หลังจากออกจากโรงพยาบาลลูกศรก็ได้มาอยู่ที่บ้านของอาเธอร์เพราะจะได้สะดวกในการที่จะมีคนช่วยเลี้ยงออกัสน้อย
“ให้หนูลูกศรอยู่ห้องข้างล่างนี้แหละจะได้ไม่ขึ้นลงลำบาก น้าให้แม่บ้านจัดห้องให้เรียบร้อยแล้ว” คุณแม่ของอาเธอร์ให้แม่บ้านจัดห้องนอนให้เธอในระหว่างที่มาอยู่เลี้ยงดูออกัสน้อย
“ขอบคุณคุณน้ากับคุณลุงมากนะคะสำหรับทุกอย่างที่ดูแลหนูมา”ลูกศรยกมือไหว้ขอบคุณพ่อแม่ของอาเธอร์ที่รู้จักมาครึ่งปีจนคลอดลูกออกมาท่านช่วยดูแลเธอดีเป็นเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ
“เรื่องเล็กน้อยอย่างเกรงใจเลยหนูลูกศร” คุณลุงพูดพร้อมรอยยิ้มผู้ใหญ่ใจดีให้กับแม่ของหลานชาย
“สงสัยเจ้าหนูออกัสจะหิวนมแล้วครับร้องขึ้นมาจากที่ดีๆอยู่กับพ่อ” อาเธอร์อุ้มลูกชายตัวน้อยมาส่งให้ลูกศรที่พึ่งเอาของมาเก็บในห้องนอนที่ถูกจัดให้อยู่ที่บ้านของเขา
“โอ๋โอ๋หนูหิวนมแล้วเหรอคะลูก” ลูกศรรับเอาทารกน้อยมาโอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขนของเธออย่างถนุถนอมเป็นที่สุด
“ออกไปกันเถอะทุกคนให้ออกัสน้อยของเราได้หลับจะได้ไม่รบกวนหลาน” จากนั้นทั้งหมดก็ทยอยกันออกไปจากห้องไม่รบกวนเด็กทารกน้อยที่กำลังร้องไห้งอแงอยู่
“ค่อยๆดูดก็ได้ครับลูกไม่มีคนแย้งหนูหรอก” ลูกศรพาลูกมานอนบนอกพร้อมกับตัวเธอ พอเห็นเจ้าเด็กน้อยอายุไม่กี่วันดูดนมอย่างแรงดูแล้วรู้สึกมั่นเขี้ยวลูบตัวทุยเบาๆพร้อมกับกล่อมให้หลับ
“ฮือแง่” เสียงครางร้องสะอื้นยังมีให้ได้ยินจนกระทั้งหลับคาเต้าแล้วปากค่อยคลายจุกออกมาเอง
ลูกศรพาลูกไปนอนยังเปลที่ถูกจัดไว้เจ้าหนูของเธอมีอาการผวาเหมือนจะตื่นจนต้องตบตูดเบาๆกล่อมให้หลับเอาผ้าอ้อมให้กอดไว้ถึงจะผ่อนคลายลมหายใจไม่ดิ้นงอแงแล้ว
“ลูกหลับสนิทแล้วยัง” อาเธอร์เดินกลับเข้ามาภายในห้องนอนกระซิบเสียงเบา
“หลับแล้ว” ลูกศรกระซิบตอบเสียงเบากลัวว่าจะรบกวนการนอนของทารกน้อยเข้าให้
“เธอออกไปกินอะไรก่อนเข้ามาพักเถอะเดี๋ยวจะให้ป้าเจี๊ยบมาเฝ้าระหว่างเธอกินไม่ต้องเป็นกังวล”
“อืมขอบใจมาก” ลูกศรยอมรับว่าตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลเธอเหนื่อยมากเพราะทารกน้อยยังปรับเวลากับภายนอกไม่ได้ร้องไห้งอแงกลางดึกจนแทบจะไม่ได้หลับเต็มอิ่มเลยขนาดมีทั่งแม่ของอาเธอร์และป้าเจี๊ยบช่วยดูแลอีกแรงไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้ามีแค่เธอคนเดียวจะเป็นยังไงคงเหนื่อยกว่านี้เป็นไหนๆแน่
“หลับสนิทแล้วใช่ไหมหนูลูกศร” คุณย่าที่ยืนกำกับแม่บ้านจัดอาหารขึ้นโต๊ะรอเธอถามขึ้น
“หลับแล้วค่ะ แต่กว่าจะยอมหลับก็ร้องงอแงจนหน้าแดงหมดกล่อมยังไงก็ไม่ยอมเลย” ลูกศรบ่นพร้อมร้อยยิ้มกับรสชาติของความเป็นแม่คนถึงแม้จะเหนื่อยแต่มันมีความสุขเมื่อมองดวงตาใสแจ๋วพร้อมน้ำตาคลอเบ้าที่มองหาเราอยู่ตลอดเวลาก็รู้สึกมีพลังในการเลี้ยงเขาต่อขึ้นมาทันที
“ขี้งอแงเหมือนพ่อเขาตอนเด็กๆเป๊ะเลยเนอะป้าเจี๊ยบว่าไหม” คุณย่ากับป้าเจี๊ยบนินทาอาเธอร์ที่เจ้าตัวขออยู่เฝ้าลูกอยู่ในห้อง
“จริงค่ะคุณผู้หญิงหน้าตาเหมือนกันแล้วนิสัยยังได้กันมาเป๊ะจริงๆ” ป้าเจี๊ยบยกถ้วยวางลงบนโต๊ะอาการตอบรับคำของคุณนายด้วยรอยยิ้มขบขำไม่ต่างกับผู้เป็นเจ้านาย
“ทานเยอะๆนะหรูลูกศรจะได้มีแรงเลี้ยงเจ้าหลานชายตัวน้อยของน้า เอ่อกินเสร็จแล้วก็ไปนอนในห้องที่ประตูข้างกันได้เลยนะหลับพักผ่อนบ้างหน้าตาเราดูไม่ค่อยไหวแล้ว” ท่านบอกลูกศรด้วยความหวังดี
“ค่ะคุณน้า” ลูกศรตอบรับด้วยรอยยิ้มมีความสุขให้ท่าน
“ไปป้าเจี๊ยบไปดูตาหนูกันเถอะ”
“ค่ะคุณผู้หญิง” พอทั้งสองเดินหายไปจากห้องอาหารแล้วลูกศรก็กินข้าวเพียงลำพังอยู่ๆแม่ของเธอโทรศัพท์เข้ามาพอดี
พอเห็นเบอร์ที่ไม่ได้คุยเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วก็อดหวั่นไหวด้วยคนที่มีความผิดติดตัวอยู่มักร้อนตัวขึ้นมาเองนี้แหละหนาคนเรา ลูกศรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วกดรับสายก่อนที่จะถูกตัดเพราะประวิงเวลาไว้นานแล้ว
“ค่ะแม่”
“ลูกหายไปเป็นอาทิตย์ไม่ติดต่อพ่อกับแม่มาเลยเป็นอะไรหรือเปล่าศร” เสียงเป็นกังวลของแม่ทำเอาเธอน้ำตาคลอเบ้าด้วยอารมณ์อ่อนไหวจากภาวะหลังคลอดอยู่แล้วสุดท้ายน้ำตาก็ไหลตกบนฝ่ามือที่วางบนโต๊ะกินข้าวดีที่ยังกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ได้
“นะหนูเข้าเวรเยอะเลยไม่ค่อยมีเวลาว่างน่ะแม่เวลานอนยังไม่ค่อยจะมีเลย” ลูกศรโกหกผสมกับเรื่องจริงที่อดนอนบอกเล่าให้แม่ฟัง
“หนักมากเลยเหรอลูก” น้ำเสียงของท่านนิ่งเป็นกังวลและยังได้ยินเสียงพ่อรอดเข้ามาว่าลูกเป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นสุดท้ายเสียงสะอื้นไห้ก็ดีงขึ้นอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
“ลูกทำงานหนักมาเลยพ่อ เนี้ยร้องไห้โหเลยฮึก” เสียงแม่สะอื้นบอกพ่อ ท่านบอกจะเปิดลำโพงให้พ่อได้ยินด้วยกัน
“ลูกร้องออกมาเลยระบายมันออกมาให้พ่อกับแม่ฟังจะได้โล่งอย่างเก็บเอาไว้คนเดียว หนูยังมีพวกเราอยู่เสมอถึงตัวจะใกล้แต่พวกเราเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอนะ” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งๆคลายจะร้องไห้เหมือนกัน ขนาดที่ไม่ได้วิดีโอคลอเห็นหน้ากันยังส่งต่อความรู้สึกของพวกท่านผ่านน้ำเสียงออกมาว่าเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวมาก
“หรือเราจะขึ้นไปหาลูกดีพ่อ” เสียงแม่ปรึกษากับพ่อรอดเข้ามาในสายทำเอาคนที่กำลังร้องไห้ตกใจจนน้ำตาหยุดไหลทันทีด้วยความหวาดกลัว
“มะไม่ต้องมาค่ะ!” ลูกศรรีบห้ามพวกท่านทันที
“อ้าวทำไมล่ะลูก พวกเราจะได้ขึ้นไปอยู่ใกล้ๆลูกไม่เจอกันมาจะเป็นปีแล้วนะหรือไม่คิดถึงแม่กับพ่อ” เสียงน้อยใจของแม่ถามขึ้นเมื่อถูกลูกศรห้ามไม่มาหา
“หนูไม่ได้หมายความอย่างนั้นค่ะ แต่ว่าช่วงนี้หนูขึ้นเวรเยอะทำงานหนักทุกวันถึงพ่อกับแม่ขึ้นมาหาก็ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันหรอกเอาเป็นว่าอีกสามเดือนหนูจะลากลับบ้านอยู่สักอาทิตย์นะคะ” ลูกศรคิดว่าถ้าผ่านไปสามเดือนเธอน่าจะให้ลูกอยู่กับครอบครัวอาเธอร์แล้วเธอห่างลูกสักอาทิตย์ก็น่าจะได้
“เฮ้อเรียนหมอว่าหนักแล้ว ตอนทำงานหนักกว่าอีกรู้แบบนี้พ่อไม่น่าส่งเสริมให้ลูกเรียนเลยน่าจะเลือกเรียนอย่างอื่นที่สบายกว่านี้” เสียงพ่อบ่นมาอย่างคนรู้สึกผิดมาตามสาย
“พ่อกับแม่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกค่ะที่หนูเลือกตามที่พ่อแม่บอกส่วนหนึ่งก็เป็นความต้องการของหนูด้วยอย่าคิดมากเลย ลูกสาวของพ่อกับแม่เก่งอยู่แล้วเดียวก็ผ่านไปได้เหมือนตลอดหกปีที่เรียนผ่านแล้ว”
“เฮ้อก็จริงลูกของพ่อเก่งอยู่แล้วนี่เนอะเดียวมันก็ผ่านไปพ่อกับแม่เป็นกำลังใจให้หนูนะลูก”
“ขอบคุณค่ะ หนูรักพ่อกับแม่นะแล้วจะกลับไปกอดแน่นๆเลย” ลูกศรน้ำตาไหลด้วยความคิดถึงและรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งที่เลือกจะโกหกปิดบังพวกท่านเรื่องลูก
“พ่อกับแม่จะรอหนูอย่าร้องไห้มากนะลูก” แม่พูดเสียงแหบแห้งห้ามปรามแต่สะอื้นไห้ไม่ต่างกันกับลูกศร
“หนูจะเข้มแข็งไม่ต้องห่วงหนูนะคะ” ลูกศรกลั้นเสียงสะอื้นพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่นไม่ให้พวกท่านเป็นห่วงไปมากกว่านี้
“ดีมากลูกสาวคนเก่งของพวกเรา” จากนั้นลูกศรก็ถามไถ่ความเป็นอยู่ของพวกท่านตอนนี้และบอกให้พวกท่านรักษาสุขภาพให้ดีแล้วพวกท่านก็อวยพรให้ลูกศรมากมายจนวางสายในที่สุด
“พ่อกับแม่เธอโทรมาเหรอ” อาเธอร์ที่ไม่รู้เดินเข้ามาในห้องอาหารตอนไหนมองลูกศรอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาสื่อออกมาว่าเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว
“อือพวกท่านเห็นว่าฉันไม่ได้ติดต่อไปนานเกือบอาทิตย์แล้วเลยเป็นห่วงไม่มีอะไรหรอก” ลูกศรก้มหน้าช่อนน้ำตาและดวงตาที่บวมเบ่งจากการผ่านการร้องไห้อย่างหนักเมื่อครู่
“อย่างนั้นเหรอ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันออกไปทำธุระข้างนอกก่อนนะคงกลับดึกหน่อยวันนี้แต่ถ้าลูกเป็นอะไรรีบโทรตามฉันได้เลยนะ” อาเธอร์ไม่เช่าชี้แม่ของลูกเพราะรู้ดีว่าอารมณ์ที่กำลังดิ่งตอนนี้ให้เธอได้อยู่เงียบๆคนเดียวตามลำพัง
“อือไปเถอะไม่ต้องห่วงมีคนช่วยดูแลลูกเยอะ” ลูกศรพยักหน้ารับรู้ มองตามร่างสูงของอาเธอร์ที่เดินออกหากไปจากห้องอาหาร
ตอนนี้เรียกว่าเธอกำลังกินข้าวกับน้ำตาอย่างที่เคยได้ยินคนพูดกันจริงๆ พอลับร่างสูงของอาเธอร์ลูกศรก็กับมาร้องไห้อีกครั้งเมื่อได้อยู่ตามลำพังร้องไห้พอเพื่อเป็นการชดใช้ความรู้สึกที่โกหกพ่อแม่ไม่รู้เมื่อถึงเวลารู้ความจริงพวกท่านจะเสียใจสักแค่ไหนกัน "ร้องออกมาให้พอเลยลูกศรเอ้ยฮื่อฮึก" กว่าจะตั้งสติให้หยุดร้องไห้ได้ลูกศรก็ใช้เวลาอยู่ห้องอาหารไปเป็นชั่วโมงจนรู้สึกถึงความหนักอึ้งของดวงตาทำให้เธอตัดสินใจหยุดลุกขึ้นไปนอนยังห้องที่คุณน้าบอกเอาไว้ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จนรู้สึกตื่นขึ้นเพราะเสียงปลุกของป้าเจี๊ยบ"คุณลูกศรค่ะตื่นค่ะน้องออกัสร้องไห้งอแงไม่หยุดสงสัยคิดถึงคุณแม่ใครพูดกล่อมก็ไม่ยอมฟังเลย" ลูกศรเบิกตากว้างทั้งที่ยังหนักอึ้งจากตาที่บวมผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก "ค่ะป้าเจี๊ยบหนูจะไปเดียวนี้เลยค่ะ" ลูกศรรีบบุกขึ้นตามไปยังห้องเด็กที่มีประตูเชื่อมกันไปหาออกัสน้อยที่ร้องไห้งอแงอยู่ในอ้อมแขนของคุณย่าของเขาและมีเหล้าแม่บ้านอีกสามคนนั่งลุ้นไปด้วยดูอยู่ "มาแล้วค่ะคุณน้า" ลูกศรรีบเอาไปอุ้มเอาทารกน้อยที่งอแงร้องไห้ไม่หยุดจนตัวแดงก่ำอยู่ "โอ๋โอ๋ออกัสน้อยของแม่ร้องไห้ทำไมครับฮึคนเก่งแม่มาแล้ว
"เป็นไงอร่อยไหมลูก" ตอนนี้ครอบครัวของลูกศรนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านของเธอ "อืมหนูคิดว่า..." ลูกศรแกล้งหยุดพูดค้างเอาไว้ทำให้แม่ร้อนรนอยากรู้ว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองตกไปหรือไม่ "ว่าอะไรเล่ารีบพูดออกมาเลยลูกศร" แม่เร่งรัดเธออย่างฉุนเฉียว "ว่าหนูขอเติมข้าวอีกจานแน่ๆเลยจะกินให้พุงกายไปเลยวันนี้มีแต่ของอร่อยทั้งนั้นลาบปากหนูมาก" พอลูกศรพูดจบแม่กัยพ่อของเธอก็ยิ้มหน้าบานอย่าพออกพอใจที่ลูกสาวชม "ดีดีถ้าอยากกินอะไรอีกบอกได้เลยเดียวแม่ทำให้หนูกินทุกอย่างเลย" แม่พูดอย่างตื่นเต้นอย่างยินดี "หรือถ้าลูกอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปกินร้านอาหารเจ้าประจำที่เราชอบเดียวพรุ่งนี้ไปกันวันนี้เดินทางมาเหนื่อยนอนพักเอาแรงก่อนนะค่อยไปเที่ยวกัน" พ่อพูดขึ้นอย่างนำเสนอ "ตกลงค่ะพ่อหนูก็อยากไปเที่ยวเหมือนกันไม่ได้กลับบ้านมาเป็นปีไม่รู้อะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแล้ว""เดียวแม่ไปชวนน้าเราไปด้วยลูกพี่ลูกน้องเราก็หยุดเสาร์-อาทิตย์พอดีจะไดเไปเที่ยวกันเป็นครอบครัวใหญ่" "ดีเลยค่ะศรไม่เจอคะนิ่งนานแล้วคุยกันผ่านแชทก็เกือบครึ่งปีแล้วนะเจอหน้าคงมีเรื่องเมาส์ไม่หยุดแน่" ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ก่อนสนิทกันมากแย
ลูกศรไปเที่ยวแค่หนึ่งวันแล้วก็อยู่แต่บ้านใช้เวลากับพ่อแม่กลางวันมีเข้าไร่ไปช่วยงานอยู่กับธรรมชาติบ้าง "เวลาหนึ่งอาทิตย์ทำไมสั้นอย่างนี้นะ" แม่บ่นในค่ำคืนสุดท้ายที่ลูกศรจะนอนอยู่ที่บ้านแล้ว พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายโมงเพื่อกลับกรุงเทพแล้ว "อย่าเศร้าไปเลยหนูจะพยายามหาเวลากลับมาบ่อยๆแล้วกันนะแม่" ลูกศรลุกขึ้นกอดอ้อนแม่ใกล้ๆท่าน "ลูกต้องกลับไปทำงานอย่าพูดอย่างนั้นสิแม่" พ่อพูดปรามแม่ที่ทำท่าน้อยใจลูกศร "นั้นสิเนอะแม่ต้องให้กำลังใจลูกให้สู้กับการทำงานให้ผ่านไปได้อย่างสบายๆ" แม่ยิ้มพร้อมกอดตอบลูกศร "ใช่ๆลูกสู้ๆพ่อก็เป็นกำลังใจให้หนูนะ" ลูกศรรู้สึกไม่อยากกลับแล้วอยากอยู่ใช้เวลากับพวกท่านไปนานอีกนิด "ขอบคุณค่ะ หนูรักพ่อแม่ที่สุดเลย" ลูกศรถูกพ่อแม่โอบกอดเอาไว้อย่างอบอุ่นหัวใจ คืนนี้เป็นอีกคืนที่รู้สึกถึงความอาลัยอาวรณ์เป็นที่สุดแต่ก็คิดถึงเจ้าเด็กทารกที่ไม่เจอกันนานนับอาทิตย์แล้ว "เฮ้อเดียวแม่กลับไปหาไม่รู้จะจำหน้าแม่ได้หรือเปล่านะออกัสน้อยของแม่" ว่าพลางมองรููปถ่ายตั้งแต่วันแรกจนถึงสามเดือนของลูกน้อย "เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแม่จะพาหนูมาเจอคุณตาคุณยายของหนูนะออกัส" ไม่ใช่ว่าไม่คิด
"อาเธอร์บอกน้าว่าหนูลูกศรจะไปเป็นอินเทิร์นที่ต่างจังหวัดเหรอ" คุณย่าของออกัสถามแม่ของหลานชาย "ใช่ค่ะคุณน้า หนูอยากไปใช้ทุนเพื่อเก็บโปรไฟล์ไปขอทุนเรียนต่อเฉพาะทาง" "อ้าวแล้วตาหนูล่ะ" คุณย่ายอมรับว่าทีแรกเธอไม่คิดอยากได้ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสะใภ้แต่เมื่อได้ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนช่วยกันดูแลเจ้าหนูตลอดสามเดือนที่ผ่านมาก็รู้สึกชอบอยากได้เธอเป็นลูกสะใภ้ขึ้นมาจริงๆ แต่ก็ไม่อยากไปบังคับทั้งสองคนที่ไม่ได้รักชอบกันเลยโดยเฉพาะบุตรชายของนางที่แสดงออกชัดเจนมากกว่าฝ่ายหญิงที่ยังดูเหมือนจะมีท่าทีกว่า"คงต้องรบกวนคุณน้าแล้วล่ะค่ะ หนูจะกลับมาวันที่ไม่ได้ขึ้นเวรเท่านั้น" ลูกศรก็ไม่อยากทิ้งลูกตอนนี้แต่อนาคตที่พ่อแม่ยังรออยู่ข้างหลังก็ทำให้เธอจำต้องเลือกทางนี้"เฮ้อ...เอาแบบนั้นก็ได้ไปทำตามหน้าที่ของหนูเถอะไม่ต้องห่วงออกัสน้าดูแลได้" คุณน้าทำหน้าจำยอมทำยังไงไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้แต่แรก "ขอบพระคุณคุณน้ามากนะคะ" ลูกศรยกมือไหว้ขอบคุณจากใจของเธอจริงๆ "ยังไงก็หลานชายคนแรกของน้าอย่าห่วงไปเลยเขาคือทายาทโดยชอบธรรมของตระกูล" นี้แหละอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอเห็นแก่ตัวปล่อยลูกเอาไว้เพราะรู้ว่าครอบครัวอาเธอร์ร่ำรวยติดอั
พอขับรถมาจอดอยู่โรงรถยังไม่ทันได้ลงจากรถประตูกระจกฝั่งคนขับก็ถูกเคาะจากด้านนอกมองออกไปยังต้นเสียงก็ต้องหลุดยิ้มให้กับสองพ่อลูกที่ยืนยิ้มรอเธออยู่โดนเฉพาะเด็กทารกน้อยที่หัวเราะร่าเริงที่ถูกพ่อหอมแก้มอยู่ "คิดถึงจังเลยครับลูก" ลูกศรผลักประตูลงจากรถพร้อมพูดขึ้นออกัสน้อยเห็นแม่ก็ชูไม้ชูมือทำท่าดิ้นลนอยากจะออกจากอ้อมกอดของพ่อเสียเหลือเกิน "ใจเย็นเดียวตกนะลูก เอ้าไปหาแม่ได้แล้วไม่เจอกันหลายวันคงคิดถึงมากสินะ" อาเธอร์ส่งออกัสน้อยให้กับลูกศรอุ้ม "เดียวช่วยถือกระเป๋าไม่ต้องถือหรอกอุ้มลูกอย่างเดียวก็พอ""ขอบใจมากนะ" ลูกศรเดินอุ้มเจ้าก้อนนุ่มนิ่มเข้าไปในบ้าน ส่วนอาเธอร์มองสองแม่ลูกที่กระหนุงหนิงกันอย่างน่าหมั่นไส้ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเสียอย่างนั้น"เป็นอะไรไปลูก" คุณแม่ที่นั่งคุยกับแม่บ้านอยู่โซนรับแขกทักขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของอาเธอร์อย่างสงสัย"เปล่าครับ" อาเธอร์เลี่ยงที่จะพูดว่าตัวเองกำลังอิจฉาสองแม่ลูกที่กำลังเดินนำหน้าตนไปยังห้องพัก"เอ้าแปลกคนเจ้าลูกคนนี้" เสียงบ่นลูกชายตามมาก่อนจะละความสนใจจากบุตรชายพอเข้ามาในห้องตามหลังสองแม่ลูก เขาก็วางกระเป๋าของเธอเอาไว้มุมหนึ่งของห้องแล้วเดินไปมองเจ้
ลูกศรพยายามสงบสติอารมณ์ให้ขับรถมาจนถึงหน้าโรงพยาบาลศูนย์กลางของโรงพยาบาลของครอบครัวอาเธอร์สำเร็จ รีบเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับที่รถเข็นเจ้าหน้าที่ต่างวิ่งเข้ามาเมื่อเห็นรถของเจ้าของโรงพยาบาลเข้ามาหน้าประตูฝ่ายฉุกเฉินตอนตีสาม"คุณลูกศรมีใครเป็นอะไรหรือครับ" ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูตึกฉุกเฉินตามขึ้นอย่างคุ้นเคยเพราะทำงานที่นี้ตั้งแต่ตั้งท้องจนคลอด"ลูกของหนูไข้สูงค่ะ รบกวนพี่ยามไปประสานงานที่เร่งให้หน่อยนะคะ" ทุกคนในโรงพยาบาลต่างรู้ว่าลูกของลูกศรเป็นทายาทของโรงพยาบาลต่างแตกตื่นทั้งตึกทันทีเมื่อรับรู้"คุณหนูน้อยออกัสป่วย!!!" จากนั้นหมอเฉพาะทางเด็กมากถึงห้าคนก็วิ่งมาดูอาการของเจ้าตัวน้อยด้วยความเคร่งเครียดพร้อมรายงานไปยังเจ้าของโรงพยาบาลอย่างคุณปู่ของเด็กน้อยกลางดึกทันทีลูกศรหลบนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินเพื่อไม่ให้ตัวเธอเกะกะผู้เชี่ยวชาญถึงแม้ตัวเองจะเป็นหมอก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นลูกศรรีบรับทันทีอย่างคนต้องการที่พึ่ง"หนูลูกศร ออกัสเป็นอย่างไงบ้าง" แม่ของอาเธอร์วิดีโอคลอมาทันทีที่แพทย์ที่เข้าเวรโทรฉุกเฉินกลางดึกไปหาสามีของเธอ"ฮึก! คะคุณน้ายังไม่ทราบทีเลยค่ะ" ลูกศรพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น
"คุณผู้หญิงอาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ" พยาบาลเวรนำกล่องอาหารที่ฝากพยาบาลหน้าเคาเตอร์รับแทนก่อนเข้ามาดูหลานชายตัวน้อย"ขอบใจมาก" "จะให้ดิฉันจัดใส่ถ้วยให้ไหมคะ" พยาบาลสาวถามภรรยาเจ้าโรงพยาบาล"อืมจัดการเลย" พยาบาลสาวรีบจัดการตามที่ ให้ตามที่สั่ง ไม่นานก็จัดเสร็จแล้วออกจากห้องพักไป"กินสักหน่อยเถอะหนูลูกศรจะได้มีแรงเฝ้าตาออกัสน้อย เกิดไม่สบายขึ้นมาอีกคนแล้วจะยุ่งมากกว่านี้" พอท่านขยักขยอเข้าลูกศรจำใจตักอาหารตรงหน้าฝืนกินในขนาดที่ความรู้สึกไม่อยากอาหารสักนิดจิตใจทั้งโกรธพ่อของลูกทั้งห่วงลูกน้อยกลัวว่าอยู่ๆจะอาการแย่ขึ้น"ค่ะคุณน้า" เธอฝืนกินข้าวไปได้ขึ้นจานก็ฝืนต่อไม่ไหวแล้วเลยหยุดกิน"ถ้าอิ่มแล้วก็นอนพักสักชั่วโมงจะได้ตื่นมาพร้อมกับตาหนูจะได้มีแรงอุ้มปลอบเด็กงอแงบนเตียง" "เอ่อหนูไหวค่ะคุณน้าไม่นอน..." ลูกศรทำท่าจะไม่ยอมเพราะห่วงลูกเกินกว่าจะหลับลง"เชื่อน้าไม่ต้องห่วงมีทั้งปู่ย่าแล้วก็พ่อของออกัสอยู่ตั้งหลายคนหนูลูกศรเหนื่อยมาทั้งคืนแล้วนอนพักสักหน่อยเถอะ" พอโดนบังคับทางสายตาของคุณย่าออกัสลูกศรเลยต้องยอมนอนหลับบนเตียงเฝ้าไข้ที่มีเฉพาะห้องวีไอพีแห่งนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้สุดท้ายก็ไม่อาจฝืนร่าง
"หาอะไรกินก่อนค่อยกลับบ้านไหม" อาเธอร์เดินเคียงคู่กับลูกศรไปยังลานจอดรถ"ไม่" อาเธอร์มองหน้าของผู้หญิงข้างๆที่ค่อนข้างบึ้งตึงมองไปข้างหน้าโดยไม่คิดจะมองเขาและเหมือนเธอกำลังจะเดินเลยรถที่จอดอยู่ของเขาแล้วจนต้องดึงแขนเล็กเอาไว้ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้"เดียวลูกศรรถฉันจอดอยู่ทางนี้เธอเดินเลยแล้ว" ลูกศรหยุดชะงักฝีเท้าเงยหน้ามองเจ้าของมือที่ดึงแขนของเธอเอาไว้"อ้าวเหรอรู้แล้ว" ลูกศรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แบบไม่ใส่ในเดินไปยังรถที่เขาชี้บอกพอเข้ามานั่งในรถก็เป็นอาเธอร์ที่เป็นฝ่ายอดทนไม่ไหวจนต้องหันมาคุยระหว่างจอดรถติดไฟแดง"ลูกศรเธอยังโกรธฉันอยู่เหรอ" ลูกศรที่มองไปข้างหน้าโดยไม่สนใจคนขับหันกับไปมองหน้าชัดๆถอดหายใจหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นก่อนพูดกับเขา"ใช่ฉันยังไม่หายโกรธนาย" พอเป็นไปตามที่คาดจากท่าทีเย็นชาเฉยชาของลูกศรที่แปลกประหลาดสำหรับเขา"ขอโทษ เธอจะยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหมลูกศร" พอได้ยินเสียงอ่อยๆเจือปนเรียกร้องไห้เธอให้อภัยอยู่ทำให้ลูกศรจำต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองออกไปเหลือเอาไว้เพียงเรื่องของลูก"ได้เพื่อลูกฉันจะไม่เอาอารมณ์ของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง" ลูกศรคิดว่าเธอควรจะแยกแยะความรู้
3เดือนต่อมา..."อาเธอร์ฉันซื้อเนคไทด์ใหม่มาให้ลองเปิดดูซิว่านายจะชอบลายที่ฉันเลือกมาให้ไหม" วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ปกติลูกศรต้องไปทำงานแต่อาเธอร์อนุญาตให้ทำงานได้แค่วันเสาร์เท่านั้น ส่วนในวันอาทิตย์ให้เธอได้ใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้าง"ว้าวไหนดูซิว่าเธอจะเลือกแบบไหนให้สามีที่รักคนนนี้" อาเธอร์รับเอากล่องที่ภรรยาสาวยื่นให้กับเขา"เร็วๆรีบเปิดดูซิ" ลูกศรตื่นเต้นกับปฏิกิริยาของคนเป็นสามีอย่างเร่งเร้าให้เขารีบเปิดกล่องดู"ดูเธอจะตื่นเต้นมากเลยนะลูกศร เดือนนี้ก็ไม่ใช่วันเกิดของฉันนี้น่ามีอะไรกัน" อาเธอร์งงกับท่าทางของเมียตัวเองแต่ก็ยอมเปิดกล่องที่ลูกศรเอามาให้นี้ พอเปิดฝากล่องออกมาก็เจอกับ..."ที่ตรวจครรภ์นี้น่าลูกศร ธะเธอท้องแล้วเหรอเนี้ยโอ้สุดยอด" คนเป็นพ่อที่ขยันทำลูกแทบทุกคืนไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตามยังคงพยายามหื่นใส่ลูกศรทุกคืนโดยให้เหตุผลกับเธอเสมอว่าต้องมีน้องตัวน้อยๆให้ออกัส"ใช่ได้3เดือนแล้วนายดีใจมากไหมรอมานานหลายเดือนแล้วนี้น่า""ดีใจที่สุดเลยลูกศร ฉะฉันต้องไปบอกออกัสไม่สิพ่อแม่ของเราด้วยว่าพวกท่านกำลังจะได้มีหลานเพิ่มแล้วไปก่อนนะ" คนเป็นพ่อรีบวิ่งเอาที่ตรวจภรรค์ไปบอกข่าว
หลังจากงานแต่งงานที่บ้านนอกจบลง ลูกศรกับอาเธอร์ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะคนนึงมีงานอีกคนมีเรียนทำให้จำเป็นต้องกลับกรุงเทพเลยฉากลาจากของตายายหลานชายวัยสามขวบก็เรียกเสียงร้องไห้งอแงไม่อยากกลับของออกัสเหมือนเดิมกว่าจะหายงอแงก็จนถึงบ้านที่กรุงเทพนั้นแหละตอนนี้ลูกศรนอนอยู่ในห้องนอนที่คอนโดหรูของอาเธอร์ที่หยุดงานขอฮันนีมูนในคอนโดหรูกลางกรุงแห่งนี้โดยที่เจ้าลูกชายตัวป่วนไปโรงเรียน"ลูกศรเธอต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในคืนเข้าหอนะ" อาเธอ์กอดรัดเอวบางเอาไว้แน่นซบหน้ากับบ่าเล็กคอเคลียร์ปากพ้นจูบไปเรื่อยจนถึงซอกคอ"สัญญาเหรอเรื่องอะไรนะทำไมยักกะจำไม่ได้""ลูกศรอย่ามาแกล้งเซไสอย่างนี้นะ เธอบอกจะขึ้นให้ฉันต้องทำตามสัญญานะบนโซฟานี้มองเห็นวิวตึกสูงข้างนอกอ้าส์วิวดีเหมาะกับการผลิตน้องสาวให้ออกัสมากๆเลยที่รัก""ท่าทางแบบนี้หักล้างใบหน้าหล่อๆของนายมากอาเธอร์ อย่ามาทำหน้าตาหื่นกามลามกแบบนี้ใส่ฉันนะ""ฮ่าๆฉันหื่นใส่เมียตัวเองผิดตรงไหนเนี้ยลูกศรยัยบ๊อง" อาเธอร์ดีดหน้าผากของลูกศรเบาอย่างหมั่นเขียวแล้วตวาดอุ้มร่างบางไปยังโซฟาที่เขาหมายมาดอย่างที่พูดออกมาเสื้อยืดสีขาวถูกถอดออกไปพร้อมโยนทิ้งอย่างไม่สนทิศทางตามด้วยกาง
งานช่วงกลางคืน"ก่อนที่จะทำการแสดงหมอลำในค่ำคืนนี้พวกเราอยากให้คู่บ่าวสาวของงานขึ้นมาบนเวทีเพื่อเล่าเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ให้กับแขกในงานได้รับรู้หน่อยครับ" เสียงพิธีกรประกาศเรียกบ่าวเช้าที่ยืนถ่ายรูปกับแขกที่มาในงานในค่ำคืนนี้"ขอสัมภาษณ์ความเป็นมาของเส้นทางรักในครั้งนี้หน่อยนะครับ ก่อนอื่นหมออาเธอร์กับหมอลูกศรรู้จักกันได้ยังไงครับ" พิธีกรยื่นไมค์ให้กับเจ้าบ่าวเป็นคนตอบก่อน"ผมเจอหน้าเธอครั้งแรกในร้านกาแฟหน้ามหาลัยครับ วันนั้นลูกศรนัดผมผ่านเพื่อนของเธอ เราคุยกันเรื่องสำคัญทำให้มีเรื่องให้เจอและสนิทกันจนก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมาใน4ปีที่ผ่านมาครับ""ว้าวรักตอนเรียนมหาลัยโรแมนติกมากๆเลยครับ เอาล่ะผมว่าใครๆก็คงอยากเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวบอกรักกันและหอมแก้มกันโชว์ความหวานให้พวกเราดูหน่อยนะครับ""อาเธอร์ฉันรักนายนะ" ลูกศรหอมแก้มเจ้าบ่าว"ลูกศรฉันก็รักเธอนะ" อาเธอร์ก็หอมแก้มเจ้าสาวแสนสวยของเขา"ว้าวปรบมือให้คู่บ่าวสาวในค่ำคืนนี้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับเจ้าของงานในคืนนี้ด้วยนะครับ" เสียงปรบมือแสดงยินดีดังกระหึ่มก่อนที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะพากันเดินลงจากเวทีไปนั่งยังโต๊ะของครอบครัวเสียงดนตรี
"ว้าแม่ขึ้นมาเสียเที่ยวเลยแต่ใกล้จะได้ฤกษ์แห่ขันหมากอีกสามสิบนาทีนี้แล้วแม่ไปเช็คความเรียบร้อยข้างล่างก่อนนะลูก""ได้ค่ะแม่หนูก็เสร็จเรียบดีแล้วแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ" แม่เดินมากอดลูกศรพร้อมกับอดที่จะน้ำตาคลอจะไหลออกมาไม่ได้"ฮึกแม่ดีใจมากที่ได้ส่งลูกสาวคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝาสักที""ฮึกหนูก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เหมือนกันค่ะแม่" สองแม่ลูกกอดกันกลมน้ำตาที่ไหลเป็นน้ำตาแห่งเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มปิติยินดีอีกหนึ่งวันในชีวิตของคนเป็นพ่อแม่"เอาๆอย่าร้องไห้วันนี้เป็นวันมงคลยิ้มกว้างๆเดียวเครื่องสำอางจะเลอะเอาได้นะลูก" แม่เช็ดน้ำตาให้ลูกศร"ขอบคุณค่ะแม่ ขอบคุณที่ไม่ว่าหนูจะทำตัวทั้งดีและไม่ดีที่ผ่านมาแม่กับพ่อก็ใหอภัยหนูเสมอมา" ลูกศรที่กอดแม่อยู่ก็พยักหน้ายิ้มให้ท่าน"แม่กับพ่อภูมิใจในตัวของลูกเสมอนะไม่ว่าเรื่องอะไรแม้กระทั้งเรื่องหลานลูกสาวของแม่ก็เลี้ยงดูออกัสน้อยออกมาได้ดีมากอย่างโทษตัวเองอีกเลยพ่อกับแม่ไม่โกรธลูกแล้วปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไปนะลูก""หนูรักแม่ที่สุดเลย""ขบวนขันหมากแห่มาแล้ว!" เสียงร้องตะโกนโห่ขันหมากเข้ามาในบ้าน"ลูกได้เวลาฤกษ์แล้ว แม่ออกไปก่อนนะลูก" แม่รีบเด
"พวกลูกจะไปจัดงานแต่งงานที่บ้านต่างจังหวัดของหนูลูกศรเหรอ" คุณย่าของออกัสถามลูกชายกับลูกสะใภ้ของท่านที่เล่าเรื่องงานแต่งงานของทั้งคู่ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างปุ๊บปั๊บแบบแต่งงานสายฟ้าแลบ"ใช่ครับ รบกวนคุณแม่ให้ไปหาฤกษ์ให้ผมกับลูกศรภายในสองเดือนนี้เลยได้ไหมครับ" คนใจร้อนที่ครั้งนี้ลูกศรไม่คิดจะห้ามเขาพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า"โอ้ยแกใจร้อนไปไหมเจ้าอาเธอร์" คุณปู่ของออกัสอดที่จะแซวลูกชายของตัวเองไม่ได้พร้อมกับรอยยิ้มเหมือนกันเพราะว่าท่านก็รอคอยให้ครอบครัวของลูกชายสมบูรณ์จริงๆสักที"ไม่ร้อนหรอกครับพ่อ ผมกับลูกศรเสียเวลาที่จะได้แต่งงานกันมา4ปีแล้วนะพ่อกับแม่ก็รู้ดี""นั้นสิเนอะเอาจริงถ้าเริ่มนับตั้งแต่ลูกว่ามาตอนนี้ก็ช้าไปจริงๆนั้นแหละเจ้าอาเธอร์แล้วหนูลูกศรบอกพ่อแม่ของหนูหรือยังจ๊ะ" "ยังค่ะคุณแม่เดียวคุยเสร็จจากตรงนี้ หนูค่อยโทรบอกพวกท่านเลยนะคะ""ได้ๆถ้างั้นกลางเดือนนี้แม่จะไปคุยเรื่องสินสอดทองหมั่นพร้อมกันกับพวกลูกในวันที่กลับบ้านของหนูในกลางเดือน" "ได้ค่ะคุณแม่" เมื่อตกลงกันได้คุณย่าของออกัสก็ออกไปพร้อมกับคุณปู่เพื่อไปหาพระอาจารย์ดังที่พวกท่านนับถือให้หาฤกษ์ภายในสองเดือนให้ตามที่
ตกกลางคืน"ออกัสนอนกับพ่อแม่ไม่ได้เหรอครับ" เจ้าหนูคอตกกอดหุ่นยนต์ซุปเปอร์แมนเอาไว้ยู้ปากอย่างแงงอนไม่ยินยอม"ไม่ได้ห้องลูกเสร็จแล้วคืนนี้จะต้องเป็นคืนแรกที่ออกัสต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่โดยการนอนคนเดียวนะลูก" คนเป็นพ่อยังแค้นเจ้าลูกชายที่มาขัดจังหวะหวานซึ้งระหว่างขอคนเป็นแม่แต่งงานอยู่บอกเสียงแข็งอย่างไม่ยินยอมใจอ่อนให้เจ้าหนูวัยสามขวบกว่าๆคนนี้ได้นอนกับพ่อแม่ในคืนนี้"กัสเป็นเด็กนะพ่อ" เจ้าหนูแสนฉลาดตอบโต้พ่อของแกอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน"ลูกโตแล้วนะออกัสไปโรงเรียนแล้วควรแยกห้องนอนคนเดียวได้แล้ว""แต่พี่ป.1บอกว่ากัสเป็นเด็กที่สุดเลยนะพ่อยังไม่โตเล้ยยย" อาเธอร์ถึงกับอยากบิดหูเจ้าหนูตรงหน้านี้เขาเป็นที่สุดท่องเอาไว้อาเธอร์ลูกเราเหมือนเราโว้ยจะอดทนไม่ไหวแล้วเนี้ย"ฮึกฮ่าๆพอๆทั้งพ่อทั้งลูกเลิกเถียงกันได้แล้ว มาครับออกัสมาแม่อุ้มพาไปดูห้องใหม่กัน ถ้าลูกเห็นแล้วยังอยากนอนกับพ่อแม่อยู่แม่ก็จะไม่บังคับลูกนะจ๊ะ" แม่อุ้มเจ้าหนูพาเดินไปยังทิศทางห้องนอนใหม่ของแกชั้นบนของบ้านเพื่อตัดปัญหาที่ผู้ชายหน้าตาเหมือนกันแต่ต่างกันที่ขนาดยืนเท้าใส่เอวเถียงกันไม่หยุดจนจะดึกดื่นเลยเวลานอนของลูกไปแล้ว"ทีกับแม่
ไม่นานรถตู้ที่นั่งกันมาก็จอดลงบนชั้นในชั้นวีไอพีที่มีลิฟต์ส่วนตัวเอารถขึ้นมายังชั้นวีไอพีได้เลยไม่ต้องผ่านประตูหน้าโรงพยาบาลเพื่อปิดไม่ให้เรื่องราวเล็ดรอดออกไปให้คนนอกรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดในขึ้นครั้งนี้"เตียงผู้ป่วยมาแล้วค่ะท่านรอง" อาเธอร์เดินลงมายืนเองยกมือห้ามทีมแพทย์ที่กำลังจะเข้ามารุมล้อมแผลภายนอกเล็กน้อยให้ดูเป็นเรื่องราวบาตเจ็บสาหัสใหญ่โตไปได้"อย่าโทรไปรายงานท่านประธานนะเดียวผมกลับบ้านไปบอกท่านเองพวกคุณไม่ต้องโทรไปรบกวนเวลาพักผ่อนเข้าใจไหม ถ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมจะตัดเงินเดือนพวกคุณทุกคนที่รู้เรื่องนี้" "รับทราบค่ะครับท่านรอง" ทีมแพทย์ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ต่างก็กลัวลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลในโหมดหน้าตึงสั่งเสียงเฉียบขาดอย่างนี้ทุกคน"พวกคุณไม่ต้องมารักษาผมจะให้ภรรยาของผมเป็นคนดูแลเองเธอก็เป็นหมอเหมือนกันไม่ต้องห่วงนะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองเถอะ""เอ่อถือว่าลุงขอร้องนะอาเธอร์ควรจะแสกนตรวจดูภายในว่าเป็นอะไรหรือเปล่าให้ละเอียดก่อนนะ" หัวหน้าทีมแพทย์ที่อาวุธโสที่สุดเอ่ยออกมาอย่างไม่ไว้ในด้วยคนตรงหน้าเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ถึงไม่รายงานเจ้านายแต่ก็
"ได้ที่อยู่ของเขาแล้วครับท่านรอง" ผู้ช่วยคนใหม่ของอาเธอร์ที่เขาได้คัดเลือกขึ้นมาเองใหม่มีทั้งฝีมือในการทางวิชาการและมีความรู้เรื่องวิชาการป้องกันตัวทุกแขนงมาได้ถึงสองคนเพื่อเป็นมือซ้ายมือขวา"ออกไปเตรียมรถและคนรอฉันอีกครึ่งชั่วโมงเราจะเดินทางไปหาตัวมัน" พอผู้ช่วยคนใหม่ออกไปแล้ว อาเธอร์ก็กดโทรหาลูกศรที่น่าจะเลิกเรียนแล้วพอดีและยังไม่ลืมโทรหาคุณย่าให้ท่านพาออกัสเข้านอนก่อนเลยเพราะพ่อแม่มีธุระต้องกลับดึกในคืนนี้"เตรียมใจของเธอให้พร้อมนะลูกศร" อาเธอร์พูดขึ้นขนาดที่ลูกศรขึ้นมานั่งบนรถข้างเขา ส่วนรถของเธอที่ขับมาเรียนวันนี้ให้คนขับรถของเขาขับตามมาด้านหลัง "ไม่ต้องหรอกห่วงน่า นี้นายเอาคนไปด้วยเยอะไปไหมเนี้ยอาเธอร์" ลูกศรมองรถอีกสองคันที่ขับตามมาเห็นคนเต็มคันรถที่ตามมาส่วนคันนี้มีแค่เธอกับเขาและคนขับเพียงสามคนในรถตู้คันหรูนี้"เอาไปเผื่อไว้ทางนั้นก็ไม่ได้กระจอกอย่างที่คาดคิดเอาไว้แต่แรกหรอกนะลูกศร""ก็ได้ฉันเชื่อนาย" "เด็กดี" อาเธอร์จับหัวลูกศรซบลงบนอกกอดเธอเอาไว้แน่นหลับตาลง"อยากให้ถึงที่หมายในเร็วๆเรื่องนี้จะได้จบลงซะที จะได้กลับบ้านไปหาลูกกันเนอลูกศร" อาเธอร์ว่าขึ้นแค่ทำงานบริหารและร่ว
ลูกศรจับเวลาเอาไว้สักห้านาทีจนแน่ใจแล้วอริสไปออกไปจากบริเวณห้องน้ำแล้วค่อยออกมาแล้วไปทำงานของตัวเองต่อในหัวของเธอก็คิดแต่เรื่องที่พึ่งได้รับรู้คิดว่าเธอควรจะแก้ปัญหานี้เองหรือบอกอาเธอร์ให้เขาช่วยปัญหาแต่อีกใจก็ไม่อยากบอกเขาเพราะกลัวว่าคนใจร้อนจะทำให้เรื่องราวใหญ่ดตอย่างที่อริสเตือนจุลนั้นแหละ"คุณหมอลูกศรมีสมาธิหน่อยสิค่ะเย็บแผลพลาดขึ้นมาคนไข้จะร้องเรียกเราได้นะคะ" เสียงเข้มของพยาบาลอาวุธโสที่ทำงานมานานนับสิบกว่าปีเตือนน้องหมอใหม่อย่าดุๆ"อะเอ่อขอโทษค่ะ หมอจะมีสมาธิให้มากกว่านี้" ลูกศรตั้งใจเย็บแผลให้เรียบร้อยที่สุดตัดเรื่องรบกวนภายในจิตใจออกตั้งใจทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายตรงหน้าให้ดีหลังเลิกงานประมาณสี่โมงเย็นลูกศรขับรถตรงกลับบ้านด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยมีสมาธิยังดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น"เฮ้อเอาไงดีนะยัยลูกศรบอกอาเธอร์ดีไหมนะ" บ้านของอาเธอร์กับโรงพยาบาลของเขาห่างกันแค่ยี่สิบนาทีก็ถึงแล้วเรียกว่าใกล้กว่าทุกวันมากจะถึงบ้านไวไปไหมเนี้ยคนยิ่งตัดสินใจไม่ได้อยู่ด้วย"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะกระจกรถเรียกให้คนที่กำลังใช้ความคิดอยู่ในหัวสะดุ้งตกใจขึ้นมา อาเธอร์ทำมือท่าเปิดประต