เซียวหลันยวนตอนนี้ไม่กลัวแม่นางคนอื่นจะใจสลายแล้วสินะ นี่มันน่าโมโหหน่อยๆ หรือเปล่า? คนอื่นเขาเอามามอบให้ตัวเองแท้ๆ"หนิงหนิง"สายตาของเซียวหลันยวนมองเข้ามา ร้องเรียกนางขึ้นฟู่จาวหนิงสาวเท้าเดินเข้ามาเฉินฮ่าวจูหันกลับไปมองนาง ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง หน้าของนางก็แดงก่ำ รีบหันไปคารวะให้นาง "ข้า ข้าขอตัวก่อน"พูดจบนางก็หนีออกไปเหมือนวิ่งหนี"ข้ากำลังจะแนะนำเจ้าเลย แต่นางวิ่งไวเหลือเกิน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงมองเขา เกิดความคิดจะเย้าแหย่ขึ้น "ท่านคิดจะแนะนำข้า?""ฮูหยินของข้า" เซียวหลันยวนพูดต่อ"เช่นนี้หรือ?""ไม่อย่างนั้นล่ะ" เซียวหลันยวนก้มหน้าต่ำ แนบเข้ามาข้างหูนาง กระซิบเสียงต่ำ "ดวงใจของข้า?""พรวด!"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหวหัวเราะก๊ากขึ้นมาคนผู้นี้! ไปเรียนวิธีแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไรกัน?ชิงอียกของอยู่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร "ท่านอ๋อง พระชายา นี่ให้ข้าจริงหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมอง "ไม่อย่างนั้นล่ะ เจ้าอยากให้สามีของข้าสวมปลอกแขนที่แม่นางคนอื่นเย็บขึ้นด้วยตนเองหรือไรกัน?""ไม่ๆๆ ได้อย่างไรกัน! ข้าน้อยจะเก็บไว้!" ชิงอีตกใจสะดุ้งโหยง"ท่านรับของไว้เพราะอะไร
หมู่บ้านนั้น ไม่มีชื่อหลักๆ คือก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ตอนนั้นหลังจากที่พวกพ่อค้ายาเข้าไปก็ไม่ได้ถามชื่อหมู่บ้าน ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเวลาเรียกขึ้นมาจึงเรียกว่าหมู่บ้านนิรนามว่ากันว่าหมู่บ้านนิรนามอยู่บนหน้าผาเล็กแห่งหนึ่ง ถ้าจะไปก็ต้องปีนทางเนินชัน แล้วบนทางเนินชั้นนั้นยังมีวัชพืชรกครึ้มรวมถึงหินแหลมคมอีกไม่น้อย ดังนั้นคนของหมู่บ้านนี้จึงไม่ค่อยจะลงมานัก และไม่มีคนขึ้นไปด้วยตอนนี้พวกเขากระทั่งหน้าผาเล็กนั่นก็ยังหาไม่เจอ"ป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์จริงๆ แล้วยังแปลกอีกด้วย ข้าในน่าจะมีต้นน้ำอยู่ ชื้นเอามากๆ แล้วยังเย็นอีกด้วย พอตกค่ำลมหนาวนั่นก็จะพัดเข้าไปถึงในกระดูกเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าหลงทางอยู่ด้านในก็ลำบากแน่"ต่งฮ่วนจือไปด้วยกันกับพวกเขาระหว่างทางเขาก็บอกถึงข่าวที่ตนเองไปหามาให้พวกเขาฟัง"ตอนนี้ยังไม่มีใครบอกว่าเจอทางเข้า พวกเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปค้างคืนในป่า เพียงแค่ทิ้งคนไว้ด้านนอกป่า ก่อไฟ พอฟ้าตะวันตกเริ่มมืดแล้วยังหาไม่เจอ ก็จะรีบกลับออกมากัน จะค้างแรมในป่าไม่ได้"พ่อค้ายาหลายคนนั้นตอนแรกได้เข้าไปจากทางนี้ พวกเขาวนไปเวียนมาในเขาลึกหลายวัน ถึงไปเจอกับชาวบ้านของหมู
มีคนทักผู้อาวุโสจี้อยู่ตลอดทาง"ผู้อาวุโสจี้ ท่านเองก็มาเมืองจี้ด้วยหรือ?""ผู้อาวุโสจี้ ไม่เจอกันเสียหลายปี นายท่านของข้าเองก็มาด้วยเช่นกัน"พวกเขาทักทายกับผู้อาวุโสจี้ จากนั้นก็มองต่งฮ่วนจือ น่าจะพอเดาถึงตัวตนฐานะเขาได้แล้วแต่พอเห็นฟู่จาวหนิง ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกาย ไม่รู้จัก แต่เดาได้ แต่ก็ยังไม่อาจยืนยันระหว่างทางมีสายตาคนไม่น้อยตกมาอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหันหน้าเหลือบมองไปตอนที่เพิ่งลงรถม้าก่อนหน้า เซียวหลันยวนเองก็บอกนางแล้ว ว่าเขาจะคอยดูนางจากมุมมืด ไม่เผยตัวออกมาฟู่จาวหนิงคิดถึงตัวตนฐานะเขา จากนั้นก็คิดถึงว่าองค์จักรพรรดิต้าชื่อยังวาดรูปเพื่อตามหาเขา จึงไม่ได้คัดค้านอะไรตอนนี้พอเห็นว่าจุดพักผ่อนนี้มีคนมากมายกำลังจับจ้องนาง นางจึงรู้่สึกว่าเซียวหลันยวนตัดสินใจได้ถูกต้องถ้าเขาอยู่ข้างกายนาง คงถูกเปิดโปงในเวลาไม่นานแน่นอนเพียงแต่ตอนนี้ที่นี่คนเยอะมาก นางเองก็ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนไปหลบอยู่ตรงมุมมืดไหน"จาว..."เสียงหนึ่งดังขึ้น ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนมาเรียกนางอีกอย่าง"แม่นางฟู่"ฟู่จาวหนิงมองไปตามเสียง ก็เห็นซือถูไป๋ในชุดคลุมขาวพระจันทร์
ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มที่ริมฝีปากจึงแข็งทื่อไปฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่คิดอยากจะพูดกับเขาเลยสักคำหรือ?พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนเก่ากันอยู่กระมังเพื่อนที่รู้จักจากแคว้นเจา มาเจอกันอีกครั้งในเมืองจี้ที่ไกลขนาดนี้ ถ้าตามหลักการถ้าคุยกันบ้างก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่เขาเห็นนางมากับผู้อาวุโสจี้ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะสนใจกับวัตถุดิบยาของหมู่บ้านนิรนามนี้แน่นอนเขาเองยังคิดจะเอาข่าวที่หามาเล่าให้นางฟังอยู่ ถือว่าเป็นการแบ่งปันให้นางซือถูไป๋หัวเราะขืนๆ ขึ้นมาเสียงหนึ่งด้านหลังเขามีแม่นางสวมผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา มองๆ แผ่นหลังฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองซือถูไป๋"คุณชายซือถือดูท่านจะปล่อยว่างแม่นางฟู่ไม่ลงเสียแล้ว" เสียงของนางแผ่วเบาเอามากๆ แค่ให้ซือถูไป๋ได้ยินเท่านั้นซือถูไป๋หันกลับมา สบตากับสายตาสุกใสของนาง ประหลาดใจ"องค์หญิงใหญ่พูดเรื่องน่าขันเสียแล้ว"ถูกต้อง คนผู้นี้คือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเพียงแต่นงตอนนี้สวมเสื้อผ้าชุดสามัญ คลุมหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมบาง บนเส้นผมก็ไม่ได้มีเครื่องประดับใด ราวกับล้างเอาความหรูหราออกไปจนหมด ไม่ได้ดูเด่นสะดุดตาเลย"ไม่ใช่บอกให้เรียกข้าว่าแม่นาง
ดังนั้นก่อนหน้าที่จะปิดประตูเมืองวันนั้น เขาจึงอนุญาตให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกจากเมืองอย่างลับๆองค์จักรพรรดิเดิมทีคิดว่าถ้าขังอ๋องเจวี้ยนไว้ในเมืองหลวงจักรพรรดิได้ การจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมายังเมืองจี้ก็ไม่มีอะไร คิดว่าพวกเขาไม่น่าจะได้เจอกันแต่น่าเสียดายที่หลายวันนี้เค้าค้นเมืองอยู่ตลอด ก็ยังหาอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงไม่พบพวกของฟู่จาวหนิงเดินกันอย่างเชื่องช้า พอเห็นสถานที่ที่งดงามหน่อยก็หยุดชื่นชม แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทางลัดและเร่งเดินทางมายังเมืองจี้ ดังนั้นจึงมาไวกว่าพวกเขาประมาณครึ่งวันพอมาถึงนางก็เจอกับซือถูไป๋"คุณชายซือถู อีกเดี๋ญวข้าจะเข้าป่าไปกับท่านด้วย"ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง ตอนแรกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่คิดจะเข้าไป แต่จะรออยู่ที่นี่ รอจนลูกน้องของนางหาหมู่บ้านเจอแล้วค่อยเข้าไปทำไมถึงเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว?"ข้ารู้สึกว่า ข้าเข้าไปหาเสียหน่อย ไม่แน่อาจจะเจอกับวัตถุดิบยาดีดีนำกลับไปมอบให้องค์จักรพรรดิได้"ประโยคนี้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย องครักษ์ลับสองคนที่อยู่ด้านหลังไม่ห่างไปนักก็ได้ยินแล้วนี่เป็นองครักษ์ลับที่องค์จักรพรร
พอเดินตรงไปอีกระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่ารอบด้านล้วนเป็นป่าไม้ไปหมดแล้ว"ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่ายังไหวไหม?" ต่งฮ่วนจือถามผู้อาวุโสจี้ขึ้นอย่างกังวลผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือ "ข้ายังเดินได้อีกสองชั่วยาม!"ต่งฮ่วนจือหยุดชะงักอันที่จริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆเพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้วเขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วอาจารย์มายังเมืองจี้ แค่ออกไปเดินข้างนอกสองรอบพอกลับมาก็ดูเหนื่อยล้ามาก แล้วในภูเขานี้ก็เดินลำบาก พวกเขาเมื่อครู่ก็เดินกันมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เขาจึงอยากจะถามท่านอาจารย์ดูว่าจะนั่งพักหน่อยไหมคิดไม่ถึงว่าจะเห็นท่านอาจารย์มีท่าทีเต็มไปด้วยกำลังวังชาแบบนี้รู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้ ท่านอาจารย์ดูหนุ่มขึ้นอย่างไรอย่างนั้นผู้อาวุโสจี้มองสายตาเขา เข้าใจความคิดของเขาขึ้นมาทันที เขาสนุกขึ้นมาเสียแล้ว ยื่นมือมาตบที่บ่าของต่งฮ่วนจือ ดูจะภูมิใจหน่อยๆ"เจ้ารู้สึกว่าสุขภาพอาจารย์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?""ท่านอาจารย์น่าจะมีวิธีบำรุงสุขภาพที่ดี...""มีวิธีอะไรเสียที่ไหนกัน ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าให้มาต่างหาก แล้วก่อนหน้านี้ยังกินอาหารยาจีนไปอีกหลายอย่างด้วย เห็นผลลัพธ์เส
"ท่านอาจารย์ เช่นนั้นพวกเราเดินไปทางทิศใต้ดีไหม?" ต่งฮ่วนจือถามความเห็นผู้อาวุโสจี้อีกครั้งผู้อาวุโสจี้เดินไปไม่กี่ก้าว ก็นั่งยองลงมองพื้นดิน มองๆ ต้นไม้ตรงหน้า จากนั้นจึงสัมผัสกับสายลม มองดวงตะวัน ขมวดคิ้ว"ข้าทำไมถึงรู้สึกว่า เดินไปทางเหนือแล้วจะดีกว่า?"หืม?ต่งฮ่วนจือไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา ไม่ใช่ว่าทางเหนือมีบ่ออันตรายนั่นอยู่หรือ? เมื่อครู่คนเหล่านั้นยังเตือนว่าอย่าเดินไปทางเหนืออยู่เลย"ข้าก็คิดว่าท่านอาจารย์พูดถูก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยตามขึ้นมาเพราะลมในตอนนี้พัดมาจากทางใต้ นำกลิ่นคาวหญ้าที่ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยดีนักมาด้วยด้านเหนือดูแล้วหญ้าจะเตี้ยกว่าหน่อย ต้นไม้เองก็ค่อนข้างเบาบางด้วยด้านเหนือกลับมีป่ารกทึบราวกับดินแดนลี้ลับ"เช่นนั้นก็ฟังท่านอาจารย์แล้วกัน" ต่งฮ่วนจือเลือกฟังพวกเขาพวกเขาหันเปลี่ยนไปทางเหนือ เพียงครู่เดียวซือถูไป๋กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เดินมาถึงจุดนี้ ตอนที่มาถึงพวกเขาแน่นอนว่าต้องพบกับคนที่บาดเจ็บเหล่านั้น ซือถูไป๋เองก็ถามพวกเขาไปสองสามคำ"ผู้อาวุโสจี้ไปทางไปไหนหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไปทางซือถูไป๋ซือถูไป๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "องค์หญิงใหญ่ฝ
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาด้วยหรือ? หรือยู่ที่ไหนกัน?สำหรับจุดนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจมาก"นางมาทำอะไร?"นางยังคิดว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิต้าชื่อน่าจะดึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอาไว้แต่ในวังจักรพรรดิสิ จำกัดให้อยู่แต่ข้างกายเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยให้นางออกมาแบบนี้"ที่นี่ในเมื่อมีวัตถุดิบยาชั้นดี นางจะต้องมาแน่ๆ ยิ่งไปกว่นั้นยังมีงานประชุมหมอใหญ่อีกด้วย""ดูจากตัวตนฐานะของข้า ข้าทำไมถึงรู้สึกว่าหมอใหญ๋ตอนนี้ไม่ค่อยได้รับความเคารพเท่าไรเลย" ฟู่จาวหนิงอดเย้าแหย่ขึ้นมาไม่ได้ "ไม่เช่นนั้นตอนข้าอยู่ที่เมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ องค์จักรพรรดิต้าชื่อทำไมถึงไม่เชิญข้าเข้าไปในวังจักรรพรรดิอย่างนอบน้อม จัดงานเลี้ยงอะไรให้ข้าบ้าง?""เจ้าอยากไปกินเลี้ยงในวังจักรพรรดิต้าชื่อหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าไม่ได้สนใจวังเลยสักนิด" ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ชอบวังจักรพรรดิแล้วจริงๆ ในวังทำเอาอึดอัดหายใจไม่ออกพวกเจ้านายแก่งแย่งชิงดี เหล่าข้าทาสก็มองตนเองต่ำต้อย พอคิดถึงโชคชะตาทั้งชีวิตของพวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ไม่รู้สึกว่าจะสบายเลยยิ่งไปกว่นั้นคนที่อยู่ในตำแหน่งแค่พูดคำสองคำก็ทำเอาหัวคนหลุดจากบ