พอเดินตรงไปอีกระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่ารอบด้านล้วนเป็นป่าไม้ไปหมดแล้ว"ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่ายังไหวไหม?" ต่งฮ่วนจือถามผู้อาวุโสจี้ขึ้นอย่างกังวลผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือ "ข้ายังเดินได้อีกสองชั่วยาม!"ต่งฮ่วนจือหยุดชะงักอันที่จริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆเพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้วเขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วอาจารย์มายังเมืองจี้ แค่ออกไปเดินข้างนอกสองรอบพอกลับมาก็ดูเหนื่อยล้ามาก แล้วในภูเขานี้ก็เดินลำบาก พวกเขาเมื่อครู่ก็เดินกันมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เขาจึงอยากจะถามท่านอาจารย์ดูว่าจะนั่งพักหน่อยไหมคิดไม่ถึงว่าจะเห็นท่านอาจารย์มีท่าทีเต็มไปด้วยกำลังวังชาแบบนี้รู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้ ท่านอาจารย์ดูหนุ่มขึ้นอย่างไรอย่างนั้นผู้อาวุโสจี้มองสายตาเขา เข้าใจความคิดของเขาขึ้นมาทันที เขาสนุกขึ้นมาเสียแล้ว ยื่นมือมาตบที่บ่าของต่งฮ่วนจือ ดูจะภูมิใจหน่อยๆ"เจ้ารู้สึกว่าสุขภาพอาจารย์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?""ท่านอาจารย์น่าจะมีวิธีบำรุงสุขภาพที่ดี...""มีวิธีอะไรเสียที่ไหนกัน ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าให้มาต่างหาก แล้วก่อนหน้านี้ยังกินอาหารยาจีนไปอีกหลายอย่างด้วย เห็นผลลัพธ์เส
"ท่านอาจารย์ เช่นนั้นพวกเราเดินไปทางทิศใต้ดีไหม?" ต่งฮ่วนจือถามความเห็นผู้อาวุโสจี้อีกครั้งผู้อาวุโสจี้เดินไปไม่กี่ก้าว ก็นั่งยองลงมองพื้นดิน มองๆ ต้นไม้ตรงหน้า จากนั้นจึงสัมผัสกับสายลม มองดวงตะวัน ขมวดคิ้ว"ข้าทำไมถึงรู้สึกว่า เดินไปทางเหนือแล้วจะดีกว่า?"หืม?ต่งฮ่วนจือไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา ไม่ใช่ว่าทางเหนือมีบ่ออันตรายนั่นอยู่หรือ? เมื่อครู่คนเหล่านั้นยังเตือนว่าอย่าเดินไปทางเหนืออยู่เลย"ข้าก็คิดว่าท่านอาจารย์พูดถูก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยตามขึ้นมาเพราะลมในตอนนี้พัดมาจากทางใต้ นำกลิ่นคาวหญ้าที่ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยดีนักมาด้วยด้านเหนือดูแล้วหญ้าจะเตี้ยกว่าหน่อย ต้นไม้เองก็ค่อนข้างเบาบางด้วยด้านเหนือกลับมีป่ารกทึบราวกับดินแดนลี้ลับ"เช่นนั้นก็ฟังท่านอาจารย์แล้วกัน" ต่งฮ่วนจือเลือกฟังพวกเขาพวกเขาหันเปลี่ยนไปทางเหนือ เพียงครู่เดียวซือถูไป๋กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เดินมาถึงจุดนี้ ตอนที่มาถึงพวกเขาแน่นอนว่าต้องพบกับคนที่บาดเจ็บเหล่านั้น ซือถูไป๋เองก็ถามพวกเขาไปสองสามคำ"ผู้อาวุโสจี้ไปทางไปไหนหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไปทางซือถูไป๋ซือถูไป๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "องค์หญิงใหญ่ฝ
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาด้วยหรือ? หรือยู่ที่ไหนกัน?สำหรับจุดนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจมาก"นางมาทำอะไร?"นางยังคิดว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิต้าชื่อน่าจะดึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอาไว้แต่ในวังจักรพรรดิสิ จำกัดให้อยู่แต่ข้างกายเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยให้นางออกมาแบบนี้"ที่นี่ในเมื่อมีวัตถุดิบยาชั้นดี นางจะต้องมาแน่ๆ ยิ่งไปกว่นั้นยังมีงานประชุมหมอใหญ่อีกด้วย""ดูจากตัวตนฐานะของข้า ข้าทำไมถึงรู้สึกว่าหมอใหญ๋ตอนนี้ไม่ค่อยได้รับความเคารพเท่าไรเลย" ฟู่จาวหนิงอดเย้าแหย่ขึ้นมาไม่ได้ "ไม่เช่นนั้นตอนข้าอยู่ที่เมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ องค์จักรพรรดิต้าชื่อทำไมถึงไม่เชิญข้าเข้าไปในวังจักรรพรรดิอย่างนอบน้อม จัดงานเลี้ยงอะไรให้ข้าบ้าง?""เจ้าอยากไปกินเลี้ยงในวังจักรพรรดิต้าชื่อหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าไม่ได้สนใจวังเลยสักนิด" ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ชอบวังจักรพรรดิแล้วจริงๆ ในวังทำเอาอึดอัดหายใจไม่ออกพวกเจ้านายแก่งแย่งชิงดี เหล่าข้าทาสก็มองตนเองต่ำต้อย พอคิดถึงโชคชะตาทั้งชีวิตของพวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ไม่รู้สึกว่าจะสบายเลยยิ่งไปกว่นั้นคนที่อยู่ในตำแหน่งแค่พูดคำสองคำก็ทำเอาหัวคนหลุดจากบ
พวกเขาเดินไปต่อด้านใน ตอนนี้เวลาน่าจะประมาณสามโมงครึ่งแล้ว พวกเขาเดินมาในป่าอยู่นานสองนานก็ยังไม่พบหน้าผาเล็กอะไรเลย ราวกับว่าอยู่แต่ในป่ามาตลอด ที่นี่มืดมิดเสียจนทำเอาคนหลงทางออกไปไม่ได้เลยทีเดียวจู่ๆ ก็มีศิษย์พันธมิตรโอสถคนหนึ่งร้องขึ้นมา"ตรงนี้มีคน!"เขาชี้ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งใต้ต้นไม้มีคนนั่งอยู่บนพื้นสองคน เอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ก้มหน้าต่ำ ดูแล้วเหมือนเดินจนเหนื่อยแล้วนั่งลงพักผ่อนที่ตรงนั้นแต่พวกเขามากันเยอะขนาดนี้ สองคนนั้นกลับไม่สังเกตเห็นเลย สิ่งนี้ทำให้รู้สึกผิดปกติ"พวกเราจะเข้าไปดูหน่อย"สืออีสือซานบอกกับฟู่จาวหนิง ยกเท้าเดินเข้าไป"ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเตือนขึ้นมาคำหนึ่งสืออีเพิ่งเดินไปถึงตรงหน้าคนทั้งสอง จู่ๆ คนหนึ่งในนั้นก็เงยหน้าขึ้นกะทันหัน ตาทั้งคู่ถลึงโต เหมือนตกใจกลัวอย่างไรอย่างนั้น คอเอนมาด้านหน้า ร่างกายเกร็งแข็ง ดูคล้ายกับจะกระโจมพุ่งเข้าหาพวกเขาทันทีก่อนหน้านี้ยังดูเหมือนหลับลึกอยู่แท้ๆ แต่ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนการเคลื่อนไหว แล้วยังทำเอาคนสะดุ้งโหยงไปอีกด้วยสืออีกับสือซานกวาดพื้นแล้วชักกระบี่ ชี้ไปทางเขาอีกคนหนึ่งยังไม่ขยับเขยื้อนชายหนุ
ฟู่จาวหนิงไม่อยากจะให้คนขององค์จักรพรรดิเห็นเซียวหลันยวนโดยตรงเซียวหลันยวนกระโจนตัวขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ด้านหลังนางซือถูไป๋ตอนนี้จึงเดินตรงเข้ามา"ผู้อาวุโสจี้ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?""ข้าไม่เป็นไร!" ผู้อาวุโสจี้แม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีกับซือถูไป๋นัก และรู้ว่าเขามาเพราะฟู่จาวหนิง แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรเขาก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เขาจะไม่ตอบก็กระไรอยู่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็เดินตรงมาทางนี้เช่นกัน องครักษ์หลายคนของนางแบ่งเป็นสองกลุ่ม มีส่วนหนึ่งกันอยู่ด้านหน้า และมีอีกสองคนเดินอยู่ข้างๆ ไม่ห่างจากนางนักสืออีกพวกเขาล้วนขวางกระบี่อยู่เบื้องหน้า มองไปยังวัตถุสีดำที่เกาะอยู่บนต้นไม้ทางนั้นไม่วางตาและกันพวกฟู่จาวหนิงเอาไว้ด้านหลังวัตถุสีดำชั้นเกาะอยู่บนต้นไม้ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ ไม่ถึงกับไม่ขยับเขยื้อนเสียทีเดียว ปีกของมันเหมือนจะขยับขึ้นๆ ลงๆ เล็กน้อยเหมือนความถี่การหายใจมองเช่นนี้ ดูคล้ายกับผีเสื้อกลางคืนสีดำตัวหนึ่ง แต่ขนาดใหญ่เท่าค้างคาวแต่ตอนนี้ใครเองก็ไม่กล้ามองมันเป็นแมลงผีเสื้อกลางคืนปกติแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อครู่มันก็ถูกกระบี่ฟันเข้าแต่กลับไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยว่าตามหลักการ กำลั
เพราะต้าชื่อกับแคว้นเจาเป็นเพื่อนบ้านกัน สองแคว้นนี้จึงอยู่ใกล้ที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นจุดเริ่มก็ใกล้เคียงกัน ความเร็วและระยะเวลาในการรุ่งเรื่องก็ใกล้เคียงกัน ดังนั้นการไปมาหาสู่จึงมีมากที่สุดแต่สองแคว้นนี้พอเทียบกับแคว้นหมิ่นและตงฉิง ประวัติศาสตร์ยังยาวนานไม่พอเพียงแต่แคว้นหมิ่นอยู่ห่างออกไปไกลหน่ยอฟู่จาวหนิงมองชายชราคนนั้นหูของนางได้ยินเสียงของเซียวหลันยวน เขาสื่อเสียงรหัสลับมา ไม่ให้คนอื่นได้ยิน"ก่อนหน้านี้ตอนที่แคว้นหมิ่นเจริญรุ่งเรืองที่สุด แคว้นเจากับต้าชื่อยังเพิ่งจะออกเดิน ตื่ชื่อได้เปิดแคว้นจากความช่วยเหลือของตระกูลเสิ่น ส่วนจักรพรรดิองค์ก่อนของแคว้นเจาก็เคยเป็นบุตรชายตัวประกันของแคว้นหมิ่นคนหนึ่ง"ซู๊ดหรือก้คือ แคว้นหมิ่นเป็นพี่ใหญ่สินะ?ซุนฉงหมิงคนนั้นแม้จะอายุหกสิบกว่าแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังแดงประกาย สายตาคมกริบฟู่จาวหนิงสังเกตเห็นว่าแม้เขาจะถูกประคองอยู่ แต่ความเป็นจริงคือเพราะขาพลิกไปแล้ว ดูจากสภาพของเขา ถ้าหากขาไม่ได้พลิก ก็น่าจะคล่องแคล่วอยู่ในป่านี้พอสมควรยิ่งไปกว่านั้นซุนฉงหมิงยังสวมชุดคลุมสีม่วงเข้มทั้งตัวด้วย บนหัวสวมกวานสีม่วงทอง ดูแล้วสูงส่งมากแค่มองก
ซุนฉงหมิงพอพูดออกมา สีหน้าของพวกต่งฮ่วนจือก็ดูไม่ดีเสียแล้ว"คำพูดคำจาของผู้เฒ่ารองซุนหนักข้อกว่าปีก่อนๆ นี้อีกนะ" ผู้อาวุโสจี้ร้องเฮอะขึ้นมา"สหายจี้ควรจะฟังคำแนะนำที่ดีด้วยนะ พวกเจ้าลองดูสิ วัตถุดิบยาชั้นดีอย่างแมลงผีเสื้อกลางคืนเหล็กนั่น เจ้าก็ยังไม่รู้จักเลยกระมัง?"ซุนฉงหมิงตอนที่พูด คนหนุ่มเหล่านั้นของตระกูลซุนก็จัดการลดวงล้อมเข้ามา ค่อยๆ เดินเข้าไปยังต้นไม้ใหญ่ที่แมลงผีเสื้อกลางคืนเหล็กตัวนั้นเกาะอยู่ชายหนุ่มที่หยิบถุงคนนั้นตอนที่เดินไม่มีเสียงเลย การเคลื่อนไหวแผ่วเบาเอามากๆ สองคือเขาจับถุงเอาไว้ชายหนุ่มอีกด้านหนึ่งในมือหยิบกระบอกไม้ไผ่ ตอนที่เข้าใกล้จู่ๆ ก็ยกกระบอกไม้ไผ่ไว้ข้างปาก เป่าควันกลุ่มหนึ่งออกไปใส่แมลงผีเสื้อกลางคืนเหล็กตัวนั้นพรึ่บแมลงผีเสื้อกลางคืนตัวนั้นบินทะยานขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนที่เจอเข้ากับควันความเร็วของมันก็ชะงักไป พริบตานี้เอง ถุงในมือของชายหนุ่มก็ครอบลงไปที่ตัวมันจัดการเก็บมันเข้าไปในถุงอย่างรวดเร็ว"จับได้แล้ว!"เขามัดปากถุงแน่นอย่างไว ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็รีบเป่าควันไปทางถุงอีกสองฟอดการบินกระแทกในถุงอย่างรุนแรงด้านใน เพียงไม่นานก็หยุดลง ท้า
"เจ้าคือ?"ซุนฉงหมิงมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่สวมผ้าบางไว้บนหัว"ข้าคือ..."ซือถูไป๋เดินขึ้นขวางนางไว้"ได้ยินชื่อเสียงของผู้เฒ่ารองซุนมานาน ซือถูไป๋แห่งโรงยาทงฝูขอคารวะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจู่ๆ ถูกเขาบังไว้ด้านหลัง จึงมองแผ่นหลังซือถูไป๋อย่างประหลาดใจ แต่นางก็ยังปิดปากลงไม่พูดต่อ และก็ไม่คิดจะอ้อมตัวเขาเดินขึ้นไปอีก แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างหลังเขา"คุณชายน้อยโรงยาทงฝูหรือ? เคยได้ยินมาเหมือนกัน"ซุนฉงหมิงพิจารณาตัวซือถูไป๋ แต่ก็พูดแค่คำเดียวเท่านั้น ไม่รู้สึกสนใจจะพูดอะไรต่อ"สหายจี้ ถึงอย่างไรข้าก็เล่าสถานการณ์หมู่บ้านเล็กนั้นแล้ว ตอนนี้พวกชาวบ้านน่าจะย้ายบ้านกันหมดและตรงไปยังแคว้นหมิ่นเรียบร้อย พวกเจ้ายังจะเข้าไปในหมู่บ้านอีกหรือ?"พูดจบก็ไม่รอให้ผู้อาวุโสจี้ตอบ เขากวักมือ พาคนหนุ่มในตระกูลเหล่านั้นออกไป "พวกเราขอตัวก่อน ไปเจอกันที่เมืองจี้แล้วกัน"แล้วพวกเขาก็ออกไปรอจนไม่เห็นร่างของพวกเขา ไม่ได้ยินเสียงพวกเขาแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงยื่นมือมาสะกิดแผ่นหลังซือถูไป๋"ทำไมท่านไม่ให้ข้าพูด?""ผู้เฒ่ารองซุนไม่ใช่แค่วิชาแพทย์ร้ายกาจ แต่ยังถนัดใช้พิษอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่