นายท่านเจิ้งพอได้ยินหน้าก็เปลี่ยนสี แทบจะทรุดลงกับพื้น คนใช้ตระกูลเจิ้งรีบเข้ามาประคองเขา"เกิดอะไรขึ้นกัน?"ฮูหยินเจิ้งเองก็รีบคว้าข้อมือลูกชายไว้ "ข้ากับลูกชายไม่ได้ติดพิษแค่ชนิดเดียวหรือ?"นายน้อยเจิ้งดูอายุราวสิบหกสิบเจ็ด เมื่อครู่ยังแอบมองฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด ตอนนี้พอได้ยินคำพูดนี้ ใจเขาก็สั่นคร้าม ไม่สนเรื่องหลงใหลใบหน้าฟู่จาวหนิงอีกแล้ว"พวกเราไม่ได้ติดพิษจากเห็ดแดงแบบพ่อของข้าหรือ?"พอสิ้นเสียง เขาก็รู้สึกปวดขึ้นที่ท้อง เจ็บจนเขากรีดร้องขึ้นในทันที โค้งตัวงอลงไป"เจ็บจะตายอยู่แล้ว....""อี้เอ๋อร์!" ฮูหยินเจิ้งร้องขึ้นมา แต่ท้องของนางเองก็ปวดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความเจ็บปวดนี้มาอย่างเร่งด่วนและรุนแรง ราวกับมีกรงเล็บเหล็กคว้าลำไส้ของพวกเขาเอาไว้ เจ็บจนนางยังต้องโค้งเอวลงไป สีหน้าซีดเผือดในพริบตา"ฮูหยิน อี้เอ๋อร์!"นายท่านเจิ้งถูกประคองเข้ามา ตกตะลึงจนหน้าซีดเขากับฮูหยินมีลูกสาวอยู่สามคน คนสุดท้องคือลูกชายคนนี้ ลูกชายคนเล็กแบกภาระทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวทั้งสามล้วนแต่งงานออกไปหมดแล้ว ล้วนคิดกันว่าหลังจากนี้จะช่วยประคับประคองลูกชายคนเล็กคนนี้ พูดได้ว่
ฮูหยินเจิ้งเองก็ถอนใจยาว "ข้าเองก็เหมือนดีขึ้นแล้ว"เมื่อครู่ยังเจ็บจนพวกเขาอยากจะตายอยู่เลย แค่ชั่วสองประโยค ความเจ็บปวดนั้นก็เหมือนเป็นหายไปราวกับเป็นความหลงผิดอย่างไรอย่างนั้นถ้าไม่ใช่พวกเขายังเหงื่อออกเต็มหัว สองมือยังปวดจนเย็นเยียบ พวกเขาอาจจะคิดว่าความเจ็บปวดเมื่อครู่เป็นความรู้สึกหลงผิดจริงๆนายท่านเจิ้งเองก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ปวดแล้วจริงหรือ?""ไม่ปวดแล้วจริง"ฮูหยินเจิ้งผ่อนคลายลงมา สายตาที่มองฟู่จาวหนิงเรียกได้ว่ารักและเอ็นดูขึ้นมาแล้ว"ยานี้ของแม่นางฟู่ยอดเยี่ยมจริงๆ ซื้อมาจากที่ไหนหรือ? หรือว่าอาจารย์ของท่านเป็นคนสกัด?"ชายน้อยเจิ้งเอ่ยขึ้นทันที "ยังมีอีกไหม? ข้าขอซื้อจากท่านสักสองขวด"มียาแก้ปวดแบบนี้ด้วยหรือนี่!ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะซื้อ หลังจากนี้ถ้าตอนฝึกยุทธ์แล้วบาดเจ็บ หรือว่าไปเจออะไรข้างนอกเข้า กระทั่งคนในบ้านเจอกับอาการปวดัวอะไรเข้า กัดไปหนึ่งเม็ดก็ดีขึ้นแล้วเมื่อครู่แม้จะรู้สึกว่าขมด้วยเหม็นด้วย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีอยู่ หอมๆ หวานๆ"ข้าทางนี้เหลือแค่ขวดเดียวแล้ว แล้วเมื่อครู่ก็เปิดให้พวกท่านไปคนละหนึ่งเม็ด""เช่นนั้นข้าก็จะซื้อ""เอาเถอะ ในเมื่อนายน้อย
"นึกของที่พวกเจ้ากินในช่วงนี้ออกมาอย่างละเอียด เขียนออกมาให้ข้าดูหน่อย"ฮูหยินเจิ้งกับนายน้อยเจิ้งพวกเขาน่าจะกินอาหารที่มีพิษเข้าไป ในกระเพาะสะสมพิษเอาไว้ค่อนข้างมาก เป็นไปได้มากว่าจะกินเข้าไปวันละนิดๆเพียงแต่ของที่กินเข้าไปเป็นประจำ พวกเราก็สามารถนึกออกมาได้"อันที่จริงครั้งนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ พิษเห็ดแดงนี้ที่พวกท่านกินเข้าไปนั้นกระตุ้นให้เกิดอาการไวขึ้น" ฟู่จาวหนิงคิดๆ "ไม่เช่นนั้นถ้าพวกท่านยังสะสมพิษลงไปอีกระยะหนึ่ง ถึงตอนนั้นอาจจะใช้ยารักษาไม่ได้แล้ว""ไม่ใช่บอกว่าเห็ดแดงนี้ทำให้พิษรวมกันเป็นพิษใหม่หรอกหรือ? ครั้งนี้เห็ดแดงน่าจะเป็นตัวหลักกระมัง?" นายท่านเจิ้งงุนงง"น่าจะไม่ใช่ เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้"เพราะนางเพิ่มถามไป คนที่ชอบกินเห็ดมากที่สุดคือนายท่านเจิ้ง ฮูหยินเจิ้งกับนายน้อยเจิ้งแค่มากินด้วยกันเล็กน้อยเท่านั้น ปริมาณไม่มากนักถ้าหากคิดจะใช้เห็ดแดงมาสังหารพวกเขา อีกฝ่ายน่าจะให้พวกเขากินมากกว่านี้หน่อยจึงจะถูก"ข้าจะให้พ่อครัวกับคนใช้เอาของที่กินไปช่วงนี้เขียนออกมา ถึงตอนนั้นก็ขอเชิญแม่นางฟูมาตรวจสอบให้ด้วย" นายท่านเจิ้งตอนนี้ไ
ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองนายท่านเจิ้งผาดหนึ่ง คิดออกถึงปัญหานี้เช่นกันแต่ท่าทางการตรวจสอบของนางไม่ได้หยุดลง กดนิ้วอยู่บนหน้าอกเขาครู่หนึ่ง ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้าก็เจ็บปวดจนร้องขึ้นมาทันทีเสียงร้องนี้ทำเอานายท่านเจิ้งได้สติกลับมา"ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้า ลูกสาวของข้าเกิดเรื่องขึ้นใช่ไหม? นางเป็นอย่างไรบ้าง?"พอได้ยินคำนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่านายท่านเจิ้งเองก็เป็นคนดี อย่างน้อยก็พ่อที่เป็นห่วงลูกสาว เขาเห็นอยู่แท้ๆ ว่าที่ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้ามาปรากฏตัวที่นี่นั้นมีปัญหา แต่สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือการเป็นห่วงเป็นใยลูกสาว"ฮูหยินรอง ไม่ ไม่เป็นไร..." ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้าพูดไม่กี่คำนี้ออกมาอย่างยากลำบากแต่นายท่านเจิ้งฟังแล้วก็โล่งใจ"บนตัวเขามีแผล" ฟู่จาวหนิงเห็นเสื้อผ้าตรงหน้าอกมีรูอยู่รูหนึ่ง ทะลุขาดทะลุ น่าจะเป็นของมีคมอะไรบางอย่างแทงเข้าไป แต่เลือดไหลไม่เยอะ "น่าจะเป็นอาวุธลับ อาวุธลับที่มีพิษ"พิษอีกแล้วหรือ...นายท่านเจิ้งมองฟู่จาวหนิง "เช่นนั้นแม่นางฟู่ ยาลูกกลอนพิษเมื่อครู่นั่นกินได้ไหม?""กินได้ แต่เขาต้องจัดการบาดแผลด้วย"ฟู่จาวหนิงตรวจสอบขาของผู้บัญชาการหนุ่มเจ้า "ขาของเขากระดูกหัก"
ฟู่จาวหนิงลองมองดูก่อน ขณะที่กำลังจะเตรียมไปดูอาการผู้ป่วยคนหนึ่งที่มีหมออยู่เพียงสองคน ก็มีชายกลางคนในชุดคลุมสีดำโพกผ้าคลุมดำสองคน เดินเข้ามาขวางนางไว้พวกเขาพิจารณาตัวฟู่จาวหนิง ขมวดคิ้ว แต่คำพูดจาก็ยังค่อนข้างเกรงใจ"แม่นางที่นี่คือโถงวินิจฉัยของสมาคมหมอใหญ่ คนทั่วไปเข้ามาไม่ได้ ท่านมีป้ายอนุญาตหมอไหม?"ฟู่จาวหนิงหยิบป้ายสีม่วงออกมาพวกเขาพอเห็นป้ายสีม่วงก็ตกตะลึงทันที"แม่นางสกุลฟู่หรือ?""ใช่ ข้าชื่อว่าฟู่จาวหนิง""เป็นแม่นางฟู่จริงๆ ด้วย ชื่อของท่านพวกเราเคยได้ยินมาก่อน แม่นางฟู่วิชาแพทย์เก่งกาจเกินใคร ประธานของพวกเรายังกำชับไว้ว่า หากแม่นางฟู่มาแล้ว ขอเชิญท่านเข้าไปพบเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงถึงแม้จะรู้เรื่องสมาคมหมอใหญ่มาตลอด แต่นางเองก็ยังไม่รู้ว่าสมาคมหมอใหญ่ก็ยังมีประธานอยู่ด้วย และยังไม่รู้ว่าประธานคนนี้เป็นใครก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นท่าทางซุนฉงหมิงจากแคว้นหมิ่นกำเริบเสิบสานเสียขนาดนั้น เขาคงจะไม่ใช่ประธานหรอกกระมัง?ถ้าเป็นเขาจริง เช่นนั้นก็คงจะลำบากหน่อยแล้ว เพราะนางไม่ชอบซุนฉงหมิงเอาเสียเลย"ประธานอยู่ที่ไหนหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองไปรอบๆนางไม่ได้พูดชื่อซุนฉงหมิงออกมา
ผู้ดูแลหลินกับผู้ดูแลไช่ประสานมือให้นาง จากนั้นจึงเดินออกไป พวกเขายังต้องไปดูหมอคนอื่นอีกฟุ่จาวหนิงบอกว่าจะขอดูก่อน นั่นก็คือดูจริงๆนางเดินวนไปรอบหนึ่ง สืออีก็กลับมาแล้วพอสืออีปรากฏตัว ฟู่จาวหนิงจึงออกไป พาพวกเขาลงไปชั้นล่าง หามุมเงียบๆ มุมหนึ่ง แล้วฟังข้อมูลที่เขาได้ยินมา"พระชายา ค่ายทหารที่เมืองชายแดนทางเหนือแคว้นเจาวุ่นวายขึ้นมาแล้ว"สีหน้าสืออีเคร่งขรึมมากฟู่จาวหนิงได้ยินข่าวนี้แล้วตกตะลึง"เกิดอะไรขึ้น?""ผู้บัญชาการหนุ่มคนนั้นชื่อว่าเจ้าจือซาน เขาเป็นผู้บัญชาการหนุ่มที่ได้รับความเชื่อมั่นจากขุนพลหู่ เหมือนว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกันกับขุนพลหู่ด้วย จากที่เขาบอก เมืองชายแดนทางเหนือหลายปีนี้ถือว่ามั่นคงปกติสุขดี แค่มีพวกโจรตัวเล็กตัวน้อยเข้ามาปล้นสะดมบ้างเป็นครั้งคราว คนเหล่านั้นก็แค่คิดจะขโมยพวกเสื้อผ้าอาหารเท่านั้น ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร""แต่ช่วงครึ่งเดือนก่อน พวกโจรที่กระจายตัวอยู่ป่านอกด่านจู่ๆ ก็ถูกขัวอำนาจลึกลับรวบรวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกองทัพผสมสามพันคนกลุ่มหนึ่ง"ฟู่จาวหนิงฟังถึงจุดนี้ โบกไม้โบกมือ บอกกับสือซานว่า "ส่งสัญญาณหาท่านอ๋องพวกเจ้าให้เขามาที่
"ฮูหยินใหญ่ของเจ้าหู่อยู่ที่เมืองหลวง ไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่บ้านฝ่ายหญิงเองก็ไม่ค่อยจะมีคน แค่ใช้ตัวตนฐานะฮูหยินใหญ่เจ้าเท่านั้น จึงยอมให้เจ้าหู่มีภรรยาผู้น้อย แต่ภรรยาผู้น้อยเหล่านั้นไปที่เมืองชายแดนทางเหนือก็อยู่ได้ไม่นานนัก แต่ได้ยินว่าฮูหยินรองคนนี้อยู่ที่นั่นได้สงบสุขดี แล้วยังมีลูกชายสองคนกับลูกสาวอีกหนึ่งคนให้กับเจ้าหู่อีกด้วย ดังนั้นเจ้าหู่จึงดีกับนางมาก"เซียวหลันยวนพอพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงจึงไม่มีอะไรจะพูดอีกการยอมให้สามีรับภรรยาผู้น้อยขึ้นเป็นบ้านหลัก แม้ว่านางจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ภายใต้พื้นหลังของยุคสมัยนี้ ก็ยังพอยอมรับได้ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นางนี่นะตอนนี้คำหนึ่งที่นางกลั่นกรองออกมาได้ก็คือ : จ้าวหู่ดีกับฮูหยินรองที่เป็นลูกสาวของตระกูลเจิ้งคนนี้มากอยู่"สืออี แล้วฮูหยินรองเจ้าคนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?""พวกเขาเพิ่งเข้าต้าชื่อได้ไม่เท่าไรก็เกิดเรื่องขึ้นที่สถานที่ที่ชื่อว่าเขาหนึ่งเส้น ฮูหยินรองถูกจัีบตัวไป ทหารกลุ่มเล็กที่คุ้มกันนางมาตายหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าจือซานที่หนีออกมาได้ อดทนจนมาส่งข่าวที่เมืองจี้ได้""ทำไมเขาไม่กลับไปที่เมืองชายแดนทางเหนือแคว้นเจาเพื่อส่งจดหมายก
"ไม่ถูกสิ!"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็คิดถึงจุดนี้ "นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว! ข้าเพิ่งจะไปที่บ้านตระกูลเจิ้ง ลูกสาวที่แต่งงานกับขุนพลแคว้นเจาของตระกุลเจิ้งทางนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น!"ในที่สุดนางก็รู้ถึงจุดแปลกๆ ในความคิดว่าเป็นอะไรแล้วบังเอิญเกินไปนาง ตระกูลเจิ้ง คุณหนูตระกุลเจิ้ง ขุนพลบัญชาการเมืองชายแดนแคว้นเจา เซียวหลันยวนจุดสำคัญพวกนี้หากเชื่อมเข้าด้วยกัน อาจจะกลายเป็นแผนร้ายขนาดใหญ่แผนหนึ่งได้"แต่ใครล่ะที่จะคำนวนให้ข้าไปทำการรักษาที่ตระกูลเจิ้งได้?"ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง นางอาจจะแค่คิดมากไปกระมัง?เซียวหลันยวนถอนหายใจ ดึงนางเข้ามากอด ตบลงไปเบาๆ ที่แผ่นหลังนาง ถือเป็นการปลอบประโลม ให้นางไม่ต้องขบคิดขนาดนี้"ข้าจะไปตรวจสอบ เจ้าไม่ต้องคิดมากแล้ว"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าในอ้อมกอดเขา"เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวหน่อย""เจ้าจะกลับเลย หรือว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ?" เซียวหลันยวนถาม"ข้าจะเดินทีนี่อีกหน่อย"จะอย่างไรนางก็ต้องยืนยันก่อนว่าเรื่องที่ช่วยนายท่านเจิ้งไว้เมื่อครู่เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ถูกใครจัดวางเข้ามาอย่างไร้ร่องรอย"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อย"เซียวหลันยวนผละออก
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้