"ฮูหยินใหญ่ของเจ้าหู่อยู่ที่เมืองหลวง ไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่บ้านฝ่ายหญิงเองก็ไม่ค่อยจะมีคน แค่ใช้ตัวตนฐานะฮูหยินใหญ่เจ้าเท่านั้น จึงยอมให้เจ้าหู่มีภรรยาผู้น้อย แต่ภรรยาผู้น้อยเหล่านั้นไปที่เมืองชายแดนทางเหนือก็อยู่ได้ไม่นานนัก แต่ได้ยินว่าฮูหยินรองคนนี้อยู่ที่นั่นได้สงบสุขดี แล้วยังมีลูกชายสองคนกับลูกสาวอีกหนึ่งคนให้กับเจ้าหู่อีกด้วย ดังนั้นเจ้าหู่จึงดีกับนางมาก"เซียวหลันยวนพอพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงจึงไม่มีอะไรจะพูดอีกการยอมให้สามีรับภรรยาผู้น้อยขึ้นเป็นบ้านหลัก แม้ว่านางจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ภายใต้พื้นหลังของยุคสมัยนี้ ก็ยังพอยอมรับได้ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นางนี่นะตอนนี้คำหนึ่งที่นางกลั่นกรองออกมาได้ก็คือ : จ้าวหู่ดีกับฮูหยินรองที่เป็นลูกสาวของตระกูลเจิ้งคนนี้มากอยู่"สืออี แล้วฮูหยินรองเจ้าคนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?""พวกเขาเพิ่งเข้าต้าชื่อได้ไม่เท่าไรก็เกิดเรื่องขึ้นที่สถานที่ที่ชื่อว่าเขาหนึ่งเส้น ฮูหยินรองถูกจัีบตัวไป ทหารกลุ่มเล็กที่คุ้มกันนางมาตายหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าจือซานที่หนีออกมาได้ อดทนจนมาส่งข่าวที่เมืองจี้ได้""ทำไมเขาไม่กลับไปที่เมืองชายแดนทางเหนือแคว้นเจาเพื่อส่งจดหมายก
"ไม่ถูกสิ!"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็คิดถึงจุดนี้ "นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว! ข้าเพิ่งจะไปที่บ้านตระกูลเจิ้ง ลูกสาวที่แต่งงานกับขุนพลแคว้นเจาของตระกุลเจิ้งทางนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น!"ในที่สุดนางก็รู้ถึงจุดแปลกๆ ในความคิดว่าเป็นอะไรแล้วบังเอิญเกินไปนาง ตระกูลเจิ้ง คุณหนูตระกุลเจิ้ง ขุนพลบัญชาการเมืองชายแดนแคว้นเจา เซียวหลันยวนจุดสำคัญพวกนี้หากเชื่อมเข้าด้วยกัน อาจจะกลายเป็นแผนร้ายขนาดใหญ่แผนหนึ่งได้"แต่ใครล่ะที่จะคำนวนให้ข้าไปทำการรักษาที่ตระกูลเจิ้งได้?"ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง นางอาจจะแค่คิดมากไปกระมัง?เซียวหลันยวนถอนหายใจ ดึงนางเข้ามากอด ตบลงไปเบาๆ ที่แผ่นหลังนาง ถือเป็นการปลอบประโลม ให้นางไม่ต้องขบคิดขนาดนี้"ข้าจะไปตรวจสอบ เจ้าไม่ต้องคิดมากแล้ว"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าในอ้อมกอดเขา"เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวหน่อย""เจ้าจะกลับเลย หรือว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ?" เซียวหลันยวนถาม"ข้าจะเดินทีนี่อีกหน่อย"จะอย่างไรนางก็ต้องยืนยันก่อนว่าเรื่องที่ช่วยนายท่านเจิ้งไว้เมื่อครู่เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ถูกใครจัดวางเข้ามาอย่างไร้ร่องรอย"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อย"เซียวหลันยวนผละออก
เซียวหลันยวนสีหน้าขรึมไปสิ่งที่เขาคิดตอนนี้คือ ก่อนหน้าที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิ จักรพรรดิต้าชื่อน่าจะพิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้ว จดหมายถ้าจะส่งไปถึงมือจักรพรรดิแคว้นเจาต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้นน่าจะส่งออกไปล่วงหน้าเช่นนั้น จักรพรรดิต้าชื่อก็วางแผนที่จะขัดขวางการแต่งงานขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น น่าจะยังมีคนอื่นที่เหมาะสมอยู่อีกและไม่รู้ว่าเรื่องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้หรือไม่แต่ว่านี่ไม่ใช่ขอบเขตที่เขาต้องกังวล"ท่านอ๋อง ตอนนี้ดูแล้ว องค์จักรพรรดิคงจะลงมือมาทางท่านแน่ ถ้าหากกลับไปแคว้นเจา สิ่งที่รอท่านอยู่อาจจะเป็นลมพายุฝนลูกใหญ่"ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิเองก็คอยแอบถ่วงแข้งถ่วงขา ลอบสังหาร วางยาพิษอะไรแบบนี้นานาสารพัด แต่ถึงอย่างไรก็ยังคอยใส่ใจชื่อเสียงอยู่ ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ของพี่ชายคนโตที่แสนดีเอาไว้ตอนนี้ก็ไม่แน่แล้วพอเห็นว่าสุขภาพของท่านอ๋องดีขึ้นมา องค์จักรพรรดิก็ยิ่งนั่งไม่ติดขึ้นทุกทีชิงอีเองก็อดกังวลไม่ได้ "ท่านอ๋อง กลับไปเมืองหลวง องค์จักรพรรดิจะหาเรื่องกักบริเวณท่านไหม?"ก่อนหน้านี้เดิมทีก็ยอมใ
พวกเขาไปตรวจสอบเรื่องของเจ้าหู่กับฮูหยินรองเจ้า ฟู่จาวหนิงกลับไปหาผู้อาวุโสจี้ผู้อาวุโสจี้พานางขึ้นไปชั้นสามชั้นสามเป็นห้องเหมาที่ใหญ่มากหลายห้อง ด้านในมีห้องหนึ่งที่เปิดแง้มอยู่ ด้านในมีเสียงพูดคุยลอดออกมาผู้อาวุโสจี้กดเสียงต่ำพูดกับฟู่จาวหนิง "พวกเขาคิดจะรอจนวันสุดท้ายจึงจะพิจารณารายชื่อเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ ข้ามีความคิดเห็นต่าง จึงเสนอกับพวกเขา ครั้งนี้เจ้าพวกหัวโบราณกลับตอบรับว่าจะเจอพวกหน้าใหม่แล้วพิจารณาก่อนเลย""พิจารณาก่อน?" ฟู่จาวหนิงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายถึงอะไร"คนที่เข้าร่วมใหม่ อย่างเช่นเจ้า ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกประธานกับรองประธาน ถ้าประธานเห็นด้วยให้เจ้าเข้าร่วม ก็แค่ต้องการอีกสองคนพยักหน้าให้ก็พอ ถ้าหากประธานไม่เห็นด้ย เช่นนั้นเจ้าก็ต้องมีคนห้าคนที่เห็นพ้องให้เจ้าเข้าร่วมจึงจะมีคุณสมบัติ""ห้าคน?"นี่ดูจะยากไปหน่อยนะ"อืม พวกเขาทั้งหมดมีสิบสองคน""ซุนฉงหมิงเองก็ใช่หรือ?""เขาเป็นแน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นรองประธาน และยังรองประธานสกุลเหยาอีกคน ผู้อาวุโสเหยาเป็นคนจากแคว้นหู แคว้นหูไม่ใช่แคว้นใหญ่ แต่ว่าวิชาแพทย์ของผู้อาวุโสเหยานั้นดีมาก"ต้องการให้เห็นด้วยจำนว
"เจ้ามาทำอะไรกัน? หมอหญิงจากตระกูลไหน?"ชายชราคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นและหมอเทวดาอันเองก็อยู่ที่นี่ พอเขาเห็นฟู่จาวหนิง ก็ยิ้มให้กับนาง "มาแล้วหรือ?"และก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของนายท่านเจิ้ง เพราะตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงอยากให้คนที่นี่รู้เรื่องนี้ไหม"คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าชื่อฟู่จาวหนิง มาจากเมืองหลวงแคว้นเจา ครั้งนี้มายื่นขอเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่..."ฟู่จาวหนิงแนะนำตนเองอย่างมีมารยาทก่อนนางเองก็ยิ้มตอบหมอเทวดาอันด้วย"พูดไร้สาระอะไร? เจ้าจะเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่? หมอหญิงของสมาคมหมอใหญ่ไม่จำเป็นต้องมายื่นขอกับพวกเราทางนี้ ถ้าหากที่นี่ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า เจ้าติดตามอาจารย์เจ้าก็ถือว่าเป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้ว" ชายชราคนหนึ่งเห็นว่านางอายุยังน้อย แล้วยังเป็นหญิงสาวอีก จึงตำหนิหน้าขรึมขึ้นมาคำหนึ่งหมอหญิงน่าจะเทียบเท่ากับผู้ช่วยหมอ เป็นคนที่คอยช่วยเรื่องสัพเพเหระ คอยแบกกล่องยาอยู่ข้างๆ หมอ จำเป็นต้องมายื่นขอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่กับพวกเขาเสียที่ไหนกัน?แล้วถ้าจะบอกตัวตนฐานะ แค่บอกว่าติดตามหมอคนไหนอยู่ก็พอแล้ว แล้วหมอคนนั้นถ้าเป็นสมาชิกของสมาคมหมอใหญ่ หมอหญิงก็ถือว่ามีตัวตนฐานะ
หญิงสาวจะมาเทียบได้อย่างไรกัน?"ข้าได้รับป้ายอนุญาตหมอสีม่วง ก็มายื่นขอไม่ได้หรือ? ถ้าหากยังมีการทดสอบ เช่นนั้นก็ทดสอบข้าเลยสิ ผู้อาวุโสทุกท่านไม่จำเป็นต้องปฏิเสธทันทีก็ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างสงบ"ทดสอบอะไรของเจ้า? หรือว่าเจ้าคิดจะมาท่องตำรับยาแก้หวัดใหญ่หรือไร? โรงหมอเมตตาเมืองหลวงแคว้นเจานี่อย่างไรกัน ให้ป้ายอนุญาตก็ให้กันส่งๆ แบบนี้ได้หรือ?" ชายชราชุดน้ำเงินคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงเย็นอีกครั้ง"ได้ยินว่าหมอเทวดาหลี่เมืองหลวงแคว้นเจาก็มาด้วย ลองถามดูไหม?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "หมอเทวดาหลี่? วิชาแพทย์ของเขายังสู้ข้าไม่ได้ ก็เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่น่ามีปัญหานะ""ซู๊ด"ตอนนี้เอง สายตาของซุนฉงหมิงที่มองนางก็เปลี่ยนไปแล้ว"พูดจาใหญ่โตไม่เบา!"พวกเขาล้วนถูกท่าทีกับน้ำเสียงเช่นนี้ของฟู่จาวหนิงทำให้โมโหเสียแล้ว พอกำลังจะพูดอะไร กงซุนซือไฉจึงเอ่ยขึ้น"สหายน้อยฟู่ในเมื่อมาแล้ว ลองดูคนป่วยคนนี้หน่อยเป็นอย่างไร?"พอได้ยินเขาเรียกตนเองว่าสหายน้อย ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกว่าลูกกลอนบำรุงหัวใจสองเม็ดที่ท่านอาจารย์ส่งให้เขาน่าจะเห็นผลขึ้นมาแล้วกงซุนซือไฉตอนนี้ให้โอกาสนางแล้ว
ฟู่จาวหนิงตรวจสอบดวงตาของผู้ป่วยแล้ว จากนั้นจึงเตรียมดูใบหูของเขา ขณะที่กำลังจะลองให้เขาเอียงตัวเล็กน้อย เสียงลมแผ่วเบาละเอียดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพริบตานี้เอง นางรีบถอยออกมาทันทีขณะเดียวกัน ก็มีของบางอย่างกระแทกไปบนหน้าของผู้ป่วย เสียงดังโพละ ผิวหนังใบหน้าจองเขาที่เดิมทีบวมเหมือนจุน้ำไว้ครึ่งถังก็แตกออกมาพรวดของเหลวที่อยู่ในหนังหน้าพ่นออกมาทั้งหมด สาดออกไปรอบด้านถ้าหากฟู่จาวหนิงช้าไปหน่อยเดียว ของเหลวพวกนั้นคงรดไปบนหน้านางแล้ว"อ๊า!"ผู้ป่วยร้องขึ้นมาของเหลวไหลลงมาทั้งหัวทั้งตัวเขา สาดไปในตาเขาา ไหลเข้าไปในโพรงจมูกหนังหน้าที่เดิมทีพองรับไว้จนใหญ่โต พอไม่มีของเหลวแล้ว ก็กองพับอยู่บนหน้าเขา แล้วยังมีส่วนหนึ่งปิดไปที่จมูกของเขา ทำเอาเสียงกรีดร้องของเขาดังลอดออกมาไม่ได้ใต้หนังหน้า ด้านใต้ของเหลวสีเหลืองข้นยังมีเนื้อสีขาวที่เน่าเปื่อย...พอมองแล้ว ทำเอาคนอยากจะสำรอกของที่กินไปออกมาจนหมด"เกิดอะไรขึ้น!""ทำไมเจ้าถึงแทงหน้าเขาจนทะลุ!""รีบช่วยเขาเร็ว"หลังจากได้สติกลับมา เหล่าหมอเทวดาก็ล้วนลุกพรวดขึ้นมา คำรามขึ้นอย่างร้อนรนแต่คนที่รีบเดินเข้าไปมีเพียงสามคน ประธานกงซุน
"ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าข้ากำลังรักษาอยู่หรือ? หรือว่าเป็นท่าน?" ฟู่จาวหนิงตอกกลับไปอย่างไม่หันหน้าหา ทำเอาเขาโมโหขึ้นมาทีเดียวประธานกงซุนถามขึ้น "เจ้าบอกว่าอาวุธลับหรือ?""ข้าจะหามันออกมา"ฟู่จาวหนิงใช้แหนบอ่อนคีบหนังหน้า ตรวจสอบอย่างละเอียดใบหน้าที่ผิวหนังเลือดเนื้อเหวอะหวะจนไม่เป็นรูปเป็นร่างนั้น นางก็ยังมองใกล้ๆ ได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนประธานกงซุนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ยื่นมือเข้าไปขวางซุนฉงหมิงที่เดินขึ้นมา"เป็นขนาดนี้แล้ว ลองให้สหายน้อยฟู่รักษาดู""ประธานาพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าผู้ป่วยคนนี้ตายลงที่นี่ ที่จะเสียหายคือชื่อเสียงของพวกเรา"ซุนฉงหมิงขมวดคิ้ว"พวกเราก่อนหน้านี้ก็ไม่กล้าจะลงมือกัน กลัวว่าจะทำหนังหน้าของเขาแตก แล้วจะจัดการได้ลำบาก" ประธานกงซุนเอ่ยขึ้น "แต่ตอนนี้ดูแล้ว พอแตกออกก็เหมือนจะรักษาได้ง่ายกว่า""ถูกต้อง" ฟู่จาวหนิงขานก้มหน้าก้มตาขานรับมาคำหนึ่ง "เดิมทีควรแทงให้แตกแล้วขับของเหลวออกมา"แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการที่รุนแรงแบบนี้เพียงแต่ตอนนี้เป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็รักษาก่อนแล้วกัน"ข้าขอบอกไว้ก่อนเลย หากผู้ป่วยคนนี้ตายไป ข้าจะประกาศต่อใต้หล้าว่าเป็นเจ