“ดีจัง”
“อะไรรึ” เขาถามโดยไม่ได้หันมามองนาง
“ท่านแบกข้าไว้เช่นนี้” นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ท่านจะแบกข้าไปชั่วชีวิตได้หรือไม่”
“แน่นอน”
“ถ้าข้าอ้วนกว่านี้เล่า”
“ข้าแข็งแรงแบกเจ้าไหว”
ซุนหลวนคุนหัวเราะในลำคอ หากนางกลายร่างเป็นหญิงอวบอ้วนก็ช่างประไร
ของให้นางคือ ‘หรูซื่อ’ ของเขาก็พอ
แสงสว่างที่กระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับใหลค่อยๆ ตื่นฟื้น มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงที่เข้ามากระทบใบหน้า ทว่าข้อมือกลับถูกจับไว้แน่น ไอร้อนจากฝ่ามือทำให้หญิงสาวได้สติ นางหลุดเสียงร้องบางเบา แต่กระนั้นกลับทำให้เจ้าของฝ่ามือคลายมือลงอย่างรวดเร็ว
“เจ้า...ฟื้นแล้ว”
ดวงตากลมจ้องมองเจ้าของเสียงแหบพร่า น้ำเสียงเหนื่อยล้าระคนดีใจทำให้นางงุนงง หญิงสาวกะพริบตาปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า ยังไม่ทันตั้งสติได้ ร่างของนางถูกเขารวบขึ้นมากอดแนบแน่นกับแผ่นอกกว้างของเขา
“ฟื้นเสียที”
ร่างของนางเกร็งขึ้นทันที สองมือพยายามดันแผ่นอกและดิ้นรนอย่างตื่นกลัว อาการต่อต้านทำให้ชายหนุ่มผ่อนวงแขนแล้วก้มมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ
“เป็นอะไรไป”
“ข้า...”
“เจ็บตรงไหนหรือไม่ ข้า...ข้าจะให้คนตามหมอ”
“ข้าไม่เจ็บ”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาแต่ดวงตาจ้องมองเขานิ่งงัน หัวคิ้วของชายหนุ่มขมวดแน่น เลื่อนมือลูบไล้ท่อนแขนของหญิงสาว เพื่อสำรวจว่ามีตรงไหนที่บาดเจ็บหรือไม่ แต่นางกลับกระถดกายถอยหนี หางตาเหลือบเห็นผ้าห่มตกอยู่ข้างกาย จึงรีบคว้ามากอดไว้บดบังสายตาของเขาที่จับจ้องนางอยู่
“น้องหญิง...”
“น้องหญิง?”
คราวหน้าหญิงสาวทำงุนงงหนักกว่าเดิม นางยกนิ้วชี้ที่ตัวเองแล้วเป็นเชิงถาม
“ท่านหมายถึงข้ารึ”
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธข้ามาก แต่เรื่องรับอนุนั้นเป็นมารดาที่จัดการเองทั้งหมด แต่เจ้าเองไม่ควรทำเช่นนี้ เจ้าหมดสติไปสามวันสามคืน ทำให้ข้าทุกข์ใจยิ่ง”
“ประเดี๋ยวก่อน ข้าไม่เข้าใจ ท่านพูดเรื่องอันใดกัน” นางรีบเอ่ยขึ้นแล้วพยายามคิดตามที่เขาพูด “ท่านคือ...”
เสียงสูดลมหายใจลึกเหมือนข่มโทสะ ทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือกและกระถดตัวถอยหนี ท่าทางหวาดกลัวของนางทำให้เขาได้สติและเอ่ยตอบอย่างใจเย็น
“ข้าคือซุนหลวนคุน สามีของเจ้า”
“สามี!” นางเบิกตากว้าง “ท่านเป็นสามีข้า”
“ถูกต้อง” เขาหลุบตาลงเล็กน้อย “เจ้าคือภรรยาของข้า เจ้าจำไม่ได้หรือ?”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่...ชื่อของตัวเอง”
คราวนี้เป็นดวงตาของชายหนุ่มที่เบิกกว้างขึ้น เขายื่นมือไปคว้ามือเรียวเล็กมากุมไว้ รูปร่างของเขาสูงใหญ่รวมทั้งมือของเขากุมมือนางไว้มิด
“เจ้าจำอะไรไม่ได้เลย?”
นางพยักหน้าแทนคำตอบ สิ่งรอบข้างล้วนกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนาง นางอ้าปากเหมือนจะเอ่ยถามแต่อีกฝ่ายกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เช่นนั้น เจ้าก็เพียงจำไว้ว่าชื่อของเจ้าคือหรูซื่อและข้าซุนหลวนคุนเป็นสามีของเจ้า”
ความทรงจำหล่นหาย
ห้าวันแล้วหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา
หญิงสาวระบายลมหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นแตะศีรษะอย่างลืมตัวแล้วนึกได้ว่าไม่มีผ้าพันแผลรอบศีรษะอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ นางปวดศีรษะมาก โดยเฉพาะยามที่พยายามคิดว่าตนเองเป็นใคร เหตุใดจึงจำอะไรไม่ได้เช่นนี้ ชายที่บอกว่าเป็นสามีของนาง เชิญหมอมาตรวจดูหลายครั้งแม้อาการเจ็บปวดทุเลาลง แต่นางก็จำเรื่องใดไม่ได้เลย
หลายวันมานี้นางจึงเอาแต่อยู่ในห้องนอน ครุ่นคิดและไม่อาจยอมรับว่าตนเองทำความทรงจำหล่นหายไป เมื่อยิ่งพยายามคิด นางยิ่งทรมานกับการปวดศีรษะ นางจึงเลิกคิดและยอมรับว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้เลย
“ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
“ป้าหวงฝู”
หญิงสาวยิ้มให้หญิงวัยห้าสิบที่เข้ามาพร้อมอ่างใส่น้ำล้างหน้า นางตวัดเท้าลงจากเตียงลุกขึ้นเข้าไปช่วยประคองอ่างน้ำวางบนโต๊ะ
“ขาของป้าหวงฝูไม่ค่อยดี ให้ผู้อื่นยกมาไม่ดีกว่าหรือ” นางถามอย่างเป็นกังวล แต่นางหวงฝูกลับหัวเราะออกมา
“ฮูหยิน...ท่านไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ในจวนท่านแม่ทัพไม่มีสตรี หญิงรับใช้ก็ไม่มี หากจะให้ผู้อื่นยกน้ำล้างหน้าให้ท่านก็ต้องเป็นบุรุษ ซึ่งท่านแม่ทัพไม่ยอมเป็นแน่”
“เช่นนั้น...” นางจ้องมองป้าหวงฝูอย่างงุนงง
‘อย่าบอกนะว่าป้าหวงฝูมิใช่สตรี’
ราวกับรู้ว่าความคิดของอีกฝ่าย นางหวงฝูหัวเราะออกมา นางมาดูแลฮูหยินท่านแม่ทัพได้สามสี่วันแล้ว แรกทีเดียวก็วิตกกังวลว่าหญิงชาวบ้านจะดูแลฮูหยินได้ไม่ดีนัก แต่เมื่อได้ใกล้ชิดจึงรู้ว่า ฮูหยินช่างน่าเอ็นดูนัก มิน่าเล่า ท่านแม่ทัพจึงได้ ‘หวง’ ฮูหยินดั่งประคองไว้ในอุ้งมือ
“บุตรชายข้านามหวงอี้ เป็นทหารที่ท่านแม่ทัพเมตตาให้รับใช้ข้างกาย ข้าเป็นมารดาของเขา เป็นหญิงหม้ายใช้ชีวิตโดดเดี่ยว หวงอี้มาปรึกษากับข้าว่า ฮูหยินท่านแม่ทัพเดินทางมาจากเมืองหลวง ไม่มีสาวใช้ข้างกาย ข้าจึงอาสามาดูแลท่านเอง”
“เป็นเช่นนี้เอง” นางพยักหน้ารับ ตั้งแต่ฟื้นได้สติก็ไม่เคยออกไปจากห้องนี้จึงไม่รู้ว่าด้านนอกเป็นอย่างไร “ข้าทำให้ท่านป้าลำบากแล้ว”
“พูดอะไรเช่นนั้น ได้ดูแลท่านก็นับว่าข้าได้ตอบแทนท่านแม่ทัพที่ดูแลลูกชายของข้าเช่นกัน”
นางหวงฝูหยิบหวีขึ้นมาแล้วสางผมให้นาง เส้นผมยาวสลวยนุ่มมือราวกับเส้นไหม ใบหน้าอ่อนหวานยามแย้มยิ้มชวนมอง ดวงตากลมเป็นประกายงดงาม ริมฝีปากเป็นสีแดงชาด ผิวพรรณเนียนละเอียดดุจหยกใส นางอายุห้าสิบแล้ว เพิ่งได้พบสตรีที่งดงามมากขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ท่านแม่ทัพไม่รับอนุ ไม่สนใจหญิงใด ใครเลยจะเหลือสายตาไว้มองผู้อื่นได้เล่า ในเมื่อมีภรรยางดงามถึงเพียงนี้
“ข้าดูแลตัวเองได้ ป้าหวงฝูไม่ต้องปรนนิบัติรับใช้ข้าหรอก” นางเอ่ยจากใจจริง “วันนี้ข้าออกไปเดินเล่นข้างนอกห้องได้หรือไม่”
“ได้สิเจ้าค่ะ” หวงฝูยิ้มกว้าง “หากฮูหยินแข็งแรงดี ออกไปเดินเล่นรับแดดอ่อนๆ หน่อยก็ดีนะเจ้าค่ะ”
“ข้าแข็งแรงดีแล้ว” หรูซื่อยืนยัน “ป้าหวงไปเตรียมอาหารเช้าให้ข้าเถิด ข้าจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง”
“ได้เจ้าค่ะ” เห็นนางร่าเริงไม่เอาแต่นั่งเหม่อลอย นางหวงฝูพลอยดีใจไปด้วย จึงรีบเดินกะโผลกกะเผลกออกไปโดยเร็ว
หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ฝืนครุ่นคิดถึงความทรงจำที่หายไป จะค่อยๆ เรียนรู้ว่าตนเป็นใครและดำเนินชีวิตต่อ ในเมื่อคนผู้นั้นเรียกนางว่า ‘หรูซื่อ’ เช่นนั้นนางก็คือ ‘หรูซื่อ’ ก็แล้วกัน
หรูซื่อล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย นางหวงฝูก็กลับเข้าพร้อมอาหารเช้า หญิงสาวหน้าเจือนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชามยาสีเข้มมาพร้อมกัน
“ข้าแข็งแรงดีแล้ว ยังต้องกินยาอีกหรือ?”
“ต้องกินเจ้าค่ะ ท่านหมอกำชับไว้”
หรูซื่อทำหน้างอแงแต่ไม่ดื้อดึง นางกินโจ๊กเห็ดหอมได้ครึ่งชามแล้วกินยา ท่าทางกินอาหารคำน้อยๆ ช่างน่ามองนัก คงเป็นคุณหนูที่ถูกอบรมมาอย่างดี กิริยามารยาทอ่อนช้อยเหลือเกิน นางหวงฝูมีบุตรชายเพียงคนเดียว สามีของนางตายไปนานแล้ว นางไม่ได้แต่งงานใหม่ ใช้ชีวิตหญิงหม้ายเงียบๆ เมื่อได้พบกับหรูซื่อที่นิสัยน่ารักจึงอดเอ็นดูมิได้ หากมีบุตรสาวน่ารักเช่นนี้ ก็คงรักและถนอมสุดหัวใจเป็นแน่
“ข้าออกไปเดินเล่นได้แน่นะ” หรูซื่อถามย้ำอีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพไม่ได้ห้ามเจ้าค่ะ” นางหวงฝูหัวเราะออกมา
“ข้ากลัวจะทำให้ผู้อื่นลำบาก”
เหตุใดนางรู้สึกราวกับว่า ไม่ว่านางจะทำอะไรต้องคอยมองสีหน้าผู้อื่นเสมอ แต่ช่างเถอะ นางอยู่ในห้องนานเกินไปแล้ว ออกไปเดินดูอะไรบ้าง จะได้ไม่ปวดหัวขึ้นมาเพราะคิดมากอีก
นางหวงฝูประคองฮูหยินน้อยเดินออกมาจากห้อง แดดอ่อนๆ ยามเช้ากระทบใบหน้าของนาง สายลมโชยผ่าน เสียงนกร้อง และกลิ่นหอมของดอกไม้ผลิบาน ใบหน้าหวานระบายยิ้มสดใส คิดถูกแล้วที่ออกจากห้องนอนเสียที หรูซื่อปล่อยมือจากท่อนแขนของนางหวงฝู เดินตรงไปที่ดอกโบตั๋นที่ผลิดอกอวดโฉมงามสะพรั่ง
“ผู้ใดปลูกดอกโบตั๋นได้งดงามถึงเพียงนี้” “เรือนหลังนี้ ท่านแม่ทัพให้คนเตรียมไว้เพื่อฮูหยินเจ้าคะ” “หมายถึงข้าหรือ?” นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเอง “อันที่จริง ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องในจวนนัก แต่เจ้าทึ่มหวงอี้ชอบเล่าให้ข้าฟังบ่อยๆ ท่านแม่ทัพให้คนมาทำความสะอาดอยู่เสมอ บอกว่าสักวันท่านจะมา พวกเรายังคิดอยู่ว่าเมื่อไหร่ฮูหยินท่านแม่ทัพจะมา แล้ววันนี้ท่านก็มาจริงๆ” “เขา...รอข้า...” เหตุใดหัวใจนางเต้นรัวเช่นนี้ หรูซื่อยกมือขึ้นกดที่หน้าอกตัวเอง หัวใจเต้นรัวเหลือเกิน ดีใจ? นางกำลังดีใจอย่างนั้นหรือ? หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ ภายในอกเกิดระลอกคลื่นอารมณ์แปลกประหลาด รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนรอคอยนางถึงเพียงนี้ ยิ่งกวาดตามองเห็นสวนดอกไม้งดงาม ยิ่งทำให้เชื่อว่าเขาใส่ใจและรอคอยนางจริงๆ แล้วเหตุใดนางไม่รีบมาหาเขา เป็นสามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันนี่ “เจ้าเป็นอะไรไป เจ็บหัวใจรึ” น้ำเสียงร้อนรนทำให้หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับมา นางปะทะกับแผงอกของเขา เพราะไม่คิดว่าคนที่พูดจะยืนอยู่ใกล้มาก ความสูงที่ต่าง กัน
หรูซื่อคิดว่าตนเองโชคดีนัก แต่งงานห้าปีไร้ทายาท สามีไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่อย่างดี “แล้ว...แล้ว ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรเจ้าคะ พวกเขารักข้าหรือไม่ ดีกับท่านหรือเปล่า แล้ว...แล้วมารดาของท่าน เอ่อ แม่สามีของข้า รักใคร่เอ็นดูข้าหรือไม่เจ้าคะ เอ๋...เหมือนว่าข้าจะได้ยินท่านพูดเรื่องอนุ” คำถามของนางทำเอาดวงตาของเขาวูบไหวครู่หนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็กักเก็บมันไว้ได้ทัน กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “บิดามารดาของเจ้ามีบุตรชายสามคน เจ้าเป็นบุตรคนที่สี่เป็นบุตรสาวคนเดียวและบุตรคนเล็ก เป็นแก้วตาดวงใจของท่านราชครู ข้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ บิดาเจ้ามีมารดาเพียงผู้เดียวไม่มีหญิงอื่น ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่รับอนุมีไม่หลายภรรยาให้เจ้าต้องปวดใจ ส่วนเรื่องรับอนุนั้น เป็นความใจร้อนของมารดาข้าเอง” “ท่าน...ท่านพี่อย่าได้ตำหนิมารดาของท่านเช่นนั้น” นางรีบพูดขึ้น “แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท แม่สามีไม่ขับไล่ข้าก็นับว่าดียิ่งนัก หาก...หากว่าข้าไม่สามารถมีทายาทให้ท่านได้ ท่าน.
“เจ้า...ตุ๋นไก่ให้ข้า” ที่คิดจะออกปากตำหนิจึงพูดไม่ออก พลันรู้สึกวูบไหวในอก นานเพียงใดที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ รู้สึกเป็นพิเศษ เป็นคนสำคัญ “ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ฮูหยินเพียงต้องการลงมือทำอาหารบำรุงให้ท่าน ไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอท่านแม่ทัพอย่าโกรธเคืองฮูหยินเลยนะเจ้าคะ” ป้าหวงฝูอธิบาย ทหารคนอื่นก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ฮูหยินท่านแม่ทัพเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมและงดงาม มีจิตใจดี รักใคร่ห่วงใยท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเกือบเผาห้องครัวไปก็เถิดนะ หรูซื่อช้อนตาขึ้นมอง “ข้าไม่ได้ตั้งใจเผาห้องครัวของท่านจริงๆ นะ” เสียงถอนหายใจดังขึ้น เขาเองไม่ได้อยากตำหนินาง “เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ บาดเจ็บที่ใดหรือเปล่า” น้ำเสียงแม้ไม่ได้อ่อนโยนนัก แต่บรรดาทหารที่มักได้รับคำสั่งต่างอ้าปากค้างตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน แม่ทัพซุนมีอีกชื่อที่เรียกขานลับหลังว่า ‘แม่ทัพปีศาจ’ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินท่านแม่ทัพปีศาจใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน หญิงสาวฉีกยิ้มหวานส่ายหน้าไปมา แต่ซ่อนมือไว้ด้านหลัง รอยยิ้มของนางไม่ได
เขาบอกไม่ต้องรอ แต่นางก็รอ รอจนไม่รู้ฟุบหลับไปบนโต๊ะเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าเลยว่าเขาอุ้มนางมานอนบนเตียงเมื่อใดกัน เขาแวะเวียนมากินข้าวกับนางสักมื้อหนึ่งแล้วรีบร้อนออกไป ป้าหวงฝูและบรรดาทหารยามบอกนางว่าช่วงนี้ท่านแม่ทัพมีงานรัดตัวจริง ๆ นางอยู่ว่างไม่รู้จะทำอะไร จึงหยิบจับเสื้อผ้าของเขาออกมาดู เห็นมีบางแห่งที่มีรอยขาดก็นึกประหลาดใจ จวนแม่ทัพมิได้ยากจน ไฉนเสื้อผ้าสามีนางจึงชำรุดขนาดนี้ นางจึงขอเข็มและด้ายจากป้าหวงฝูแล้วเอาเสื้อผ้าของเขามาซ่อมแซม น่าแปลก นางกลับคุ้นชินกับการเย็บปักเหล่านี้มากกว่าทำอาหารที่แทบจะเผาครัวของเขาไปเมื่อครั้งก่อน ขนาดป้าหวงฝูยังเอ่ยชมว่าฝีมือของนางนั้นประณีตจริง ๆ “ป้าหวงฝู ข้าอยากไปซื้อพวกอุปกรณ์เย็บปัก ท่านไปกับข้าได้หรือไม่ ข้าเพิ่งเคยมาเมืองนี้” “ได้สิเจ้าค่ะ ฮูหยินตั้งใจทำให้ท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ ท่านแม่ทัพต้องดีใจมากเป็นแน่” “ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ทำได้แค่เรื่องพวกนี้” นางยิ้มเขินอายจนแก้มเนียนแดงปลั่ง “ข้า...ข้าต้องขอบคุณป้าหวงฝูที่คอยชี้แนะและดูแลข้า” “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้
“ข้าเข้าใจแล้ว” นางเอ่ยไปเช่นนั้นแต่ในใจยังคงว้าวุ้นสับสน แสร้งหลับตาลง เมื่อรับรู้ว่าในห้องไม่เหลือผู้ใดแล้วจึงลืมตาขึ้น ริมฝีปากงามถอนหายใจหนักหน่วง นางบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่ไม่อาจทำได้ ตั้งแต่ได้สติฟื้นขึ้นมา นางพบซุนหลวนคุนเป็นคนแรก เขาบอกว่านางคือภรรยาของเขาชื่อหรูซื่อ นางก็เชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด แต่นางคือ ‘หรูซื่อ’ ภรรยาของเขาจริง ๆหรือไม่นั้น ไม่มีใครยืนยันได้ เขาเล่าว่ารถม้าของนางถูกปล้นชิง คนติดตามล้วนถูกสังหารหมดสิ้น ข้าวของที่นำมาถูกขโมยไปสิ่งที่เหลือก็ใช้การอะไรไม่ได้ นางโชคดีที่เขาและทหารลาดตระเวนมาพบและเข้าช่วยเหลือได้ทัน ‘หรูซื่อ’ ‘หลิวหรูซื่อ’ ชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เรียกนางว่า ‘หรูซื่อ’ นางคงเป็น‘หรูซื่อ’จริงๆ นั้นแหละ ทว่านางไม่คุ้นหน้าชายผู้นั้นเลย แต่น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นการจำคนผิดเป็นแน่ ทำไมคนผู้นั้นถึงมองนางเช่นนั้น นางทำสิ่งใดไว้หรือ? ทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ถึงขนาดที่จ้องมองด้วยสายตาเช่นนั้น หรือนางทำเรื่องผิดต่อซุนหลวนคุน เขาจึงไม่กลับบ้าน
“ท่านพี่เป็นอะไร” “ข้า...”น้ำเสียงที่ได้ยินแหบแห้งจนน่าตกใจ “ท่านพี่ไม่สบายหรือ?”หรูซื่อขยับตัวทำให้เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของสามี แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที เห็นท่าทีของนางกลับมาเป็นเช่นเดิมหัวใจจึงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง “ข้าแค่ตกใจ” “ตกใจ?” “เจ้าทำข้ากลัวเหลือเกิน” เขากุมมือที่ยังแนบแก้มของเขาอยู่ “เจ้าฝันร้ายและข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้” “แค่ฝันร้าย” นางยิ้มเขินอาย นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้ “ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอีกแล้ว” “เจ้าฝันถึงสิ่งใด เหตุใดจึงร้องไห้จนดวงตาเปียกชุ่มเช่นนี้” หรูซื่อเพิ่งรู้ตัว นางดึงมือกลับมาใช้หลังมือเช็ดที่ใต้ตา รอยเปียกชื้นที่เหลืออยู่ยืนยันได้ว่านางร้องไห้ “ข้าร้องไห้หรือ? แต่ข้าจำไม่ได้เลยว่าร้องไห้เรื่องอันใดกัน” “จำไม่ได้ก็ดีแล้ว ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็ปวดใจเหลือเกิน” “ท่านพี่” หัวใจนางเหมือนจะพองโตคับอก แม้ผู้อื่นเกรงกลัวสามีของนางมาก แต่เขาอ่อนโยนและห่วงใย ใส่ใจทุกเรื่องของนาง แม้นางความจำเส
“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” เขายิ้มร้ายกาจ โน้มหน้าลงดูดกลืนปลายถันที่แดงฉ่ำ ใช้ทั้งปากและลิ้นละเลียดความอ่อนนุ่มปลุกเร้าจนยอดอกชูชันท้าทายสายตา มือเรียวยกขึ้นโอบกอดเขาไว้ ส่งตัวตนของนางให้เขาลิ้มรส ในขณะที่สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวนำพาความเสียดเสียวไปทั่วร่าง เขาทำเช่นเดียวกับที่ใช้นิ้วและลิ้นแต่ครั้งนี้เป็นแท่งหยกร้อนระอุของเขาที่เคลื่อนไหวเข้าออกในร่องรัก ทุกการเคลื่อนไหวของเขานำพาความเสียวซ่านมาแทนที ความเจ็บปวดจางหายไปเมื่อใดไม่อาจรู้ได้ ร่องรักทั้งอุ่นร้อนและชุ่มฉ่ำ เสียงครางกระเส่าปลุกเร้าให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง เหงื่อไหลโทรมกาย นัยต์ตาร้องแรงดุจลูกไฟ และดวงตาของเขาสะกดนางให้นางจ้องมองเพียงเขาเท่านั้น สะโพกสอบขยับโยกดุนดันจนร่างบางสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น มันเร็วขึ้น แรงขึ้น ถี่กระชั้นมากขึ้น นางบิดเอวเผลอจิกเล็บกับแผ่นหลังของเขา เสียงครางแหบพร่าทำให้นางได้สติ จ้องมองสีหน้าของเขาอย่างหลงใหล เหงื่อไหลชโลมกาย ผสานกับเสียงครวญหวานของนางเร่งเร้าผลักดันให้เขาขยับกาย “ข้า...ข้าไม่ไหวแล้ว” หรูซื่อพูดเสียงแผ่ว ครั้งนี้มันยิ่งกว่าเมื่อครู
“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” เขายิ้มร้ายกาจ โน้มหน้าลงดูดกลืนปลายถันที่แดงฉ่ำ ใช้ทั้งปากและลิ้นละเลียดความอ่อนนุ่มปลุกเร้าจนยอดอกชูชันท้าทายสายตา มือเรียวยกขึ้นโอบกอดเขาไว้ ส่งตัวตนของนางให้เขาลิ้มรส ในขณะที่สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวนำพาความเสียดเสียวไปทั่วร่าง เขาทำเช่นเดียวกับที่ใช้นิ้วและลิ้นแต่ครั้งนี้เป็นแท่งหยกร้อนระอุของเขาที่เคลื่อนไหวเข้าออกในร่องรัก ทุกการเคลื่อนไหวของเขานำพาความเสียวซ่านมาแทนที ความเจ็บปวดจางหายไปเมื่อใดไม่อาจรู้ได้ ร่องรักทั้งอุ่นร้อนและชุ่มฉ่ำ เสียงครางกระเส่าปลุกเร้าให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง เหงื่อไหลโทรมกาย นัยต์ตาร้องแรงดุจลูกไฟ และดวงตาของเขาสะกดนางให้นางจ้องมองเพียงเขาเท่านั้น สะโพกสอบขยับโยกดุนดันจนร่างบางสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น มันเร็วขึ้น แรงขึ้น ถี่กระชั้นมากขึ้น นางบิดเอวเผลอจิกเล็บกับแผ่นหลังของเขา เสียงครางแหบพร่าทำให้นางได้สติ จ้องมองสีหน้าของเขาอย่างหลงใหล เหงื่อไหลชโลมกาย ผสานกับเสียงครวญหวานของนางเร่งเร้าผลักดันให้เขาขยับกาย “ข้า...ข้าไม่ไหวแล้ว” หรูซื่อพูดเสียงแผ่ว ครั้งนี้มันยิ่งกว่าเมื่อครู
“ท่านพี่เป็นอะไร” “ข้า...”น้ำเสียงที่ได้ยินแหบแห้งจนน่าตกใจ “ท่านพี่ไม่สบายหรือ?”หรูซื่อขยับตัวทำให้เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของสามี แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที เห็นท่าทีของนางกลับมาเป็นเช่นเดิมหัวใจจึงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง “ข้าแค่ตกใจ” “ตกใจ?” “เจ้าทำข้ากลัวเหลือเกิน” เขากุมมือที่ยังแนบแก้มของเขาอยู่ “เจ้าฝันร้ายและข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้” “แค่ฝันร้าย” นางยิ้มเขินอาย นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้ “ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอีกแล้ว” “เจ้าฝันถึงสิ่งใด เหตุใดจึงร้องไห้จนดวงตาเปียกชุ่มเช่นนี้” หรูซื่อเพิ่งรู้ตัว นางดึงมือกลับมาใช้หลังมือเช็ดที่ใต้ตา รอยเปียกชื้นที่เหลืออยู่ยืนยันได้ว่านางร้องไห้ “ข้าร้องไห้หรือ? แต่ข้าจำไม่ได้เลยว่าร้องไห้เรื่องอันใดกัน” “จำไม่ได้ก็ดีแล้ว ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็ปวดใจเหลือเกิน” “ท่านพี่” หัวใจนางเหมือนจะพองโตคับอก แม้ผู้อื่นเกรงกลัวสามีของนางมาก แต่เขาอ่อนโยนและห่วงใย ใส่ใจทุกเรื่องของนาง แม้นางความจำเส
“ข้าเข้าใจแล้ว” นางเอ่ยไปเช่นนั้นแต่ในใจยังคงว้าวุ้นสับสน แสร้งหลับตาลง เมื่อรับรู้ว่าในห้องไม่เหลือผู้ใดแล้วจึงลืมตาขึ้น ริมฝีปากงามถอนหายใจหนักหน่วง นางบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่ไม่อาจทำได้ ตั้งแต่ได้สติฟื้นขึ้นมา นางพบซุนหลวนคุนเป็นคนแรก เขาบอกว่านางคือภรรยาของเขาชื่อหรูซื่อ นางก็เชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด แต่นางคือ ‘หรูซื่อ’ ภรรยาของเขาจริง ๆหรือไม่นั้น ไม่มีใครยืนยันได้ เขาเล่าว่ารถม้าของนางถูกปล้นชิง คนติดตามล้วนถูกสังหารหมดสิ้น ข้าวของที่นำมาถูกขโมยไปสิ่งที่เหลือก็ใช้การอะไรไม่ได้ นางโชคดีที่เขาและทหารลาดตระเวนมาพบและเข้าช่วยเหลือได้ทัน ‘หรูซื่อ’ ‘หลิวหรูซื่อ’ ชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เรียกนางว่า ‘หรูซื่อ’ นางคงเป็น‘หรูซื่อ’จริงๆ นั้นแหละ ทว่านางไม่คุ้นหน้าชายผู้นั้นเลย แต่น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นการจำคนผิดเป็นแน่ ทำไมคนผู้นั้นถึงมองนางเช่นนั้น นางทำสิ่งใดไว้หรือ? ทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ถึงขนาดที่จ้องมองด้วยสายตาเช่นนั้น หรือนางทำเรื่องผิดต่อซุนหลวนคุน เขาจึงไม่กลับบ้าน
เขาบอกไม่ต้องรอ แต่นางก็รอ รอจนไม่รู้ฟุบหลับไปบนโต๊ะเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าเลยว่าเขาอุ้มนางมานอนบนเตียงเมื่อใดกัน เขาแวะเวียนมากินข้าวกับนางสักมื้อหนึ่งแล้วรีบร้อนออกไป ป้าหวงฝูและบรรดาทหารยามบอกนางว่าช่วงนี้ท่านแม่ทัพมีงานรัดตัวจริง ๆ นางอยู่ว่างไม่รู้จะทำอะไร จึงหยิบจับเสื้อผ้าของเขาออกมาดู เห็นมีบางแห่งที่มีรอยขาดก็นึกประหลาดใจ จวนแม่ทัพมิได้ยากจน ไฉนเสื้อผ้าสามีนางจึงชำรุดขนาดนี้ นางจึงขอเข็มและด้ายจากป้าหวงฝูแล้วเอาเสื้อผ้าของเขามาซ่อมแซม น่าแปลก นางกลับคุ้นชินกับการเย็บปักเหล่านี้มากกว่าทำอาหารที่แทบจะเผาครัวของเขาไปเมื่อครั้งก่อน ขนาดป้าหวงฝูยังเอ่ยชมว่าฝีมือของนางนั้นประณีตจริง ๆ “ป้าหวงฝู ข้าอยากไปซื้อพวกอุปกรณ์เย็บปัก ท่านไปกับข้าได้หรือไม่ ข้าเพิ่งเคยมาเมืองนี้” “ได้สิเจ้าค่ะ ฮูหยินตั้งใจทำให้ท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ ท่านแม่ทัพต้องดีใจมากเป็นแน่” “ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ทำได้แค่เรื่องพวกนี้” นางยิ้มเขินอายจนแก้มเนียนแดงปลั่ง “ข้า...ข้าต้องขอบคุณป้าหวงฝูที่คอยชี้แนะและดูแลข้า” “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้
“เจ้า...ตุ๋นไก่ให้ข้า” ที่คิดจะออกปากตำหนิจึงพูดไม่ออก พลันรู้สึกวูบไหวในอก นานเพียงใดที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ รู้สึกเป็นพิเศษ เป็นคนสำคัญ “ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ฮูหยินเพียงต้องการลงมือทำอาหารบำรุงให้ท่าน ไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอท่านแม่ทัพอย่าโกรธเคืองฮูหยินเลยนะเจ้าคะ” ป้าหวงฝูอธิบาย ทหารคนอื่นก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ฮูหยินท่านแม่ทัพเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมและงดงาม มีจิตใจดี รักใคร่ห่วงใยท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเกือบเผาห้องครัวไปก็เถิดนะ หรูซื่อช้อนตาขึ้นมอง “ข้าไม่ได้ตั้งใจเผาห้องครัวของท่านจริงๆ นะ” เสียงถอนหายใจดังขึ้น เขาเองไม่ได้อยากตำหนินาง “เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ บาดเจ็บที่ใดหรือเปล่า” น้ำเสียงแม้ไม่ได้อ่อนโยนนัก แต่บรรดาทหารที่มักได้รับคำสั่งต่างอ้าปากค้างตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน แม่ทัพซุนมีอีกชื่อที่เรียกขานลับหลังว่า ‘แม่ทัพปีศาจ’ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินท่านแม่ทัพปีศาจใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน หญิงสาวฉีกยิ้มหวานส่ายหน้าไปมา แต่ซ่อนมือไว้ด้านหลัง รอยยิ้มของนางไม่ได
หรูซื่อคิดว่าตนเองโชคดีนัก แต่งงานห้าปีไร้ทายาท สามีไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่อย่างดี “แล้ว...แล้ว ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรเจ้าคะ พวกเขารักข้าหรือไม่ ดีกับท่านหรือเปล่า แล้ว...แล้วมารดาของท่าน เอ่อ แม่สามีของข้า รักใคร่เอ็นดูข้าหรือไม่เจ้าคะ เอ๋...เหมือนว่าข้าจะได้ยินท่านพูดเรื่องอนุ” คำถามของนางทำเอาดวงตาของเขาวูบไหวครู่หนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็กักเก็บมันไว้ได้ทัน กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “บิดามารดาของเจ้ามีบุตรชายสามคน เจ้าเป็นบุตรคนที่สี่เป็นบุตรสาวคนเดียวและบุตรคนเล็ก เป็นแก้วตาดวงใจของท่านราชครู ข้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ บิดาเจ้ามีมารดาเพียงผู้เดียวไม่มีหญิงอื่น ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่รับอนุมีไม่หลายภรรยาให้เจ้าต้องปวดใจ ส่วนเรื่องรับอนุนั้น เป็นความใจร้อนของมารดาข้าเอง” “ท่าน...ท่านพี่อย่าได้ตำหนิมารดาของท่านเช่นนั้น” นางรีบพูดขึ้น “แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท แม่สามีไม่ขับไล่ข้าก็นับว่าดียิ่งนัก หาก...หากว่าข้าไม่สามารถมีทายาทให้ท่านได้ ท่าน.
“ผู้ใดปลูกดอกโบตั๋นได้งดงามถึงเพียงนี้” “เรือนหลังนี้ ท่านแม่ทัพให้คนเตรียมไว้เพื่อฮูหยินเจ้าคะ” “หมายถึงข้าหรือ?” นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเอง “อันที่จริง ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องในจวนนัก แต่เจ้าทึ่มหวงอี้ชอบเล่าให้ข้าฟังบ่อยๆ ท่านแม่ทัพให้คนมาทำความสะอาดอยู่เสมอ บอกว่าสักวันท่านจะมา พวกเรายังคิดอยู่ว่าเมื่อไหร่ฮูหยินท่านแม่ทัพจะมา แล้ววันนี้ท่านก็มาจริงๆ” “เขา...รอข้า...” เหตุใดหัวใจนางเต้นรัวเช่นนี้ หรูซื่อยกมือขึ้นกดที่หน้าอกตัวเอง หัวใจเต้นรัวเหลือเกิน ดีใจ? นางกำลังดีใจอย่างนั้นหรือ? หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ ภายในอกเกิดระลอกคลื่นอารมณ์แปลกประหลาด รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนรอคอยนางถึงเพียงนี้ ยิ่งกวาดตามองเห็นสวนดอกไม้งดงาม ยิ่งทำให้เชื่อว่าเขาใส่ใจและรอคอยนางจริงๆ แล้วเหตุใดนางไม่รีบมาหาเขา เป็นสามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันนี่ “เจ้าเป็นอะไรไป เจ็บหัวใจรึ” น้ำเสียงร้อนรนทำให้หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับมา นางปะทะกับแผงอกของเขา เพราะไม่คิดว่าคนที่พูดจะยืนอยู่ใกล้มาก ความสูงที่ต่าง กัน
“ดีจัง”“อะไรรึ” เขาถามโดยไม่ได้หันมามองนาง “ท่านแบกข้าไว้เช่นนี้” นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ท่านจะแบกข้าไปชั่วชีวิตได้หรือไม่” “แน่นอน”“ถ้าข้าอ้วนกว่านี้เล่า”“ข้าแข็งแรงแบกเจ้าไหว” ซุนหลวนคุนหัวเราะในลำคอ หากนางกลายร่างเป็นหญิงอวบอ้วนก็ช่างประไร ของให้นางคือ ‘หรูซื่อ’ ของเขาก็พอ แสงสว่างที่กระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับใหลค่อยๆ ตื่นฟื้น มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงที่เข้ามากระทบใบหน้า ทว่าข้อมือกลับถูกจับไว้แน่น ไอร้อนจากฝ่ามือทำให้หญิงสาวได้สติ นางหลุดเสียงร้องบางเบา แต่กระนั้นกลับทำให้เจ้าของฝ่ามือคลายมือลงอย่างรวดเร็ว “เจ้า...ฟื้นแล้ว” ดวงตากลมจ้องมองเจ้าของเสียงแหบพร่า น้ำเสียงเหนื่อยล้าระคนดีใจทำให้นางงุนงง หญิงสาวกะพริบตาปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า ยังไม่ทันตั้งสติได้ ร่างของนางถูกเขารวบขึ้นมากอดแนบแน่นกับแผ่นอกกว้างของเขา “ฟื้นเสียที” ร่างของนางเกร็งขึ้นทันที สองมือพยายามดันแผ่นอกและดิ้นรนอย่างตื่นกลัว อาการต่อต้านทำให้ชายหนุ่มผ่อนวงแขนแล้วก้มมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไ