ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา...น้ำตาทะลักรินโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นความหวาดกลัวจับจิต หากสิ่งที่กำลังกลัวเกิดขึ้นจริงๆ
“อลิสมีแฟน หรือมีผู้ชายที่คบหามั้ย?”
น้ำอิงถามเสียงแผ่ว เธอกำลังหาทางช่วย หากอลิชาก้าวพลาด
หญิงสาวส่ายใบหน้าแรงๆ ใช้หลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนพื้น
เจ้านายสาวหันมาเผชิญหน้า เธอสูดลมหายใจแรงๆ “อาการที่เป็นอยู่ อิงไม่อยากฟันธงนะอลิส...ที่อิงถามแบบนั้นเพราะอิงจะได้วิเคราะห์ถูก ถ้าอลิสไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบผู้ชาย ปัญหาที่อิงกลัวก็ไม่น่าใช่” เสียงอธิบายเนิบนาบ หัวใจของอลิชาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอไม่เคยคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้าม ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ชายคนไหน แต่...เธอมีความสัมพัธ์กับผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ...ครั้งเดียวก่อนจะหนีเตลิดมาที่นี่
“คุณอิงคะ อลิส...” หญิงสาวเรียบเรียงคำพูด “ก่อนมาที่นี่ อลิสมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่ง อลิสไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร มันเป็นคราวซวยของอลิส แบบนี้อลิสคงจะท้องใช่มั้ยคะ?”
เสียงติดๆ ขัดๆ เพราะกลั้นสะอื้นไปพร้อมๆ กับการพูด น้ำตาไหลอาบหน้า เสียใจกับโชคชะตาตนเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดใส่ตนเองไม่หยุด
น้ำอิงกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอเรียบเรียงคำพูดของคนในปกครอง รู้สึกสังเวชใจ ก่อนจะมาที่นี่อลิชาเจออะไรมาบ้าง...
“อิงไม่อยากเดานะอลิส...ไปตรวจกันเถอะ ถ้าอลิสโดนข่มขืน เราน่าจะมีทางออก”
การปรึกษาแพทย์คือทางออกที่ดีที่สุด หากอลิชาไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ ‘ชีวิตใหม่’ ที่กำลังอุบัติขึ้นในครรภ์ของเธอ น่าจะมีทางออกดีๆ สำหรับเธอเช่นกัน
อลิชานั่งตัวแข็งมาตลอดทาง หัวใจของเธอเต้นถี่ ยิ่งเมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง คลินิกเล็กๆ อยู่เบื้องหน้าเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว น้ำอิงเลือกคลินิกแห่งนี้เพราะเพื่อนของตนเองเป็นเจ้าของ เธอไม่อยากให้อลิชาตื่นกลัว หากต้องอยู่ท่ามกลางคนไข้มากมายในโรงพยาบาลของรัฐ
“ทำใจดีๆ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกจ้ะ”
มือเรียวนุ่มนวล เอื้อมมาวางทาบอยู่บนหลังมือของอลิชา...เป็นการให้กำลังใจจากเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง
“ถ้าๆ ...” ความกลัวถาโถมเข้าใส่ หากเกิดขึ้นจริง เธอควรทำตัวอย่างไรดี
“ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมออลิส ดังนั้นปัญหาก็ต้องมีทางแก้”
น้ำอิงให้กำลังใจ หากท้อเสียแต่ตอนนี้ วันข้างหน้าจะก้าวเดินได้อย่างไร
และแล้วมันก็เป็นอย่างที่อลิชากลัว คะนึงนิจ สอบถามแบบละเอียดยิบ หลังผลตรวจออกมา ไม่มีใบแจ้งความดังนั้น เด็กที่กำลังจะเกิดคือปัญหาใหญ่ของคนไข้
หญิงสาวก้มหน้านิ่ง มือเรียวบีบกันไปมาอยู่ที่หน้าตัก
“อลิส!” น้ำอิงกระซิบเบาๆ วางมือที่บ่าบอบบางของอลิชา
“อลิสจะไม่ทำลาย ‘เค้า’ ค่ะ” หญิงสาวเงยหน้า ยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล
“แต่...”
“ไม่ค่ะ อลิสทำไม่ลง ‘เค้า’ ไม่ผิด อลิสจะเลี้ยงเขาเอง” หญิงสาวยิ้มสู้ ริมฝีปากสั่นระริก ถึงแม้จะกลัวจนแทบหายใจไม่ออก แต่สิ่งเดียวที่เธอควรทำ คือปล่อยให้ ‘เค้า’ มีชีวิต
“หมอเห็นด้วยนะอิง อย่างน้อยอลิสก็จะมีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ ‘เค้า’ เป็นของขวัญจากพระเจ้า หากเราคิดในแง่ดี”
หนึ่งชีวิตที่ปฏิสนธิขึ้นมาบนโลก หากเกิดมาในวันที่พร้อมมันจะดีกว่านี้ เพียงแต่ที่เกิดขึ้นกับอลิชามันยังไม่ถึงเวลา เขามาเร็วเกินกว่าใครจะตั้งตัวรับทัน
“อิงจะช่วยดูแลเขาเอง แหม...ทำไมไม่มาเกิดกับอิงนะ” น้ำอิงบ่น เธอยิ้มให้กำลังอลิชา ในวันที่เธอไม่เหลือใคร เจ้านายคนนี้ก็จะไม่ทอดทิ้ง
“บอกหมอได้มั้ยจ้ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับอลิส?” เป็นความกังขาที่คะนึงนิจอยากรู้
อลิชาส่ายใบหน้า เธอเม้มปากแน่น ไม่คิดจะแพร่งพรายเรื่องน่าอายนี่ ให้คนนอกรู้เด็ดขาด ความโสมมที่คนนามสกุลเดียวกันทำกับเธอได้
“เอาเถอะๆ ไม่เป็นไร...ยังไงก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะ กินยาที่หมอให้ ให้ตรงเวลา มันจะช่วยให้อาการแพ้ดีขึ้น”
คะนึงนิจเขียนใบสั่งยาให้...เธอกำชับแล้วกำชับอีก เวทนาทั้งคนที่กำลังจะกลายเป็นแม่ และเด็กที่กำลังจะเกิด
“แม่ไม่อนุญาตนะยัยอิง...” คุณปริมโวยเสียงแข็ง เมื่อบุตรสาวมาแจ้งให้ทราบเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นใต้ร่มเงา ‘สุริยะธนิน’
“พ่อก็ไม่ยอมนะยัยอิง หากคุณท่านทราบ ท่านก็คงไม่เห็นด้วย” คุณเฟื่องเอ่ยเสียงแข็ง เรื่องฉาวโฉ่แบบนั้น จะเกิดขึ้นใต้ร่มเงาบ้านท่านไม่ได้
“อิงมาเรียนให้ทราบเท่านั้นค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ อิงไม่ได้ขออนุญาต อลิสเป็นแค่คนงาน เราจะเสียชื่อได้ยังไงคะ ไม่เห็นเกี่ยวกันสักหน่อย... เมตตาเพื่อนร่วมโลก มีแค่คนชมมากกว่าค่ะ” น้ำอิงกล่าวเสียงอ่อน แต่ไม่มีวันยอมถอย เพราะมันหมายถึงอนาคต ของคน คนหนึ่ง
“ใครไป ใครมา ได้ยินได้ฟัง เอาไปเล่าต่อๆ กันผิดๆ ชื่อเสียงวงศ์สกุลมิป่นปี้หมดหรือยัยอิง” มารดาเจ้ายศของน้ำอิง ยังค้านเสียงแข็ง
“มันจะเสียหายตรงไหนคะคุณแม่...แค่คนงานจะมีลูก” น้ำอิงแย้งเสียงเหนื่อยหน่าย
“มันต้องเสียสิ เด็กนั่นน่ะ มีผัวที่ไหนล่ะ!” คุณปริมยังคงค้านต่อ
“แปลกเหรอคะ สมัยนี้... ผู้หญิงมีท้องโดยไม่มีสามี มีให้เกลื่อน”
“พ่อไม่ชอบ...ไล่เด็กนั่นออกไปก็จบแล้ว...”
คุณเฟื่องเอ่ยสนับสนุนภรรยา...ท่านไม่ต้องการให้วงศ์สกุลแปดเปื้อน
“ไม่ค่ะ...อิงจะดูแลอลิส เธอน่าสงสารออก...ถ้าเราไล่อลิสออก เราสิคะ...จะเป็นฝ่ายเสียชื่อ... คนท้องคนไส้ไร้ที่พึ่ง ยังเสือกไสได้ลงคอ...คุณพ่อ คุณแม่อยากให้คนอื่นนินทาเราแบบนั้นเหรอคะ?”
น้ำอิงเอ่ยถาม ความเมตตาที่บุพการีเคยมี เหือดหายไปไหนหมด ท่านถึงได้พยายามกำจัดอลิชาออกไปจากร่มเงาของสุริยะธนิน
ประมุขรุ่นกลางทำท่าทางฮึดฮัด แต่เมื่อคิดตามคำพูดของบุตรสาว...ผลีผลามไป จะเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า
“ก็ได้...แม่จะยอมให้เด็กนั่นอยู่ แต่มีข้อแม้นะยัยอิง...หากมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับบ้านเรา...แม่จะไม่ยอมทน”
คุณปริมยื่นคำขาด...หากชื่อเสียงสุริยะธนินแปดเปื้อนเพียงน้อยนิด ท่านจะไม่ฟังคำร้องของ ของบุตรสาวเลย...
บุตรสาวคนเดียวของบ้านยิ้มร่า “อิงรู้ค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ไม่ใช่คนใจดำ คำสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่ อิงนำมาปฏิบัติตั้งแต่เล็กจนโต... เราเอื้อเฟื้อกับเพื่อนมนุษย์ ผลบุญจะคุ้มครองเราแน่ๆ ค่ะ อิงเชื่อว่าการทำบุญครั้งนี้ จะทำให้คนในครอบครัวของเราอยู่เย็นเป็นสุข”
อลิชาจึงได้อาศัยใต้ร่มเงาของบ้านเจ้านายใจดี...และคลอดลูกน้อยออกมาอย่างปลอดภัย
บทที่5.เมื่อคนในอดีตย้อนมาเจอกันผ่านไปสามปี อะไรๆ ในชีวิตของอลิชาเปลี่ยนไปเกือบหมด...วันนี้ วันที่เธอประสบความสำเร็จ...เรียนจบอย่างที่หวัง ได้ทำมาหากินอย่างเต็มที่ หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัว แววตาสลดลง...ในขณะที่เพื่อนๆ มีญาติสนิทมาร่วมแสดงความยินดีกันหนาตา...ข้างกายเธอกลับว่างเปล่า...“เอาน่าไอ้อลิส แกภูมิใจในตัวเองเถอะ พ่อกับแม่บนสวรรค์จะได้พลอยดีใจไปด้วย...แกเก่งจริงว่ะ”หญิงสาวปลุกปลอบใจตนเอง บ่ายหน้าเดินออกจากรั้ววิทยาลัย’ หลังรับพระราชทานปริญญาบัติเสร็จเรียบร้อยสองมือกอดความสำเร็จแนบอก ยิ้มเซียวๆ ให้คนรู้จักเมื่อเขาเหล่านั้นเดินผ่าน เสียงเฮฮาดังแว่วๆ อยู่ด้านหลัง...สองเท้าของเธอก้าวเดินอย่างมั่นคง เมื่อมีใครบางคนรออยู่ที่บ้านพัก คน คนนั้นคือคนสำคัญที่สุดของตัวเองรถประจำทางวิ่งมาจอดเทียบฟุตบาทพอดีกับที่อลิชาเดินมาถึง เธอกระโจนขึ้นรถทัน ก่อนที่สารถีคนขับจะเหยียบคันเร่ง พาพาหนะสาธารณะขึ้นไปผจญความแออัดบนท้องถนน กลิ่นควันจากท่อไอเสียไม่ได้ทำให้อลิชาหงุดหงิดเหมือนทุกวัน วันนี้เธออารมณ์ดีเสียใจหุบยิ้มไม่ได้ สีหน้าเรียบเฉยเป็นนิจ วันนี้กลับมีรอยยิ้มละไมแต้มอยู่บนเรียวปาก เป็นความภาคภูมิอย
คุณท่านบ้านใหญ่ออกตัวแรง...แต่ท่านก็กลับลำทำหน้าตาเฉยเมย ตอนที่มาเป็นผู้ใหญ่โกนผมไฟให้บุตรชายเธอ อลิชาถูกดูแลจากทุกคนในบ้านหลังคลอดบุตร ประหนึ่งเป็นญาติคนหนึ่งของครอบครัวของเจ้านายสาวเลยทีเดียวเป็นเพราะเด็กชาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทธัชกับบรรดาญาติฝ่ายเมียแน่นแฟ้นขึ้น...เขาไม่ใช่หลานเขย บุตรเขยที่ฝ่ายครอบครัวภรรยาไม่ปลื้มอีกต่อไปความดี ความซื่อสัตย์ของไทธัชพิสูจน์ให้คนในครอบครัวของน้ำอิงเห็นกับตา...ไร้เสียงบ่น ก่นว่า นับตั้งแต่เด็กชายกลายเป็นขวัญใจ หากไม่ติดว่าอลิชารักบุตรชายดั่งแก้วตาดวงใจ ทั้งน้ำอิงและไทธัช คงเอ่ยปากขอเด็กน้อยมาเป็นลูกบุญธรรมของตนเองเป็นแน่แท้...“ค่ะ...”“หากรูปนี้เขาตา เผลอตัวแสบจะได้เป็นดาราแต่เด็กนะ”อลิชาไม่เคยคัดค้านความคิดของนายสาว เพราะทุกสิ่งที่น้ำอิงมอบให้มีแต่สิ่งดีๆ ...เธอกับลูกไม่ต้องออกไประเหเร่ร่อนก็เพราะความเมตตาของเจ้านาย ครั้งแรกที่เรื่องแดงขึ้นมา ญาติทางฝ่ายน้ำอิง...ยืนกรานให้อลิชาลาออก...เพราะไม่อยากให้มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในบ้าน น้ำอิงยืนยันเช่นกัน เธอปล่อยอลิชาไปตกระกำลำบากข้างนอกนั่นไม่ได้ เป็นครั้งที่สองที่น้ำอิงกล้าขัดคำสั่งของสมา
บทที่6.ความลับที่ปิดบังไว้ปลายเล็บกดลงบนผิวเนื้อหลังมือ “อุ้ย!” หญิงสาวสะดุ้ง มันไม่ใช่แค่เพียงความฝัน ที่เกิดอยู่ตรงหน้านี่ ของจริง เหตุการณ์จริงๆ ที่เธอกำลังเผชิญหน้าในความมลังเมลือง...ความทรงจำที่ไม่ใคร่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ เนื่องจากสติสัมปชัญญะของตนเองไม่เต็มร้อย...โครงหน้าผู้ชายในความทรงจำ ผู้ชายที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุด มากขนาดทิ้งเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งไว้ในท้องของเธอแพขนตากะพริบถี่ๆ พยายามเพ่งมองเพื่อจับเค้าหน้าชัดๆอลิชาภาวนาในใจ เธอวิงวอนพระผู้เป็นเจ้า อย่าให้เธอต้องมาเจอะเจอ ‘คน คนนั้น’ อีกเลยแต่...คำภาวนาของเธอไร้ผล...เพราะยิ่งเห็นยิ่งย้ำเตือน โครงหน้านี้ที่เธอไม่มีวันลืม...ไม่มีทางลืมชั่วชีวิต…เสียงถอนลมหายใจแรงๆ อลิชากำลังชั่งใจ เธอจะถอยเสียงตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะสู้ต่อ โดยไม่แคร์คน คนนั้น“ลูกกระจอกอย่างเรา มีโอกาสได้เจอบิ้กบอสก็แค่วันนี้แหละเธอ”เสียงเพื่อนร่วมงานกระซิบกระซาบกันใกล้ๆ“ใช่! เจ้าชายบนหอคอย...อัศวินผู้คุ้มครองปวงประชา เข้าถึงตัวง่ายๆ ได้เหรอ”อลิชาคิดตาม...จริงสินะ...ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขา โอกาสที่จะได้พ
“พยายามแล้ว...แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณอิงเลยซ้อมเลี้ยงลูกอลิสไปพลางๆ ก่อน พอถึงเวลาจะได้คล่อง”แมทธิวขมวดคิ้ว...ชื่อที่ผ่านปากเพื่อนมาคุ้นหูอีกแล้ว‘อลิสในแดนมหัศจรรย์’ แม่สาวสุดร้อนแรงที่เขาลืมไม่ลง“เหรอ...นึกว่าไร้น้ำยา แต่งงานมา3ปีแล้วนี่หว่า” ชายหนุ่มกระเซ้า พร้อมกับหัวเราะลงลูกคอ“อิงไม่แข็งแรงค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณไท ช่วงนี้ก็เลยต้องบำรุงตัวเองไปก่อน...ไม่นานก็คงสมหวัง”น้ำอิงแก้ตัวให้สามี ไทธัชไม่ได้ผิดปกติ เธอต่างหากที่ยังไม่สมบูรณ์“ว่าแต่ผม...คุณเถอะ ไมได้ไปไข่ทิ้งไว้นะ...เห็นควงสาวไปทั่ว” ไทธัชเหน็บเพื่อนแรงๆ เมื่อแมทธิวมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงเป็นร้อย แต่กลับไม่มีข่าวฉาวให้เห็นสักครั้ง“เจาะหมวกเหล็กผมออกมาได้ ก็ต้องยอมรับล่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะก๊าก! เขาพกคอนดอมคราวละไม่ต่ำกว่าสามกล่อง...มีอุปกรณ์สกัดดาวรุ่งขนาดนั้น...ไม่มีทางที่เมล็ดพันธุ์ของเขาจะงอกเงย...ไทธัชหัวเราะหึๆ เขาส่ายใบหน้า ระอากับความโผงผางของเพื่อน...แมทธิวนิ่งเงียบ เขาเผลอตัวคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่ง...กำแพงรั้วสีขาวตระหง่านเบื้องหน้า ประตูรั้วเหล็กถูกดันให้เปิดออกด้วยมือคนงานเก่าแก่ ชายสูงวัยค้อมตัวให้เมื
คำพูดของน้ำอิงทำให้แมทธิวสะดุด มันฟังแปลกๆ พิกล หล่อนมี ‘ลูก’ แสดงว่าผ่านการมีสามีมาแล้ว แต่ทำไมที่น้ำอิงพูดมานั้น เหมือนกับว่าแม่สาวนาม ‘อลิส’ คนนั้น ยังไร้คนข้างกาย ไม่หรอกน่า หล่อนมีลูกแล้ว!! เป็นความกังขาที่เกิดขึ้นในสมองสั่งการของแมทธิว“อลิสไม่มีทางไปจากที่นี่หรอกน่าคุณอิง...เธอไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม...คุณก็เห็น”คำพูดของเพื่อนรักยิ่งย้ำให้แมทธิวสับสน“แม่ครัวบ้านคุณไม่มีสามี แต่มีลูกงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มยอมเสียมารยาท เขาโพล่งออกมาเสียงดังสองสามี-ภรรยาชะงัก คงเพราะลืมตัว จนเผลอพูดความลับของอลิชาออกมาให้คนนอกร่วมรับรู้“อย่าไปสนใจเลยว่ะแมท...เรื่องของคนงาน...ผมแค่ชี้แจงให้คุณอิงสบายใจ...หากเราดูแลดี ไม่มีใครอยากไปไหนหรอก”“ใช่ค่ะๆ อย่าสนใจเรื่องกวนใจของคนทำงานบ้านเลยค่ะ ว่าแต่คุณแมทเถอะ หมู่นี่เงียบฉี่ เบื่อสาวๆ แล้วเหรอคะ?”แมทธิวมีคู่ควงมากหน้าหลายตา เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดคุ้มค่าที่สุด แม้จะต้องจ่ายหนักไปสักหน่อย เมื่อนิยามของเขา ไม่มีการสานต่อ หากเต็มใจที่จะคบกับแมทธิว ก็ต้องเตรียมใจไว้ในวันที่ลาจาก เมื่อชายหนุ่มพร้อมจะถอยหนี หากคู่ควงคนไหนคิดจะจริงจังกับเขา เขายินดีจ่ายแบบไม่เกี่ยง
อาหารอ่อนๆ ที่ปรุงให้บุตรชายได้รับประทาน อลิชาใช้ช้อนตัก เป่าจนเย็นขึ้นก่อนจะส่งช้อนนั่นให้บุตรชายตัวน้อย เธอคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ และพยายามสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง คำแรกที่จัดการให้คือการทำเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นรณฤทธิ์จะทำตาม เสียงเป่าดังๆ ให้ความร้อนของอาหารที่ถูกส่งเข้าปากลดอุณหภูมิลง กับเศษอาหารที่กระจายเกลื่อน อลิชาอมยิ้ม ยกนิ้วให้บุตรชาย เป็นกำลังใจให้เขาพยายามมากขึ้น ผ้าเช็ดปากที่เปียกนิดๆ เธอคอยเช็ดคราบอาหารที่เลอะเทอะตามตัว และสอนให้เขารู้จักระมัดระวังไม่ทำอาหารหกซ้ำ มันอาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่คนเป็นแม่มีหรือจะท้อ เมื่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอ อุทิศให้บุตรชายได้เสมอ...แม่เป็นครูคนแรก เป็นอะไรหลายๆ อย่างให้กับบุตร...ไม่เคยมีเสียงบ่นและไม่เคยท้อถอย“ร่อยๆ แหมะฮาร์ทเก่งๆ”คำพูดยังไม่ชัดเจน เพราะกำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน...แต่เด็กวัยนี้ทุกคนเรียนรู้และมีพัฒนาการไวมาก...หญิงสาวยิ้ม เช็ดผ้าเปียกที่ข้างแก้ม “ทานเยอะๆ ค่ะ ฮาร์ทจะได้ตัวโตไวไว” เธอกล่าวสนับสนุน ซึ่งเด็กชายก็พร้อมปฏิบัติ เขาใช้ช้อนพลาสติกตักอาหารในถ้วยยกใส่ปาก ยิ้มให้มารดาจนตาหยี เมื่อมารดากล่าวชมไม่ขาดปาก“อะแห้ม!” เสียงกระแอ
บทนำ‘นางบำเรอ’ คำนี้คือตราบาปในชีวิตของเธอเพราะความโชคร้าย อลิชาเลยกลายเป็น...สาวขายบริการความสัมพันธ์ครั้งนั้นมี ‘ของฝาก’ ติดท้องมาด้วยญาติกลุ่มสุดท้ายที่เลี้ยงดูเธอแทนบุพการีที่เสียชีวิต ป้ายรอยราคีนั้นด้วยการ ‘ขาย’ เธออลิชาหนีหัวซุกหัวซุนจากขุมนรกที่เคยคิดว่าคือสถานที่ปลอดภัยเธอโผบินออกจากรัง ไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักความเสียใจทำร้ายจนแทบหมดหวัง แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็กลับมีกำลังใจขึ้น ‘ของฝาก’ มีชีวิตกระตุ้นให้เธอลุกขึ้นสู้ความเป็นแม่ทำให้อลิชากัดฟันสู้ ความสำเร็จคืบคลานเข้ามาในชีวิต พร้อมเค้าลางหายนะ!!ผู้ชายคนเดิม คนที่ใช้ ‘เงิน’ ซื้อตัวเธอ เขากลับมาและเขาจำเธอได้ อลิชาจะทำยังไงดีกับความลับที่เก็บไว้ เธอคิดจะหนี แต่ดูเหมือนสถานการณ์ไม่เป็นใจบางครั้งพระเจ้าก็โหดร้ายกับมนุษย์ตัวเล็กๆ เสียเหลือเกิน ทั้งที่มนุษย์บนพื้นโลกก็ไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อต้านอำนาจที่เหล่าพระเป็นเจ้ามี หรือบางทีมันอาจเป็นบาปที่คนอย่างเราต้องแบกรับไว้ก็เป็นได้... เป็นบทลงโทษที่มนุษย์ทุกผู้ทุกคนต้องชดใช้อลิชาคงเป็นอีกคนที่มีกรรมหนัก ชีวิตของเธอแทบจะหาความสบายไม่ได้เลยสักครั้งในชีวิต...เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ร
บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย“อลิส! อีอลิส” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังโหวกเหวกอยู่หน้าห้อง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางงัวเงียตื่นจากห้วงฝัน มือเรียวหยาบกร้านยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนยับยุ่งให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะโผเผเดินไปเปิดประตูและขานรับ “ขาป้า...จะใช้อะไรอลิสเหรอคะ?”ฉลวยเบ้ปากมองสภาพแสนโทรมของหลานสาวด้วยสายตาดูถูก ร่างเล็กบางผอมแห้ง เหมือนมีแต่กระดูกมากกว่ามีเนื้อมีหนัง“สายโด่งป่านนี้ไม่คิดจะลุกมาทำอะไรให้ฉันกินหรือไงยะ!!?”เสียงแหลมปรี๊ดเพราะกำลังหิวจัด กรรโชกข่ม“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวอลิสออกไปเตรียมไว้ให้”หญิงสาวก้มหน้ารับคำสั่ง เธอปิดงับประตูพร้อมกับที่คนสั่งเดินสะบัดก้นไปอีกทาง...ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆ มือเรียวผอมบางคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเก่าพาดไว้บนบ่า แล้วจึงเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องนอน“คุณนายไปลากมาจากที่นอนอีกล่ะสิ” ติ๋มร้องทัก นางกำลังสาละวนกับงานในครัวอย่างขะมักเขม้นอลิชายิ้มกร่อยๆ ส่งให้ เธอคว้าหม้อใบขนาดพอเหมาะมือจัดแจงตักข้าวสารใส่ลงไป ทำตามด้วยกระบวนวิธีปรุงอาหาร เพื่อทำอาหารมื้อเช้าให้คนบนตึกได้รับประทาน...“คุณนายนี่ก็แปลกคน ติ๋มจะทำให้เอง...ก็ไม่ยอม ต้องไปลากหน