EP.14 อุกอาจ
22.00
ฉันขับรถออกจากโกดังเก็บสินค้า วิ่งไปตามถนนเส้นหลักมุ่งหน้าเพื่อกลับคอนโด แต่แล้วก็พบว่ามีรถคันหรูคันหนึ่งจอดอยู่ไหล่ทาง และมีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งราวสามถึงสี่คนพยายามทุบกระจกรถนั้นอย่างรุนแรง เนี่ยแหละนะกลางคืนของเมืองนี้ เมืองคนเถื่อน ตำรวจหลับหูหลับตา ปล่อยให้เกิดอาชญากรรม แน่นอนว่าครอบครัวฉันก็เป็นหนึ่งในพวกนี้แหละ
ในสมองคิดจะปล่อยผ่าน เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งวังวนแห่งการแก้แค้นของตระกูลไหน แต่พอเหลือบมองพบว่าคนในรถเป็น คู่ชายหญิงมีอายุ ทำให้ตัวฉันทนดูไม่ได้ตัดสินใจหยิบมือถือเรียกพี่ทิมให้เตรียมคนมาสมทบตามโลเคชั่นก่อนจะหักเลี้ยวรถกลับอย่างกะทันหัน จนเสียงล้อที่เบียดเสียดกับพื้นดังสนั่นหวั่นไหว ‘เอี๊ยด....’ ขับย้อนกลับไป พลางมือหนึ่งหยิบปืนใต้ลิ้นชักรถออกมา
รถของฉันจอดออกไปไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ลดกระจกข้างลงเอี้ยวตัวโผล่พ้นรถยิงไปยังชายชุดดำที่กำลังมั่วแต่ทุบกะจกของชายหญิงมีอายุ
“ปัง...ปัง” ฉันรัวปืนเล็งยิงไปยังขาของชายชุดดำทุกคน แน่นอนว่าจะฆ่าพวกมันไม่ได้เพราะไม่อยากให้มีคดี แต่หากยิงขามันก็ถือว่าป้องกันตัวได้ เรื่องยิงปืนฉันไม่พลาดสักนัด เพราะพ่อสอนฉันที่ฮาวายตั้งแต่เด็ก
สภาพของชายชุดดำตอนนี้ทุกคนคือหมดสภาพ นอนเกลื่อนไปตามถนน ฉันกวาดตามองรอบๆ อีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีคนซุ่มอยู่ก็ลงจากรถเดินไปยังรถคันของคู่ชายหญิงมีอายุนั่นทันที
‘ก๊อก...ก๊อก’ ฉันเคาะกระจกรถสองทีพลางลอบมองพวกเขาผ่านกระจกรถ แต่ดูเหมือนว่า ทั้งคู่จะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอ่อ ขอโทษนะคะลดกระจกรถหน่อยค่ะ” เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ขยับตัว ฉันจึงตัดสินใจถกแมสลงเปิดเผยใบหน้าด้วยความจริงใจ หวังว่าเขาคงไม่รู้จักฉันนะ
ภายในรถ
“คุณ คุณคะ! คนที่ช่วยเราดูเหมือนจะเป็นสาวน้อยนะคะ”
“...”
“เราทำแบบนี้มันเสียมารยาทไปรึเปล่า ถ้าเราไม่ได้แม่หนูคนนี้ เราอาจไม่ได้นั่งอยู่แบบนี้ก็ได้นะคะ”
“นั่นสินะ เฮ้อ” ชายสูงวัยทอดถอนหายใจ ความจริงเขาก็รู้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นพลเมืองดี แต่เพราะชายสูงวัยยังตกใจกับเสียงปืนที่ดังกึกก้อง ก็ทำให้เขาขวัญผวาไม่น้อย นึกว่าตนต้องมาสิ้นชีพในที่แห่งนี้กับภรรยาของตนแล้ว
ด้านนอกรถ
กระจกรถค่อยๆ เลื่อนลง สีหน้าของชายสูงวัยยังคงแน่นิ่งส่วนหญิงสูงวัยนั้นมีรอยยิ้ม แต่ดวงตานั้นยังคงฉ่ำคราบน้ำตาราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักไม่น้อย
“แม่หนู ขอบใจมากนะ” หญิงสูงวัยเอ่ยด้วยความจริงใจ ฉันจึงได้แต่ยิ้มตอบ ก่อนจะดึงแมสขึ้นเหมือนเดิม
“พวกคุณรีบออกไปจากที่นี่เถอะค่ะมันอันตราย”
‘ครืน...ครืน...’ เสียงรถยนต์จำนวนมาก กำลังมุ่งหน้ามายังจุดเกิดเหตุ แสงไฟหน้ารถเหล่านั้นสว่างวาบ จากความมืดก็เจิดจ้าทันที
“แม่หนู รีบหนีไปทิ้งคนแก่อย่างพวกเราไว้เถอะ อย่ามาเดือดร้อนเพราะช่วยเราสองคนเลย”
“ไม่ต้องกังวลค่ะ รถเหล่านั้นเป็นคนของหนูเอง อันตพาลพวกนี้หนูจัดการให้นะคะ” หลังเอ่ยเสร็จ ฉันก็ละสายตาจากคนสูงวัยทั้งสองไปยังพี่ทิมที่กำลังเดินเข้ามาทันที
“คุณหนูครับ ขอโทษที่มาช้าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แจนจัดการแล้ว ฝากพี่ทิมจัดการพวกนั้นต่อทีนะคะ”
“ให้จัดการยังไงบ้างครับ”
“เหมือนเดิมอย่างที่เคยทำค่ะพี่ทิม จะพิการหรือตายก็ต้องเอาเหตุผลที่มาลงมือรถคันนี้ให้ได้”
“รับทราบครับ คุณหนู” พี่ทิมโค้งตัวให้ฉันก่อนจะเดินออกไปสั่งการคนอื่นๆ เมื่อฉันเห็นว่าพี่ทิมดำเนินการต่อแล้ว ฉันจึงหันไปหาคู่ชายหญิงสูงวัยอีกครั้ง
“รีบออกจากที่นี่เถอะค่ะ เดี๋ยวครอบครัวเป็นห่วงแย่นะคะ”
“เอ่อ... ขอบใจมากนะหนู แต่ว่าหนูชื่ออะไรจ๊ะ” หญิงสูงวัยเอ่ยถาม
“.....” แน่นอนว่าฉันเงียบ การที่ฉันคว้าปืนยิงจนคนบาดเจ็บขนาดนี้คงจะมาสาธยายมั่วซั่วไม่ได้นั่นแหละ
“คุณอย่าทำให้แม่หนูลำบากใจเลย” ชายสูงวัยเอ่ยต่อภรรยาของตนก่อนจะหันหน้ามาพูดกับฉัน “ขอบใจมากนะหนู บุญคุณครั้งนี้คนแก่อย่างพวกเราทั้งสองคนจะไม่ลืมเลย”
“ขอรับคำขอบคุณไว้แล้วกันค่ะ โชคดีนะคะ คราวหน้าระวังตัวให้มากกว่านี้ด้วยนะคะ ถ้าต้องมาเส้นนี้แนะนำให้มีบอดี้การ์ดมาด้วยจะดีกว่า ลาก่อนค่ะ” สิ้นคำชายหญิงสูงวัยก็ขับรถออกไปจากพื้นที่ ส่วนฉันเมื่อดูเหล่าลูกน้องเก็บกวาดพวกอันธพาลเสร็จก็สั่งการแยกย้าย เฮ้อจะได้กลับคอนโดสักที
“ให้ตายเถอะ เหนื่อยชะมัด สงสัยดวงจะสมพงศ์กับรถข้างทาง หวังว่าคุณลุงคุณป้าเขาจะกลับอย่างปลอดภัยนะ”
ขณะเดียวกันในรถของชายหญิงสูงวัย
“คุณคะ ถือว่าพวกเรายังดวงแข็ง เจอแม่หนูช่วยไว้ไม่งั้นเราได้เป็นศพแน่ๆ”
“....”
“แม่หนูคนนั้นใบหน้าสวยถูกใจฉันมาก เสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จัก” หญิงสูงวัยเอ่ย
“....”
“คุณคะ”
“....”
“คุณ! ฉันคุยกับคุณอยู่นะคะ ”
“เอ่อ ขอโทษที ผมแค่ตั้งสติขับรถให้ถึงบ้านเราเร็วๆ เท่านั้นแหละ”
“งั้นเหรอคะ เข้าใจแล้วค่ะ ”
“คุณหญิงผมว่าผมรู้จักเด็กคนนี้นะ แต่...”
“แต่ อะไรคะคุณ”
“ดูเหมือนเธอจะเป็นลูกสาวของคนที่ผมรู้จัก”
“จริงเหรอคะ ดีจังเลย คุณช่วยพามาทานข้าวที่บ้านเราสักวันสิ”
“อาจจะไม่ง่ายนักหรอก เพราะครอบครัวนั้นเป็นพวกมาเฟีย”
“มาเฟีย!!”
“คุณไม่ชอบพวกมาเฟียไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ฉันถูกชะตาหนูคนนี้มากนะ ในหมู่คนดีย่อมมีคนเลว ในหมู่คนเลวย่อมมีคนดี ดูอย่างวันนี้สิถ้าเราไม่ได้ลูกมาเฟียมาช่วย เราจะรอดจากคนไม่ดีไหม อีกอย่างใครสักคนที่ส่งคนมาทำร้ายคนสูงวัยอย่างเรา...”
“....” ชายสูงวัยหันหมอภรรยาของตนอย่างตั้งใจ
“คุณเงียบแบบนี้ คุณคงรู้อยู่แล้วสินะ”
“คุณหญิงผมไม่ได้คิดจะปิดบังหรอก”
“ถึงคุณจะไม่บอกฉัน ฉันก็พอเดาออกว่าเป็นใคร ก็คนที่เราไว้ใจยังไงล่ะ”
ฝากนิยายเรื่องหมอมาดิน่งกับยัยวิศวะมาดดุด้วยนะคะ ตั้งใจเขียนมาก ๆ
EP.15 ณ. คอนโด ฉันกลับถึงคอนโดด้วยความเหนื่อยล้า “อยากนอนบนฟูกนุ่มๆ แล้วสิ แต่สภาพแบบนี้คงต้องอาบน้ำอุ่นๆ ให้หายเหนื่อยซะก่อน ชีวิตมาเฟียไหนจะสบาย วันๆ มีแต่เรื่องให้จัดการ” ฉันขึ้นลิฟท์ เดินก้มหน้าไปยังห้องของตัวเอง แต่ก่อนที่จะถึงห้องกลับถูกรั้งแขนไว้ แถมยังถูกดึงหมวกเสื้อฮู้ดที่คลุมอยู่ออก ฉันตวัดตัวมองคนที่กระทำด้วยท่าที่ขึงขังไปพร้อมกับกำลังจะเตะก้านคอคนที่บังอาจมาแตะต้องตัวฉัน แต่แล้วขาที่กำลังตั้งฉากเกือบร้อยแปดสิบองศาก็หยุดชะงักกลางอากาศ ไม่อยากจะเจอทำไมดันเจอกันตลอด “รุ่นพี่” ฉันชะงักลง แถมข้อมือเขาก็จับแขนฉันอย่างแรง “ไปไหนมาครับ” เสียงหล่อเอ่ยถามแต่ใบหน้าของเขากลับน่ากลัวแปลกๆ ไปโดนรังแตนไหนมา แล้วมาลงกับฉันวะ “รุ่นพี่ ปล่อยแขนฉันก่อน ฉันเจ็บ” ฉันทำหน้ายู่ยี่ มันเจ็บจริงๆ นะแก ถ้าเป็นคนอื่นฉันสวนคืนไปนานแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าพอเขาเห็นหน้าฉันแสดงสีหน้าไม่ดีนักเขาก็คลายมือปล่อยฉันแต่โดยดี ฉันสะบัดแขนไปมาก่อนจะยืนกอดอกจ้องมองเขาอย่างหาเรื่อง “รุ่นพี่มีอะไรจะคุยกับแจนถึงมาดักถึงหน้าห้อง ว่ามาได้เลยค่ะ ”ฉันจ้องเขาไม่ละสายตา นึกว่าฉันจะกลัวเขารึไง ไม่มีทาง มาเฟียอย่างฉันกลั
EP.16(Well Part)หลายชั่วโมงก่อน ผมเดินสวนกับเธอตรงหน้าลิฟท์ของคอนโด แม้เธอจะแต่งตัวมิดชิดสวมฮู้ดดำคลุมหัว สวมแมสปิดหน้า เห็นเพียงแค่ดวงตา ผมก็จำได้ว่าเป็นเธอแจนดูรีบเร่ง และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมองผมอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกผมกะตั้งใจจะรั้งเธอสักหน่อย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำเพราะก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม แล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะไปถามเธอแบบนั้น ในเมื่อเธอเลี่ยงที่จะไม่ให้ผมทัก ผมก็ทำเป็นไม่เห็นเธอแล้วกัน ปล่อยผ่านกลับห้องตัวเองเพื่อพักผ่อน หลังกลับจากโรงพยาบาล22.00น.ผมนอนไปนานอยู่เหมือนกัน เพราะตั้งแต่ตะวันตกดินจนตอนนี้ค่ำมืดแสงจันทร์สาดเข้ามาในห้องที่มืดมิด ความเหนื่อยทำให้ผมหลับสนิท แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้รับสายทางไลน์จากเพื่อนผม ที่วันนี้ก่อนออกจากโรงพยาบาลมันบอกผมด้วยใบหน้าอารมณ์ดีว่าจะไปเดทกับน้องมีนของมัน เห็นว่าน้องเขางอนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันหรือคุยกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แปลก พวกผมงานทั้งในมหาลัย และโรงพยาบาลยุ่งกันมากจริงๆ ชนิดที่เวลากินข้าว หรือแม้แต่เล่นเกมในมือถือยังไม่มีเวลาด้วยซ้ำ นี่แหละจึงเป็นเหตุผลที่พวกผมและเพื่อนเรียนหมอหลายคนโสดกันซะส่วนใหญ่ หรือถ้าคนที่มีแฟน
EP.17(Well Part)‘บรืน....’ผมขับรถด้วยความเร็วสูง ตัวผมไม่สามารถทำใจสงบนิ่งได้จริงๆ จากที่ผมพึ่งจะหงุดหงิดเรื่องแจนจอมปากแข็งมาแล้ว ตอนนี้ต้องมาได้รับข่าวร้ายที่กระทบจิตใจผมอย่างจัง เมื่อพ่อแม่ผมนั้น ถูกพวกคนเลวทำร้าย ใครกันช่างกล้าทำร้ายคนของตระกูลผมแสดงว่าพวกมันคงมีอำนาจมากพอควรถึงกล้าลงมือขนาดนี้ หรือจะเป็นพวก ‘มาเฟีย’ แน่นอนว่าถ้าผมรู้ตัวการ ผมไม่ปล่อยพวกมันได้แน่ผมอยากกลับไปเจอพวกท่านเร็วๆ การที่วีโทรหาผมเอ่ยว่าสภาพรถยับเยินมากขนาดนั้น แต่พ่อแม่กลับไม่ได้อยู่โรงพยาบาล นั่นแสดงว่าพวกท่านยังคงปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต แม้จะโล่งใจไปหน่อย แต่ก็ยังชะล่าใจไม่ได้เมื่อผมขับรถมาถึงคฤหาสน์ บ้านตระกูลของผม และจอดเทียบโรงจอดรถแล้วนั้น รถคันหนึ่งที่คาดว่าพวกท่านขับในคืนวันนี้ สภาพบุบไปทั่วทั้งคันรถ กระจกรถรุ่นพิเศษที่หนาขนาดนั้นถึงกลับมีรอยแตกร้าวได้ ทำเอาตาผมเบิกโพรงไอ้พวกที่ทำกะเอาพ่อแม่ผมตายเลยสินะ ร่างกายจากที่พอสงบนิ่งได้บ้าง กลับกลายเป็นสั่นเทาด้วยความโกรธใบหน้าที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรก็ไม่สามารถซ่อนความรู้สึกได้อีกต่อไป สองเท้าวิ่งเข้าตัวบ้านอย่างไม่รอรี“พ่อครับ แม่ครับ” ผมเรียก
สองวันผ่านมา (เช้าวันใหม่)อากาศสดใส สองวันที่ผ่านมานอนหลับเต็มอิ่มสุดๆ หรือเป็นเพราะได้รับ ‘จูบ’ จากพี่เขา ก็เลยพาลลืมเรื่องทุกอย่างที่ปวดหัวไปหมดเดี๋ยวนะ นี่ฉันคิดอะไรอยู่ ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ติดว่าโถงทางเดินแม่จะจูบสูบวิญญาณคืนไปแล้วสองวันก่อนนั้น พี่เวลล์เหมือนหมาบ้าจริงๆ เขามานิ่งๆ ไม่พูดจา แต่การกระทำคือจู่โจมสุดๆ ฉันว่าทุกคำที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งนั้นนะ แล้วที่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็เรื่องจริงไม่ใช่เหรอ เขาเองก็เคยบอกไม่ชอบมีพันธะใด ๆ นี่ไงหลังจบคืนแรกนั้นฉันไม่เคยจะกลับไปตื้อเขาสักกะครั้งหนึ่งตามสัญญาที่พูดไว้ แล้วเขาโมโหอะไร เป็นพี่เขาเองมากกว่าที่เอาแต่ป้วนเปี้ยนอยู่ข้างฉันแต่ยอมรับเรื่องเดียวที่โกหกก็คือเรื่องเขม่าดินปืน ใครจะไปตอบล่ะ ว่าฉันยิงปืนมาค่ะ ฉันสอยอันธพาลมาค่ะ ฉันเป็นมาเฟียค่ะ งี้เหรอ พูดก็โง่แล้วฉัน โมโหไปเถอะจะมาเค้นจนบีบคอก็ไม่ตอบหรอกณ. มหาวิทยาลัย(ห้องเรียนของฉัน)หลังคาบเรียนที่แสนสาหัสจบ เราจับกลุ่มกันทำโปรเจคยักษ์ใหญ่ของกลุ่มกันจนหัวหมุน กว่าจะคุยกันเสร็จก็ปาไปสองชั่วโมงเต็มๆตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพลอย(เพื่อนวิศวะห้องเดียวกัน) ที่ยังนั่งคุยสัพเพเ
ฉันกับไอ้นัทเดินไปยังกลุ่มน้อง ๆ ปีหนึ่งเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่นั่งรวมตัวอยู่ใต้ต้นขะจาวข้างสนามบาส เสียงกรี๊ดในสนามยังดังไม่หยุดหย่อน อีกทั้งคนดูบางส่วนก็หันมามองฉันกันเป็นระยะ เอาเถอะมองกันให้พอตอนที่ฉันยังอารมณ์ดี“พี่นัท ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่จะพาพี่แจนมาได้” สาวคนคุยของไอ้นัทเอ่ยพรางยกมือไหว้ฉันอย่างนอบน้อม ทำไมเขาทำเหมือนฉันเป็นคนแก่ขนาดนั้น แต่ไงก็รับไว้ตามมารยาทไว้ก่อนแหละ“นี่น้องอร เอ่อ...” ไอ้นัทพูดติดขัด มันคงเขินแหละ สเปกตัวเล็ก ตาโต แก้มป่อง อย่างที่มันพูดจริงๆ ถือว่าหน้าตาใช้ได้เลย“แฟนพี่นัทค่ะ” น้องอรพูดเสียงดังฟังชัด ฉันหันไปมองไอ้นัท ที่ตอนนี้มันอ้าปากค้างไปแล้ว น้องอรนี่ชัดเจนดีแหะ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นคบใครได้ดีของไอ้นัทมันแล้วล่ะ“พี่ชื่อแจนนะคะ เพื่อนนัท ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”“พวกเรารู้จักพี่ค่ะ พี่แจน” กลุ่มหญิงสาวพูดกันอย่างพร้อมเพรียง ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูกไปเลย สมองเอาแต่คิดว่า รู้จักฉันเพราะอะไร ชื่อเสีย เอ้ย ชื่อเสียงฉันกระฉ่อนอะไรนะ หน้าตาอย่าง
EP.20“พะ...พี่วะ...” ฉันเกือบจะหลุดปากเรียกชื่อของเขา แต่แล้วฉันก็ต้องงับปากอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ฉันตัวแข็งทื่อ ท่ามกลางคนหมู่มากที่กำลังหันมาจ้องสนใจเป็นจุดเดียวกันทั่วบริเวณ ทุกคนกำลังรัวกล้องมือถือสนั่น ฉันอยากออกจากตรงนี้ แต่มันทำไม่ได้ ผู้คนด้านหลังยิ่งกว่าป้อมปราการหนา แถมยังมีมาสมทบเบียดเสียดเพิ่มเข้ามาเพราะความอยากรู้อยากเห็นกับเหตุการณ์ตรงหน้า ดีนะที่ฉันยังใส่ฮู้ดคลุมอยู่สิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้ตอนนี้คือบอกคนตรงหน้าให้ถอยออกไปได้แล้ว ทำไมพี่เวลล์ถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เขาที่ปกติแทบนิ่งหนีฝูงคนไม่ต่างจากฉันไม่สนใจสิ่งรอบข้างอะไร ถึงยังยอมยืนให้โดนรัวกล้องอยู่ได้ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกนิดกระซิบแผ่วเบาให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว“พี่จะยืนตรงนี้อีกนานไหมคะ เดี๋ยวก็เป็นข่าวชามใหญ่กับแจนหรอก”“....” เขายังเงียบ ปากนี่จะขยับให้กันบ้างไม่ได้รึไงนะฉันเงยหน้ามองเขาผ่านดวงตาที่เล็ดลอดออกจากการคลุมฮู้ดเกือบมิดหน้า นี่เขากำลัง ‘ยิ้ม’ งั้นเหรอ ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ“พี่ยิ้มทำไม ฉันหลอนนะ”“กลัวงั้นเหรอ” เขาเอ่ยออกมาเบาๆ“กลัว? ฉันจะกลัวอะไร”“กลัวเป็นข่าวกับฉัน” เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบ
EP.21วันนี้เป็นวันว่างของผมที่ไม่ต้องเข้ามหาลัย ไม่ต้องเข้าวอร์ด แต่ผมก็ยังเลือกที่จะมาใช้เวลาในโรงพยาบาลของผมอยู่ดี ถึงแม้ไอ้อาร์ทจะชวนผมเล่นบาสกระชับมิตรระหว่างสองคณะ แต่ผมก็เลือกที่จะปฏิเสธ ผมไม่ชอบสถานที่คนเยอะและเสียงซุบซิบนินทาเท่าไหร่ อีกอย่างถึงผมไม่ไปการแข่งขันมันก็ดำเนินต่อไปได้อยู่ดีผมเดินเตร็ดเตร่ในโรงพยาบาลดูนั่น ดูนี่ ไปทั่วโรงพยาบาลและรวมไปถึงการจับตาดูใครบางคนที่พ่อสั่งการไว้ แต่ดูเหมือนวันนี้ยังไม่มีอะไรน่าสงสัยแถมเขายังคงตั้งใจทำงานเหมือนอย่างเช่นเคย หากมองผิวเผินและไม่ได้รับรู้ว่าเขาเป็นคนเลวแบบนั้นดูยังไงเขาก็คือ คุณหมอท่านหนึ่งที่มากประสบการณ์และเป็นที่รักของผู้ร่วมงาน จนตอนนี้ผมยังไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นแบบที่พ่อผมสงสัยเลยสักนิดผมอยู่มาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้เกือบเที่ยงจึงเลือกที่จะทานอาหารที่โรงพยาบาลที่นี่ไปเลย ก่อนคิดจะกลับคอนโดไปนอนให้ผ่านไปวันๆ แต่แล้วสิ่งที่ขัดความสุขของคนกำลังจะกลับไปนอนนั้น ก็ดังขึ้นมา‘ไอ้อาร์ท’ชื่อของสายที่โทรเข้ามาหาผมได้อย่างประจวบเหมาะเสียจริง“ว่าไง มีธุระอะไร” ผมเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบเช่นเคย(ไอ้เวลล์ มึงทำไรอยู่ มาแข่งบาสดีกว่ามึ
(Well Part)ไม่นานนักผมก็ได้ลงสนาม ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้า ทำผมเหงื่อไหลด้วยสภาพอากาศ แต่เพราะผมออกกำลังกายประจำอยู่แล้ว และก็มักเล่นบาสกับเพื่อนบ่อย ๆ ดังนั้นฝีมือบาสของผมเองก็ไม่เป็นสองรองใครแม้ผมจะจดจ่อกันการแข่ง แต่สายตาของผมก็มีแอบชำเลืองไปมองแจนอยู่บ้าง เธอเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่แม้แต่มองการแข่งขันนี้ด้วยซ้ำ พยายามหลบหน้าผม และอยากออกจากตรงนั้นอยู่มากแต่คงเพราะคนดูเยอะเกินไป เธอถึงต้องทนอยู่แบบนั้น ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะหลบหน้าผมในมหาลัยแห่งนี้ได้แค่ไหนกัน‘ฟิ้ว.......’ ลูกบาสที่ถูกโยนจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่ง แต่เพราะแรงเหวี่ยงมากเกินไป ทำให้มันพุ่งตรงอย่างแรงจนคนอีกฝังรับไม่ทันและกำลังจะพุ่งไปยังคนดูข้างสนาม ตรงนั้นคือ ‘เธอ’ ผมที่อยู่ไม่ไกลมากจึงวิ่งเข้าไปหันหลังขวางอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะโดนเธอ‘ปึก.......’“อึก” แรงลูกบาสกระแทกเข้ากับหลังผมอย่างจัง มันเจ็บจนจุก แต่ยังพออดทนได้ ผมยืนแน่นิ่ง ส่วนเธอที่อยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆ เงยหน้ามองผมผ่านดวงตาที่เล็ดลอดออกมาจากฮู้ดที่ปิดเกือบมิด เสียงรัวกล้องดังสนั่นสามร้อยหกสิบองศา และเกิดเสียงซุบซิบนินทาไปทั่ว เธอเริ่มทนไม่ไหว เอ่ยให้ผมถอยอ
EP.34“พี่เวลล์ นี่มันก็ดึกมากแล้ว กลับกันเถอะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกเขาเมื่อเห็นหน้าจอมือถือบอกว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแล้ว “พรุ่งนี้แจนมีเรียนเช้านะคะ”พี่เวลล์ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของเขาก่อนที่จะพยักหน้ารับ แล้วเรียกพนักงานเช็คบิลทันที เขาเดินนำออกไปก่อน ส่วนฉันก็เดินตามหลังเขา เป็นครั้งแรกในชีวิตถ้าไม่นับพ่อของตัวเอง ที่ฉันเดินตามคน ๆ หนึ่ง มองแผ่นหลังของเขา ราวกับตอนนี้ฉันเองได้เป็นฝ่ายที่ถูกปกป้องบ้าง จากที่ปกติ ฉันมักจะยืนอยู่ข้างหน้าคนอื่นเสมออาจเป็นเพราะฉันเหม่ออยู่ในภวังค์จิตใจล่องลอยพอพี่เวลล์หยุดเดิน ฉันก็เป็นฝ่ายเดินชนหลังเขาอย่างจัง ใบหน้ากระแทกหลังเขา ทำเอาเจ็บไม่น้อย“ขอโทษค่ะ แจนไม่ทันระวัง” ฉันยกมือจับจมูกตัวเองบีบมันเบาๆ ให้หายหน่วง“ระวังด้วยสิ จับมือพี่ไว้” เขาเหลียวมองดูฉัน สายตาเขาไม่ดุสักนิด พร้อมยื่นมือหนาของเขาออกมาตรงหน้าฉัน แน่นอนว่าฉันไม่รอช้ายื่นมือเรียวบางของตัวเองจับมือเขาทันที ฉันรู้สึกได้นะความอบอุ่นที่แผ่ซ่านในมือข้างนั้นของเขา เขากระชับมือฉันแน่นจากนั้นจึงเดินเคียงข้างกันออกจากร้านอาหารไปยังรถที่จอดอยู่เขาเปิดประตูรถให้ฉันเข้าไปนั่ง ก่อนที่เข
EP.33ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะ ยืนมอง พี่เวลล์ที่นั่งทำท่ากอดอก มองฉันด้วยสายตาดุราวกับผู้ปกครอง เหอะ ปล่อยให้รู้สึกหงุดหงิดบ้างแบบนี้แหละแฟร์ดีจะตายฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ สะบัดความรู้สึกทุกอย่างทิ้งไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ทำไมพี่ยังไม่ทานข้าวละคะ หิวไม่ใช่เหรอ”“รอคน” เขาทำหน้าบึ้งตึง กอดอกมาทางฉันอย่างเห็นได้ชัด ฉันจึงได้แต่ทำหน้ายิ้มเจื่อน“ปวดหนักเข้าห้องน้ำไงคะ ขอโทษทีค่ะ นี่ก็มาแล้วไง ทานกันเถอะ” ฉันรีบนั่ง ตัดบทสนทนา แต่ดูเหมือนพี่เวลล์จะไม่ยอมจบ“โกรธอะไรพี่อีกรึเปล่า หรือเพราะเมื่อกี้” เขามองฉันด้วยสายตาเค้นหาคำตอบบ้าง“จะโกรธพี่ได้ไงละคะ แจนจะมีสิทธิ์อะไรมางอนแบบนั้น ถึงพี่จะดูรูปสาว แจนจะห้ามอะไรได้”“ดูรูปสาว?”“ทานข้าวกันดีกว่าค่ะพี่ อ่ะนี่ น่าอร่อยเนาะ” ฉันตักปลาหมึกทอดกระเทียมให้เขา จากนั้นฉันก็ทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้าเอาแต่กินไม่พูดไม่จา เขาตักอะไรให้ฉัน ฉันก็ทานมันทุกคำ ก็เป็นซะแบบนี้โกรธง่ายหายเร็วเพียงเพราะเขาดีต่อฉัน“ร้านนี้อร่อยอย่างที่พี่บอกเลย” ฉันยิ้มพลางตบพุงท่าทางอิ่มแปล้ไร้ซึ่งภาพลักษณ์กุลสตรีใดๆ ส่วนพี่เวลล์ก็ทานไปเยอะเหมือนกัน คงหิวอย่างที่เจ้าตัวพูดจร
EP.32พี่เวลล์พาฉันเข้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ เป็นโต๊ะหลบในมุมมีความเป็นส่วนตัว ติดแม่น้ำสายหลักของตัวเมือง สามารถทอดสายตามองตัวเมืองฝั่งตรงข้ามแม่น้ำได้ร้อยแปดสิบองศา บรรยากาศดี ลมโชยเย็นพอเหมาะ อากาศก็บริสุทธิ์ แสงสว่างนวลตา ทำให้รู้สึกได้ถึงความโรแมนติกหน่อย ๆ เลยแหะพี่เวลล์ที่เดินนำมาก่อน เลื่อนเก้าอี้ พลางใช้สายตาบ่งบอกว่าให้ฉันนั่งตรงนั้น ฉันที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก เพราะการได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนพิเศษแบบนี้ มันไม่ผิดไปใช่ไหมถ้าจะคิดเข้าข้างตัวเองไปทั้งแบบนั้นฉันนั่งลงเก้าอี้ที่พี่เวลล์เลื่อนให้ ก่อนที่เขาจะนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน พอได้เห็นเขาอยู่ตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะเท้าคางจ้องมองเขาอย่างตั้งใจ เขาที่เห็นฉันจ้องจนตาเยิ้ม ก็เท้าคางมองฉันกลับ ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงฟุตประสานกันอย่างช่วยไม่ได้“พี่จะมองฉันอีกนานไหมคะ” ฉันเอ่ย“ใครกันที่มองพี่ก่อน” เขาเอ่ยตอบฉัน “ฮึ.....เอาเถอะ ยอมแล้วค่ะ เป็นแจนเองที่มองพี่ก่อน ก็มันอดมองไม่ได้” ฉันยืดตัว เบือนหน้าทอดสายตามองไปยังแม่น้ำสายหลักที่ผืนน้ำระยิบระยับท่ามกลางแสงไฟสลัว ส่วนเขาก็หันไปสนใจพนักงานร้านที่เดินนำเมนูมาวาง
ณ.คอนโดฉันกับพลอยเดินขึ้นมายังห้องของฉัน แต่แล้วเบื้องหน้ากลับปรากฏชายหนุ่มที่ฉันคุ้นเคยดี จนพลอยเพื่อนฉันต้องสะกิดให้ฉันรู้ตัว“แจน นั่นมันพี่เวลล์นินา เขามารอใครรึเปล่า”“....” ฉันไม่พูดอะไรลากพลอยเดินตรงดิ่งไปที่พี่เวลล์ยืนอยู่ ซึ่งก็คือหน้าประตูห้องฉัน ก่อนจะเปิดประตู แล้วหันไปเอ่ยกับเธอ“พลอยแกเข้าห้องไปก่อน ฉันขอคุยกับพี่เวลล์สักครู่เดี๋ยวตามเข้าไป” พลอยที่เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ ก็ทำตามอย่างว่าง่าย หันหลังเดินเข้าห้องฉันไป จากนั้นฉันก็เอื้อมมือปิดประตู ค่อย ๆ หันหน้าไปหาพี่เวลล์จากใบหน้าเรียบนิ่งก็คลี่ยิ้มกว้างเป็นอีกคน“พี่เวลล์ มาหาแจนถึงหน้าห้องแบบนี้คิดถึงกันเหรอคะ” ฉันยิ้มมองจะกุมมือพี่เขาแต่เขาดันยกมือหนีพลางกอดอกหันหลังไปพิงกำแพง จ้องมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง เอ๊ะฉันว่าฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยนะ“ไปไหนมา” เขาถาม“หลังออกจากมอ ก็ไปส่งพลอยที่บ้าน แล้วก็พาพลอยมาที่คอนโดเนี้ยแหละค่ะ”“พี่โทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับ”“เอ๊ะ....โทรมาเหรอ แจนไม่ได้ยินนะ” ฉันล้วงกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมา พบว่ามีสายไม่ได้รับ เกือบยี่สิบสาย ใบหน้าฉันยิ้มเจื่อนก่อนจะเงยหน้ามองพี่เขาอย่างรู้สึกผิด “ลืมเปิ
ภายในรถเงียบสงัดพลอยเอาแต่หันมองไปตามข้างทางอย่างเลื่อนลอย เสียงสะอึกยังพอมีให้ได้ยิน ราวกับตอนนี้เธอกำลังข่มความรู้สึกเสียใจอยู่เต็มอก ส่วนฉันขับรถไปตามเส้นทางอย่างไร้จุดหมาย ‘ตู้ด...............ตู้ด..............’ เสียงมือถือของฉันดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ทิมโทรมา ฉันจึงหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาสวมใส่ด้วยใบหน้าจริงจัง พลอยที่เอาแต่เหม่อมองไปข้างทาง ก็หันมามองฉัน ซึ่งฉันก็ทำได้เพียงยักคิ้วให้ก่อนจะสนใจกับคนปลายสาย “ว่าไงคะ พี่ทิม” (คุณหนูครับ เกิดเรื่องใหญ่ครับ) เสียงพี่ทิมหนักแน่นจริงจัง กว่าปกติ จนทำให้ฉันต้องจอดรถข้างทางเพื่อคุยก่อน “มีเรื่องด่วนอะไรคะ”(เมื่อคืนวาน เกิดเหตุปะทะกัน ของมาเฟียสองกลุ่มอิทธิพลเขตเหนือครับ คนบาดเจ็บล้มตายกันเยอะเลยครับ)“แล้วสถานการณ์ตอนนี้ล่ะ”(ดีขึ้นแล้วครับ แต่เพราะว่าเหตุการณ์รุนแรง ตอนนี้กลุ่มมาเฟียทั้งสองกลุ่มแตกแขนงหลบหนีกันวุ่น เห็นว่าบางส่วน หลบหนีเข้ามาเขตเรา แล้วก็......) ฉันที่มองเห็นว่ายังมีพลอยอยู่ตรงนี้ จึงไม่อยากคุยรายละเอียดมากนักจึงตัดบทการสนทนากับพี่ทิมไป“พี่ทิม เดี๋ยวแจนเข้า
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนไหมทุกคน พลอยไม่ไหวแล้ว” พลอยหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและเหนื่อยล้า ฉันเงยหน้ามองทุกคนในกลุ่มก็พบว่าสีหน้าแต่ล่ะคนไม่ต่างจากพลอยเลย“ก็ดีเหมือนกัน นี่ก็เย็นมากแล้ว พอกันเถอะ” ฉันหันไปพูดกับทุกคน ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยเราทุกคนช่วยกันเก็บเอกสารที่กองเป็นตั้งตรงหน้าก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพลอย ที่กำลังออกจากตึกคณะ บรรยากาศภายนอกตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วนะสิ พลอยที่มักจะกลับด้วยรถเมล์ คงไม่มีรถให้ขึ้นแล้วมั้ง“พลอย มันเย็นขนาดนี้แล้ว ให้ฉันไปส่ง” ฉันหันหน้าไปหาพลอยเพื่อนร่วมสาขา“พลอยกลับเองได้”“แต่รถเมล์ที่ผ่านหน้าบ้านแกมันไม่มีแล้วไม่ใช่รึไง” ฉันเอียงคอถามนาง จากที่นางเดินอยู่ก็หยุดชะงัก“จะ..จริงด้วย ลืมเผื่อเวลากลับบ้านเลย ทำไงดี”“ก็นี่ไง ฉันจะไปส่ง ฉันพอมีเวลา” ฉันไม่พูดเฉย ๆ แต่ดึงพลอยโดยไม่ต้องให้นางคิด เอาจริง เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมา แม้ไม่ได้สนิทปานจะกลืนกินเหมือนยัยมีน กับ กุ้ก แต่พลอยก็นับว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดในคณะแล้ว พลอยเป็นคนเงียบ ไม่สุงสิง พูดจากับใคร แต่เธอเป็นคนขยัน และพูดจาไพเราะ ทำให้ฉันก็ต้อง
09.00 น .ฉันตื่นนอนขึ้นมา เพราะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เอื้อมมือหยิบมือถือก่อนจะกดหยุดมัน ยกแขนยืดตัวไปมาให้รู้สึกยืดเส้น ในเวลาสาย ๆ ของวันแบบนี้ พลางขยี้ตาเบา ๆ ให้รู้สึกตื่น ก่อนจะหันไปมองที่นอนข้าง ๆ จากใบหน้าที่สดชื่น ก็รู้สึกหม่นลงทันที“เขากลับไปแล้วเหรอ หรือเป็นเพราะเขาคิดว่าฉันโกรธกันนะ เลยไม่กล้ามองหน้ากัน” พอคิดแบบนั้นก็ทำเอาอารมณ์หงุดหงิดแต่เช้า “ไม่ตามมาง้อกันหน่อยรึไง”ฉันที่ไม่สบอารมณ์แต่เช้าลุกขึ้นมาล้างหน้าแปลงฟัน ก่อนจะออกจากห้องนอนตัวเอง“ฮืม.....กลิ่นหอมนี่มัน” ฉันมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นใครภายในห้องโถง ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหารที่มีชามข้าววางอยู่“โจ๊กงั้นเหรอ” ฉันเหลือบมองเห็นกระดาษข้อความที่วางอยู่ข้าง ๆ ชามโจ๊ก หยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ(พี่เห็นว่าแจนนอนหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก พี่ทำโจ๊กใส่ไข่ พิเศษใส่ใจ ไว้ให้แล้วอย่าลืมทานให้หมดก่อนไปเรียนล่ะ)“ไอ้พี่บ้าเอ้ย ... ยิ่งทำให้หลงเข้าไปอีก” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าฉันยิ้มบานเท่าจานดาวเทียมแค่ไหน พวกแกอิจฉาฉันอ่ะเด่.... ไม่มีพี่เวลล์เป็นของตัวเองสิท่าฉันทานมันจนเกลี้ยงชามไม่เหลือ แม้จะเป็นแค่โจ๊ก แต่มันก็เป็
EP.27 (Well Part) ‘ปัง....’ แจนปิดประตูห้องนอนตัวเองดังสนั่น ดูเหมือนเธอจะหงุดหงิดที่ผมเอ่ยถามว่าชุดที่เธอยื่นให้ผมนี้ เป็นของผู้ชายคนอื่นรึเปล่า ผมเพียงแต่ถาม...เฉย ๆ ไง ตอนแรกก็รู้สึกไม่เข้าใจทำไมเธอถึงต้องโมโห แต่เมื่อแจนเอ่ยว่า ผมเป็น ‘คนแรก’ ที่เธอชวนเข้ามาห้องนี้ ใจผมก็เข้าใจถึงความรู้สึกโมโหของเธออย่างแจ่มแจ้ง เฮ้อ... ผมผิดเองที่พูดแบบนั้นไป แต่ก็ปากไวไปแล้วก็คงต้องมาหาวิธีขอโทษเอาก็แล้วกัน ผมเดินไปห้องของแจน แม้เธอจะปิดประตู แต่เธอก็ไม่ได้ล็อค ดังนั้นผมถือวิสาสะว่าเธอไม่ได้ห้ามผมเข้ามาในห้องนี้ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ดูเหมือนเธอจะหลับไปแล้ว จ้องมองใบหน้าเธอ ดูสิแม้จะหลับคิ้วของเธอยังขมวดให้ได้เห็น บ่งบอกว่าเธอคงโกรธมาก ผมบรรจงจูบเบาๆ บนหว่างคิ้วของเธอ หว่างคิ้วเธอค่อยๆ คลายมัน กลายเป็นใบหน้าที่ไม่ได้ดูโกรธอะไรแล้วเฮ้อ... ยิ่งมองหน้าแจนนานๆ ยิ่งรู้สึกว่าเธอ ‘สวย’ แถมนิสัยต่อหน้าผมเธอดูเป็นคนน่ารัก ตรงไปตรงมา ที่สำคัญเธอเป็นคนเอาแต่ใจหน่อยๆ ไม่เห็นเหมือนในบอร์ดที่ผมลองไปตามอ่านดู หลายค
EP.26ณ.คอนโดฉันกับพี่เวลล์มาถึงคอนโด เราเงียบกันทั้งคู่หลังเราได้ทำกิจกรรมบนรถอย่างหนักหน่วง (แม้จะเป็นฝ่ายฉันทำก็เถอะ) ตอนนี้ อาการมึนเมาหายไปเหลือเพียงอาการวิงเวียนศีรษะเข้ามาแทน ฉันเดินนำหน้าเขา ไม่สิต้องเรียกว่าอยากรีบเดินให้ถึงห้องตัวเอง ฉันไม่กล้ามองหน้าเขา ฉันทั้งเขินสุด ๆ คำนั้นที่ออกจากปากเขายังก้องอยู่ในหูอยู่ตลอด นี่ฉันหลอนไปแล้วแน่ ๆพี่เวลล์เขาฉลาดเขารู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังเคลิ้มลอย แต่ก็ยังมีอาการเมาค้างจากการดื่มหนัก เขาจึงไม่เข้ามาตอแยฉัน เอาแต่เดินตามหลังคอยดูท่าทีที่เหมือนจะล้มเป็นพัก ๆของฉันอย่างเงียบๆเราสองอยู่ภายในลิฟท์สองคน ก็ยังไม่มีใครปริปากเอ่ยออกมาทำลายความเงียบงัน‘ติง.....’ เสียงลิฟท์ดังขึ้น บ่งบอกว่าถึงชั้นคอนโดของฉันแล้ว ฉันเดินออกจากลิฟท์ไม่ได้หันกลับไปมองที่เขา เดินเซไป เซมา เกาะขอบผนังไปตามทาง แต่ฉันยังรับรู้ได้นะว่าเขายังตามส่งฉันมาถึงหน้าห้องฉันเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไปด้านใน แต่ก่อนที่จะปิดประตู เขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าห้องไม่ได้เข้ามา เอ่ยเพียงเสียงสุขุมนุ่มนวล ฟังแล้วอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“พักผ่อนนะ ฝันดี” เขาขยี้ผมฉันเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับไป แ