ฝั่งตรงข้ามก็เป็นโรงยาทงฝูพอดี เพียงไม่นานก็จัดยาเสร็จหมอเทวดาหลี่พอเห็นพวกเขาเชื่อฟู่จาวหนิงจริงๆ ตำรับยานั้นก็ไม่ให้หมอเทวดาอันอ่านก่อนด้วยซ้ำ จึงรู้ว่าตนเองตอนนี้อยู่บนเรือลำเดียวกับตระกูลเจิ้งไม่ได้แล้ว จึงสะบัดชายเสื้อชักสีหน้าปั้นยากเดินออกไปฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา หันไปกำชับกับคนตระกูลเจิ้งอีกสองสามเรื่อง จึงได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านหน้าอีกครั้ง"แม่นางฟู่ ขอเชิญท่านไปที่จวนของเราหน่อยได้ไหม ไปดูฮูหยินกับนายน้อย?"ฟู่จาวหนิงเดิมทีไม่คิดจะไป นางเองก็มาเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่นะ แต่พอคิดว่าการกินเห็ดจนติดพิษเองก็เป็นได้ทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก ร่างกายแตกต่างกัน ปริมาณการกินก็แตกต่างกัน สถานการณ์ของโรคก็อาจจะแตกต่างกันไปด้วย"บ้านตระกูลเจิ้งอยู่ห่างไปมากไหม?" นางถาม"ไม่ไกล เพราะอย่างนี้พวกเราจึงแบกนายท่านมาหาได้ทันที""ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเสียรอบหนึ่งแล้วกัน หมอเทวดาอันท่าน...""ไม่นางฟู่ไปก็พอ พวกเราจะขึ้นไปดูที่ชั้นบนก่อน เอาไว้ค่อยเจอกัน"ฟู่จาวหนิงจึงไปกับคนของตระกูลเจิ้งหมอเทวดาอันมองชายหนุ่มร่างใหญ่หลายคนเดินตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิง ก็อดถอนใจเบาขึ้นมาไม่ได้อั
นายท่านเจิ้งพอได้ยินหน้าก็เปลี่ยนสี แทบจะทรุดลงกับพื้น คนใช้ตระกูลเจิ้งรีบเข้ามาประคองเขา"เกิดอะไรขึ้นกัน?"ฮูหยินเจิ้งเองก็รีบคว้าข้อมือลูกชายไว้ "ข้ากับลูกชายไม่ได้ติดพิษแค่ชนิดเดียวหรือ?"นายน้อยเจิ้งดูอายุราวสิบหกสิบเจ็ด เมื่อครู่ยังแอบมองฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด ตอนนี้พอได้ยินคำพูดนี้ ใจเขาก็สั่นคร้าม ไม่สนเรื่องหลงใหลใบหน้าฟู่จาวหนิงอีกแล้ว"พวกเราไม่ได้ติดพิษจากเห็ดแดงแบบพ่อของข้าหรือ?"พอสิ้นเสียง เขาก็รู้สึกปวดขึ้นที่ท้อง เจ็บจนเขากรีดร้องขึ้นในทันที โค้งตัวงอลงไป"เจ็บจะตายอยู่แล้ว....""อี้เอ๋อร์!" ฮูหยินเจิ้งร้องขึ้นมา แต่ท้องของนางเองก็ปวดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความเจ็บปวดนี้มาอย่างเร่งด่วนและรุนแรง ราวกับมีกรงเล็บเหล็กคว้าลำไส้ของพวกเขาเอาไว้ เจ็บจนนางยังต้องโค้งเอวลงไป สีหน้าซีดเผือดในพริบตา"ฮูหยิน อี้เอ๋อร์!"นายท่านเจิ้งถูกประคองเข้ามา ตกตะลึงจนหน้าซีดเขากับฮูหยินมีลูกสาวอยู่สามคน คนสุดท้องคือลูกชายคนนี้ ลูกชายคนเล็กแบกภาระทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวทั้งสามล้วนแต่งงานออกไปหมดแล้ว ล้วนคิดกันว่าหลังจากนี้จะช่วยประคับประคองลูกชายคนเล็กคนนี้ พูดได้ว่
ฮูหยินเจิ้งเองก็ถอนใจยาว "ข้าเองก็เหมือนดีขึ้นแล้ว"เมื่อครู่ยังเจ็บจนพวกเขาอยากจะตายอยู่เลย แค่ชั่วสองประโยค ความเจ็บปวดนั้นก็เหมือนเป็นหายไปราวกับเป็นความหลงผิดอย่างไรอย่างนั้นถ้าไม่ใช่พวกเขายังเหงื่อออกเต็มหัว สองมือยังปวดจนเย็นเยียบ พวกเขาอาจจะคิดว่าความเจ็บปวดเมื่อครู่เป็นความรู้สึกหลงผิดจริงๆนายท่านเจิ้งเองก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ปวดแล้วจริงหรือ?""ไม่ปวดแล้วจริง"ฮูหยินเจิ้งผ่อนคลายลงมา สายตาที่มองฟู่จาวหนิงเรียกได้ว่ารักและเอ็นดูขึ้นมาแล้ว"ยานี้ของแม่นางฟู่ยอดเยี่ยมจริงๆ ซื้อมาจากที่ไหนหรือ? หรือว่าอาจารย์ของท่านเป็นคนสกัด?"ชายน้อยเจิ้งเอ่ยขึ้นทันที "ยังมีอีกไหม? ข้าขอซื้อจากท่านสักสองขวด"มียาแก้ปวดแบบนี้ด้วยหรือนี่!ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะซื้อ หลังจากนี้ถ้าตอนฝึกยุทธ์แล้วบาดเจ็บ หรือว่าไปเจออะไรข้างนอกเข้า กระทั่งคนในบ้านเจอกับอาการปวดัวอะไรเข้า กัดไปหนึ่งเม็ดก็ดีขึ้นแล้วเมื่อครู่แม้จะรู้สึกว่าขมด้วยเหม็นด้วย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีอยู่ หอมๆ หวานๆ"ข้าทางนี้เหลือแค่ขวดเดียวแล้ว แล้วเมื่อครู่ก็เปิดให้พวกท่านไปคนละหนึ่งเม็ด""เช่นนั้นข้าก็จะซื้อ""เอาเถอะ ในเมื่อนายน้อย
"นึกของที่พวกเจ้ากินในช่วงนี้ออกมาอย่างละเอียด เขียนออกมาให้ข้าดูหน่อย"ฮูหยินเจิ้งกับนายน้อยเจิ้งพวกเขาน่าจะกินอาหารที่มีพิษเข้าไป ในกระเพาะสะสมพิษเอาไว้ค่อนข้างมาก เป็นไปได้มากว่าจะกินเข้าไปวันละนิดๆเพียงแต่ของที่กินเข้าไปเป็นประจำ พวกเราก็สามารถนึกออกมาได้"อันที่จริงครั้งนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ พิษเห็ดแดงนี้ที่พวกท่านกินเข้าไปนั้นกระตุ้นให้เกิดอาการไวขึ้น" ฟู่จาวหนิงคิดๆ "ไม่เช่นนั้นถ้าพวกท่านยังสะสมพิษลงไปอีกระยะหนึ่ง ถึงตอนนั้นอาจจะใช้ยารักษาไม่ได้แล้ว""ไม่ใช่บอกว่าเห็ดแดงนี้ทำให้พิษรวมกันเป็นพิษใหม่หรอกหรือ? ครั้งนี้เห็ดแดงน่าจะเป็นตัวหลักกระมัง?" นายท่านเจิ้งงุนงง"น่าจะไม่ใช่ เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้"เพราะนางเพิ่มถามไป คนที่ชอบกินเห็ดมากที่สุดคือนายท่านเจิ้ง ฮูหยินเจิ้งกับนายน้อยเจิ้งแค่มากินด้วยกันเล็กน้อยเท่านั้น ปริมาณไม่มากนักถ้าหากคิดจะใช้เห็ดแดงมาสังหารพวกเขา อีกฝ่ายน่าจะให้พวกเขากินมากกว่านี้หน่อยจึงจะถูก"ข้าจะให้พ่อครัวกับคนใช้เอาของที่กินไปช่วงนี้เขียนออกมา ถึงตอนนั้นก็ขอเชิญแม่นางฟูมาตรวจสอบให้ด้วย" นายท่านเจิ้งตอนนี้ไ
ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองนายท่านเจิ้งผาดหนึ่ง คิดออกถึงปัญหานี้เช่นกันแต่ท่าทางการตรวจสอบของนางไม่ได้หยุดลง กดนิ้วอยู่บนหน้าอกเขาครู่หนึ่ง ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้าก็เจ็บปวดจนร้องขึ้นมาทันทีเสียงร้องนี้ทำเอานายท่านเจิ้งได้สติกลับมา"ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้า ลูกสาวของข้าเกิดเรื่องขึ้นใช่ไหม? นางเป็นอย่างไรบ้าง?"พอได้ยินคำนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่านายท่านเจิ้งเองก็เป็นคนดี อย่างน้อยก็พ่อที่เป็นห่วงลูกสาว เขาเห็นอยู่แท้ๆ ว่าที่ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้ามาปรากฏตัวที่นี่นั้นมีปัญหา แต่สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือการเป็นห่วงเป็นใยลูกสาว"ฮูหยินรอง ไม่ ไม่เป็นไร..." ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้าพูดไม่กี่คำนี้ออกมาอย่างยากลำบากแต่นายท่านเจิ้งฟังแล้วก็โล่งใจ"บนตัวเขามีแผล" ฟู่จาวหนิงเห็นเสื้อผ้าตรงหน้าอกมีรูอยู่รูหนึ่ง ทะลุขาดทะลุ น่าจะเป็นของมีคมอะไรบางอย่างแทงเข้าไป แต่เลือดไหลไม่เยอะ "น่าจะเป็นอาวุธลับ อาวุธลับที่มีพิษ"พิษอีกแล้วหรือ...นายท่านเจิ้งมองฟู่จาวหนิง "เช่นนั้นแม่นางฟู่ ยาลูกกลอนพิษเมื่อครู่นั่นกินได้ไหม?""กินได้ แต่เขาต้องจัดการบาดแผลด้วย"ฟู่จาวหนิงตรวจสอบขาของผู้บัญชาการหนุ่มเจ้า "ขาของเขากระดูกหัก"
ฟู่จาวหนิงลองมองดูก่อน ขณะที่กำลังจะเตรียมไปดูอาการผู้ป่วยคนหนึ่งที่มีหมออยู่เพียงสองคน ก็มีชายกลางคนในชุดคลุมสีดำโพกผ้าคลุมดำสองคน เดินเข้ามาขวางนางไว้พวกเขาพิจารณาตัวฟู่จาวหนิง ขมวดคิ้ว แต่คำพูดจาก็ยังค่อนข้างเกรงใจ"แม่นางที่นี่คือโถงวินิจฉัยของสมาคมหมอใหญ่ คนทั่วไปเข้ามาไม่ได้ ท่านมีป้ายอนุญาตหมอไหม?"ฟู่จาวหนิงหยิบป้ายสีม่วงออกมาพวกเขาพอเห็นป้ายสีม่วงก็ตกตะลึงทันที"แม่นางสกุลฟู่หรือ?""ใช่ ข้าชื่อว่าฟู่จาวหนิง""เป็นแม่นางฟู่จริงๆ ด้วย ชื่อของท่านพวกเราเคยได้ยินมาก่อน แม่นางฟู่วิชาแพทย์เก่งกาจเกินใคร ประธานของพวกเรายังกำชับไว้ว่า หากแม่นางฟู่มาแล้ว ขอเชิญท่านเข้าไปพบเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงถึงแม้จะรู้เรื่องสมาคมหมอใหญ่มาตลอด แต่นางเองก็ยังไม่รู้ว่าสมาคมหมอใหญ่ก็ยังมีประธานอยู่ด้วย และยังไม่รู้ว่าประธานคนนี้เป็นใครก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นท่าทางซุนฉงหมิงจากแคว้นหมิ่นกำเริบเสิบสานเสียขนาดนั้น เขาคงจะไม่ใช่ประธานหรอกกระมัง?ถ้าเป็นเขาจริง เช่นนั้นก็คงจะลำบากหน่อยแล้ว เพราะนางไม่ชอบซุนฉงหมิงเอาเสียเลย"ประธานอยู่ที่ไหนหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองไปรอบๆนางไม่ได้พูดชื่อซุนฉงหมิงออกมา
ผู้ดูแลหลินกับผู้ดูแลไช่ประสานมือให้นาง จากนั้นจึงเดินออกไป พวกเขายังต้องไปดูหมอคนอื่นอีกฟุ่จาวหนิงบอกว่าจะขอดูก่อน นั่นก็คือดูจริงๆนางเดินวนไปรอบหนึ่ง สืออีก็กลับมาแล้วพอสืออีปรากฏตัว ฟู่จาวหนิงจึงออกไป พาพวกเขาลงไปชั้นล่าง หามุมเงียบๆ มุมหนึ่ง แล้วฟังข้อมูลที่เขาได้ยินมา"พระชายา ค่ายทหารที่เมืองชายแดนทางเหนือแคว้นเจาวุ่นวายขึ้นมาแล้ว"สีหน้าสืออีเคร่งขรึมมากฟู่จาวหนิงได้ยินข่าวนี้แล้วตกตะลึง"เกิดอะไรขึ้น?""ผู้บัญชาการหนุ่มคนนั้นชื่อว่าเจ้าจือซาน เขาเป็นผู้บัญชาการหนุ่มที่ได้รับความเชื่อมั่นจากขุนพลหู่ เหมือนว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกันกับขุนพลหู่ด้วย จากที่เขาบอก เมืองชายแดนทางเหนือหลายปีนี้ถือว่ามั่นคงปกติสุขดี แค่มีพวกโจรตัวเล็กตัวน้อยเข้ามาปล้นสะดมบ้างเป็นครั้งคราว คนเหล่านั้นก็แค่คิดจะขโมยพวกเสื้อผ้าอาหารเท่านั้น ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร""แต่ช่วงครึ่งเดือนก่อน พวกโจรที่กระจายตัวอยู่ป่านอกด่านจู่ๆ ก็ถูกขัวอำนาจลึกลับรวบรวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกองทัพผสมสามพันคนกลุ่มหนึ่ง"ฟู่จาวหนิงฟังถึงจุดนี้ โบกไม้โบกมือ บอกกับสือซานว่า "ส่งสัญญาณหาท่านอ๋องพวกเจ้าให้เขามาที่
"ฮูหยินใหญ่ของเจ้าหู่อยู่ที่เมืองหลวง ไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่บ้านฝ่ายหญิงเองก็ไม่ค่อยจะมีคน แค่ใช้ตัวตนฐานะฮูหยินใหญ่เจ้าเท่านั้น จึงยอมให้เจ้าหู่มีภรรยาผู้น้อย แต่ภรรยาผู้น้อยเหล่านั้นไปที่เมืองชายแดนทางเหนือก็อยู่ได้ไม่นานนัก แต่ได้ยินว่าฮูหยินรองคนนี้อยู่ที่นั่นได้สงบสุขดี แล้วยังมีลูกชายสองคนกับลูกสาวอีกหนึ่งคนให้กับเจ้าหู่อีกด้วย ดังนั้นเจ้าหู่จึงดีกับนางมาก"เซียวหลันยวนพอพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงจึงไม่มีอะไรจะพูดอีกการยอมให้สามีรับภรรยาผู้น้อยขึ้นเป็นบ้านหลัก แม้ว่านางจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ภายใต้พื้นหลังของยุคสมัยนี้ ก็ยังพอยอมรับได้ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นางนี่นะตอนนี้คำหนึ่งที่นางกลั่นกรองออกมาได้ก็คือ : จ้าวหู่ดีกับฮูหยินรองที่เป็นลูกสาวของตระกูลเจิ้งคนนี้มากอยู่"สืออี แล้วฮูหยินรองเจ้าคนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?""พวกเขาเพิ่งเข้าต้าชื่อได้ไม่เท่าไรก็เกิดเรื่องขึ้นที่สถานที่ที่ชื่อว่าเขาหนึ่งเส้น ฮูหยินรองถูกจัีบตัวไป ทหารกลุ่มเล็กที่คุ้มกันนางมาตายหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าจือซานที่หนีออกมาได้ อดทนจนมาส่งข่าวที่เมืองจี้ได้""ทำไมเขาไม่กลับไปที่เมืองชายแดนทางเหนือแคว้นเจาเพื่อส่งจดหมายก