“ดูๆ คนของคุณอิง มีงอนด้วย”
“ฝีมือใช้ได้เลยค่ะ หน้าตายังเด็กๆ อยู่เลยด้วยไม่คิดว่ารสมือจะดีขนาดนี้” น้ำอิงชมซ้ำ เธอเปรยให้สามีฟัง
“บอกบ้านใหญ่หรือยังล่ะ...เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลังนะ...” ไทธัชเตือน ความเคลื่อนไหวภายในบ้านเขา ถูกสอดส่องจากคนบ้านใหญ่ จนบางครั้งเขาก็เอือมระอา...
“อิงว่าจะไปเรียนให้ท่านทราบวันนี้ค่ะ” น้ำอิงตอบเสียงแผ่ว เธอรับรู้กระแสความไม่พอใจผ่านทางน้ำเสียงที่สามีใช้
“อืม...” ไทธัชไม่ได้พูดต่อ เขารับชามข้าวต้มจากฟักทอง ก่อนจะตักใส่ปาก... “อร่อยจริงๆ” ชายหนุ่มเปรยหลังจากลิ้มรส รสมือของอลิชาเข้าไปแล้ว
“ฟักคงตกกระป๋อง...ขนาดคุณไทยังชม” ฟักทองบ่นกระปอดกระแปด เมื่อเจ้านายทั้งสองคน มีความเห็นตรงกัน
“งานอื่นมีเยอะแยะ ส่วนหน้าที่ทำอาหาร ฟักเป็นแค่ลูกมือก็พอ...” ไทธัชกล่าวยิ้มๆ เขาเป็นกันเองกับคนในบ้าน ไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย
“ฟักไปตามอลิสมาสิ จะได้รู้จักกันไว้ ใครเป็นใคร เดี๋ยวจะงง”
น้ำอิงสั่งฟักทอง อลิชาจะได้ทำความรู้จักกับสามีของเธอด้วย
หญิงสาวร่างเล็กบาง เดินตามหลังฟักทองเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณ” อลิชายกมือขึ้นทำความเคารพโดยไม่ต้องให้ใครบอก เธอยิ้มเซียวๆ ให้เจ้านายหนุ่ม
“อายุเท่าไหร่ล่ะนี่ ดูยังเด็กอยู่เลย...”
ไทธัชทักทาย เขามองหน้าอลิชา สลับกับมองภรรยา “คุณอิงได้ถามอายุเขาหรือเปล่า เดี๋ยวมันจะผิดกฎหมาย...ใช้แรงงานเด็ก”
“อลิสอายุยี่สิบปีแล้วค่ะ” อลิชาชิงตอบ
“เหรอ...เห็นตัวเล็กๆ นึกว่าไม่ถึงว่าจะยี่สิบปีแล้ว... เรียนจบชั้นอะไรล่ะ อยากเรียนต่อมั้ย?” ความเวทนาทำให้ไทธัชหลุดปากออกไป
“คือ...อลิสลงเรียนรามไว้ค่ะ เทอม2แล้ว” หญิงสาวตอบเสียงกระอึกกระอัก...เธอไม่อยากปิดบังอะไรมากไปกว่านี้
“ดี...ขาดเหลืออะไรบอกล่ะ เราอยู่กันเหมือนพี่ เหมือนน้อง...แค่เป็นคนดีก็พอ”
หลายชีวิตที่ขาดแคลน แต่พวกเขาไม่เคยท้อถอย หากช่วยได้ไทธัชก็เต็มใจช่วย
น้ำอิงเหลือบมองสามีด้วยสายตาชื่นชม ไทธัชเป็นคนดี เขาหนักแน่นมากพอ จนเธอวางใจและยอมฝืนใจบิดา-มารดา มาแต่งงานกับเขา แทนคนที่ท่านจัดหาไว้ให้ มันสร้างความไม่พอใจเล็กๆ ให้ครอบครัวของเธอ...จนเป็นที่มาที่พวกท่านยื่นคำขาด หากแต่งงานกับไทธัช เธอห้ามย้ายออกไปไหน ต้องอยู่ในสายตาของพวกท่านตลอดชีวิต แม้จะรู้สึกลำบากใจ ความรักอันท่วมท้นของพวกท่านทำให้น้ำอิงตกลงทำตามความต้องการนั้น เธอรู้สึกเห็นใจสามี แต่เขายอมทนได้... เพื่อเธอ
ชีวิตใหม่ของอลิชาจึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ เป็นความสุขใจครั้งแรกก็ว่าได้ เมื่อเธอไม่ต้องทนถูกกดขี่...ความทรงจำเลวร้ายเริ่มจางหายไปจากใจทีละนิด พร้อมกับความยับเยินที่ถูกย่ำยี ริ้วรอยเหล่านั้น เลือนหายไปตามกาลเวลา...
จนกระทั่ง...
“โอ๊ค!”
เช้าวันหนึ่ง อลิชาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการวิงเวียน เธอโก่งคอ คายของเก่าออกมาจากช่องท้องจนหมด ใบหน้าซีดเผือดแทบจะไร้สีเลือด เมื่อคะย้อนกากอาหารมื้อค่ำ ออกมาจนหมดสิ้น ลำคอแสบร้าว เพราะช่องท้องบีบอัดแรงๆ แม้จะแน่ใจว่าคายของเก่าในกระเพาะออกมาจนหมด แต่เธอก็ยังอาเจียนไม่หยุดจนมีแค่ลมเท่านั้นที่ผ่านปากอิ่มออกมา น้ำลายเธอเหนียวหนืด ปากขมปี๋
ก๊อกๆ “อลิสๆ เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?”
ฟักทองเคาะประตูถาม เจ้าตัวได้ยินเสียงโอ๊กอ๊ากของเพื่อนข้างห้องเต็มหู
“อาหารเป็นพิษมั้งคะพี่ฟัก...อีกพักน่าจะดีขึ้น” อลิชาวิเคราะห์ เธอไม่มีอาการอื่นนอกจากอยากอาเจียนแค่นั้น
“อืม...ไหวมั้ย จะนอนพักหรือเปล่า เดี๋ยวมื้อเช้าพี่ทำแทนเอง...” ฟักอาสา กว่า3เดือนที่ร่วมงานกันมา อลิชาขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยงงาน ไม่เคยกินแรงเพื่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ น่าจะดีขึ้นหลังอาบน้ำ อลิสไหวค่ะ”
หญิงสาวตอบ เธอพยุงตัว วักน้ำล้างหน้า จนรู้สึกดีขึ้น จึงลงมืออาบน้ำชำระคราบไคล่
“หน้าซีดๆ นะ ปวดหัวมั้ย ตัวร้อนหรือเปล่า?”
ฟักทองเอ่ยถาม ทันทีที่อลิชาโผล่หน้าเข้าไปในครัว
หญิงสาวส่ายใบหน้า รู้สึกตื้อๆ ในอกจนน้ำตาคลอ เพราะเกือบ20ปีที่อยู่ใต้ร่มเงาฉัตรสุวรรณ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฉลวยจะถามไถ่ตนเองเช่นนี้ มีแต่กดหัวใช้ แม้ในวันที่เธอไม่สบายหนัก
“ค่อยยังชั่วแล้วพี่ฟัก น่าจะกินอะไรผิดสำแดง...เช้านี้เลยคายออกมาจนหมด” อลิชาเอ่ยเสียงแผ่วๆ ในช่องท้องยังปั่นป่วน มีความรู้สึกเหมือนพื้นดินยังโคลงเคลง
“ทำอะไรให้คุณๆ ทานดีเช้านี้”
ฟักทองถาม...เจ้าตัวทำหน้ายู่ เมื่อวางมือเรื่องทำอาหารให้อลิชาเป็นคนรับหน้าที่แทนเกือบสามเดือน
“อลิสเตรียมไว้แล้วพี่ฟัก พี่ฟักจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะจ้ะ อลิสไหว”
หญิงสาวยิ้มเซียวๆ ให้ เธอเปิดตู้ทำความเย็น หยิบวัตถุดิบที่เตรียมไว้ออกมา เพื่อเริ่มต้นทำอาหารเช้า
เม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มเนินหน้าผาก...กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงทำให้อาการอยากอาเจียนหวนกลับคืนมาอีกครั้ง อลิชาฝืนใจทน กระทั่งอาหารมื้อนั้นเสร็จลงด้วยดี เธอเอียงหน้าหนี ตอนที่ยกอาหารเช้าขึ้นไปเสิร์พ กลิ่นกระเทียมเจียวที่เคยชอบ วันนี้เธอกับเหม็นแทบจะกลั้นไม่ไหว
“ไม่สบายเหรออลิส ทำไมหน้าซีดจัง?”
เช้าวันนี้มีแค่น้ำอิง นายสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียว สามีของเธอคงออกไปทำงานแล้ว โดยไม่กินอาหารเช้า ไทธัชมักจะเป็นเช่นนี้ งานเขายุ่งจนหัวปั่น ออกไปตั้งแต่เช้ามืด กลับมาก็หลังเที่ยงคืน...
“เวียนหัวนิดหน่อยค่ะคุณอิง...” หญิงสาวตอบ กัดกระพุ้งแก้มแรงๆ เมื่อตักข้าวต้มกุ้งควันกรุ่นให้นายสาว ไอระเหยของข้าวต้มกุ้ง ทำให้อาเจียนเธอเกือบทะลัก
“ไม่ไหวพักก่อนก็ได้นะ หรือจะไปหาหมอ...”
น้ำอิงมองหน้าอลิชา สีหน้าของหล่อนเผือดซีด ไรผมเปียกชื้น...อาการเหมือนกำลังไม่สบายหนัก
“ไหวค่ะ แค่...” อลิชาตอบได้แค่นั้น เธอสุดที่จะกลั้นความวิงเวียน หญิงสาวยกมืออุดปาก เดินเร็วๆ ออกไปด้านนอก ก่อนจะโก่งคอคายน้ำสีเขียวในอุ้งปากออกมาจนแสบร้าวไปทั้งลำคอ
นายสาวผุดลุกเดินตามไปชะเง้อมอง เรียวคิ้วโก่งขมวดแน่น เธอนึกในใจด้วยความสงสัย อาการของอลิชาเหมือนกับคนกำลังตั้งครรภ์ ที่น้ำอิงรู้เพราะเธอกำลังศึกษาเรื่องนี้แบบละเอียด เมื่อตั้งใจจะมีบุตรภายในปีนี้ให้ได้ เพื่อลดความตึงเครียดภายในครอบครัว เด็กเล็กๆ จะทำให้บิดา-มารดาของเธอคลายความเข้มงวด สามีของเธอก็จะได้สบายใจขึ้น
หลังล้างหน้า ล้างปาก อลิชาเดินก้มหน้าเข้ามายืนรอรับคำสั่งจากนายสาว หญิงสาวก้มหน้าลง ดวงตามองกึ่งกลางร่างกายด้วยความสับสน เธอหวาดกลัวกับสิ่งที่ตนเองกำลังคิด อลิชามัวพะวงจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของน้ำอิง
“อลิสๆ”
น้ำอิงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น เธอมองสำรวจอลิชาอีกครั้ง
รูปร่างของอลิชาผอมบางก็จริง แต่ผิวพรรณกลับมีน้ำมีนวลมากกว่าตอนที่มาใหม่ๆ
“คะ!” หญิงสาวขานรับ เงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้นายสาว
“มีอะไรจะบอกอิงมั้ยอลิส?” น้ำอิงตะล่อมถาม เธอเริ่มกังวลกับความคิดของตนเอง หากเป็นอย่างที่คาดไว้ คนในปกครองของตนเองกำลังผจญปัญหา
ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา...น้ำตาทะลักรินโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นความหวาดกลัวจับจิต หากสิ่งที่กำลังกลัวเกิดขึ้นจริงๆ“อลิสมีแฟน หรือมีผู้ชายที่คบหามั้ย?”น้ำอิงถามเสียงแผ่ว เธอกำลังหาทางช่วย หากอลิชาก้าวพลาดหญิงสาวส่ายใบหน้าแรงๆ ใช้หลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนพื้นเจ้านายสาวหันมาเผชิญหน้า เธอสูดลมหายใจแรงๆ “อาการที่เป็นอยู่ อิงไม่อยากฟันธงนะอลิส...ที่อิงถามแบบนั้นเพราะอิงจะได้วิเคราะห์ถูก ถ้าอลิสไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบผู้ชาย ปัญหาที่อิงกลัวก็ไม่น่าใช่” เสียงอธิบายเนิบนาบ หัวใจของอลิชาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอไม่เคยคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้าม ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ชายคนไหน แต่...เธอมีความสัมพัธ์กับผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ...ครั้งเดียวก่อนจะหนีเตลิดมาที่นี่“คุณอิงคะ อลิส...” หญิงสาวเรียบเรียงคำพูด “ก่อนมาที่นี่ อลิสมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่ง อลิสไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร มันเป็นคราวซวยของอลิส แบบนี้อลิสคงจะท้องใช่มั้ยคะ?”เสียงติดๆ ขัดๆ เพราะกลั้นสะอื้นไปพร้อมๆ กับการพูด น้ำตาไหลอาบหน้า เสียใจกับโชคชะตาตนเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดใส่ตนเองไม่หยุดน้ำอิงกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอเ
บทที่5.เมื่อคนในอดีตย้อนมาเจอกันผ่านไปสามปี อะไรๆ ในชีวิตของอลิชาเปลี่ยนไปเกือบหมด...วันนี้ วันที่เธอประสบความสำเร็จ...เรียนจบอย่างที่หวัง ได้ทำมาหากินอย่างเต็มที่ หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัว แววตาสลดลง...ในขณะที่เพื่อนๆ มีญาติสนิทมาร่วมแสดงความยินดีกันหนาตา...ข้างกายเธอกลับว่างเปล่า...“เอาน่าไอ้อลิส แกภูมิใจในตัวเองเถอะ พ่อกับแม่บนสวรรค์จะได้พลอยดีใจไปด้วย...แกเก่งจริงว่ะ”หญิงสาวปลุกปลอบใจตนเอง บ่ายหน้าเดินออกจากรั้ววิทยาลัย’ หลังรับพระราชทานปริญญาบัติเสร็จเรียบร้อยสองมือกอดความสำเร็จแนบอก ยิ้มเซียวๆ ให้คนรู้จักเมื่อเขาเหล่านั้นเดินผ่าน เสียงเฮฮาดังแว่วๆ อยู่ด้านหลัง...สองเท้าของเธอก้าวเดินอย่างมั่นคง เมื่อมีใครบางคนรออยู่ที่บ้านพัก คน คนนั้นคือคนสำคัญที่สุดของตัวเองรถประจำทางวิ่งมาจอดเทียบฟุตบาทพอดีกับที่อลิชาเดินมาถึง เธอกระโจนขึ้นรถทัน ก่อนที่สารถีคนขับจะเหยียบคันเร่ง พาพาหนะสาธารณะขึ้นไปผจญความแออัดบนท้องถนน กลิ่นควันจากท่อไอเสียไม่ได้ทำให้อลิชาหงุดหงิดเหมือนทุกวัน วันนี้เธออารมณ์ดีเสียใจหุบยิ้มไม่ได้ สีหน้าเรียบเฉยเป็นนิจ วันนี้กลับมีรอยยิ้มละไมแต้มอยู่บนเรียวปาก เป็นความภาคภูมิอย
คุณท่านบ้านใหญ่ออกตัวแรง...แต่ท่านก็กลับลำทำหน้าตาเฉยเมย ตอนที่มาเป็นผู้ใหญ่โกนผมไฟให้บุตรชายเธอ อลิชาถูกดูแลจากทุกคนในบ้านหลังคลอดบุตร ประหนึ่งเป็นญาติคนหนึ่งของครอบครัวของเจ้านายสาวเลยทีเดียวเป็นเพราะเด็กชาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทธัชกับบรรดาญาติฝ่ายเมียแน่นแฟ้นขึ้น...เขาไม่ใช่หลานเขย บุตรเขยที่ฝ่ายครอบครัวภรรยาไม่ปลื้มอีกต่อไปความดี ความซื่อสัตย์ของไทธัชพิสูจน์ให้คนในครอบครัวของน้ำอิงเห็นกับตา...ไร้เสียงบ่น ก่นว่า นับตั้งแต่เด็กชายกลายเป็นขวัญใจ หากไม่ติดว่าอลิชารักบุตรชายดั่งแก้วตาดวงใจ ทั้งน้ำอิงและไทธัช คงเอ่ยปากขอเด็กน้อยมาเป็นลูกบุญธรรมของตนเองเป็นแน่แท้...“ค่ะ...”“หากรูปนี้เขาตา เผลอตัวแสบจะได้เป็นดาราแต่เด็กนะ”อลิชาไม่เคยคัดค้านความคิดของนายสาว เพราะทุกสิ่งที่น้ำอิงมอบให้มีแต่สิ่งดีๆ ...เธอกับลูกไม่ต้องออกไประเหเร่ร่อนก็เพราะความเมตตาของเจ้านาย ครั้งแรกที่เรื่องแดงขึ้นมา ญาติทางฝ่ายน้ำอิง...ยืนกรานให้อลิชาลาออก...เพราะไม่อยากให้มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในบ้าน น้ำอิงยืนยันเช่นกัน เธอปล่อยอลิชาไปตกระกำลำบากข้างนอกนั่นไม่ได้ เป็นครั้งที่สองที่น้ำอิงกล้าขัดคำสั่งของสมา
บทที่6.ความลับที่ปิดบังไว้ปลายเล็บกดลงบนผิวเนื้อหลังมือ “อุ้ย!” หญิงสาวสะดุ้ง มันไม่ใช่แค่เพียงความฝัน ที่เกิดอยู่ตรงหน้านี่ ของจริง เหตุการณ์จริงๆ ที่เธอกำลังเผชิญหน้าในความมลังเมลือง...ความทรงจำที่ไม่ใคร่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ เนื่องจากสติสัมปชัญญะของตนเองไม่เต็มร้อย...โครงหน้าผู้ชายในความทรงจำ ผู้ชายที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุด มากขนาดทิ้งเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งไว้ในท้องของเธอแพขนตากะพริบถี่ๆ พยายามเพ่งมองเพื่อจับเค้าหน้าชัดๆอลิชาภาวนาในใจ เธอวิงวอนพระผู้เป็นเจ้า อย่าให้เธอต้องมาเจอะเจอ ‘คน คนนั้น’ อีกเลยแต่...คำภาวนาของเธอไร้ผล...เพราะยิ่งเห็นยิ่งย้ำเตือน โครงหน้านี้ที่เธอไม่มีวันลืม...ไม่มีทางลืมชั่วชีวิต…เสียงถอนลมหายใจแรงๆ อลิชากำลังชั่งใจ เธอจะถอยเสียงตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะสู้ต่อ โดยไม่แคร์คน คนนั้น“ลูกกระจอกอย่างเรา มีโอกาสได้เจอบิ้กบอสก็แค่วันนี้แหละเธอ”เสียงเพื่อนร่วมงานกระซิบกระซาบกันใกล้ๆ“ใช่! เจ้าชายบนหอคอย...อัศวินผู้คุ้มครองปวงประชา เข้าถึงตัวง่ายๆ ได้เหรอ”อลิชาคิดตาม...จริงสินะ...ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขา โอกาสที่จะได้พ
“พยายามแล้ว...แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณอิงเลยซ้อมเลี้ยงลูกอลิสไปพลางๆ ก่อน พอถึงเวลาจะได้คล่อง”แมทธิวขมวดคิ้ว...ชื่อที่ผ่านปากเพื่อนมาคุ้นหูอีกแล้ว‘อลิสในแดนมหัศจรรย์’ แม่สาวสุดร้อนแรงที่เขาลืมไม่ลง“เหรอ...นึกว่าไร้น้ำยา แต่งงานมา3ปีแล้วนี่หว่า” ชายหนุ่มกระเซ้า พร้อมกับหัวเราะลงลูกคอ“อิงไม่แข็งแรงค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณไท ช่วงนี้ก็เลยต้องบำรุงตัวเองไปก่อน...ไม่นานก็คงสมหวัง”น้ำอิงแก้ตัวให้สามี ไทธัชไม่ได้ผิดปกติ เธอต่างหากที่ยังไม่สมบูรณ์“ว่าแต่ผม...คุณเถอะ ไมได้ไปไข่ทิ้งไว้นะ...เห็นควงสาวไปทั่ว” ไทธัชเหน็บเพื่อนแรงๆ เมื่อแมทธิวมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงเป็นร้อย แต่กลับไม่มีข่าวฉาวให้เห็นสักครั้ง“เจาะหมวกเหล็กผมออกมาได้ ก็ต้องยอมรับล่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะก๊าก! เขาพกคอนดอมคราวละไม่ต่ำกว่าสามกล่อง...มีอุปกรณ์สกัดดาวรุ่งขนาดนั้น...ไม่มีทางที่เมล็ดพันธุ์ของเขาจะงอกเงย...ไทธัชหัวเราะหึๆ เขาส่ายใบหน้า ระอากับความโผงผางของเพื่อน...แมทธิวนิ่งเงียบ เขาเผลอตัวคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่ง...กำแพงรั้วสีขาวตระหง่านเบื้องหน้า ประตูรั้วเหล็กถูกดันให้เปิดออกด้วยมือคนงานเก่าแก่ ชายสูงวัยค้อมตัวให้เมื
คำพูดของน้ำอิงทำให้แมทธิวสะดุด มันฟังแปลกๆ พิกล หล่อนมี ‘ลูก’ แสดงว่าผ่านการมีสามีมาแล้ว แต่ทำไมที่น้ำอิงพูดมานั้น เหมือนกับว่าแม่สาวนาม ‘อลิส’ คนนั้น ยังไร้คนข้างกาย ไม่หรอกน่า หล่อนมีลูกแล้ว!! เป็นความกังขาที่เกิดขึ้นในสมองสั่งการของแมทธิว“อลิสไม่มีทางไปจากที่นี่หรอกน่าคุณอิง...เธอไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม...คุณก็เห็น”คำพูดของเพื่อนรักยิ่งย้ำให้แมทธิวสับสน“แม่ครัวบ้านคุณไม่มีสามี แต่มีลูกงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มยอมเสียมารยาท เขาโพล่งออกมาเสียงดังสองสามี-ภรรยาชะงัก คงเพราะลืมตัว จนเผลอพูดความลับของอลิชาออกมาให้คนนอกร่วมรับรู้“อย่าไปสนใจเลยว่ะแมท...เรื่องของคนงาน...ผมแค่ชี้แจงให้คุณอิงสบายใจ...หากเราดูแลดี ไม่มีใครอยากไปไหนหรอก”“ใช่ค่ะๆ อย่าสนใจเรื่องกวนใจของคนทำงานบ้านเลยค่ะ ว่าแต่คุณแมทเถอะ หมู่นี่เงียบฉี่ เบื่อสาวๆ แล้วเหรอคะ?”แมทธิวมีคู่ควงมากหน้าหลายตา เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดคุ้มค่าที่สุด แม้จะต้องจ่ายหนักไปสักหน่อย เมื่อนิยามของเขา ไม่มีการสานต่อ หากเต็มใจที่จะคบกับแมทธิว ก็ต้องเตรียมใจไว้ในวันที่ลาจาก เมื่อชายหนุ่มพร้อมจะถอยหนี หากคู่ควงคนไหนคิดจะจริงจังกับเขา เขายินดีจ่ายแบบไม่เกี่ยง
อาหารอ่อนๆ ที่ปรุงให้บุตรชายได้รับประทาน อลิชาใช้ช้อนตัก เป่าจนเย็นขึ้นก่อนจะส่งช้อนนั่นให้บุตรชายตัวน้อย เธอคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ และพยายามสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง คำแรกที่จัดการให้คือการทำเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นรณฤทธิ์จะทำตาม เสียงเป่าดังๆ ให้ความร้อนของอาหารที่ถูกส่งเข้าปากลดอุณหภูมิลง กับเศษอาหารที่กระจายเกลื่อน อลิชาอมยิ้ม ยกนิ้วให้บุตรชาย เป็นกำลังใจให้เขาพยายามมากขึ้น ผ้าเช็ดปากที่เปียกนิดๆ เธอคอยเช็ดคราบอาหารที่เลอะเทอะตามตัว และสอนให้เขารู้จักระมัดระวังไม่ทำอาหารหกซ้ำ มันอาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่คนเป็นแม่มีหรือจะท้อ เมื่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอ อุทิศให้บุตรชายได้เสมอ...แม่เป็นครูคนแรก เป็นอะไรหลายๆ อย่างให้กับบุตร...ไม่เคยมีเสียงบ่นและไม่เคยท้อถอย“ร่อยๆ แหมะฮาร์ทเก่งๆ”คำพูดยังไม่ชัดเจน เพราะกำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน...แต่เด็กวัยนี้ทุกคนเรียนรู้และมีพัฒนาการไวมาก...หญิงสาวยิ้ม เช็ดผ้าเปียกที่ข้างแก้ม “ทานเยอะๆ ค่ะ ฮาร์ทจะได้ตัวโตไวไว” เธอกล่าวสนับสนุน ซึ่งเด็กชายก็พร้อมปฏิบัติ เขาใช้ช้อนพลาสติกตักอาหารในถ้วยยกใส่ปาก ยิ้มให้มารดาจนตาหยี เมื่อมารดากล่าวชมไม่ขาดปาก“อะแห้ม!” เสียงกระแอ
บทนำ‘นางบำเรอ’ คำนี้คือตราบาปในชีวิตของเธอเพราะความโชคร้าย อลิชาเลยกลายเป็น...สาวขายบริการความสัมพันธ์ครั้งนั้นมี ‘ของฝาก’ ติดท้องมาด้วยญาติกลุ่มสุดท้ายที่เลี้ยงดูเธอแทนบุพการีที่เสียชีวิต ป้ายรอยราคีนั้นด้วยการ ‘ขาย’ เธออลิชาหนีหัวซุกหัวซุนจากขุมนรกที่เคยคิดว่าคือสถานที่ปลอดภัยเธอโผบินออกจากรัง ไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักความเสียใจทำร้ายจนแทบหมดหวัง แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็กลับมีกำลังใจขึ้น ‘ของฝาก’ มีชีวิตกระตุ้นให้เธอลุกขึ้นสู้ความเป็นแม่ทำให้อลิชากัดฟันสู้ ความสำเร็จคืบคลานเข้ามาในชีวิต พร้อมเค้าลางหายนะ!!ผู้ชายคนเดิม คนที่ใช้ ‘เงิน’ ซื้อตัวเธอ เขากลับมาและเขาจำเธอได้ อลิชาจะทำยังไงดีกับความลับที่เก็บไว้ เธอคิดจะหนี แต่ดูเหมือนสถานการณ์ไม่เป็นใจบางครั้งพระเจ้าก็โหดร้ายกับมนุษย์ตัวเล็กๆ เสียเหลือเกิน ทั้งที่มนุษย์บนพื้นโลกก็ไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อต้านอำนาจที่เหล่าพระเป็นเจ้ามี หรือบางทีมันอาจเป็นบาปที่คนอย่างเราต้องแบกรับไว้ก็เป็นได้... เป็นบทลงโทษที่มนุษย์ทุกผู้ทุกคนต้องชดใช้อลิชาคงเป็นอีกคนที่มีกรรมหนัก ชีวิตของเธอแทบจะหาความสบายไม่ได้เลยสักครั้งในชีวิต...เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ร