Share

บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง 4

“ดูๆ คนของคุณอิง มีงอนด้วย”

“ฝีมือใช้ได้เลยค่ะ หน้าตายังเด็กๆ อยู่เลยด้วยไม่คิดว่ารสมือจะดีขนาดนี้” น้ำอิงชมซ้ำ เธอเปรยให้สามีฟัง

“บอกบ้านใหญ่หรือยังล่ะ...เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลังนะ...” ไทธัชเตือน ความเคลื่อนไหวภายในบ้านเขา ถูกสอดส่องจากคนบ้านใหญ่ จนบางครั้งเขาก็เอือมระอา...

“อิงว่าจะไปเรียนให้ท่านทราบวันนี้ค่ะ” น้ำอิงตอบเสียงแผ่ว เธอรับรู้กระแสความไม่พอใจผ่านทางน้ำเสียงที่สามีใช้

“อืม...” ไทธัชไม่ได้พูดต่อ เขารับชามข้าวต้มจากฟักทอง ก่อนจะตักใส่ปาก... “อร่อยจริงๆ” ชายหนุ่มเปรยหลังจากลิ้มรส รสมือของอลิชาเข้าไปแล้ว

“ฟักคงตกกระป๋อง...ขนาดคุณไทยังชม” ฟักทองบ่นกระปอดกระแปด เมื่อเจ้านายทั้งสองคน มีความเห็นตรงกัน

“งานอื่นมีเยอะแยะ ส่วนหน้าที่ทำอาหาร ฟักเป็นแค่ลูกมือก็พอ...” ไทธัชกล่าวยิ้มๆ เขาเป็นกันเองกับคนในบ้าน ไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย

“ฟักไปตามอลิสมาสิ จะได้รู้จักกันไว้ ใครเป็นใคร เดี๋ยวจะงง”

น้ำอิงสั่งฟักทอง อลิชาจะได้ทำความรู้จักกับสามีของเธอด้วย

หญิงสาวร่างเล็กบาง เดินตามหลังฟักทองเข้ามา

“สวัสดีค่ะคุณ” อลิชายกมือขึ้นทำความเคารพโดยไม่ต้องให้ใครบอก เธอยิ้มเซียวๆ ให้เจ้านายหนุ่ม

“อายุเท่าไหร่ล่ะนี่ ดูยังเด็กอยู่เลย...”

ไทธัชทักทาย เขามองหน้าอลิชา สลับกับมองภรรยา “คุณอิงได้ถามอายุเขาหรือเปล่า เดี๋ยวมันจะผิดกฎหมาย...ใช้แรงงานเด็ก”

“อลิสอายุยี่สิบปีแล้วค่ะ” อลิชาชิงตอบ

“เหรอ...เห็นตัวเล็กๆ นึกว่าไม่ถึงว่าจะยี่สิบปีแล้ว... เรียนจบชั้นอะไรล่ะ อยากเรียนต่อมั้ย?” ความเวทนาทำให้ไทธัชหลุดปากออกไป

“คือ...อลิสลงเรียนรามไว้ค่ะ เทอม2แล้ว” หญิงสาวตอบเสียงกระอึกกระอัก...เธอไม่อยากปิดบังอะไรมากไปกว่านี้

“ดี...ขาดเหลืออะไรบอกล่ะ เราอยู่กันเหมือนพี่ เหมือนน้อง...แค่เป็นคนดีก็พอ”

หลายชีวิตที่ขาดแคลน แต่พวกเขาไม่เคยท้อถอย หากช่วยได้ไทธัชก็เต็มใจช่วย

น้ำอิงเหลือบมองสามีด้วยสายตาชื่นชม ไทธัชเป็นคนดี เขาหนักแน่นมากพอ จนเธอวางใจและยอมฝืนใจบิดา-มารดา มาแต่งงานกับเขา แทนคนที่ท่านจัดหาไว้ให้ มันสร้างความไม่พอใจเล็กๆ ให้ครอบครัวของเธอ...จนเป็นที่มาที่พวกท่านยื่นคำขาด หากแต่งงานกับไทธัช เธอห้ามย้ายออกไปไหน ต้องอยู่ในสายตาของพวกท่านตลอดชีวิต แม้จะรู้สึกลำบากใจ ความรักอันท่วมท้นของพวกท่านทำให้น้ำอิงตกลงทำตามความต้องการนั้น เธอรู้สึกเห็นใจสามี แต่เขายอมทนได้... เพื่อเธอ

ชีวิตใหม่ของอลิชาจึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ เป็นความสุขใจครั้งแรกก็ว่าได้ เมื่อเธอไม่ต้องทนถูกกดขี่...ความทรงจำเลวร้ายเริ่มจางหายไปจากใจทีละนิด พร้อมกับความยับเยินที่ถูกย่ำยี ริ้วรอยเหล่านั้น เลือนหายไปตามกาลเวลา...

จนกระทั่ง...

“โอ๊ค!”

เช้าวันหนึ่ง อลิชาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการวิงเวียน เธอโก่งคอ คายของเก่าออกมาจากช่องท้องจนหมด ใบหน้าซีดเผือดแทบจะไร้สีเลือด เมื่อคะย้อนกากอาหารมื้อค่ำ ออกมาจนหมดสิ้น ลำคอแสบร้าว เพราะช่องท้องบีบอัดแรงๆ แม้จะแน่ใจว่าคายของเก่าในกระเพาะออกมาจนหมด แต่เธอก็ยังอาเจียนไม่หยุดจนมีแค่ลมเท่านั้นที่ผ่านปากอิ่มออกมา น้ำลายเธอเหนียวหนืด ปากขมปี๋

ก๊อกๆ “อลิสๆ เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?”

ฟักทองเคาะประตูถาม เจ้าตัวได้ยินเสียงโอ๊กอ๊ากของเพื่อนข้างห้องเต็มหู

“อาหารเป็นพิษมั้งคะพี่ฟัก...อีกพักน่าจะดีขึ้น” อลิชาวิเคราะห์ เธอไม่มีอาการอื่นนอกจากอยากอาเจียนแค่นั้น

“อืม...ไหวมั้ย จะนอนพักหรือเปล่า เดี๋ยวมื้อเช้าพี่ทำแทนเอง...” ฟักอาสา กว่า3เดือนที่ร่วมงานกันมา อลิชาขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยงงาน ไม่เคยกินแรงเพื่อน

“ไม่เป็นไรค่ะ น่าจะดีขึ้นหลังอาบน้ำ อลิสไหวค่ะ”

หญิงสาวตอบ เธอพยุงตัว วักน้ำล้างหน้า จนรู้สึกดีขึ้น จึงลงมืออาบน้ำชำระคราบไคล่

“หน้าซีดๆ นะ ปวดหัวมั้ย ตัวร้อนหรือเปล่า?”

ฟักทองเอ่ยถาม ทันทีที่อลิชาโผล่หน้าเข้าไปในครัว

หญิงสาวส่ายใบหน้า รู้สึกตื้อๆ ในอกจนน้ำตาคลอ เพราะเกือบ20ปีที่อยู่ใต้ร่มเงาฉัตรสุวรรณ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฉลวยจะถามไถ่ตนเองเช่นนี้ มีแต่กดหัวใช้ แม้ในวันที่เธอไม่สบายหนัก

“ค่อยยังชั่วแล้วพี่ฟัก น่าจะกินอะไรผิดสำแดง...เช้านี้เลยคายออกมาจนหมด” อลิชาเอ่ยเสียงแผ่วๆ ในช่องท้องยังปั่นป่วน มีความรู้สึกเหมือนพื้นดินยังโคลงเคลง

“ทำอะไรให้คุณๆ ทานดีเช้านี้”

ฟักทองถาม...เจ้าตัวทำหน้ายู่ เมื่อวางมือเรื่องทำอาหารให้อลิชาเป็นคนรับหน้าที่แทนเกือบสามเดือน

“อลิสเตรียมไว้แล้วพี่ฟัก พี่ฟักจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะจ้ะ อลิสไหว”

หญิงสาวยิ้มเซียวๆ ให้ เธอเปิดตู้ทำความเย็น หยิบวัตถุดิบที่เตรียมไว้ออกมา เพื่อเริ่มต้นทำอาหารเช้า

เม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มเนินหน้าผาก...กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงทำให้อาการอยากอาเจียนหวนกลับคืนมาอีกครั้ง อลิชาฝืนใจทน กระทั่งอาหารมื้อนั้นเสร็จลงด้วยดี เธอเอียงหน้าหนี ตอนที่ยกอาหารเช้าขึ้นไปเสิร์พ กลิ่นกระเทียมเจียวที่เคยชอบ วันนี้เธอกับเหม็นแทบจะกลั้นไม่ไหว

“ไม่สบายเหรออลิส ทำไมหน้าซีดจัง?”

เช้าวันนี้มีแค่น้ำอิง นายสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียว สามีของเธอคงออกไปทำงานแล้ว โดยไม่กินอาหารเช้า ไทธัชมักจะเป็นเช่นนี้ งานเขายุ่งจนหัวปั่น ออกไปตั้งแต่เช้ามืด กลับมาก็หลังเที่ยงคืน...

“เวียนหัวนิดหน่อยค่ะคุณอิง...” หญิงสาวตอบ กัดกระพุ้งแก้มแรงๆ เมื่อตักข้าวต้มกุ้งควันกรุ่นให้นายสาว ไอระเหยของข้าวต้มกุ้ง ทำให้อาเจียนเธอเกือบทะลัก

“ไม่ไหวพักก่อนก็ได้นะ หรือจะไปหาหมอ...”

น้ำอิงมองหน้าอลิชา สีหน้าของหล่อนเผือดซีด ไรผมเปียกชื้น...อาการเหมือนกำลังไม่สบายหนัก

“ไหวค่ะ แค่...” อลิชาตอบได้แค่นั้น เธอสุดที่จะกลั้นความวิงเวียน หญิงสาวยกมืออุดปาก เดินเร็วๆ ออกไปด้านนอก ก่อนจะโก่งคอคายน้ำสีเขียวในอุ้งปากออกมาจนแสบร้าวไปทั้งลำคอ

นายสาวผุดลุกเดินตามไปชะเง้อมอง เรียวคิ้วโก่งขมวดแน่น เธอนึกในใจด้วยความสงสัย อาการของอลิชาเหมือนกับคนกำลังตั้งครรภ์ ที่น้ำอิงรู้เพราะเธอกำลังศึกษาเรื่องนี้แบบละเอียด เมื่อตั้งใจจะมีบุตรภายในปีนี้ให้ได้ เพื่อลดความตึงเครียดภายในครอบครัว เด็กเล็กๆ จะทำให้บิดา-มารดาของเธอคลายความเข้มงวด สามีของเธอก็จะได้สบายใจขึ้น

หลังล้างหน้า ล้างปาก อลิชาเดินก้มหน้าเข้ามายืนรอรับคำสั่งจากนายสาว หญิงสาวก้มหน้าลง ดวงตามองกึ่งกลางร่างกายด้วยความสับสน เธอหวาดกลัวกับสิ่งที่ตนเองกำลังคิด อลิชามัวพะวงจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของน้ำอิง

“อลิสๆ”

น้ำอิงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น เธอมองสำรวจอลิชาอีกครั้ง

รูปร่างของอลิชาผอมบางก็จริง แต่ผิวพรรณกลับมีน้ำมีนวลมากกว่าตอนที่มาใหม่ๆ

“คะ!” หญิงสาวขานรับ เงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้นายสาว

“มีอะไรจะบอกอิงมั้ยอลิส?” น้ำอิงตะล่อมถาม เธอเริ่มกังวลกับความคิดของตนเอง หากเป็นอย่างที่คาดไว้ คนในปกครองของตนเองกำลังผจญปัญหา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status