Share

17 : นางบำเรอในค่ายทหาร

Author: หิมะที่ปลิดปลิว
last update Last Updated: 2024-11-26 23:21:35

17 : นางบำเรอในค่ายทหาร

          เช้าวันต่อมาทหารได้นำเสื้อผ้าชุดใหม่ มามอบให้เหล่านักโทษที่เพิ่งมาใหม่ เป็นชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบมีปักป้ายชื่อของแต่ละคน พร้อมกับหน่วยที่พวกเขาต้องเข้าไปทำงาน บุรุษนั้นมีตั้งแต่เลี้ยงม้า ดูแลโรงฝึก ขนถ่ายอาวุธ หรือดูแลคลังเสบียง สตรีสูงวัยกับเด็กมีหน้าที่ทำครัวในหน่วยเสบียง ทว่าสตรีที่ยังสาวนั้นถูกเกณฑ์ไปเป็นนางบำเรอให้แก่ทหารในค่ายจริง ๆ

          บุตรสาวอนุทั้งสองของหลินเฉินถูกจับแยกกับมารดา พวกนางขวัญเสียจนร้องไห้ วิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของท่านย่าของพวกนาง

          สตรีที่ถูกนำไปเป็นนางบำเรอ ฝั่งตระกูลหลินมีจีหวังลี่ภรรยาของหลินจางเหว่ย อนุทั้งสองคนของหลินเฉิน หลินจื่อรั่ว แล้วก็หลินซือเยว่ ส่วนฝั่งตระกูลหยาง มีอยู่ราวสี่คน

          “ท่านพ่อข้าไม่ไป ท่านพ่อช่วยข้าด้วย” หลังรู้ว่าตัวเองได้รับหน้าที่อันใด หลินจื่อรั่วก็กรีดเสียงร้องโวยวายดังลั่นค่ายทหาร

          “จื่อรั่ว !” หลินเฉินอยากจะเข้าไปช่วยบุตรสาวแทบตาย แต่ถูกหอกของนายทหารขวางเอาไว้

          “ท่านพ่อ ! ปล่อยข้า !” ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามา เตะเข้าที่ข้อพับเข่าของนาง แล้วสับสันมือลงไปบนต้นคอ ร่างของหลินจื่อรั่วก็อ่อนยวบไร้กระดูกทันที

          “จื่อรั่ว เจ้าทำอะไรลูกสาวข้า สารเลว คนชั่ว เพียะ !” ยังไม่ทันจะได้ด่าทอต่อ ฝ่ามือหนาก็ฟาดลงมา จนหน้าของหวางฮูหยินบวมเป่งขึ้น

          จีหวังลี่น้ำตาหยดแหมะลงสองแก้มอย่างน่าสงสาร สามีของนางกับลูกชายทั้งสองไม่รู้จะทำอย่างไร หลินจางเหว่ยอยากลุกขึ้นสู้ตายกับพวกทหาร แต่ถูกบิดารั้งเอาไว้เสียก่อน “ขืนเจ้าไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย อดทนเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็เพื่อทายาทของตระกูลหลิน”

          หลินจางเหว่ยจำต้องกลืนก้อนเลือดที่กระอักออกมาลงคอ หันไปกอดบุตรชายทั้งสองของตัวเองเอาไว้แน่น ๆ พวกเขายังเด็กห้าขวบเจ็ดขวบเท่านั้น ยังไม่รู้ประสาด้วยซ้ำไป

          หยางห่าวหรานมองสตรีที่ช่วยชีวิตเขาไว้ มือกำหมัดแน่นพร้อมทำลายทุกอย่างให้พังราบ แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ ฝ่ามือของบิดา จับเข้าที่ข้อมือของเขาเอาไว้ก่อน

          “ได้ไม่คุ้มเสีย มีแต่จะทำให้คนตายเพิ่มขึ้น”

          หยางห่าวหรานกัดฟันกรอด เขาไม่เคยรู้สึกอดสูเท่านี้มาก่อนในชีวิต ต้องมองดูสตรีของตระกูลหยาง และผู้มีพระคุณกำลังถูกกระทำย่ำยี

          “ท่านพ่อแม่ทัพเหลียนผู้นี้”

          “เขาปฏิเสธไม่ยอมคุยกับข้า” หยางห่าวอู๋ดวงตาดำมืดลง ยามรุ่งเรืองมีแต่คนอยากเข้าหา พอตกอับแม้แต่เกียรติเล็กน้อยยังไม่ได้รับ

          สองพ่อลูกหยุดคุยกัน เมื่อเห็นทหารนายหนึ่งเพ่งเล็งมาที่พวกเขา

          เสียงร้องไห้ของเหล่าสตรีที่ถูกต้อนไปตรงที่พักอาศัย ทำให้หัวใจของบุรุษพังยับเยิน หลินเต๋อมองบุตรสาวคนโตที่เดินตามหลังทุกคนไป ใบหน้าของนางยังเย็นชาไม่เคยเปลี่ยน นางรู้บ้างไหมว่ากำลังพบเจอกับสิ่งใดอยู่

          “เยว่เอ๋อร์” หลินเต๋อเอ่ยออกไปเพียงเท่านั้น หลินซือเยว่ก็หยุดเดินแล้วหันมามองเขา เมื่อบิดาไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกมา นางก็หมุนปลายเท้าแล้วเดินจากไป

          “ข้าไม่คู่ควรเป็นพ่อของนางจริง ๆ นางอยู่บนอารามเต๋าของนางดี ๆ ข้ากลับให้คนไปรับนางกลับมา เพื่อมาพบเจอกับเรื่องนี้” น้ำตาของลูกผู้ชายกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป

          หยางห่าวอู๋ตบไหล่เขาสองที “นางไม่ได้สติแตกเหมือนผู้อื่น น้ำตาก็ไม่มีสักหยด ข้าว่านางเข้มแข็งกว่าที่ท่านคิด”

          “ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” หลินเต๋อส่ายหน้าทั้งน้ำตา

          ฝ่ายของเถียนฮูหยินนั้นกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา เหตุใดเยว่เอ๋อร์ของนางถึงได้ว่านอนสอนง่ายเช่นนั้น ทหารสั่งให้เดินนางก็เดิน ไม่มีท่าทีเสียใจแต่อย่างใด

          “เผิงฉือเหตุใดเจ้าถึงไม่...” มีน้ำตาสักหยด ไม่รู้สึกสงสารนางบ้างหรือ เถียนฮูหยินพูดแทบไม่ออก

          เผิงฉือยกมุมปากขึ้นนิด ๆ “คุณหนูไม่ได้กังวลเช่นนั้น นางไม่เป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยินท่านก็อย่าร้องไห้ไปเลย บุตรสาวของท่านไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม ที่ใครจะมาทุบได้ง่าย ๆ นะเจ้าคะ”

          จูฮูหยินพยักหน้าเห็นด้วย “จริงอย่างที่เผิงฉือเอ่ยมานะจินเยว่ เยว่เอ๋อร์ของเจ้าไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาทั่วไป นางเติบโตมาในสถานที่ที่พิเศษ นางคงมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้”

          “ข้าไม่มั่นใจเลยพี่ฮุ่ยชิว” หัวอกคนเป็นแม่มีหรือจะวางใจ เมื่อบุตรสาวกำลังจะถูกป้อนเข้าปากเสือปากจระเข้

          กระโจมของเหล่าสตรีที่ถูกนำมาเป็นนางบำเรอแก่เหล่าทหาร แบ่งแยกเขตแดนออกมาจากค่ายราวครึ่งลี้ สตรีที่นี่มีอยู่นับร้อยชีวิต ทั้งแออัดและบรรยากาศแสนหดหู่ พวกนางเหมือนว่ามีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ บางคนกำลังอยู่ในขั้นเสียสติก็ว่าได้ คนมาใหม่ถูกนำไปมอบให้แม่นางใหญ่ที่ดูแลที่นี่ นางมีนามว่าเจียงซูเซียวอายุราวสี่สิบปี

          “พวกเจ้ามาใหม่ให้อยู่รวมกันในกระโจมสามหลังนั้น กฎระเบียบมีไม่มาก ขอแค่อย่าขัดขืนบุรุษที่เรียกใช้ และอย่าคิดหลบหนี เพราะโทษมีสถานเดียวคือตาย เมื่อทำผิดก็ต้องถูกลงโทษเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ถิงถิงพาพวกนางไปที่กระโจม วันนี้ยังไม่ต้องทำงานให้พวกนางพักผ่อนไปก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยพาไปให้พวกเขาเลือกคน”

          “เจ้าค่ะแม่นางใหญ่” สตรีชื่อถิงถิงอายุราวยี่สิบปี นางดูท่าทางหวาดกลัวแม่นางใหญ่เป็นอย่างมาก รีบพาทุกคนเดินไปทางกระโจมของพวกนาง

          ถิงถิงให้พวกนางแบ่งกระโจมกันเอง สตรีตระกูลหยางได้กระโจมหนึ่งหลัง ตระกูลหลินสองหลัง แยกให้บ่าวไพร่อยู่อีกหลัง เจ้านายอีกหลัง หลินซือเยว่เห็นพื้นที่ในกระโจมว่าง นางรีบนั่งลงเอนหลังลงนอนในทันที

          “เจ้าเป็นบ้าอะไร มาถึงก็จะนอนอย่างเดียวเลย” หลินจื่อรั่วที่ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว นางเดินเข้าไปต่อว่าหลินซือเยว่ด้วยความโมโห เพราะไม่รู้จะระบายออกกับใครได้

          “น้องรองปล่อยนางไปเถอะ” จีหวังลี่รู้สึกหมดหวังในชีวิต มีความไม่พอใจน้องสาวของสามีผู้นี้อยู่เหมือนกัน หลินซือเยว่นางแค่นอนบนพื้นกระโจม ไม่ได้ทำเรื่องใดด้วยซ้ำ

          “พี่สะใภ้ท่านดูนางเอาเถอะ ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนคนอื่นเขาบ้างเลย นางยังเป็นเด็กปัญญาอ่อนอยู่ดี” หลินจื่อรั่วชี้นิ้วใส่คนบนพื้นอย่างขัดใจ “เจ้าลุกขึ้นมานี่นะ โอ๊ย !” นางไปกระชากหลินซือเยว่แบบไหนกัน ถึงได้หงายหลังลงไปนอนอยู่บนพื้นแบบนั้นได้

          “น้องรองเจ้าเป็นอะไรมากไหม” จีหวังลี่ไม่คิดว่าหลินจื่อรั่วจะมีท่าทางแปลกประหลาดเช่นนี้

          “นางทำข้า นางทำ !”

          “หนวกหู ! ข้าจะนอน” หลินซือเยว่พลิกตัวไปอีกด้าน เอาผ้าห่มในกระเป๋าออกมาห่ม แม้ในกระโจมจะมีเตาอุ่นอยู่แล้วก็ตาม

          อนุของหลินเฉินทั้งสองคน แทบไม่อยากสนใจหลินจื่อรั่ว เมื่อไม่เคยได้รับเกียรติจากหลินจื่อรั่ว พวกนางก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเช่นเดียวกัน ต่างจากจีหวังลี่นางเป็นพี่สะใภ้โดยตรง ไม่สามารถละเลยน้องสาวสามีคนนี้ได้

          สักพักใหญ่ ๆ ถิงถิงก็เข้ามาในกระโจมของพวกนาง “วันนี้ไม่ได้ให้ทำงานบนเตียง แต่ว่ายังมีงานปัดกวาดเช็ดถูอยู่ พวกเจ้าตามข้ามา”

          “ไหนว่าจะให้พักหนึ่งวันอย่างไร” อนุจาง จางซูเจินเอ่ยถาม

          “เจ้ามีสิทธิ์ถามรึ ตามข้ามา !” ถิงถิงหน้าบูดบึ้งบนเอวมีแส้เส้นหนึ่งเหน็บไว้ นางถูกแม่นางใหญ่ข่มเหงมาตลอด พอได้รับหน้าที่กำหนดงานให้สตรีที่มาใหม่ มีหรือนางจะไม่อยากวางอำนาจ

          ทุกคนทยอยเดินออกมาจากกระโจม มีเพียงหลินซือเยว่ที่ยังนอนอยู่ ถิงถิงเห็นนางไม่ขยับจึงเดินไปใกล้ ๆ หมายจะเตะเท้าใส่ร่างของนาง “โอ๊ย !” แต่เท้าของนางกลับเจ็บปลาบขึ้นมา จนต้องถอยหลังออกไปหลายก้าว “เจ้าลุกเดี๋ยวนี้ !”

          “ข้าได้ยินแล้ว เจ้าอย่าตะโกนได้หรือไม่ ข้ารำคาญ” หลินซือเยว่ลุกขึ้นพร้อมกับเก็บผ้าห่มใส่กระเป๋า ของมีค่านางพกติดตัวไปหมด

          ถิงถิงเห็นสายตาเย็นชาจากนาง ก็ถอยหลังไปเองอย่างไม่รู้ตัว “ปะไปได้แล้ว”

          สถานที่ที่พวกนางต้องไปทำความสะอาด เป็นเรือนที่พักของทหารระดับสูง ที่เอาไว้พักอาศัยยามมาที่ค่ายทหาร เหล่าแม่ทัพหรือรองแม่ทัพ ต่างมีจวนเป็นของตัวเองในเมืองเหลียง หากพวกเขาต้องการค้างคืนที่ค่ายทหาร ก็จะมานอนพักอยู่ในเรือนเหล่านี้

          “ตรงนั้นเรือนใคร เหตุใดถึงมีทหารเฝ้ายามหลายคนนัก” หลินซือเยว่ถาม ขณะรับผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งมาถือไว้ในมือ

          “สอดรู้สอดเห็น ระวังจะไม่ได้ตายดี” ถิงถิงไม่ตอบนาง แต่ก่อนจากไปนางก็หันกลับมาอีกครั้ง “ห้ามไปยุ่งกับเรือนนั้นเด็ดขาด”

          เจ้าไม่บอกข้าก็รู้ ธงแม่ทัพโบกสะบัดหน้าเรือนเด่นชัดขนาดนั้น

          หลินซือเยว่ทำหน้าที่ของนางได้ดีไม่น้อย ทั้งที่ปกติไม่เคยได้ลงมือทำเองด้วยซ้ำ ต่างจากหลินจื่อรั่วนางร้องไห้โวยวายไม่ยอมทำ พี่สะใภ้กับอนุภรรยาของบิดาต้อง เป็นคนช่วยนางทำแทน กว่างานจะแล้วเสร็จก็ล่วงไปสองชั่วยามเลยทีเดียว กลับถึงกระโจมที่พัก ทุกคนได้รับข้าวต้มที่มีแต่น้ำ หาเม็ดข้าวแทบไม่เจอ

          หลินซือเยว่รื้อกระเป๋าหยิบเนื้อแห้งทอดออกมา บิใส่ในชามแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย

          “เจ้าเหตุใดถึงไม่แบ่งคนอื่นบ้าง” หลินจื่อรั่วมองหน้าอย่างชิงชัง

          หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองหน้า “เจ้าพูดกับข้ารึ”

          “ใช่น่ะสิ”

          “เหมือนว่าข้าจะอายุมากกว่าเจ้าหนึ่งปีนะ”

          อนุหลิว หลิวลี่อิน รู้ความหมายของหลินซือเยว่ นางกลอกตาใส่บุตรสาวหวางฮูหยินเบา ๆ ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย “คุณหนูรองท่านต้องเรียกคุณหนูบ้านรองว่าพี่สาว”

          “ข้าไม่มีพี่สาวอย่างนาง”

          “ข้ารู้แล้ว” หลินซือเยว่ตักข้าวต้มที่มีเนื้อแห้งทอดเข้าปากต่อ นางซดรวดเดียวจนหมดชาม ต่อหน้าต่อตาของทุกคน

          “เจ้าไม่ให้มีหรือข้าจะแย่งไม่ได้” หลินจื่อรั่วมองไปยังกระเป๋าของอีกฝ่าย

          “อี๋เหนียงทั้งสองกับพี่สะใภ้ พวกท่านคิดว่านางทำถูกหรือไม่ ที่จะมาแย่งของของข้า” หลินซือเยว่ไม่สนใจหลินจื่อรั่ว นางอยากรู้ว่าสตรีทั้งสามคนนี้ เห็นชอบกับนางด้วยหรือไม่

          “น้องรองเจ้าพอเถอะ” จีหวังลี่เริ่มหมดความอดทนกับหลินจื่อรั่ว

          “ข้าเห็นด้วยกับฮูหยินใหญ่ ข้าว่าคุณหนูรองอย่าหาเรื่องคุณหนูบ้านรองอีกเลยนะเจ้าคะ”

          “นี่พวกเจ้ารวมหัวกันรังแกข้ารึ” หลินจื่อรั่วถูกตามใจมากตั้งแต่เด็ก นางชี้นิ้วใส่อี๋เหนียงทั้งสองด้วยความโกรธ “เป็นแค่เมียบ่าวมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้า”

          “น้องรองเจ้าพอเสียที นี่มีสถานการณ์ไหนแล้ว เจ้ายังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ ตัวเองกำลังจะกลายเป็นนางบำเรอของเหล่าทหารในพรุ่งนี้แล้ว ยังมีหน้ามาหาเรื่องคนอื่นอีก ของของนางหากนางไม่ให้ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปแย่งมา” จีหวังลี่ขึ้นเสียงใส่น้องสาวสามี ทุกคำพูดล้วนบาดลึกเข้าไปในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนี้

          หลินจื่อรั่วหน้าซีดเผือดลงในทันที ส่งเสียงคล้ายละเมอออกมาเบา ๆ “ข้าจะกลายเป็นนางบำเรอแล้วรึ...ไม่จริง” นางทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้อย่างน่าเวทนา ทำให้สตรีอีกสามคนในกระโจมอดใจอ่อนไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็แค่เด็กสาววัยปักปิ่น

          หลินซือเยว่กลอกตาไปมาเบา ๆ นางลุกขึ้นนำถ้วยออกไปล้างแล้วคว่ำเก็บ กลับเข้ามาในกระโจมก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างเงียบ ๆ ไม่สนใจจะพูดคุยกับใครทั้งนั้น ในยามนี้สมองของนางกำลังจดจำเส้นทาง และคิดหาวิธีลอบเข้าไปในกระโจมของแม่ทัพ

          ถูกต้องหน้าประตูเมืองเหลียง นางดูโหงวเฮ้งของคนผู้นั้นแล้ว ดวงชะตาบุตรชายของเขา กำลังถูกสิ่งอัปมงคลเล่นงาน เรื่องนี้ยังพอมีทางออก

Related chapters

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   18 : แปดอักษรของผู้ตาย

    18 : แปดอักษรของผู้ตาย ยามอู่ (11.00-12.59) ผู้คนในค่ายทหารหลับนอนกันหมดแล้ว ภายในกระโจมเองก็เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครตื่นขึ้นมาเห็นว่านางไม่อยู่ หลินซือเยว่จึงเลือกผงยานอนหลับมาโปรยในกระโจมเล็กน้อย พอให้พวกเขาหลับสนิทยาวนานกว่าเดิม ยามนี้วรยุทธ์นางยังไม่ก่อเกิด แต่ว่าวิชาตัวเบานั้นนางมีมาได้หลายเดือนแล้ว นางใช้วิชาทำนายชะตาล่วงหน้าควบคู่กับวิชาตัวเบา ในการหลบเลี่ยงเหล่าทหารเฝ้ายาม ไปจนถึงหน้าเรือนของแม่ทัพเหลียน นางกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ย่องเงียบตามหาไปเรื่อย ๆ จนได้รู้ว่าห้องของแม่ทัพเหลียนอยู่ตรงไหน ใช้ยาสลบที่พกติดตัวมาเพียงไม่กี่ห่อ ส่งผลให้ทหารยามหน้าห้องแม่ทัพเหลียน นอนหลับคอพับอยู่กับที่ แม่ทัพเหลียนลืมตาขึ้นในทันที หลังรู้สึกว่ามีใครบางคน ขึ้นมาบนเตียงนอนของตนเอง ทว่าช้าไปมีดสั้นเล่มหนึ่งจ่ออยู่ที่คอของเขาเสียแล้ว “อย่าขยับ” เข็มเล่มหนึ่งถูกฝังลงบนจุดที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทำอันตรายตัวเองได้ หลินซือเยว่จึงเก็บมีดไว้ เดินไปจุดตะเกียงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง “ท่านจงฟังให้ดี ๆ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   19 : กำจัดวิญญาณร้าย

    19 : กำจัดวิญญาณร้าย “ถึงคราวพวกเจ้าแล้ว” นางทุบกำไลหยกโลหิตให้แตกออกจากกัน เหล่าวิญญาณร้ายส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด มีกระดาษแผ่นน้อยอยู่ในก้อนหยกกลมแต่ละก้อน นับรวมกันได้ราวสิบเอ็ดแผ่นพอดี “คุณหนูหลินสิ่งนี้คือ” แม่ทัพเหลียนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะมีกระดาษแผ่นน้อยอยู่ในหยกแต่ละก้อน “หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งที่เขียนไว้ในนี้คือแปดอักษรของผู้ตาย ทำให้วิญญาณร้ายผูกติดอยู่กับหยกแต่ละก้อน เมื่อคุณชายหยางสวมใส่ เขาจึงถูกวิญญาณร้ายสิบเอ็ดดวง ควบคุมจิตวิญญาณเอาไว้” “ท่านพี่สิ่งนี้พี่สาวของท่านมอบให้มา เหตุใดนางถึงได้คิดร้ายกับฟู่เอ๋อร์ได้ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ” เมิ่งฮูหยินสะเทือนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก นางได้แต่เฝ้ามองดูบุตรชายที่หลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเก้าอี้ “สิ่งนี้เป็นของพวกนักพรตสายดำ ข้าจะทำลายพิธีกรรมของพวกมัน สิ่งชั่วร้ายจะสะท้อนกลับไปหาคนผู้นั้นเอง” หลินซือเยว่เห็นเหล่าดวงวิญญาณ รวมกลุ่มกันเป็นหนึ่งเดียว มีใบหน้าบิดเบี้ยวสลับกันไปมา พยายามอ้าปากกว้างขึ้นเพื่อที่จะเขมือบนางลงท้อง “เฮอะ ! ช่างไม่เจียมตัว” นางกัดปลายนิ้ว เลือด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   20 : ข้าอยากทำงานที่โรงสมุนไพร     

    20 : ข้าอยากทำงานที่โรงสมุนไพร รุ่งขึ้นนักโทษสตรีที่มาใหม่ ถูกเรียกมารวมตัวกันหน้ากระโจม ทุกคนต่างหวาดผวาว่าจะถูกสั่ง ให้ไปทำหน้าที่นางบำเรอวันนี้เลยหรือไม่ แต่ทหารที่มาแจ้งข่าวนั้น กลับบอกว่าพวกนางไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ให้ย้ายไปทำงานกับคนในตระกูลของตัวเอง เหล่าสตรีทั้งหลายพากันปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ มีเพียงหลินซือเยว่ที่ยืนสัปหงกอยู่เพียงลำพัง คล้ายว่านางนอนเท่าใดก็ไม่อิ่มเสียที "พี่สะใภ้ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” หลินจื่อรั่วหันไปเขย่ามือจูหวังลี่แรง ๆ “คุณหนูรองเรื่องจริงเจ้าค่ะ” อนุหลิวหันมายิ้มอย่างดีใจ “เก็บของแล้วตามทหารไปยังที่พักใหม่ของพวกเจ้า” ทหารผู้นำข่าวดีมาบอก ตะโกนให้ทุกคนออกไปเก็บของของตัวเองได้ “เจ้าว่าคนไหนคือคุณหนูหลินที่ท่านแม่ทัพให้ดูแลดี ๆ นะ” เขาหันไปกระซิบกับทหารคนด้านข้าง “คุณหนูที่ยืนอยู่คนเดียวด้านหลังนั่นไง” ได้ยินแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาหลินซือเยว่ “คุณหนูหลินขอรับ” หลินซือเยว่ “เจ้าเป็นใคร” “ข้านายกองลู่ ลู่เสี่ยวเฟิงขอรับ” เขากำหมัดคารวะหลินซือเยว่ด้วยค

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   21 : นายท่านเมี่ยวผู้นี้ร่ำรวยหรือไม่

    21 : นายท่านเมี่ยวผู้นี้ร่ำรวยหรือไม่ ตระกูลหลินกับตระกูลหยาง ต่างถูกเนรเทศมาอยู่ค่ายทหารเมืองเหลียงได้หนึ่งเดือนแล้ว สองสามวันแรกพวกเขาต่างได้รับคำสั่งให้ทำงานหนัก แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดขึ้น แม่ทัพเหลียนมีคำสั่งให้พวกเขา ทำงานตามความเหมาะสม และห้ามทหารในค่ายรังแกพวกเขาอีกด้วย แต่ใช่ว่าทหารทุกคนจะฟังคำสั่ง เมื่อรังแกพวกเจ้านายไม่ได้ ก็แอบทุบตีพวกบ่าวไพร่แทน พอรู้ถึงหูของแม่ทัพเหลียนทหารนายนั้นก็ถูกทำโทษในทันที จึงทำให้ทหารในค่ายไม่กล้าหาเรื่องพวกเขาอีก เรือนพักแม่ทัพเหลียน แม่ทัพเหลียนกำลังต้อนรับสหายเก่าแก่ผู้หนึ่งอยู่ในห้องรับรอง ทหารรับใช้รีบนำน้ำชามาต้อนรับแขก “เหตุใดนายท่านเมี่ยวถึงได้มาหาข้าถึงค่ายทหารได้ล่ะ” คหบดีเมี่ยว เมี่ยวป๋อหลิน ยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกหนึ่ง “ชาดี ๆ” เอ่ยชมแล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ สีหน้าของชายชราแลดูไม่สดชื่น คล้ายมีบางเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ “นายท่านเมี่ยว มีอันใดก็เอ่ยมาตรง ๆ ท่านกับข้าคบหากันมานับสิบปี อย่าได้เกรงใจไปเลย” คหบดีผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองเหลียง ไหนเลยจะเคยแบกหน

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   22 : นังแพศยา !

    22 : นังแพศยา ! “เอาล่ะ ถึงแม้นางไม่คู่ควรให้ข้าช่วยเหลือ แต่ว่ายังมีผู้อื่นที่คู่ควรอยู่” นางเอ่ยเสร็จก็เดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมผายมือเหมือนเชิญใครสักคนให้มานั่ง รินน้ำชาใส่ถ้วยแล้วเลื่อนไปด้านหน้า “ดื่มน้ำชาก่อน” วิญญาณสตรีตั้งครรภ์ก้มหน้าแลบลิ้นดื่มน้ำชาจากถ้วย แม้ลิ้นของนางจะยาวไปเสียหน่อย แต่หลินซือเยว่มองเป็นเรื่องปกติ “คุณหนูหลินเจ้าเอ่ยกับผู้ใด” เมี่ยวฮูหยินเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทางของนาง ราวกับว่านางกำลังนั่งดื่มชากับใครสักคนจริง ๆ หลินซือเยว่มองเห็นสีหน้าประหลาดใจของทุกคน นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เคาะนิ้วลงบนโต๊ะสองที “ตรงหน้าของข้า มีวิญญาณสตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งนั่งอยู่ ข้าแค่มอบน้ำชาให้นางแก้กระหาย จากนั้นจะได้รู้กัน ว่าเหตุใดนางถึงได้กลายเป็นวิญญาณอาฆาต ตามติดฮูหยินรองของนายท่านเมี่ยวได้” “มีผี อ๊าย !” สาวใช้บางคนทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป ถึงกันหันหลังวิ่งออกจากห้องไป ส่วนคนที่เหลือก็ตัวสั่นงันงกกันไปหมด ฮูหยินรองที่อยู่บนเตียงเองก็หันหลังเข้าผนังห้อง ไม่กล้ามองมาทางนี้อีกเลย “นายท่านเมี่ยวฮูหยินรองมีอาก

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   23 : เตาอุ่นมือยี่สิบตำลึงสนใจหรือไม่ 

    23 : เตาอุ่นมือยี่สิบตำลึงสนใจหรือไม่ หลินซือเยว่ให้ทหารติดตามนางไปแค่คนเดียว คหบดีเมี่ยวไม่ได้กลัวว่านางจะหนี ลำพังความสามารถเช่นนาง มีหรือจะทำไม่ได้ ตระกูลหลินทั้งตระกูลอยู่ในค่ายทหาร ยากนักที่นางจะหลบหนีไปเพียงลำพัง เขาจึงให้นายกองลู่ติดตามนางไป “ดูเจ้ามีความสุขนะนายกองลู่” “ได้ติดตามคุณหนูหลินผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดข้าจะไม่สุขได้เล่า” นายกองลู่ถูกส่งมารับตัวหลินซือเยว่ที่จวนคหบดีเมี่ยว เขาจึงได้ทราบข่าวจากบ่าวไพร่ในจวน ว่าหลินซือเยว่คลี่คลายปัญหาในเรือนฮูหยินรองได้แล้ว แม้ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเขาก็ไม่สนใจ รู้แค่ว่าทำงานสำเร็จเป็นพอ “เหตุใดหิมะถึงตกหนักอีกแล้วล่ะ ข้าว่าจะแวะไปซื้อกระดาษเหลืองเสียหน่อย” หลินซือเยว่บ่นหลังเห็นหิมะโปรยปรายลงมา นายกองลู่ตาโต กระดาษเหลือง ! “คุณหนูหลินท่านเคยคิดจะวาดยันต์ขายหรือไม่ ทหารในค่ายต้องควักเงินซื้อแน่ ๆ” “นายกองลู่ยันต์ของข้าไม่ได้มีไว้ใช้ในทางนั้น อีกอย่างหากไม่ได้มีวาสนาต่อกันจริง ข้าไม่มีทางมอบยันต์ให้ผู้อื่นง่ายดายเช่นนั้น” ยกเว้นยามข้ายากจนข้นแค้น นายกองลู่คอตกใน

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   24 : ถูกลอบโจมตี

    24 : ถูกลอบโจมตี ยามโฉ่ว (01.00-02.59) ดวงตาของหลินซือเยว่ลืมพรึบขึ้น นางหันไปปลุกนายกองลู่ ทำให้คนอื่น ๆ ให้ห้องโถงตื่นตามนางไปด้วย “คุณหนู เอ่อ คุณชายมีเรื่องอันใดหรือ” นายกองลู่ยังตื่นไม่เต็มตา เขายกมือขยี้ตามองนางอย่างแปลกใจ “เก็บของออกเดินทาง !” นางเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาดุดันไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใด นายกองลู่ผู้ศรัทธานางเต็มเปี่ยม ไม่คิดอันใดให้มากความ รีบลุกขึ้นเก็บของตามที่นางสั่ง “ไปบอกคนขับรถม้า ให้ทิ้งม้าไปเสียเราจะเดินขึ้นเขาด้านหลังไป” นางตะโกนตามหลังนายกองลู่ ที่วิ่งออกไปยังเรือนพักม้าด้านข้าง “ขอรับ ๆ” ท่าทางของนางทำให้คนของเซวียนหมิงยู่ พากันจับอาวุธของตัวเองในทันที แต่คนที่เฝ้ายามอยู่ต่างบอกว่า ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดจากข้างนอก เซวียนหมิงยู่ “ไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น” สวีวั่งซู “ขอรับนายท่าน” สวีวั่งซูมองคนที่สะพายกระเป๋าหน้าตาแปลกประหลาดบนหลัง ในมือยังมีห่อผ้าสองห่อถือไว้ “คุณชายพวกท่านจะรีบร้อนไปไหนกันรึ ค่ำคืนเช่นนี้มิใช่ว่าจะอันตรายหรอกหรือ ข้างนอกพายุหิมะยังตกหนักอ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   25 : เจ้าคนสารเลว !

    25 : เจ้าคนสารเลว ! พายุหิมะได้ผ่านพ้นไป รุ่งอรุณของวันใหม่ได้มาเยือน หลินซือเยว่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม นางรู้สึกมีกำลังวังชามากขึ้น พลางนึกถึงตัวเองในหลายวันที่ผ่านมานี้ นางมีความเป็นคนยุคปัจจุบันมากกว่าปรมาจารย์ในอดีต เพราะความที่เป็นคนสามโลก นางจึงเหมือนยืนอยู่กลางทางแยกสามทาง จิตวิญญาณยังไม่สามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ทำให้บางครั้งนางมีนิสัยเย็นชาเหมือนปรมาจารย์ แต่บางคราวก็มีอารมณ์ขันบ้างเล็กน้อยเหมือนคนยุคปัจจุบัน และยังมีอาการเหม่อลอยร่างกายไม่ขยับของเด็กปัญญาอ่อนอยู่ หวังว่าสักวันหนึ่งนางจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ “คุณหนูหลินท่านตื่นแล้วหรือ พวกเราต้องรีบกลับค่ายแล้วล่ะ ดีไม่ดีตอนนี้คนที่นั่น อาจคิดว่าท่านหนีไปแล้วก็ได้” นายกองลู่ขาดการติดต่อกับทางค่ายทหารเมืองเหลียง เขาเป็นกังวลว่าแม่ทัพเหลียนจะส่งคนออกตามหา แล้วตนเองจะมีความผิดใหญ่โต “นี่เป็นเหตุสุดวิสัย ข้าจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจเอง เจ้าวางใจเถอะเก็บของแล้วไปบอกคนขับรถม้า ว่าเราจะออกเดินทางด้วยเท้ากลับไปที่ค่ายกัน จากนั้นค่อยให้คนไปส่งเขากลับ แต่หากเขาอยากย้อนกลับไปที่เมืองเหลีย

Latest chapter

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   75 : ตอนพิเศษ 4 : พระชายานางไม่คู่ควร

    4 : พระชายานางไม่คู่ควร ฮู่ตงหยางนำเรื่องสำคัญ มาขอคำชี้แนะจากพระชายา เดิมทีเผิงฉือไม่อยากให้เขาไปรบกวนหลินซือเยว่ แต่ทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จึงได้เข้าไปรายงานพระชายาให้รับรู้ “หากไม่มีเรื่องสำคัญคงไม่มาหาข้า ป้าเผิงให้องครักษ์ฮู่เข้ามาเถอะ” หลินซือเยว่ยามนี้ใบหน้าอิ่มเอิบ เหมือนคนถูกเติมเต็มไปด้วยความรัก “เพคะพระชายา” เผิงฉือยามได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของผู้เป็นนาย ราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกวางลง เหลียงอ๋องยามนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าได้มอบความรักให้พระชายาเพียงผู้เดียวจริง ๆ “พระชายา” ฮู่ตงหยางเข้าไปคำนับหลินซือเยว่ พร้อมกับเล่าความปรารถนาของตนเอง ให้พระนางฟังอย่างละเอียดทุกเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแม้แต่น้อย กลับเป็นเรื่องราวความรักของสวีวั่งซูแทน “องครักษ์ฮู่ท่านกล้าเอาเรื่องเหลวไหลมาเอ่ยกับพระชายาเชียวรึ” เผิงฉือขึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ท่านป้าเผิง ข้าแค่เป็นห่วงวั่งซูเกรงว่าเขาจะพบเจอคนไม่ดีเข้า” หลินซือเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ออกไปเที่ยวชมเมืองเล่นอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป “ร

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   74 : ตอนพิเศษ 3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ    

    3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ ชีวิตของการเป็นพระชายาของเหลียงอ๋อง ไม่ได้ทำให้หลินซือเยว่ถูกขังอยู่แต่ในจวนได้ บางวันนางออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ทำให้นางได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองเหลียงมากขึ้น เซวียนหมิงยู่รู้ว่าห้ามนางไม่ได้ จึงยอมปลอมตัวออกไปเที่ยวข้างนอกกับนางด้วย “ท่านอ๋อง ท่านจะไปข้างนอกกับพระชายาข้าไม่ว่า แต่เหตุใดไม่ให้ข้ากับตงหยางไปด้วยเล่า” สวีวั่งซูเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย “วั่งซูเจ้าคิดว่าในเมืองเหลียงแห่งนี้ มีใครทำอันตรายข้ากับพระชายาได้บ้าง ลำพังข้าไม่เป็นไรแต่พระชายานั้น อย่าได้ดูแคลนฝีมือนางเด็ดขาด” สวีวั่งซูหันไปมองสหายด้านข้าง ฮู่ตงหยางกระซิบเบา ๆ “ขนาดฟ้ายังเรียกมาผ่าจวนหยางอ๋องได้ ข้าว่าเจ้าวางใจเถอะ ให้ท่านอ๋องไปกับพระชายาสองต่อสองเถอะ” สวีวั่งซูคล้ายไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้ เพราะพระชายาในชุดปลอมตัวเป็นบุรุษ ได้เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “พระชายาหน้าข้ามีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีวั่งซูแปลกใจเล็กน้อย พระชายาไม่เคยมองเขาแบบนี้มาก่อน นี่คล้ายกำลัง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   73 : ตอนพิเศษ 2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา

    2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา ตระกูลหลินสายรอง หลังจากหลินซือเยว่ได้แต่งงานเข้าจวนเหลียงอ๋องได้สองเดือน ครอบครัวของนางต้องหารือกันครั้งใหญ่ เพราะการกระทำของพวกเขาทุกคน จะส่งผลต่อฐานะพระชายาของหลินซือเยว่ไปด้วย หลินซูฮวารับบทหนักกว่าผู้อื่น มารดาของนางถึงกับจ้างคนมาสั่งสอน เรื่องที่บุตรีตระกูลมีชื่อเสียงต้องร่ำเรียนกัน “เจ้าต้องจำเอาไว้ซูฮวา เจ้าคือน้องสาวของพระชายาเหลียงอ๋อง จะทำสิ่งใดต้องมีผู้คนจับตามอง ข้าไม่อยากให้พวกเราทุกคน ทำร้ายพระชายาไปมากกว่านี้” เถียนฮูหยินสั่งสอนบุตรสาวคนเล็ก ในยามที่นางโอดครวญไม่อยากร่ำเรียน “ท่านแม่ข้าก็บ่นไปเช่นนั้นเอง ความจริงข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี” หลินซูฮวาเดินเข้าไปกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น “ท่านพ่อก็เหมือนกัน ท่านอย่าได้ไปคบหาพวกอันธพาลเข้าล่ะ ห้ามไปบ่อนเด็ดขาด” หลินซีฮันรู้สึกว่าหากปล่อยปละละเลย บิดาของเขาคงถูกคนล่อลวงไปได้ง่าย ๆ “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หลินเต๋อหลบสายตาบุตรชาย ต่อไปนี้ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้แล้วล่ะ “ท่านพี่ต่อไปพวกเราไม่ต้องไปที่หอโอสถทุกวันแล้วล่ะ ข้าว่าให้ผู้ดูแลร้านเขา

DMCA.com Protection Status