"ไม่ถูกสิ!"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็คิดถึงจุดนี้ "นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว! ข้าเพิ่งจะไปที่บ้านตระกูลเจิ้ง ลูกสาวที่แต่งงานกับขุนพลแคว้นเจาของตระกุลเจิ้งทางนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น!"ในที่สุดนางก็รู้ถึงจุดแปลกๆ ในความคิดว่าเป็นอะไรแล้วบังเอิญเกินไปนาง ตระกูลเจิ้ง คุณหนูตระกุลเจิ้ง ขุนพลบัญชาการเมืองชายแดนแคว้นเจา เซียวหลันยวนจุดสำคัญพวกนี้หากเชื่อมเข้าด้วยกัน อาจจะกลายเป็นแผนร้ายขนาดใหญ่แผนหนึ่งได้"แต่ใครล่ะที่จะคำนวนให้ข้าไปทำการรักษาที่ตระกูลเจิ้งได้?"ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง นางอาจจะแค่คิดมากไปกระมัง?เซียวหลันยวนถอนหายใจ ดึงนางเข้ามากอด ตบลงไปเบาๆ ที่แผ่นหลังนาง ถือเป็นการปลอบประโลม ให้นางไม่ต้องขบคิดขนาดนี้"ข้าจะไปตรวจสอบ เจ้าไม่ต้องคิดมากแล้ว"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าในอ้อมกอดเขา"เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวหน่อย""เจ้าจะกลับเลย หรือว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ?" เซียวหลันยวนถาม"ข้าจะเดินทีนี่อีกหน่อย"จะอย่างไรนางก็ต้องยืนยันก่อนว่าเรื่องที่ช่วยนายท่านเจิ้งไว้เมื่อครู่เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ถูกใครจัดวางเข้ามาอย่างไร้ร่องรอย"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อย"เซียวหลันยวนผละออก
เซียวหลันยวนสีหน้าขรึมไปสิ่งที่เขาคิดตอนนี้คือ ก่อนหน้าที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิ จักรพรรดิต้าชื่อน่าจะพิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้ว จดหมายถ้าจะส่งไปถึงมือจักรพรรดิแคว้นเจาต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้นน่าจะส่งออกไปล่วงหน้าเช่นนั้น จักรพรรดิต้าชื่อก็วางแผนที่จะขัดขวางการแต่งงานขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น น่าจะยังมีคนอื่นที่เหมาะสมอยู่อีกและไม่รู้ว่าเรื่องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้หรือไม่แต่ว่านี่ไม่ใช่ขอบเขตที่เขาต้องกังวล"ท่านอ๋อง ตอนนี้ดูแล้ว องค์จักรพรรดิคงจะลงมือมาทางท่านแน่ ถ้าหากกลับไปแคว้นเจา สิ่งที่รอท่านอยู่อาจจะเป็นลมพายุฝนลูกใหญ่"ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิเองก็คอยแอบถ่วงแข้งถ่วงขา ลอบสังหาร วางยาพิษอะไรแบบนี้นานาสารพัด แต่ถึงอย่างไรก็ยังคอยใส่ใจชื่อเสียงอยู่ ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ของพี่ชายคนโตที่แสนดีเอาไว้ตอนนี้ก็ไม่แน่แล้วพอเห็นว่าสุขภาพของท่านอ๋องดีขึ้นมา องค์จักรพรรดิก็ยิ่งนั่งไม่ติดขึ้นทุกทีชิงอีเองก็อดกังวลไม่ได้ "ท่านอ๋อง กลับไปเมืองหลวง องค์จักรพรรดิจะหาเรื่องกักบริเวณท่านไหม?"ก่อนหน้านี้เดิมทีก็ยอมใ
พวกเขาไปตรวจสอบเรื่องของเจ้าหู่กับฮูหยินรองเจ้า ฟู่จาวหนิงกลับไปหาผู้อาวุโสจี้ผู้อาวุโสจี้พานางขึ้นไปชั้นสามชั้นสามเป็นห้องเหมาที่ใหญ่มากหลายห้อง ด้านในมีห้องหนึ่งที่เปิดแง้มอยู่ ด้านในมีเสียงพูดคุยลอดออกมาผู้อาวุโสจี้กดเสียงต่ำพูดกับฟู่จาวหนิง "พวกเขาคิดจะรอจนวันสุดท้ายจึงจะพิจารณารายชื่อเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ ข้ามีความคิดเห็นต่าง จึงเสนอกับพวกเขา ครั้งนี้เจ้าพวกหัวโบราณกลับตอบรับว่าจะเจอพวกหน้าใหม่แล้วพิจารณาก่อนเลย""พิจารณาก่อน?" ฟู่จาวหนิงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายถึงอะไร"คนที่เข้าร่วมใหม่ อย่างเช่นเจ้า ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกประธานกับรองประธาน ถ้าประธานเห็นด้วยให้เจ้าเข้าร่วม ก็แค่ต้องการอีกสองคนพยักหน้าให้ก็พอ ถ้าหากประธานไม่เห็นด้ย เช่นนั้นเจ้าก็ต้องมีคนห้าคนที่เห็นพ้องให้เจ้าเข้าร่วมจึงจะมีคุณสมบัติ""ห้าคน?"นี่ดูจะยากไปหน่อยนะ"อืม พวกเขาทั้งหมดมีสิบสองคน""ซุนฉงหมิงเองก็ใช่หรือ?""เขาเป็นแน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นรองประธาน และยังรองประธานสกุลเหยาอีกคน ผู้อาวุโสเหยาเป็นคนจากแคว้นหู แคว้นหูไม่ใช่แคว้นใหญ่ แต่ว่าวิชาแพทย์ของผู้อาวุโสเหยานั้นดีมาก"ต้องการให้เห็นด้วยจำนว
"เจ้ามาทำอะไรกัน? หมอหญิงจากตระกูลไหน?"ชายชราคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นและหมอเทวดาอันเองก็อยู่ที่นี่ พอเขาเห็นฟู่จาวหนิง ก็ยิ้มให้กับนาง "มาแล้วหรือ?"และก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของนายท่านเจิ้ง เพราะตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงอยากให้คนที่นี่รู้เรื่องนี้ไหม"คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าชื่อฟู่จาวหนิง มาจากเมืองหลวงแคว้นเจา ครั้งนี้มายื่นขอเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่..."ฟู่จาวหนิงแนะนำตนเองอย่างมีมารยาทก่อนนางเองก็ยิ้มตอบหมอเทวดาอันด้วย"พูดไร้สาระอะไร? เจ้าจะเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่? หมอหญิงของสมาคมหมอใหญ่ไม่จำเป็นต้องมายื่นขอกับพวกเราทางนี้ ถ้าหากที่นี่ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า เจ้าติดตามอาจารย์เจ้าก็ถือว่าเป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้ว" ชายชราคนหนึ่งเห็นว่านางอายุยังน้อย แล้วยังเป็นหญิงสาวอีก จึงตำหนิหน้าขรึมขึ้นมาคำหนึ่งหมอหญิงน่าจะเทียบเท่ากับผู้ช่วยหมอ เป็นคนที่คอยช่วยเรื่องสัพเพเหระ คอยแบกกล่องยาอยู่ข้างๆ หมอ จำเป็นต้องมายื่นขอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่กับพวกเขาเสียที่ไหนกัน?แล้วถ้าจะบอกตัวตนฐานะ แค่บอกว่าติดตามหมอคนไหนอยู่ก็พอแล้ว แล้วหมอคนนั้นถ้าเป็นสมาชิกของสมาคมหมอใหญ่ หมอหญิงก็ถือว่ามีตัวตนฐานะ
หญิงสาวจะมาเทียบได้อย่างไรกัน?"ข้าได้รับป้ายอนุญาตหมอสีม่วง ก็มายื่นขอไม่ได้หรือ? ถ้าหากยังมีการทดสอบ เช่นนั้นก็ทดสอบข้าเลยสิ ผู้อาวุโสทุกท่านไม่จำเป็นต้องปฏิเสธทันทีก็ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างสงบ"ทดสอบอะไรของเจ้า? หรือว่าเจ้าคิดจะมาท่องตำรับยาแก้หวัดใหญ่หรือไร? โรงหมอเมตตาเมืองหลวงแคว้นเจานี่อย่างไรกัน ให้ป้ายอนุญาตก็ให้กันส่งๆ แบบนี้ได้หรือ?" ชายชราชุดน้ำเงินคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงเย็นอีกครั้ง"ได้ยินว่าหมอเทวดาหลี่เมืองหลวงแคว้นเจาก็มาด้วย ลองถามดูไหม?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "หมอเทวดาหลี่? วิชาแพทย์ของเขายังสู้ข้าไม่ได้ ก็เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่น่ามีปัญหานะ""ซู๊ด"ตอนนี้เอง สายตาของซุนฉงหมิงที่มองนางก็เปลี่ยนไปแล้ว"พูดจาใหญ่โตไม่เบา!"พวกเขาล้วนถูกท่าทีกับน้ำเสียงเช่นนี้ของฟู่จาวหนิงทำให้โมโหเสียแล้ว พอกำลังจะพูดอะไร กงซุนซือไฉจึงเอ่ยขึ้น"สหายน้อยฟู่ในเมื่อมาแล้ว ลองดูคนป่วยคนนี้หน่อยเป็นอย่างไร?"พอได้ยินเขาเรียกตนเองว่าสหายน้อย ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกว่าลูกกลอนบำรุงหัวใจสองเม็ดที่ท่านอาจารย์ส่งให้เขาน่าจะเห็นผลขึ้นมาแล้วกงซุนซือไฉตอนนี้ให้โอกาสนางแล้ว
ฟู่จาวหนิงตรวจสอบดวงตาของผู้ป่วยแล้ว จากนั้นจึงเตรียมดูใบหูของเขา ขณะที่กำลังจะลองให้เขาเอียงตัวเล็กน้อย เสียงลมแผ่วเบาละเอียดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพริบตานี้เอง นางรีบถอยออกมาทันทีขณะเดียวกัน ก็มีของบางอย่างกระแทกไปบนหน้าของผู้ป่วย เสียงดังโพละ ผิวหนังใบหน้าจองเขาที่เดิมทีบวมเหมือนจุน้ำไว้ครึ่งถังก็แตกออกมาพรวดของเหลวที่อยู่ในหนังหน้าพ่นออกมาทั้งหมด สาดออกไปรอบด้านถ้าหากฟู่จาวหนิงช้าไปหน่อยเดียว ของเหลวพวกนั้นคงรดไปบนหน้านางแล้ว"อ๊า!"ผู้ป่วยร้องขึ้นมาของเหลวไหลลงมาทั้งหัวทั้งตัวเขา สาดไปในตาเขาา ไหลเข้าไปในโพรงจมูกหนังหน้าที่เดิมทีพองรับไว้จนใหญ่โต พอไม่มีของเหลวแล้ว ก็กองพับอยู่บนหน้าเขา แล้วยังมีส่วนหนึ่งปิดไปที่จมูกของเขา ทำเอาเสียงกรีดร้องของเขาดังลอดออกมาไม่ได้ใต้หนังหน้า ด้านใต้ของเหลวสีเหลืองข้นยังมีเนื้อสีขาวที่เน่าเปื่อย...พอมองแล้ว ทำเอาคนอยากจะสำรอกของที่กินไปออกมาจนหมด"เกิดอะไรขึ้น!""ทำไมเจ้าถึงแทงหน้าเขาจนทะลุ!""รีบช่วยเขาเร็ว"หลังจากได้สติกลับมา เหล่าหมอเทวดาก็ล้วนลุกพรวดขึ้นมา คำรามขึ้นอย่างร้อนรนแต่คนที่รีบเดินเข้าไปมีเพียงสามคน ประธานกงซุน
"ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าข้ากำลังรักษาอยู่หรือ? หรือว่าเป็นท่าน?" ฟู่จาวหนิงตอกกลับไปอย่างไม่หันหน้าหา ทำเอาเขาโมโหขึ้นมาทีเดียวประธานกงซุนถามขึ้น "เจ้าบอกว่าอาวุธลับหรือ?""ข้าจะหามันออกมา"ฟู่จาวหนิงใช้แหนบอ่อนคีบหนังหน้า ตรวจสอบอย่างละเอียดใบหน้าที่ผิวหนังเลือดเนื้อเหวอะหวะจนไม่เป็นรูปเป็นร่างนั้น นางก็ยังมองใกล้ๆ ได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนประธานกงซุนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ยื่นมือเข้าไปขวางซุนฉงหมิงที่เดินขึ้นมา"เป็นขนาดนี้แล้ว ลองให้สหายน้อยฟู่รักษาดู""ประธานาพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าผู้ป่วยคนนี้ตายลงที่นี่ ที่จะเสียหายคือชื่อเสียงของพวกเรา"ซุนฉงหมิงขมวดคิ้ว"พวกเราก่อนหน้านี้ก็ไม่กล้าจะลงมือกัน กลัวว่าจะทำหนังหน้าของเขาแตก แล้วจะจัดการได้ลำบาก" ประธานกงซุนเอ่ยขึ้น "แต่ตอนนี้ดูแล้ว พอแตกออกก็เหมือนจะรักษาได้ง่ายกว่า""ถูกต้อง" ฟู่จาวหนิงขานก้มหน้าก้มตาขานรับมาคำหนึ่ง "เดิมทีควรแทงให้แตกแล้วขับของเหลวออกมา"แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการที่รุนแรงแบบนี้เพียงแต่ตอนนี้เป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็รักษาก่อนแล้วกัน"ข้าขอบอกไว้ก่อนเลย หากผู้ป่วยคนนี้ตายไป ข้าจะประกาศต่อใต้หล้าว่าเป็นเจ
"ฉาบพิษเอาไว้ด้วยหรือ?"ประธานกงซุนหน้าเปลี่ยนสี ร้องเรียกคนขึ้นมาทันที "ใครก็ได้!"ด้านนอกมีคนหลายคนรีบเข้ามาคนเหล่านี้สวมชุดทะมัดทะแมง เครื่องประดับแบบเดียวกัน ดูแล้วน่าจะเป็นองครักษ์"ตรวจสอบในห้อง!"ที่นี่ยังมีม่านกันลมบางส่วน ชั้น ตู้อะไรพวกนี้อยู่ พื้นที่ค่อนข้างกว้าง เป็นไปได้ว่าจะมีคนซ่อนตัวอยู่"สืออีสือซาน!"ฟู่จาวหนิงก็ร้องเรียกคนบ้างหลังจากพวกเขาเข้ามาฟู่จาวหนิงก็ให้พวกเขานำคนป่วยพร้อมกับเตียงไปไว้ที่มุมหนึ่ง"ไป๋หู่ ฉากกั้นลม!"ไป๋หูย้ายฉากกั้นลมเข้ามา บังมุมนั้นเอาไว้พวกของประธานกงซุนมองเห็นการทำงานของพวกเขาก็ตกตะลึง จากนั้นจึงทยอยกันเข้ามาสืออีกพวกเขายืนคุ้มกันอยู่ด้านนอกฉากกั้นลม ต่อให้ในห้องยังมีมือสังหารซ่อนตัวอยู่ แต่ก็จะไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาลงมืออีกพระชายาของพวกเขาคิดจะช่วยผู้ป่วยอย่างเห็นได้ชัดพวกเขาติดตามฟู่จาวหนิงมานาน เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีถัดจากนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาก็ต้องคุ้มกันไว้ ให้พระชายาสามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย"แม่นางฟู่ทำอะไรน่ะ?"พวกของประธานกงซุนก็เบียดตัวเข้ามา เบียดมุมเล็กที่นำฉากกั้นลมมาบังไว้จนแน่
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่