Share

บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง 5

ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา...น้ำตาทะลักรินโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นความหวาดกลัวจับจิต หากสิ่งที่กำลังกลัวเกิดขึ้นจริงๆ

“อลิสมีแฟน หรือมีผู้ชายที่คบหามั้ย?”

น้ำอิงถามเสียงแผ่ว เธอกำลังหาทางช่วย หากอลิชาก้าวพลาด

หญิงสาวส่ายใบหน้าแรงๆ ใช้หลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนพื้น

เจ้านายสาวหันมาเผชิญหน้า เธอสูดลมหายใจแรงๆ “อาการที่เป็นอยู่ อิงไม่อยากฟันธงนะอลิส...ที่อิงถามแบบนั้นเพราะอิงจะได้วิเคราะห์ถูก ถ้าอลิสไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบผู้ชาย ปัญหาที่อิงกลัวก็ไม่น่าใช่” เสียงอธิบายเนิบนาบ หัวใจของอลิชาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอไม่เคยคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้าม ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ชายคนไหน แต่...เธอมีความสัมพัธ์กับผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ...ครั้งเดียวก่อนจะหนีเตลิดมาที่นี่

“คุณอิงคะ อลิส...” หญิงสาวเรียบเรียงคำพูด “ก่อนมาที่นี่ อลิสมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่ง อลิสไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร มันเป็นคราวซวยของอลิส แบบนี้อลิสคงจะท้องใช่มั้ยคะ?”

เสียงติดๆ ขัดๆ เพราะกลั้นสะอื้นไปพร้อมๆ กับการพูด น้ำตาไหลอาบหน้า เสียใจกับโชคชะตาตนเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดใส่ตนเองไม่หยุด

น้ำอิงกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอเรียบเรียงคำพูดของคนในปกครอง รู้สึกสังเวชใจ ก่อนจะมาที่นี่อลิชาเจออะไรมาบ้าง...

“อิงไม่อยากเดานะอลิส...ไปตรวจกันเถอะ ถ้าอลิสโดนข่มขืน เราน่าจะมีทางออก”

การปรึกษาแพทย์คือทางออกที่ดีที่สุด หากอลิชาไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ ‘ชีวิตใหม่’ ที่กำลังอุบัติขึ้นในครรภ์ของเธอ น่าจะมีทางออกดีๆ สำหรับเธอเช่นกัน

อลิชานั่งตัวแข็งมาตลอดทาง หัวใจของเธอเต้นถี่ ยิ่งเมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง คลินิกเล็กๆ อยู่เบื้องหน้าเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว น้ำอิงเลือกคลินิกแห่งนี้เพราะเพื่อนของตนเองเป็นเจ้าของ เธอไม่อยากให้อลิชาตื่นกลัว หากต้องอยู่ท่ามกลางคนไข้มากมายในโรงพยาบาลของรัฐ

“ทำใจดีๆ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกจ้ะ”

มือเรียวนุ่มนวล เอื้อมมาวางทาบอยู่บนหลังมือของอลิชา...เป็นการให้กำลังใจจากเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง

“ถ้าๆ ...” ความกลัวถาโถมเข้าใส่ หากเกิดขึ้นจริง เธอควรทำตัวอย่างไรดี

“ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมออลิส ดังนั้นปัญหาก็ต้องมีทางแก้”

น้ำอิงให้กำลังใจ หากท้อเสียแต่ตอนนี้ วันข้างหน้าจะก้าวเดินได้อย่างไร

และแล้วมันก็เป็นอย่างที่อลิชากลัว คะนึงนิจ สอบถามแบบละเอียดยิบ หลังผลตรวจออกมา ไม่มีใบแจ้งความดังนั้น เด็กที่กำลังจะเกิดคือปัญหาใหญ่ของคนไข้

หญิงสาวก้มหน้านิ่ง มือเรียวบีบกันไปมาอยู่ที่หน้าตัก

“อลิส!” น้ำอิงกระซิบเบาๆ วางมือที่บ่าบอบบางของอลิชา

“อลิสจะไม่ทำลาย ‘เค้า’ ค่ะ” หญิงสาวเงยหน้า ยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล

“แต่...”

“ไม่ค่ะ อลิสทำไม่ลง ‘เค้า’ ไม่ผิด อลิสจะเลี้ยงเขาเอง” หญิงสาวยิ้มสู้ ริมฝีปากสั่นระริก ถึงแม้จะกลัวจนแทบหายใจไม่ออก แต่สิ่งเดียวที่เธอควรทำ คือปล่อยให้ ‘เค้า’ มีชีวิต

“หมอเห็นด้วยนะอิง อย่างน้อยอลิสก็จะมีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ ‘เค้า’ เป็นของขวัญจากพระเจ้า หากเราคิดในแง่ดี”

หนึ่งชีวิตที่ปฏิสนธิขึ้นมาบนโลก หากเกิดมาในวันที่พร้อมมันจะดีกว่านี้ เพียงแต่ที่เกิดขึ้นกับอลิชามันยังไม่ถึงเวลา เขามาเร็วเกินกว่าใครจะตั้งตัวรับทัน

“อิงจะช่วยดูแลเขาเอง แหม...ทำไมไม่มาเกิดกับอิงนะ” น้ำอิงบ่น เธอยิ้มให้กำลังอลิชา ในวันที่เธอไม่เหลือใคร เจ้านายคนนี้ก็จะไม่ทอดทิ้ง

“บอกหมอได้มั้ยจ้ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับอลิส?” เป็นความกังขาที่คะนึงนิจอยากรู้

อลิชาส่ายใบหน้า เธอเม้มปากแน่น ไม่คิดจะแพร่งพรายเรื่องน่าอายนี่ ให้คนนอกรู้เด็ดขาด ความโสมมที่คนนามสกุลเดียวกันทำกับเธอได้

“เอาเถอะๆ ไม่เป็นไร...ยังไงก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะ กินยาที่หมอให้ ให้ตรงเวลา มันจะช่วยให้อาการแพ้ดีขึ้น”

คะนึงนิจเขียนใบสั่งยาให้...เธอกำชับแล้วกำชับอีก เวทนาทั้งคนที่กำลังจะกลายเป็นแม่ และเด็กที่กำลังจะเกิด

“แม่ไม่อนุญาตนะยัยอิง...” คุณปริมโวยเสียงแข็ง เมื่อบุตรสาวมาแจ้งให้ทราบเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นใต้ร่มเงา ‘สุริยะธนิน’

“พ่อก็ไม่ยอมนะยัยอิง หากคุณท่านทราบ ท่านก็คงไม่เห็นด้วย” คุณเฟื่องเอ่ยเสียงแข็ง เรื่องฉาวโฉ่แบบนั้น จะเกิดขึ้นใต้ร่มเงาบ้านท่านไม่ได้

“อิงมาเรียนให้ทราบเท่านั้นค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ อิงไม่ได้ขออนุญาต อลิสเป็นแค่คนงาน เราจะเสียชื่อได้ยังไงคะ ไม่เห็นเกี่ยวกันสักหน่อย... เมตตาเพื่อนร่วมโลก มีแค่คนชมมากกว่าค่ะ” น้ำอิงกล่าวเสียงอ่อน แต่ไม่มีวันยอมถอย เพราะมันหมายถึงอนาคต ของคน คนหนึ่ง

“ใครไป ใครมา ได้ยินได้ฟัง เอาไปเล่าต่อๆ กันผิดๆ ชื่อเสียงวงศ์สกุลมิป่นปี้หมดหรือยัยอิง” มารดาเจ้ายศของน้ำอิง ยังค้านเสียงแข็ง

“มันจะเสียหายตรงไหนคะคุณแม่...แค่คนงานจะมีลูก” น้ำอิงแย้งเสียงเหนื่อยหน่าย

“มันต้องเสียสิ เด็กนั่นน่ะ มีผัวที่ไหนล่ะ!” คุณปริมยังคงค้านต่อ

“แปลกเหรอคะ สมัยนี้... ผู้หญิงมีท้องโดยไม่มีสามี มีให้เกลื่อน”

“พ่อไม่ชอบ...ไล่เด็กนั่นออกไปก็จบแล้ว...”

คุณเฟื่องเอ่ยสนับสนุนภรรยา...ท่านไม่ต้องการให้วงศ์สกุลแปดเปื้อน

“ไม่ค่ะ...อิงจะดูแลอลิส เธอน่าสงสารออก...ถ้าเราไล่อลิสออก เราสิคะ...จะเป็นฝ่ายเสียชื่อ... คนท้องคนไส้ไร้ที่พึ่ง ยังเสือกไสได้ลงคอ...คุณพ่อ คุณแม่อยากให้คนอื่นนินทาเราแบบนั้นเหรอคะ?”

น้ำอิงเอ่ยถาม ความเมตตาที่บุพการีเคยมี เหือดหายไปไหนหมด ท่านถึงได้พยายามกำจัดอลิชาออกไปจากร่มเงาของสุริยะธนิน

ประมุขรุ่นกลางทำท่าทางฮึดฮัด แต่เมื่อคิดตามคำพูดของบุตรสาว...ผลีผลามไป จะเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า

“ก็ได้...แม่จะยอมให้เด็กนั่นอยู่ แต่มีข้อแม้นะยัยอิง...หากมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับบ้านเรา...แม่จะไม่ยอมทน”

คุณปริมยื่นคำขาด...หากชื่อเสียงสุริยะธนินแปดเปื้อนเพียงน้อยนิด ท่านจะไม่ฟังคำร้องของ ของบุตรสาวเลย...

บุตรสาวคนเดียวของบ้านยิ้มร่า “อิงรู้ค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ไม่ใช่คนใจดำ คำสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่ อิงนำมาปฏิบัติตั้งแต่เล็กจนโต... เราเอื้อเฟื้อกับเพื่อนมนุษย์ ผลบุญจะคุ้มครองเราแน่ๆ ค่ะ อิงเชื่อว่าการทำบุญครั้งนี้ จะทำให้คนในครอบครัวของเราอยู่เย็นเป็นสุข”

อลิชาจึงได้อาศัยใต้ร่มเงาของบ้านเจ้านายใจดี...และคลอดลูกน้อยออกมาอย่างปลอดภัย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status