“พยายามแล้ว...แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณอิงเลยซ้อมเลี้ยงลูกอลิสไปพลางๆ ก่อน พอถึงเวลาจะได้คล่อง”
แมทธิวขมวดคิ้ว...ชื่อที่ผ่านปากเพื่อนมาคุ้นหูอีกแล้ว
‘อลิสในแดนมหัศจรรย์’ แม่สาวสุดร้อนแรงที่เขาลืมไม่ลง
“เหรอ...นึกว่าไร้น้ำยา แต่งงานมา3ปีแล้วนี่หว่า” ชายหนุ่มกระเซ้า พร้อมกับหัวเราะลงลูกคอ
“อิงไม่แข็งแรงค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณไท ช่วงนี้ก็เลยต้องบำรุงตัวเองไปก่อน...ไม่นานก็คงสมหวัง”
น้ำอิงแก้ตัวให้สามี ไทธัชไม่ได้ผิดปกติ เธอต่างหากที่ยังไม่สมบูรณ์
“ว่าแต่ผม...คุณเถอะ ไมได้ไปไข่ทิ้งไว้นะ...เห็นควงสาวไปทั่ว” ไทธัชเหน็บเพื่อนแรงๆ เมื่อแมทธิวมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงเป็นร้อย แต่กลับไม่มีข่าวฉาวให้เห็นสักครั้ง
“เจาะหมวกเหล็กผมออกมาได้ ก็ต้องยอมรับล่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะก๊าก! เขาพกคอนดอมคราวละไม่ต่ำกว่าสามกล่อง...มีอุปกรณ์สกัดดาวรุ่งขนาดนั้น...ไม่มีทางที่เมล็ดพันธุ์ของเขาจะงอกเงย...
ไทธัชหัวเราะหึๆ เขาส่ายใบหน้า ระอากับความโผงผางของเพื่อน...แมทธิวนิ่งเงียบ เขาเผลอตัวคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่ง...
กำแพงรั้วสีขาวตระหง่านเบื้องหน้า ประตูรั้วเหล็กถูกดันให้เปิดออกด้วยมือคนงานเก่าแก่ ชายสูงวัยค้อมตัวให้เมื่อรถยนต์ของเจ้านายแล่นผ่าน
“บ้านคุณนี่มาทีไร รู้สึกขนลุกทุกที...มีรังสีอำมหิตแผ่มาจากบ้านหลังใหญ่สุดนั่นสินะ”
ครอบครัวของน้ำอิงอดีตเป็นเจ้าใหญ่ นายโต ดังนั้นจึงมีแต่คนเจ้าระเบียบ...ซึ่งแมทธิวไม่คุ้น...เขาทำตัวสบายๆ จนชิน...ไร้กรอบ ไร้คนบังคับ...
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ท่านแค่เป็นห่วง” สามปีที่ไทธัชอยู่ในสายตาบุพการีของน้ำอิง ชายหนุ่มคุ้นชิน จนไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป เมื่อสิ่งที่พวกคนเหล่านั้นทำ เพราะเป็นห่วงและหวังดี
“อายุเยอะขึ้นทุกวัน ไม่แรงเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ”
น้ำอิงเปรยเบาๆ บิดา-มารดา ไม่ได้คุมเข้มเหมือนใหม่ๆ กฎระเบียบลดลงกว่าเก่าเยอะ
แมทธิวดันประตูให้เปิด เขาก้าวลงจากรถยนต์ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้น้ำอิง หญิงสาวขยับตัวก่อนจะนิ่วหน้า เมื่อขารู้สึกชาเพราะรับน้ำหนักตัวเด็กชายมาตลอดทาง...หญิงสาวเตรียมจะร้องเรียกสามี แต่ไทธัชหิ้วตะกร้าของใช้เด็กเดินนำเข้าไปในบ้านเสียแล้ว
“ช่วยอิงนิดได้มั้ยคะ” หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่เหลือ
“หือ...” แมทธิวเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ร่างอ้วนกลมของเด็กชายที่หลับสนิท น้ำอิงยื่นส่งให้ แมทธิวรับไว้ตามสัญชาตญาณ “อะไรๆ ผมอุ้มเด็กไม่เป็นนะคุณอิง...” ชายหนุ่มโวยเสียงหลง เหงื่อที่หน้าผาก ไหลซึมเมื่อปลายนิ้วแตะผิวเนื้อนุ่มนิ่มของเด็กอ่อน
“อยู่เฉยๆ ค่ะ ขาอิงชา...ให้อิงลงก่อนเดี๋ยวอิงอุ้มเอง”
หญิงสาวรีบกระถดตัวลงจากรถยนต์ สะบัดปลายเท้าแรงๆ ก่อนจะสอดมือรวบเด็กชายมาอุ้มไว้เหมือนเดิม...
ความรู้สึกชาวาบ! ตอนที่เด็กน้อยถูกฉกออกไปจากอ้อมแขน แมทธิวตระหนก...เขารู้สึกผูกพันกับเด็กนั่น ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“หัดอุ้มไว้บ้างค่ะ มีเป็นของตัวเองจะได้ไม่เงอะๆ งะๆ”
หญิงสาวเปรย ขณะที่เดินนำหน้า มีแมทธิวเดินตามไปแบบงงๆ
“ไม่มีวันนั้นหรอก” ชายหนุ่มพึมพำ อนาคตของเขาไม่มีวันเช่นนั้นแน่ เมื่อตั้งใจไว้แล้ว เขาจะไม่หาห่วงมาผูกคอ ไม่อยากให้ใครอีกคน รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเช่นตนเอง...
“ฟักๆ มาเอาตาหนูไป...เรียกแป๋มให้ด้วยนะอิงจะลงครัว จะทำกับแกล้มให้คุณไท”
ฟักทองวิ่งเข้ามารับเด็กชายจากมือนายสาว เสียงน้ำอิงสั่งงานดังแจ๋วๆ ตอนที่แมทธิวเดินเลี่ยงออกไปทางส่วนหลังบ้าน ระเบียงกว้างใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน
“อลิสกลับมาแล้วค่ะ ให้อลิสทำดีกว่า เดี๋ยวฟักบอกให้เองค่ะคุณอิง...”
อลิชาเลิกงานก็ตรงกลับบ้านเลย หญิงสาวไม่เคยเถลไถล เพราะเป็นห่วงบุตรชาย อยากแบ่งเบาการดูแลรณฤทธิ์ เพราะเกรงใจเจ้านายสาว
“อ้าว...ทำไมกลับไวจังเลย...ไม่คิดจะไปเดินเที่ยวบ้างเหรอไง” น้ำอิงบ่นเบาๆ ส่งเด็กชายที่หลับปุ๋ยให้กับคนงานในบ้าน
“ขานั้น...รู้จักทางแค่บ้าน มหาวิทยาลัย’ แล้วก็ที่ทำงานค่ะ”
ฟักทองกระชับอ้อมแขนในแน่นขึ้น เดินยอบตัวผ่านนายสาว ลัดเลาะไปทางหลังบ้าน เพื่อบอกกล่าวกับอลิชา
“อลิสๆ ทำกับแกล้มให้คุณไทหน่อย วันนี้มีแขก” ฟักทองชะโงกหน้าผ่านบานหน้าต่างที่เปิดอ้า
“จ้ะๆ พี่ฟัก อลิสจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ตาหนูเป็นไงบ้างคะ”
หญิงสาวรับคำ วางหวีที่กำลังสางผม ชะเง้อมองหาบุตรชาย
“หลับปุ๋ยนี่ไง ตื่นมาคงแผลงฤทธิ์...พี่ฟักเอาไปนอนดีๆ ก่อน เดี๋ยวเข้าไปช่วยอีกแรง”
ฟักทองเจรจาเสียงแผ่วๆ รีบเดินเร็วๆ พาเด็กชายไปนอนที่เตียงของอลิชา...
อลิชาอมยิ้ม เดินห่างออกมาแบบหมดห่วง เธอต้องแข่งกับเวลาไม่อยากให้เจ้านายรอ...
เบียร์ในแก้วพร่องเกือบหมด กับแกล้มชุดแรกก็ลำเลียงออกมาเสิร์ฟ กลิ่นชวนกินเตะจมูก จนคนที่นั่งนิ่งๆ มาเกือบสิบนาที ยังรีบขยับตัว
“คุณอิงล่ะ?” ไทธัชเอ่ยถาม เขาตักยำรสเด็ดใส่ปาก
“เดี๋ยวคงมาค่ะ...” แป๋มตอบแบบสำรวม ชำเลืองมองใบหน้าคมคายของเพื่อนเจ้านายด้วยสายหยาดเยิ้ม
“ไปเถอะ มีอะไรจะเรียก” เจ้านายหนุ่มเห็นเขาพอดี เขาหวังดีจึงรีบออกปากไล่ ไม่อยากให้คนของตนเองมาหลงคารมพ่อปลาไหล อย่างคนใกล้ตัว
“ค่ะ” แป๋ม ถอยหลังกลับแบบเสียดาย พยายามส่งสายตาให้แมทธิว แต่ชายหนุ่มผู้นั้นไม่เหลือบแล แม้แต่หางตา
ลับร่างคนงานสาว... “เสน่ห์คุณนี่เหลือเฟือจริงๆ ขนาดแป๋มที่ไม่ใคร่สนใจใคร ยังเผลอตัว ทอดสะพานให้”
เจ้าของบ้านหนุ่มกระเซ้าเล่นๆ
“มันช่วยไม่ได้นะ คนมันหล่อ” แมทธิวตอบ เขาไหวไหล่ก่อนจะเอื้อมมือตักกับแกล้มรสเด็ดใส่ปาก “บ๊ะ! ฝีมือเมียคุณ เด็ดขึ้นนะ...รสมือแบบนี้เปิดร้านได้สบายเลย” แมทธิวชมเปาะ รสจัดจ้านของอาหารในจานตรงหน้า...ขนาดเขาซึ่งเป็นคนผ่านร้านชั้นนำมาเยอะยังต้องซูฮก
“ไม่ใช่คุณอิงหรอก แม่ของตาหนูน่ะ คนบ้านนี้ติดใจรสมืออลิสทุกคน แม้แต่คนบ้านใหญ่ยังยกนิ้วให้”
ไทธัชคุยให้ฟัง นับตั้งแต่อลิชาเหยียบย่างเขามาในบ้าน อาหารการกินของเขาก็อุดมสมบูรณ์ขึ้น น้ำอิงไม่ต้องมานั่งเครียดเรื่องอาหารในแต่ละมื้อ เมื่อมีแม่ครัวฝีมือดีเป็นคนปรุงประจำบ้าน เผื่อแผ่ไปยังบ้านใกล้เคียง ขนาดแม่ครัวเก่าแก่ประจำตระกูลยังต้องยอมหลบให้ หากเมนูนั้น อลิชาเป็นคนทำ หล่อนมีรสมือเป็นสมบัติติดตัว ไม่ได้ร่ำเรียนที่ไหนแต่กลับเก่งพอกับเชฟตามโรงแรมห้าดาว
“ขนาดนั้นเชียว บ้านใหญ่นั่น ฝีมือแม่ครัวก็ไม่ใช่ย่อยนะ คนนี้เด็ดกว่าอีกเหรอ?”
“อืม...”
หนุ่มเจ้าของบ้านพยักใบหน้ารับ เขาตักกับแกล้มรสเด็ดขึ้นใส่ปาก ก่อนจะพลิ้มเปลือกตาปิดลงทำท่าเคลิ้มฝัน จนคนที่เดินมาสมทบยังอดหมั่นไส้เล็กๆ ไม่ได้ กับทีท่าสุดเว่อร์วังของสามี
“แบบนี้ถ้าอลิสมีครอบครัว...คุณไทคงไม่ได้ทานอาหารอร่อยๆ อีกแล้วล่ะค่ะ”
คำพูดของน้ำอิงทำให้แมทธิวสะดุด มันฟังแปลกๆ พิกล หล่อนมี ‘ลูก’ แสดงว่าผ่านการมีสามีมาแล้ว แต่ทำไมที่น้ำอิงพูดมานั้น เหมือนกับว่าแม่สาวนาม ‘อลิส’ คนนั้น ยังไร้คนข้างกาย ไม่หรอกน่า หล่อนมีลูกแล้ว!! เป็นความกังขาที่เกิดขึ้นในสมองสั่งการของแมทธิว“อลิสไม่มีทางไปจากที่นี่หรอกน่าคุณอิง...เธอไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม...คุณก็เห็น”คำพูดของเพื่อนรักยิ่งย้ำให้แมทธิวสับสน“แม่ครัวบ้านคุณไม่มีสามี แต่มีลูกงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มยอมเสียมารยาท เขาโพล่งออกมาเสียงดังสองสามี-ภรรยาชะงัก คงเพราะลืมตัว จนเผลอพูดความลับของอลิชาออกมาให้คนนอกร่วมรับรู้“อย่าไปสนใจเลยว่ะแมท...เรื่องของคนงาน...ผมแค่ชี้แจงให้คุณอิงสบายใจ...หากเราดูแลดี ไม่มีใครอยากไปไหนหรอก”“ใช่ค่ะๆ อย่าสนใจเรื่องกวนใจของคนทำงานบ้านเลยค่ะ ว่าแต่คุณแมทเถอะ หมู่นี่เงียบฉี่ เบื่อสาวๆ แล้วเหรอคะ?”แมทธิวมีคู่ควงมากหน้าหลายตา เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดคุ้มค่าที่สุด แม้จะต้องจ่ายหนักไปสักหน่อย เมื่อนิยามของเขา ไม่มีการสานต่อ หากเต็มใจที่จะคบกับแมทธิว ก็ต้องเตรียมใจไว้ในวันที่ลาจาก เมื่อชายหนุ่มพร้อมจะถอยหนี หากคู่ควงคนไหนคิดจะจริงจังกับเขา เขายินดีจ่ายแบบไม่เกี่ยง
อาหารอ่อนๆ ที่ปรุงให้บุตรชายได้รับประทาน อลิชาใช้ช้อนตัก เป่าจนเย็นขึ้นก่อนจะส่งช้อนนั่นให้บุตรชายตัวน้อย เธอคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ และพยายามสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง คำแรกที่จัดการให้คือการทำเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นรณฤทธิ์จะทำตาม เสียงเป่าดังๆ ให้ความร้อนของอาหารที่ถูกส่งเข้าปากลดอุณหภูมิลง กับเศษอาหารที่กระจายเกลื่อน อลิชาอมยิ้ม ยกนิ้วให้บุตรชาย เป็นกำลังใจให้เขาพยายามมากขึ้น ผ้าเช็ดปากที่เปียกนิดๆ เธอคอยเช็ดคราบอาหารที่เลอะเทอะตามตัว และสอนให้เขารู้จักระมัดระวังไม่ทำอาหารหกซ้ำ มันอาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่คนเป็นแม่มีหรือจะท้อ เมื่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอ อุทิศให้บุตรชายได้เสมอ...แม่เป็นครูคนแรก เป็นอะไรหลายๆ อย่างให้กับบุตร...ไม่เคยมีเสียงบ่นและไม่เคยท้อถอย“ร่อยๆ แหมะฮาร์ทเก่งๆ”คำพูดยังไม่ชัดเจน เพราะกำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน...แต่เด็กวัยนี้ทุกคนเรียนรู้และมีพัฒนาการไวมาก...หญิงสาวยิ้ม เช็ดผ้าเปียกที่ข้างแก้ม “ทานเยอะๆ ค่ะ ฮาร์ทจะได้ตัวโตไวไว” เธอกล่าวสนับสนุน ซึ่งเด็กชายก็พร้อมปฏิบัติ เขาใช้ช้อนพลาสติกตักอาหารในถ้วยยกใส่ปาก ยิ้มให้มารดาจนตาหยี เมื่อมารดากล่าวชมไม่ขาดปาก“อะแห้ม!” เสียงกระแอ
บทนำ‘นางบำเรอ’ คำนี้คือตราบาปในชีวิตของเธอเพราะความโชคร้าย อลิชาเลยกลายเป็น...สาวขายบริการความสัมพันธ์ครั้งนั้นมี ‘ของฝาก’ ติดท้องมาด้วยญาติกลุ่มสุดท้ายที่เลี้ยงดูเธอแทนบุพการีที่เสียชีวิต ป้ายรอยราคีนั้นด้วยการ ‘ขาย’ เธออลิชาหนีหัวซุกหัวซุนจากขุมนรกที่เคยคิดว่าคือสถานที่ปลอดภัยเธอโผบินออกจากรัง ไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักความเสียใจทำร้ายจนแทบหมดหวัง แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็กลับมีกำลังใจขึ้น ‘ของฝาก’ มีชีวิตกระตุ้นให้เธอลุกขึ้นสู้ความเป็นแม่ทำให้อลิชากัดฟันสู้ ความสำเร็จคืบคลานเข้ามาในชีวิต พร้อมเค้าลางหายนะ!!ผู้ชายคนเดิม คนที่ใช้ ‘เงิน’ ซื้อตัวเธอ เขากลับมาและเขาจำเธอได้ อลิชาจะทำยังไงดีกับความลับที่เก็บไว้ เธอคิดจะหนี แต่ดูเหมือนสถานการณ์ไม่เป็นใจบางครั้งพระเจ้าก็โหดร้ายกับมนุษย์ตัวเล็กๆ เสียเหลือเกิน ทั้งที่มนุษย์บนพื้นโลกก็ไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อต้านอำนาจที่เหล่าพระเป็นเจ้ามี หรือบางทีมันอาจเป็นบาปที่คนอย่างเราต้องแบกรับไว้ก็เป็นได้... เป็นบทลงโทษที่มนุษย์ทุกผู้ทุกคนต้องชดใช้อลิชาคงเป็นอีกคนที่มีกรรมหนัก ชีวิตของเธอแทบจะหาความสบายไม่ได้เลยสักครั้งในชีวิต...เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ร
บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย“อลิส! อีอลิส” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังโหวกเหวกอยู่หน้าห้อง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางงัวเงียตื่นจากห้วงฝัน มือเรียวหยาบกร้านยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนยับยุ่งให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะโผเผเดินไปเปิดประตูและขานรับ “ขาป้า...จะใช้อะไรอลิสเหรอคะ?”ฉลวยเบ้ปากมองสภาพแสนโทรมของหลานสาวด้วยสายตาดูถูก ร่างเล็กบางผอมแห้ง เหมือนมีแต่กระดูกมากกว่ามีเนื้อมีหนัง“สายโด่งป่านนี้ไม่คิดจะลุกมาทำอะไรให้ฉันกินหรือไงยะ!!?”เสียงแหลมปรี๊ดเพราะกำลังหิวจัด กรรโชกข่ม“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวอลิสออกไปเตรียมไว้ให้”หญิงสาวก้มหน้ารับคำสั่ง เธอปิดงับประตูพร้อมกับที่คนสั่งเดินสะบัดก้นไปอีกทาง...ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆ มือเรียวผอมบางคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเก่าพาดไว้บนบ่า แล้วจึงเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องนอน“คุณนายไปลากมาจากที่นอนอีกล่ะสิ” ติ๋มร้องทัก นางกำลังสาละวนกับงานในครัวอย่างขะมักเขม้นอลิชายิ้มกร่อยๆ ส่งให้ เธอคว้าหม้อใบขนาดพอเหมาะมือจัดแจงตักข้าวสารใส่ลงไป ทำตามด้วยกระบวนวิธีปรุงอาหาร เพื่อทำอาหารมื้อเช้าให้คนบนตึกได้รับประทาน...“คุณนายนี่ก็แปลกคน ติ๋มจะทำให้เอง...ก็ไม่ยอม ต้องไปลากหน
สายหยุดกล่าวเสียงเย็น ฉากหน้าของหล่อนคือเศรษฐีใจบุญ ทำทานไม่เคยขาด แต่เบื้องหลังแล้ว สายหยุดทำธุรกิจบนหลังคน ปล่อยกู้ดอกแพงมหาโหด แต่ก็ยังมีคนหน้ามืดแวะเวียนไปมาหาสู่ไม่ขาดสาย รวมทั้งฉลวยด้วย“อีคุณนายหน้าเลือด ตามจิกยิกๆ เชียวมึง!” หลังกดวางสาย ฉลวยก่นด่าสายหยุดไม่หยุดปาก นางฉวยกระเป๋าสตางค์ล้วงธนบัตรออกมานับเงินมือเป็นระวิง “ขาดไปห้าพัน เอาไงดีล่ะ” เพิ่งควักกระเป๋าจ่ายให้อลินดาไป เงินที่ต้องจ่ายดอกสายหยุดจึงไม่พอ ฉลวยขมวดคิ้วจนหน้าย่น คิดหาทางเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นคงได้ขายขี้หน้าเพราะปากสายหยุด นางถนัดนักล่ะการประจานคน...ชื่อเสียงของครอบครัวนางคงได้ป่นปี้ครานี้ปฏิทินข้างผนังบ้าน วันที่ตรงกับวันเงินเดือนออกของอลิชาพอดี มุมปากสีซีดเหยียดยิ้ม คงต้อง ‘ขูด’ มาจากหลานสาวอีกครั้งนางลุกขึ้นยืน...เดินฉับๆ ไปด้านหลังบ้าน ห้องพักที่สร้างให้อลิชาพักอาศัย สถานที่ที่เธอจะได้สิ่งที่หวังก๊อกๆ นางบรรจงเคาะประตูไม้เนื้อแข็งแรงๆ“คะ ใครคะ?” เสียงหวานๆ ร้องถาม“ฉันเองยะ!” นางตอบพร้อมกับถอยหลังมายืนห่างประตูเล็กน้อย“คุณป้ามีอะไรใช้อลิสอีกเหรอคะ?” หญิงสาวรีบดันประตูเปิด เธออยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปทำงา
บทที่2.นางบำเรอขัดดอก“อีตอนมาเอาเงินนี่... กราบฉันเสียเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เวลามาคืนนี่... ต้องให้จิกซ้ำถึงจะยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนะยะ”ปลายเล็บเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดกรีดไปตามธนบัตรใหม่เอี่ยม ปากสีแดงแจ๊ดพร่ำบ่นเสียงไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าหาบเร่ เมื่อทั้งดังและแหลมปรี๊ด“เงินมันหายากนี่คุณนาย...ดอกก็แพงด้วย” หางเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเสหลบตา เพราะสายตาคมดุตวัดมามองพอดี“ฉันบอกหล่อนแล้วนี่ยะ ก่อนที่หล่อนจะมาหยิบยืม ตอนนั้นทำไมไม่ท้วงล่ะ พอตอนจะคืนมาโวย”หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะขัดสนจึงต้องใช้บริการคุณนายสายหยุดหน้าเลือด ดอกเบี้ยแพงและโตไว้ยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดโดนความร้อนเสียอีก“นั่นใครล่ะ อ๋อ! แม่ฉลวยเข้ามาเลย ฉันกำลังรออยู่”ฉลวยเดินหน้าม่อยเข้ามา นางทิ้งตัวลงนั่ง กระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่ล้วงธนบัตรในกระเป๋าออกมาทั้งหมด“เหลือเท่าไหร่แล้วคะคุณนาย ฉันส่งมาหลายงวดแล้วนะเมื่อไหร่จะหมดสักที” ฉลวยบ่นอุบ หาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อจะมาใช้หนี้สายหยุด โดยไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่สมุดเล่มโตถูกเปิดออกด้วยนิ้วป้อมๆ ปลายเล็บเคลือบสีสันฉูดฉาดไล่เลียงหารายชื่อ ก่อนจะยิ้มมุมปากหยันๆ “หล่อนต้องหาอีกนานเลยล่ะแม่ส
“หามาเถอะน่า...แล้วแม่จะอธิบายให้ฟัง...” ฉลวยบอกปัด เริ่มละอายใจเล็กน้อย“อลินอยากรู้ค่ะ” อลินดากังขา เธออยากรู้วัตถุประสงค์ของคนเป็นแม่ฉลวยมองสบนัยน์ตาบุตรสาว นางถอนใจเฮือก ก่อนจะเปิดปากเล่าความคิดในใจให้อลินดาฟังสาวรุ่นยิ้มกริ่ม “ได้ค่ะ อลินจะหาให้...ให้อลินช่วยนะคะแม่...” หล่อนออกตัว อยากช่วยมารดาจนเนื้อเต้น เมื่อได้กำจัดศัตรูทางอ้อม อยากเห็นวันที่อลิชาถูกย่ำยี...วันนั้นอลินดาคงมีความสุข เมื่อถีบส่งคนที่ตนเองเกลียดลงไปในขุมนรกหญิงสาวผู้นั้นเป็นหนามแหลมๆ ตำใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่อลิชาทำ คนรอบตัวมักจะชื่นชม และนำมาเปรียบเทียบกับตนเองบ่อยครั้ง ผลการเรียนของอลิชานำโด่ง จนไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางตามทัน ทั้งที่เจ้าหล่อนอัตคัดเหลือทน การเป็นอยู่อดๆ อยากๆ แต่มันสมองนั่นก้าวล้ำกว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างเธอหลายขุมอะไรก็ตามที่ทำให้หนามตำใจของตนเองตกต่ำลงได้อลินดาไม่รอช้าที่จะทำ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าอลิชาเป็นพี่ น้อง...เธอเกลียดหญิงสาวผู้นั้น และพร้อมที่จะเหยียบซ้ำ หากอลิชาก้าวพลาด“อย่าให้คุณพ่อแกรู้เชียวนะอลิน...เพราะพ่อแก เขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้”ฉลวยกำชับบุตรสาว“ค่ะ
บทที่3.ผู้หญิงไม่มีราคา“โอยไม่เอาหรอก พันธะ ภาระผูกพันนี่น่าเบื่อตายห่า! ผมซื้อกินดีกว่าสบายใจด้วย”คำตอบที่แมทธิว ไบเลย์ใช้ตอบคนรอบตัว หนุ่มโสดที่ทั้งหล่อและรวย ใช้ชีวิตคุ้มค่าตามประสาลูกหลานคนมีเงิน ชายหนุ่มไม่เคยอายที่จะใช้บริการผู้หญิงหากิน แต่เขาก็ไม่ได้มั่วกินไม่เลือก ชายหนุ่มมีสถานที่ประจำ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่ใช่ผู้หญิงช้ำๆ ผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบเขา หาผู้หญิงมานอนด้วยไม่ยาก เมื่อชายหนุ่มเข้าขั้นรูปหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับดาราดังๆ หลายคน ณเดชที่ว่าหล่ออารมณ์ดี หากมายืนเทียบกับแมทธิวตอนนี้ สง่าราศีของชายหนุ่มอาจนำโด่ง...ผู้หญิงเป็นร้อยพร้อมที่จะเดินขึ้นเตียงกับแมทธิวฟรีๆ แต่...ชายหนุ่มไม่นิยม เขาตัดความรำคาญโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงรอบตัว เขาจ่ายเงินเพื่อความสบายใจ...ง่ายกว่ามาปวดหัวกับเรื่องหยุมหยิม...ในวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง...แมทธิวนั่งจมกับกองขวดเหล้า เขาดื่มเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดในใจ...ใช่...เพราะอดีตในเยาว์วัย ชายหนุ่มจึงแอนตี้ผู้หญิง...แมทธิวโตมากับความรักของบิดา...ส่วนมารดาของเขานั้น หล่อนทิ้งแมทธิวกับคุณแอนเดอสันไปตั้งแต่ชายหนุ่มจำความได้ กนกรดาหอบผ