แชร์

11 : ช่วยจูฮูหยิน

ผู้แต่ง: หิมะที่ปลิดปลิว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 23:19:36

11 : ช่วยจูฮูหยิน

          เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ทหารได้ต้อนให้คนในขบวนเดินทางต่อ ตอนนั้นบิดาของหลินซือเยว่ไปปลดทุกข์อยู่ รถม้าของนางจึงรั้งอยู่เป็นกลุ่มสุดท้าย ผ่านไปราวสองเค่อคนตระกูลหยางก็ร่นมาอยู่ตรงหน้าของพวกนาง เพราะมีพวกเขานั่งขวางหน้า รถม้าของบ้านรองจึงต้องหยุดตามไปด้วย

          “พี่ชายฮูหยินของพวกข้าไม่ไหวแล้ว ท่านโปรดหยุดพักก่อนเถอะ” นายทหารผู้หนึ่งเอ่ยขอร้องกับทหารที่คุ้มกันขบวน

          “ได้อย่างไร หากหยุดพัก วันนี้พวกเราไปไม่ถึงที่หมายแน่ พวกเจ้าอยากตายอยู่กลางหิมะนี่หรืออย่างไร”

          “เช่นนั้นหยุดพักสักครู่ได้หรือไม่” บุรุษผู้นี้คืออดีตแม่ทัพหยางห่าวอู๋ และผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้น คือจูฮุ่ยชิวภรรยาเอกของเขา

          “ไม่ได้ ! รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”

          “เจ้านี่มัน !”

          “ห่าวหรานอย่าก่อเรื่อง !”

          หยางห่าวหรานชะงักหลังได้ยินเสียงบิดา กำหมัดเข้าหากันแน่นกัดฟันเสียงดังกรอด หลังสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงได้เอ่ยออกไป “พี่ชายท่านนี้มารดาของข้าป่วยหนัก ได้โปรดช่วยเหลือด้วยเถอะ”

          ขอร้องอย่างไรถึงเหมือนออกคำสั่งก็ไม่ปาน หลินซือเยว่นับนิ้วดูดินฟ้าอากาศ หากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป เกรงว่าจะไปไม่ถึงที่พัก เช่นนั้นคงลำบากยิ่งไปกว่านี้

          “ป้าเผิงไปพานางมาขึ้นรถม้าของเรา เอ่ยกับพวกเขาอย่างสุภาพด้วยล่ะ”

          “เจ้าค่ะคุณหนู”

          เผิงฉือรีบเดินเข้าหาคนตระกูลหยาง

          “นายท่านทั้งหลาย คุณหนูของข้าบอกว่าให้ฮูหยินท่านนี้ ไปขึ้นรถม้าของนางได้เจ้าค่ะ”

          คนตระกูลหยางราวยี่สิบกว่าชีวิตหันไปทางรถม้ากันหมด หลินเต๋อกับหลินอ้ายที่ยืนอยู่ข้างรถม้าถึงกับสะดุ้งตกใจ ต่างไปจากหลินซือเยว่ที่น้อมศีรษะลงให้พวกเขาเล็กน้อย

          “เช่นนี้ก็ดีเลย ไป ๆ รีบพาไป” ทหารนายนั้นรีบเร่งเร้าให้เผิงฉือพาคนเจ็บไป ปัญหานี้จะได้หมดสิ้นไปเสียที คนพวกนี้ต่างเป็นทหารมาก่อน หากคลุ้มคลั่งขึ้นเกรงว่าเขาจะรับมือไม่ไหว

          “ฮูหยินมากับข้านะเจ้าคะ” เผิงฉือเห็นว่าสามีของนางมีโซ่ตรวนอยู่คงอุ้มนางไม่ไหว จึงได้พยุงไปขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง “ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลนางอย่างดี”

          “ฝากขอบคุณคุณหนูของเจ้าด้วย” หยางห่าวอู๋กำชับตามหลังไป “ดูแลท่านแม่ของข้าให้ดี ๆ ด้วยล่ะ” คำพูดประโยคถัดมาช่างเบาหวิว ดั่งเอ่ยอยู่ในใจก็ไม่ปาน

          หลินซือเยว่เข้ามาช่วยพยุงจูฮูหยิน แล้วบอกให้น้องสาวของนางลงมาอยู่ด้านล่าง “ฮูหยินท่านนี้ป่วยหนัก น้องสามเจ้าเสียสละที่นั่งได้หรือไม่”

          “ได้ ๆ” หลินซูฮวารีบกระโดดลงจากรถม้าในทันที

          “เด็กดีสอนได้” หลินซือเยว่เอ็นดูนางอยู่ไม่น้อย หลังได้เดินทางร่วมกันมา นางถึงรู้ว่าเด็กคนนี้จิตใจดีงามอยู่ไม่น้อย แม้ยากลำบากเพียงใด นางก็ไม่ปริปากบ่นออกมาสักคำ

          “ท่านแม่ท่านลงมาก่อนได้หรือไม่”

          “ได้สิ” เถียนฮูหยินรีบลงจากรถม้าตามหลังบุตรสาวคนเล็กไป

          หลินซือเยว่ปีนขึ้นไปนั่งแทนที่ สั่งให้หลินอ้ายจูงรถม้าตามขบวนต่อไปได้ สามพ่อแม่ลูกตระกูลหลิน ย่อมไม่เข้าใจในการกระทำของนาง พวกเขาคอยแต่จะมองเข้าไปในรถม้าอยู่บ่อยครั้ง

          เผิงฉือเห็นท่าทางสงสัยของพวกเขา จึงรีบเอ่ยให้คลายข้อกังขา “คุณหนูมีความรู้เรื่องการรักษาเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าค่ะ” แน่นอนว่าไม่ใช่ความจริง คุณหนูของนางเชี่ยวชาญเลยทีเดียวล่ะ

          สามพ่อแม่ลูกหันไปมองหน้ากันเล็กน้อย พยายามพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ทั้งที่ไม่รู้ว่าหลินซือเยว่ไปเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน “นางคงเรียนมาจากอารามไท่ผิงกวนนั่นแหละ” เป็นเถียนฮูหยินที่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

          หยางห่าวอู๋เห็นสีหน้าของบุตรชายเป็นกังวล จึงเอ่ยปลอบเขา “แม่ของเจ้าไม่เป็นไรหรอก หากข้าเดาไม่ผิดคุณหนูผู้นั้น ให้มารดากับน้องสาวของนางลงมาเดิน แล้วให้แม่ของเจ้าขึ้นไปอยู่บนรถม้า นางย่อมมองออกว่าอาการของแม่เจ้าหนัก”

          “แต่ท่านแม่อยู่บนรถม้าข้าไม่อาจวางใจ”

          “ไม่มีอันใดหรอก รถม้าคันนั้นมีของเต็มคันรถไม่แน่อาจจะมียารักษาอยู่ด้วย”

          “แม้มียารักษาพวกเขาจะยอมมอบให้คนไม่รู้จักกันหรือขอรับ”

          “ดูเจ้าสิ หวาดระแวงกระทั่งผู้มีพระคุณ”

          ภายในรถม้าหลินซือเยว่ป้อนยาเม็ดลดไข้ พร้อมกับทำแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่จูฮูหยิน จากนั้นก็รื้อหาเสื้อกันหนาวมาสวมให้แก่นาง เสร็จแล้วจึงกระโดดลงจากรถม้า และให้มารดาของตนขึ้นไปนั่งแทน

          “ท่านแม่นางกินยาลดไข้แล้ว ท่านแค่คอยดูว่านางตัวร้อนหรือไม่ หากนางหนาวสั่นไข้ไม่ลดรีบบอกข้านะ”

          “ได้ ๆ” เถียนฮูหยินไม่ใช่คนใจดำ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเจ็บป่วยหนัก นางจึงยอมช่วยเหลืออย่างเต็มใจ

          หลินซือเยว่มองเห็นบุรุษผู้หนึ่ง น่าจะเป็นบุตรชายของฮูหยินบนรถม้า หน้าตาของเขาแม้จะผ่านการถูกทำร้ายมา บาดแผลเกรอะกรังด้วยเลือด แต่ก็ยังมองออกว่ามีใบหน้าหล่อเหลาอยู่ไม่น้อย เขามองมาที่รถม้าอยู่ตลอดเวลา นางจึงกำชับหลินอ้ายประโยคหนึ่ง จากนั้นหลินอ้ายก็วิ่งเข้าไปหาหยางห่าวอู๋

          “คุณหนูให้มาบอกว่า ฮูหยินของท่านได้รับยาลดไข้ ตอนนี้นอนพักผ่อนอยู่บนรถม้า มีท่านแม่ของคุณหนูคอยดูแลอยู่ พวกท่านอย่าได้กังวลไปขอรับ”

          “คุณหนูของเจ้าเป็นคนตระกูลใดรึ” หยางห่าวอู๋นึกว่ารู้จักคนบ้านนี้เข้าแล้ว

          “คุณหนูรองของนายท่านรองตระกูลหลินขอรับ” หลินอ้ายรู้ว่าไม่ควรเอ่ยนามจริงของหลินซือเยว่ เขาจึงรีบวิ่งกลับไปจูงม้าต่อ

          หยางห่าวอู๋ย่อมรู้ว่าตระกูลหลินถูกเนรเทศไปชายแดนในขบวน แต่เขาไม่รู้ว่าคุณหนูหลินผู้นี้เป็นคนบ้านใหญ่หรือบ้านรอง ครั้นได้รู้ก็คลายข้อสงสัยลงไป

          “เจ้าเอาแต่มองไปทางรถม้า นางจึงรำคาญ” หยางห่าวหรานพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ

          “จดจำบุญคุณนางไว้ บ่าวสองคนนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน คุณหนูไม่ใช่นายท่านรอง”

          มุมปากของหยางห่าวหรานยกขึ้นเบา ๆ มีบ้านไหนที่ลูกสาวอยู่เหนือบิดามารดาบ้าง นี่มันช่างน่าแปลกใจจริง ๆ

          ขบวนใหญ่มาถึงจุดพักก่อน เป็นวัดร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีทหารมาตั้งซุ้มอาหารรออยู่ก่อนหน้าแล้ว คนตระกูลหยางกับรถม้าของบ้านรองมาถึงช้าไปราวหนึ่งเค่อ เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จึงไม่มีใครถามไถ่อันใดกัน ต่างคนต่างจับจองที่หลับนอนในคืนนี้ และรอคอยการแจกอาหารให้อุ่นท้อง

          พ่อบ้านหม่าได้รับรายงานเรื่องหลินซือเยว่ช่วยเหลือคนตระกูลหยาง เขาจึงรีบนำเรื่องนี้ไปรายงานแก่หลินเฉินและฮูหยินเฒ่า หวางฮูหยินแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาในทันที

          “นางเด็กปัญญาอ่อนนั่น รู้จักแต่แบ่งปันคนนอก ไม่เห็นหัวคนตระกูลหลินอยู่ในสายตาเลย หากนางมียารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ก็ควรเก็บเอาไว้ในพวกเราสิ นำไปให้คนอื่นเปล่า ๆ ได้อย่างไร ช่างไม่รู้ความเสียจริง”

          “ฮูหยิน นางแค่ให้คนเจ็บขึ้นพักบนรถม้า เรื่องยารักษาโรคอะไรนั่น ยังไม่รู้แน่ชัด” หลินเฉินรู้ว่าภรรยาของตนคนนี้ เดิมทีไม่ได้มีนิสัยเห็นแก่ตัวมากนัก ครั้นตระกูลหลินล้มลง นิสัยของนางกลับเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก หรือแท้จริงแล้วนี่คือนิสัยที่แท้จริงของนางก็ไม่รู้

          “สะใภ้ใหญ่พูดถูกแล้วล่ะ หากนางมียารักษาโรคก็ควรนำมามอบให้แม่เฒ่าอย่างข้าสิ นี่กลับเอาไปให้คนอื่น เฮอะ ช่างไม่รู้ความจริง ๆ” หลังต้องเจอกับความลำบาก ทั้งอากาศหนาวเหน็บ ฮูหยินเฒ่ารู้สึกไม่พอใจหลานสาวคนนี้อยู่เหมือนกัน

          “พ่อบ้านหม่าลองไปถามเยว่เอ๋อร์ดูหน่อย นางมียารักษาโรคอยู่หรือไม่ หากมีก็ให้นำมอบให้ท่านย่าของนางด้วย” หลินเฉินไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำต้องกตัญญูต่อมารดา

          พ่อบ้านหม่ารีบนำคำพูดนี้ไปบอกต่อหลินซือเยว่

          “ท่านย่าป่วยรึ”

          “ไม่ใช่ขอรับ”

          “เช่นนั้นต้องการยาไปทำไม”

          “เอ่อ คือ”

          หลินซือเยว่แค่นขำเบา ๆ “เอาไว้มีใครป่วยค่อยมาขอแล้วกัน”

          “นี่ท่าน !” พ่อบ้านหม่าเห็นนางไม่ใส่ใจมองตนด้วยซ้ำ จึงสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินทางไป

          หลินเต๋อกับเถียนฮูหยินได้ยินทุกคำพูดที่ทั้งคู่สนทนากัน ต่างรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักบุตรสาวคนนี้แม้แต่น้อย นางเหมือนน้ำนิ่งหยั่งลึกมองไม่เห็นก้นบ่อ ดวงตาแข็งกร้าวไม่รู้สึกกลัวผู้ใด แม้อยู่ในขบวนเนรเทศการเดินทางยากลำบาก ใบหน้าของนางก็ยังเมินเฉยดังเดิม ดั่งสรรพสิ่งไม่มีคุณค่าในสายตาของนาง

          “เยว่เอ๋อร์”

          “ยานั่นเป็นของข้า ข้าจะมอบให้ใครมันเป็นเรื่องของข้า”

          หลินเต๋อ “?!”

          ข้ายังเป็นบิดาเจ้าอยู่หรือไม่

          “พี่รองท่านช่างกล้าหาญนัก” หลินซูฮวาไม่คิดว่าพี่สาวของตน จะกล้าต่อกรกับคนบ้านใหญ่ แม้กระทั่งท่านย่าผู้น่ากลัวคนนั้นได้

          “ซูฮวาเจ้านี่นะ” เถียนฮูหยินขึงตาปรามบุตรสาวคนเล็ก ก่อนหันไปมองบุตรสาวคนรองพร้อมพรูลมหายใจออกมา “เจ้าก็อย่าแข็งกร้าวนักเลยเยว่เอ๋อร์ ท่านย่าเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนตระกูลหลิน”

          “เช่นนั้นของของข้าจึงเป็นของคนตระกูลหลินด้วยหรือ”

          “เอ่อ”

          “เหตุใดของของคนตระกูลหลินที่อยู่บนรถม้าสองคันนั้น ถึงไม่เป็นของข้าหรือของท่านพ่อกับท่านแม่ และน้องสามบ้างเล่า” เอ่ยจบนางก็เดินไปนั่งลงบนพื้นหนังสัตว์ที่เผิงฉือนำมาปูให้

          บนรถม้านางมอบให้บิดามารดาและน้องสาวได้นอน เมื่อนำผ้าห่มออกมาใช้พื้นที่บนรถม้าจึงสามารถนอนเหยียดขาได้สามคนพอดี ส่วนตัวนางมาหลับนอนอยู่ด้านนอกแทน เพราะความอึดอัดใจต่อคนตระกูลหลิน หลินซือเยว่จึงยอมอยู่รั้งท้ายขบวน

          ฮูหยินเฒ่าได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านหม่ารายงาน นางถึงกับเข่นเขี้ยวด้วยความโกรธเกลียดขึ้นมา “นังเด็กอกตัญญูช่างกล้ามาแช่งแม่เฒ่าอย่างข้าได้ เจ้าใหญ่เจ้าต้องไปสั่งสอนนางให้รู้สำนึก”

          “ท่านแม่เกรงว่าจะไม่เหมาะ พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเนรเทศไปชายแดน ระหว่างทางอย่าได้ก่อเรื่องขึ้นเลย เอาไว้ถึงชายแดนแล้วค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”

          หลินเฉินมองไปยังครอบครัวของน้องชายที่พักอยู่ไกล ๆ มีบ่าวไพร่กับคนตระกูลหยางกั้นกลาง นึกไม่ถึงว่าหลินซือเยว่จะกล้าเอ่ยคำพูดไร้ศีลธรรมออกมาเช่นนั้น หากอยู่ในจวนตระกูลหลิน เขาคงสั่งคนโบยนางจนลุกไม่ขึ้นแล้ว แต่นี่ยังจะมีอำนาจใดเหลืออยู่ รอบข้างเต็มไปด้วยทหารคอยคุ้มกัน จะมีใครยอมให้เขาสั่งสอนหลานสาวยามนี้ได้ เกรงแต่จะถูกสั่งสอนเสียเองล่ะไม่ว่า

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   12 : ไปไม่ถึงที่พัก

    12 : ไปไม่ถึงที่พัก สองพ่อลูกตระกูลหยาง อยู่ใกล้กับครอบครัวของหลินเต๋อมากที่สุด เขาได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านหม่าเอ่ยอย่างชัดเจน และได้ยินหลินซือเยว่ตอบโต้ คล้ายไม่สนใจไยดีผู้เป็นย่าของตนเอง “นางทำไม่ถูกจริง ๆ นางควรมอบยาให้ท่านย่าของนาง” หยางห่าวอู๋เอ่ยเบา ๆ กับบุตรชาย หยางห่าวหรานไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เขาเพียงแต่นึกไม่ถึงว่าสตรีอายุสิบห้าสิบหกปีผู้นี้ จะหาญกล้าต่อกรกับคนในตระกูลได้ ทำให้เขาต้องหันกลับมามองนางเสียใหม่ “ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง” เขาก้มหน้าลงมองมารดาที่นอนลืมตาอยู่ข้างบิดา มองผ้าห่มหนาผืนหนึ่งที่ได้รับมาจากบนรถม้า จูฮูหยินขยับตัวเล็กน้อย “ข้าดีขึ้นแล้วล่ะยาคุณหนูหลินใช้ได้ดีมาก นางยังมอบให้ข้าติดตัวไว้ด้วย ผ้าห่มนี่นางก็ยกให้ข้า” ขวดยาสีขาวถูกหยิบออกมาจากสาบเสื้อ มอบให้สองพ่อลูกดู หยางห่าวหรานหยิบออกมาเปิดจุกขวด ดมกลิ่นยาที่อยู่ด้านใน “เป็นยาลดไข้จริงด้วย” “เจ้านอนพักต่อเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงเดินทางต่อ” หยางหาวอู๋ลูบเส้นผมของภรรยาอย่างเบามือ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ ก่อนเลื่อนตัวลงไปนอนบนพื้นด้านข้างกับภรรยา

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   13 : หยางห่าวหรานป่วยจนหมดสติ

    13 : หยางห่าวหรานป่วยจนหมดสติ หลินซือเยว่เห็นจูฮูหยินเดินตรงมาทางตัวเอง ท่าทางน่าสงสารเป็นอย่างมาก “คุณหนูหลินเจ้าช่วยไปดูลูกชายของข้าได้หรือไม่ เขาไม่สบายจนหมดสติไปแล้ว” มือไม้สั่นเทาไปหมดไม่รู้ว่าด้วยความหนาวเย็น หรือว่าความหวาดกลัวเรื่องความเป็นตายของบุตรชาย “พี่ฮุ่ยชิว” เถียนฮูหยินรีบลงมาจากรถม้า แล้วเข้าไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ หลินซือเยว่ลอบถอนหายใจเบา ๆ ท่านแม่ท่านนับญาติกับคนแปลกหน้าง่ายเกินไปไหม “เยว่เอ๋อร์เจ้าพอจะช่วยลูกชายของท่านป้าฮุ่ยชิวได้หรือไม่” ไม่ทันไรข้าก็มีป้าเพิ่มมาอีกคนแล้วรึ “ข้าขอไปดูก่อน ป้าเผิงเอากระเป๋าของข้ามาด้วย” “เจ้าค่ะคุณหนู” หยางห่าวอู๋ให้คนในตระกูลหยางเดินทางไปก่อน เขากับภรรยาอยู่รอเฝ้าลูกชายเอง คราวแรกไม่มีใครยอมขยับตัว ทหารที่คุ้มกันนับสิบคนจึงชักดาบออกจากฝัก เห็นดังนั้นพวกเขาไม่อาจสร้างปัญหา ให้แก่แม่ทัพกับรองแม่ทัพของตนเองได้ “ไม่ใช่ว่าข้าบอกแล้วรึว่าให้อยู่ดูคนป่วยได้แค่สองคน” จี๋ไห่ผู้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เดินเข้ามาขวางหน้าของหลินซือเยว่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   14 : สวดส่งวิญญาณ

    14 : สวดส่งวิญญาณ ฮูหยินเฒ่าได้ยินว่าหลานสาวบ้านรองของตน กำลังจะทำพิธีสวดส่งวิญญาณ ก็โมโหจนหน้าสั่น “นี่นางคิดจะทำอะไรกันแน่ เจ้ารองกับเมียไม่คิดห้ามนางเลยรึ” “เห็นว่าเพราะคุณหนูรองอยู่อารามเต๋ามานาน เลยเรียนรู้เรื่องพิธีกรรมของเต๋ามาด้วย นางบอกว่าสามารถสวดส่งวิญญาณได้ขอรับ” พ่อบ้านหม่ารายงานด้วยสีหน้าลำบากใจ เป็นสตรีในตระกูลใหญ่กลับต้องไปสวดส่งวิญญาณ ราวกับนักพรตเต๋าก็ไม่ปาน “เหลวไหลสิ้นดี !” หลินเฉินส่ายหน้าไปมา แต่พอมองสถานการณ์ในตอนนี้ จะมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตรอดไปได้ เรื่องสมควรหรือไม่นั้น คงไม่สลักสำคัญอีกต่อไป “บุตรสาวน้องรองผู้นี้เรียนอะไรไม่เรียน ดันไปเรียนวิชาต้มตุ๋นมา น่าขายหน้าจริง ๆ” หวางฮูหยินเย้นหยันบ้านรองดัง ๆ ตั้งใจให้คนอื่นในตระกูลหลินได้ยิน “นั่นสิท่านแม่ พวกบ่าวไพร่ก็หูตามืดบอด ยอมทำตามไปได้” หลินจื่อรั่วไม่ถูกชะตากับหลินซือเยว่อยู่ก่อนหน้าแล้ว เหตุเพราะเรื่องแต่งงาน ท้ายที่สุดนางก็ไม่อาจสมหวังได้ เป็นเพราะตัวซวยตัวนี้จริง ๆ บ่าวไพร่บางคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต่างก็เก็บไปคิดอยู่ไม่น้อย พวกเขาไม่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   15 : จี๋ไห่ได้รับข่าวร้าย

    15 : จี๋ไห่ได้รับข่าวร้าย เมื่อเดินทางมาถึงอำเภอฉือ จี๋ไห่ได้รับข่าวร้ายทันที อนุภรรยาที่รักของเขาคลอดยาก นางเจ็บท้องถึงสองวันสองคืน พอคลอดออกมาได้ กลับตกเลือดอย่างรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังสลบไสลไม่ได้สติ ลูกน้องของเขาคนหนึ่งเอ่ยแนะนำให้มาหาหลินซือเยว่ นางรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจช่วยเหลืออนุภรรยาของเขาได้ จี๋ไห่ต้องหลบสายตาผู้คนมาหาหลินอ้าย ให้เขาส่งข้อความหาหลินซือเยว่ให้มาพบเขาที เหตุเพราะเหล่านักโทษต้องถูกคุม อยู่ในลานกว้างของวัดใหญ่ประจำอำเภอ ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้เอง “เอาป้ายชื่อของข้าไปเชิญนางออกมาที” นอกจากใช้ป้ายชื่อเชิญหลินซือเยว่แล้ว ยังต้องการให้นายทหาร ได้เห็นป้ายผ่านทางนี้ด้วย “บอกว่าข้ารออยู่ด้านข้างวัดใหญ่ใต้ต้นพุทราป่า หลินอ้ายเหลือบมองป้ายชื่อเล็กน้อย ก่อนจะรับมาถือไว้แล้วหันหลังไปหาเผิงฉือ ให้นางไปรายงานเรื่องนี้กับหลินซือเยว่ “คุณหนูไม่จำเป็นต้องไปก็ได้นะเจ้าคะ คนแบบนั้นไม่คู่ควร” เผิงฉือไม่เห็นด้วย “ไม่เป็นไร เขาไม่ได้เลวจนให้อภัยไม่ได้ ป้าเผิงเอากระดาษกับพู่กันมาให้ข้า” หลินซือเยว่เอ่ยแล้วรอให

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   16 : ชายแดนเมืองเหลียง   

    16 : ชายแดนเมืองเหลียง ซุนต้าหลงได้ขอกำลังทหารจากอำเภอฉือเพิ่ม เนื่องจากคนของเขาได้รับบาดเจ็บหลายคน ที่ล้มตายก็นับสิบกว่าคน ก่อนหน้าเขาได้ให้หมอประจำอำเภอ มารักษาเหล่าทหารคุ้มกันแล้ว แต่บางคนไม่สามารถเดินทางต่อได้อีกหลายวัน เขาจำต้องให้หมอรักษานักโทษที่บาดเจ็บ จากการต่อสู้กับโจรป่าด้วย ไม่เช่นนั้นคนพวกนี้คงได้ตายกลางทางเสียก่อน หากตายเพราะเหตุสุดวิสัยคงไม่เป็นไร แต่เกิดตายเพราะเขาเพิกเฉยไม่รักษาอาการบาดเจ็บ เกรงว่าเรื่องจะปิดบังเบื้องบนเอาไว้ไม่ได้ แต่ก็ยังมีนักโทษนับสิบคนที่บาดเจ็บหนัก เดินทางไกลต่อจากนี้ค่อนข้างอันตราย จึงเพิ่มรถม้าไร้หลังคาสามคันให้คนเหล่านั้นได้นั่งไป ขบวนนักโทษออกเดินทางกันอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้เกิดเหตุร้ายอันใดขึ้น อีกทั้งคนตระกูลหยาง ไม่จำเป็นต้องล่ามโซ่ตรวนอีกต่อไป ในแต่ละวันพวกเขาเดินทางถึงจุดหมายโดยไร้อุปสรรคใด ทว่าหลังผ่านไปสองวัน คนบาดเจ็บหนักไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีอาการไม่สู้ดี ซุนต้าหลงกลับไม่ยอมให้หมอที่ติดตามเขา มาดูอาการให้คนป่วย คนเจ็บหนักนั้นมีทั้งคนตระกูลหลินและตระกูลหยาง ญาติของพวกเขาต่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   17 : นางบำเรอในค่ายทหาร

    17 : นางบำเรอในค่ายทหาร เช้าวันต่อมาทหารได้นำเสื้อผ้าชุดใหม่ มามอบให้เหล่านักโทษที่เพิ่งมาใหม่ เป็นชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบมีปักป้ายชื่อของแต่ละคน พร้อมกับหน่วยที่พวกเขาต้องเข้าไปทำงาน บุรุษนั้นมีตั้งแต่เลี้ยงม้า ดูแลโรงฝึก ขนถ่ายอาวุธ หรือดูแลคลังเสบียง สตรีสูงวัยกับเด็กมีหน้าที่ทำครัวในหน่วยเสบียง ทว่าสตรีที่ยังสาวนั้นถูกเกณฑ์ไปเป็นนางบำเรอให้แก่ทหารในค่ายจริง ๆ บุตรสาวอนุทั้งสองของหลินเฉินถูกจับแยกกับมารดา พวกนางขวัญเสียจนร้องไห้ วิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของท่านย่าของพวกนาง สตรีที่ถูกนำไปเป็นนางบำเรอ ฝั่งตระกูลหลินมีจีหวังลี่ภรรยาของหลินจางเหว่ย อนุทั้งสองคนของหลินเฉิน หลินจื่อรั่ว แล้วก็หลินซือเยว่ ส่วนฝั่งตระกูลหยาง มีอยู่ราวสี่คน “ท่านพ่อข้าไม่ไป ท่านพ่อช่วยข้าด้วย” หลังรู้ว่าตัวเองได้รับหน้าที่อันใด หลินจื่อรั่วก็กรีดเสียงร้องโวยวายดังลั่นค่ายทหาร “จื่อรั่ว !” หลินเฉินอยากจะเข้าไปช่วยบุตรสาวแทบตาย แต่ถูกหอกของนายทหารขวางเอาไว้ “ท่านพ่อ ! ปล่อยข้า !” ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามา เตะเข้าที่ข้อพับเข่าของนาง แล้วสับสันมือลงไปบนต้นคอ ร่า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   18 : แปดอักษรของผู้ตาย

    18 : แปดอักษรของผู้ตาย ยามอู่ (11.00-12.59) ผู้คนในค่ายทหารหลับนอนกันหมดแล้ว ภายในกระโจมเองก็เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครตื่นขึ้นมาเห็นว่านางไม่อยู่ หลินซือเยว่จึงเลือกผงยานอนหลับมาโปรยในกระโจมเล็กน้อย พอให้พวกเขาหลับสนิทยาวนานกว่าเดิม ยามนี้วรยุทธ์นางยังไม่ก่อเกิด แต่ว่าวิชาตัวเบานั้นนางมีมาได้หลายเดือนแล้ว นางใช้วิชาทำนายชะตาล่วงหน้าควบคู่กับวิชาตัวเบา ในการหลบเลี่ยงเหล่าทหารเฝ้ายาม ไปจนถึงหน้าเรือนของแม่ทัพเหลียน นางกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ย่องเงียบตามหาไปเรื่อย ๆ จนได้รู้ว่าห้องของแม่ทัพเหลียนอยู่ตรงไหน ใช้ยาสลบที่พกติดตัวมาเพียงไม่กี่ห่อ ส่งผลให้ทหารยามหน้าห้องแม่ทัพเหลียน นอนหลับคอพับอยู่กับที่ แม่ทัพเหลียนลืมตาขึ้นในทันที หลังรู้สึกว่ามีใครบางคน ขึ้นมาบนเตียงนอนของตนเอง ทว่าช้าไปมีดสั้นเล่มหนึ่งจ่ออยู่ที่คอของเขาเสียแล้ว “อย่าขยับ” เข็มเล่มหนึ่งถูกฝังลงบนจุดที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทำอันตรายตัวเองได้ หลินซือเยว่จึงเก็บมีดไว้ เดินไปจุดตะเกียงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง “ท่านจงฟังให้ดี ๆ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   19 : กำจัดวิญญาณร้าย

    19 : กำจัดวิญญาณร้าย “ถึงคราวพวกเจ้าแล้ว” นางทุบกำไลหยกโลหิตให้แตกออกจากกัน เหล่าวิญญาณร้ายส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด มีกระดาษแผ่นน้อยอยู่ในก้อนหยกกลมแต่ละก้อน นับรวมกันได้ราวสิบเอ็ดแผ่นพอดี “คุณหนูหลินสิ่งนี้คือ” แม่ทัพเหลียนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะมีกระดาษแผ่นน้อยอยู่ในหยกแต่ละก้อน “หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งที่เขียนไว้ในนี้คือแปดอักษรของผู้ตาย ทำให้วิญญาณร้ายผูกติดอยู่กับหยกแต่ละก้อน เมื่อคุณชายหยางสวมใส่ เขาจึงถูกวิญญาณร้ายสิบเอ็ดดวง ควบคุมจิตวิญญาณเอาไว้” “ท่านพี่สิ่งนี้พี่สาวของท่านมอบให้มา เหตุใดนางถึงได้คิดร้ายกับฟู่เอ๋อร์ได้ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ” เมิ่งฮูหยินสะเทือนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก นางได้แต่เฝ้ามองดูบุตรชายที่หลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเก้าอี้ “สิ่งนี้เป็นของพวกนักพรตสายดำ ข้าจะทำลายพิธีกรรมของพวกมัน สิ่งชั่วร้ายจะสะท้อนกลับไปหาคนผู้นั้นเอง” หลินซือเยว่เห็นเหล่าดวงวิญญาณ รวมกลุ่มกันเป็นหนึ่งเดียว มีใบหน้าบิดเบี้ยวสลับกันไปมา พยายามอ้าปากกว้างขึ้นเพื่อที่จะเขมือบนางลงท้อง “เฮอะ ! ช่างไม่เจียมตัว” นางกัดปลายนิ้ว เลือด

บทล่าสุด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   75 : ตอนพิเศษ 4 : พระชายานางไม่คู่ควร

    4 : พระชายานางไม่คู่ควร ฮู่ตงหยางนำเรื่องสำคัญ มาขอคำชี้แนะจากพระชายา เดิมทีเผิงฉือไม่อยากให้เขาไปรบกวนหลินซือเยว่ แต่ทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จึงได้เข้าไปรายงานพระชายาให้รับรู้ “หากไม่มีเรื่องสำคัญคงไม่มาหาข้า ป้าเผิงให้องครักษ์ฮู่เข้ามาเถอะ” หลินซือเยว่ยามนี้ใบหน้าอิ่มเอิบ เหมือนคนถูกเติมเต็มไปด้วยความรัก “เพคะพระชายา” เผิงฉือยามได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของผู้เป็นนาย ราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกวางลง เหลียงอ๋องยามนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าได้มอบความรักให้พระชายาเพียงผู้เดียวจริง ๆ “พระชายา” ฮู่ตงหยางเข้าไปคำนับหลินซือเยว่ พร้อมกับเล่าความปรารถนาของตนเอง ให้พระนางฟังอย่างละเอียดทุกเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแม้แต่น้อย กลับเป็นเรื่องราวความรักของสวีวั่งซูแทน “องครักษ์ฮู่ท่านกล้าเอาเรื่องเหลวไหลมาเอ่ยกับพระชายาเชียวรึ” เผิงฉือขึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ท่านป้าเผิง ข้าแค่เป็นห่วงวั่งซูเกรงว่าเขาจะพบเจอคนไม่ดีเข้า” หลินซือเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ออกไปเที่ยวชมเมืองเล่นอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป “ร

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   74 : ตอนพิเศษ 3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ    

    3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ ชีวิตของการเป็นพระชายาของเหลียงอ๋อง ไม่ได้ทำให้หลินซือเยว่ถูกขังอยู่แต่ในจวนได้ บางวันนางออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ทำให้นางได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองเหลียงมากขึ้น เซวียนหมิงยู่รู้ว่าห้ามนางไม่ได้ จึงยอมปลอมตัวออกไปเที่ยวข้างนอกกับนางด้วย “ท่านอ๋อง ท่านจะไปข้างนอกกับพระชายาข้าไม่ว่า แต่เหตุใดไม่ให้ข้ากับตงหยางไปด้วยเล่า” สวีวั่งซูเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย “วั่งซูเจ้าคิดว่าในเมืองเหลียงแห่งนี้ มีใครทำอันตรายข้ากับพระชายาได้บ้าง ลำพังข้าไม่เป็นไรแต่พระชายานั้น อย่าได้ดูแคลนฝีมือนางเด็ดขาด” สวีวั่งซูหันไปมองสหายด้านข้าง ฮู่ตงหยางกระซิบเบา ๆ “ขนาดฟ้ายังเรียกมาผ่าจวนหยางอ๋องได้ ข้าว่าเจ้าวางใจเถอะ ให้ท่านอ๋องไปกับพระชายาสองต่อสองเถอะ” สวีวั่งซูคล้ายไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้ เพราะพระชายาในชุดปลอมตัวเป็นบุรุษ ได้เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “พระชายาหน้าข้ามีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีวั่งซูแปลกใจเล็กน้อย พระชายาไม่เคยมองเขาแบบนี้มาก่อน นี่คล้ายกำลัง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   73 : ตอนพิเศษ 2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา

    2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา ตระกูลหลินสายรอง หลังจากหลินซือเยว่ได้แต่งงานเข้าจวนเหลียงอ๋องได้สองเดือน ครอบครัวของนางต้องหารือกันครั้งใหญ่ เพราะการกระทำของพวกเขาทุกคน จะส่งผลต่อฐานะพระชายาของหลินซือเยว่ไปด้วย หลินซูฮวารับบทหนักกว่าผู้อื่น มารดาของนางถึงกับจ้างคนมาสั่งสอน เรื่องที่บุตรีตระกูลมีชื่อเสียงต้องร่ำเรียนกัน “เจ้าต้องจำเอาไว้ซูฮวา เจ้าคือน้องสาวของพระชายาเหลียงอ๋อง จะทำสิ่งใดต้องมีผู้คนจับตามอง ข้าไม่อยากให้พวกเราทุกคน ทำร้ายพระชายาไปมากกว่านี้” เถียนฮูหยินสั่งสอนบุตรสาวคนเล็ก ในยามที่นางโอดครวญไม่อยากร่ำเรียน “ท่านแม่ข้าก็บ่นไปเช่นนั้นเอง ความจริงข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี” หลินซูฮวาเดินเข้าไปกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น “ท่านพ่อก็เหมือนกัน ท่านอย่าได้ไปคบหาพวกอันธพาลเข้าล่ะ ห้ามไปบ่อนเด็ดขาด” หลินซีฮันรู้สึกว่าหากปล่อยปละละเลย บิดาของเขาคงถูกคนล่อลวงไปได้ง่าย ๆ “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หลินเต๋อหลบสายตาบุตรชาย ต่อไปนี้ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้แล้วล่ะ “ท่านพี่ต่อไปพวกเราไม่ต้องไปที่หอโอสถทุกวันแล้วล่ะ ข้าว่าให้ผู้ดูแลร้านเขา

DMCA.com Protection Status