามีความแค้นกันอยู่ แต่ถ้าจะต้องไปหาเรื่องหมอเทวดาหลี่ นางเองก็ขี้เกียจ แต่ในเมื่อมาเจอกันแล้ว ก็ถือโอกาสเล่นงานเขาเสียหน่อยแล้วกันและก็มีคนคนหนึ่งกำลังจะขึ้นชั้นบน แล้วเจอกับเรื่องน่าสนุกนี้พอดี จึงหยุดเท้าลงมา"ผู้เฒ่ารอง ดูท่าจะมีคนป่วยนะ""นั่นมันหมอเทวดาอันกับหมอเทวดาหลี่นี่ สองคนนี้มาจากแคว้นเจา"ซุนฉงหมิงเองก็เห็นคนเหล่านั้นแล้ว แต่เพียงไม่นานก็หมุนสายตากลับ ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก"ขึ้นไปเถอะ คนป่วยที่มาจากเมืองหมานทางนั้นถึงจะเป็นสิ่งที่พวกเราต้องค้นคว้า อย่าลืมเป้าหมายที่พวกเรามาที่นี่"ซุนฉงหมิงพากลุ่มคนขึ้นชั้นบนไปและพวกของฟู่จาวหนิงก็ตามคนของตระกูลเจิ้งไปยังห้องหนึ่งที่เรือนหลังนายท่านเจิ้งเองก็ถูกจัดการจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว"ขอเชิญหมอเทวดาทั้งสามตรวจอาการนายท่านของพวกเราอย่างละเอียดอีกครั้งด้วย" คนจากตระกูลเจิ้งมองฟู่จาวหนิง และก็เชิญนางเข้าไปด้วยหมอเทวดาหลี่เหลือบมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง อดร้องเชอะเย็นชาขึ้นมาไม่ได้"ในเมื่อพวกเจ้าขนาดหญิงสาวขนเหลืองแบบนี้ก็ยังมองเป็นหมอเทวดา เช่นนั้นก็ให้นางรักษาให้นายท่
"อ๋องเจวี้ยน?"คนที่นี่ล้วนมองฟู่จาวหนิงอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็มองหมอเทวดาหลี่แต่คนของตระกูลเจิ้งกลับไม่ค่อยสบายใจนักนายท่านของพวกเขาตอนนี้ยังนอนหน้าซีดอยู่เลยนะ หมอเทวดาหลี่ทำไมถึงเอาแต่นอกเรื่องอยู่เรื่อย?"น้องหลี่ เราให้แม่นางฟู่จับชีพจรก่อนแล้วค่อยคุยกันดีไหม?" หมอเทวดาอันก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้เช่นกันพ่อลูกอันหลี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ได้เข้ามา คนล้อมมากเกินไปไม่ดีกับผู้ป่วยแต่พวกเขาได้ยินหมอเทวดาหลี่เอ่ยถึงอ๋องเจวี้ยน พ่อลูกทั้งสองคนจึงสบตากัน สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยหมอเทวดาหลี่เดิมทียังคิดจะพูดต่อ แต่หมอเทวดาอันก็ยืนอยู่ข้างฟู่จาวหนิงแล้ว จะอย่างไรเขาก็ต้องไว้หน้าหมอเทวดาอันบ้าง จึงทำเอาไว้ก่อนฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา จับชีพจร จากนั้นก็บีบเปิดปากของนายท่านเจิ้งออกดู จากนั้นก็มองไปทางดวงตาเขา ถามคนตระกูลเจิ้งว่า"วันนี้เขากินเห็ดอะไรลงไป?"คนตระกูลเจิ้งพอเห็นนางถามจุดนี้ ก็ล้วนประหลาดใจกัน รีบร้อนพยักหน้า"ใช่ๆๆ นายท่านของพวกเรากินเห็ดไปหลายชนิด ครั้งนี้ได้เห็ดสีแดงที่ไม่เคยกินมาชนิดหนึ่ง จึงกินเข้าไปมากหน่อย""เห็ดนั้นน่าจะมีพิษ ยังดีที่เขาอาเจียนออกมา ตอนนี้กินยาล้า
ฝั่งตรงข้ามก็เป็นโรงยาทงฝูพอดี เพียงไม่นานก็จัดยาเสร็จหมอเทวดาหลี่พอเห็นพวกเขาเชื่อฟู่จาวหนิงจริงๆ ตำรับยานั้นก็ไม่ให้หมอเทวดาอันอ่านก่อนด้วยซ้ำ จึงรู้ว่าตนเองตอนนี้อยู่บนเรือลำเดียวกับตระกูลเจิ้งไม่ได้แล้ว จึงสะบัดชายเสื้อชักสีหน้าปั้นยากเดินออกไปฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา หันไปกำชับกับคนตระกูลเจิ้งอีกสองสามเรื่อง จึงได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านหน้าอีกครั้ง"แม่นางฟู่ ขอเชิญท่านไปที่จวนของเราหน่อยได้ไหม ไปดูฮูหยินกับนายน้อย?"ฟู่จาวหนิงเดิมทีไม่คิดจะไป นางเองก็มาเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่นะ แต่พอคิดว่าการกินเห็ดจนติดพิษเองก็เป็นได้ทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก ร่างกายแตกต่างกัน ปริมาณการกินก็แตกต่างกัน สถานการณ์ของโรคก็อาจจะแตกต่างกันไปด้วย"บ้านตระกูลเจิ้งอยู่ห่างไปมากไหม?" นางถาม"ไม่ไกล เพราะอย่างนี้พวกเราจึงแบกนายท่านมาหาได้ทันที""ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเสียรอบหนึ่งแล้วกัน หมอเทวดาอันท่าน...""ไม่นางฟู่ไปก็พอ พวกเราจะขึ้นไปดูที่ชั้นบนก่อน เอาไว้ค่อยเจอกัน"ฟู่จาวหนิงจึงไปกับคนของตระกูลเจิ้งหมอเทวดาอันมองชายหนุ่มร่างใหญ่หลายคนเดินตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิง ก็อดถอนใจเบาขึ้นมาไม่ได้อั
นายท่านเจิ้งพอได้ยินหน้าก็เปลี่ยนสี แทบจะทรุดลงกับพื้น คนใช้ตระกูลเจิ้งรีบเข้ามาประคองเขา"เกิดอะไรขึ้นกัน?"ฮูหยินเจิ้งเองก็รีบคว้าข้อมือลูกชายไว้ "ข้ากับลูกชายไม่ได้ติดพิษแค่ชนิดเดียวหรือ?"นายน้อยเจิ้งดูอายุราวสิบหกสิบเจ็ด เมื่อครู่ยังแอบมองฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด ตอนนี้พอได้ยินคำพูดนี้ ใจเขาก็สั่นคร้าม ไม่สนเรื่องหลงใหลใบหน้าฟู่จาวหนิงอีกแล้ว"พวกเราไม่ได้ติดพิษจากเห็ดแดงแบบพ่อของข้าหรือ?"พอสิ้นเสียง เขาก็รู้สึกปวดขึ้นที่ท้อง เจ็บจนเขากรีดร้องขึ้นในทันที โค้งตัวงอลงไป"เจ็บจะตายอยู่แล้ว....""อี้เอ๋อร์!" ฮูหยินเจิ้งร้องขึ้นมา แต่ท้องของนางเองก็ปวดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความเจ็บปวดนี้มาอย่างเร่งด่วนและรุนแรง ราวกับมีกรงเล็บเหล็กคว้าลำไส้ของพวกเขาเอาไว้ เจ็บจนนางยังต้องโค้งเอวลงไป สีหน้าซีดเผือดในพริบตา"ฮูหยิน อี้เอ๋อร์!"นายท่านเจิ้งถูกประคองเข้ามา ตกตะลึงจนหน้าซีดเขากับฮูหยินมีลูกสาวอยู่สามคน คนสุดท้องคือลูกชายคนนี้ ลูกชายคนเล็กแบกภาระทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวทั้งสามล้วนแต่งงานออกไปหมดแล้ว ล้วนคิดกันว่าหลังจากนี้จะช่วยประคับประคองลูกชายคนเล็กคนนี้ พูดได้ว่
ฮูหยินเจิ้งเองก็ถอนใจยาว "ข้าเองก็เหมือนดีขึ้นแล้ว"เมื่อครู่ยังเจ็บจนพวกเขาอยากจะตายอยู่เลย แค่ชั่วสองประโยค ความเจ็บปวดนั้นก็เหมือนเป็นหายไปราวกับเป็นความหลงผิดอย่างไรอย่างนั้นถ้าไม่ใช่พวกเขายังเหงื่อออกเต็มหัว สองมือยังปวดจนเย็นเยียบ พวกเขาอาจจะคิดว่าความเจ็บปวดเมื่อครู่เป็นความรู้สึกหลงผิดจริงๆนายท่านเจิ้งเองก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ปวดแล้วจริงหรือ?""ไม่ปวดแล้วจริง"ฮูหยินเจิ้งผ่อนคลายลงมา สายตาที่มองฟู่จาวหนิงเรียกได้ว่ารักและเอ็นดูขึ้นมาแล้ว"ยานี้ของแม่นางฟู่ยอดเยี่ยมจริงๆ ซื้อมาจากที่ไหนหรือ? หรือว่าอาจารย์ของท่านเป็นคนสกัด?"ชายน้อยเจิ้งเอ่ยขึ้นทันที "ยังมีอีกไหม? ข้าขอซื้อจากท่านสักสองขวด"มียาแก้ปวดแบบนี้ด้วยหรือนี่!ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะซื้อ หลังจากนี้ถ้าตอนฝึกยุทธ์แล้วบาดเจ็บ หรือว่าไปเจออะไรข้างนอกเข้า กระทั่งคนในบ้านเจอกับอาการปวดัวอะไรเข้า กัดไปหนึ่งเม็ดก็ดีขึ้นแล้วเมื่อครู่แม้จะรู้สึกว่าขมด้วยเหม็นด้วย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีอยู่ หอมๆ หวานๆ"ข้าทางนี้เหลือแค่ขวดเดียวแล้ว แล้วเมื่อครู่ก็เปิดให้พวกท่านไปคนละหนึ่งเม็ด""เช่นนั้นข้าก็จะซื้อ""เอาเถอะ ในเมื่อนายน้อย
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่