คำพูดของน้ำอิงทำให้แมทธิวสะดุด มันฟังแปลกๆ พิกล หล่อนมี ‘ลูก’ แสดงว่าผ่านการมีสามีมาแล้ว แต่ทำไมที่น้ำอิงพูดมานั้น เหมือนกับว่าแม่สาวนาม ‘อลิส’ คนนั้น ยังไร้คนข้างกาย ไม่หรอกน่า หล่อนมีลูกแล้ว!! เป็นความกังขาที่เกิดขึ้นในสมองสั่งการของแมทธิว“อลิสไม่มีทางไปจากที่นี่หรอกน่าคุณอิง...เธอไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม...คุณก็เห็น”คำพูดของเพื่อนรักยิ่งย้ำให้แมทธิวสับสน“แม่ครัวบ้านคุณไม่มีสามี แต่มีลูกงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มยอมเสียมารยาท เขาโพล่งออกมาเสียงดังสองสามี-ภรรยาชะงัก คงเพราะลืมตัว จนเผลอพูดความลับของอลิชาออกมาให้คนนอกร่วมรับรู้“อย่าไปสนใจเลยว่ะแมท...เรื่องของคนงาน...ผมแค่ชี้แจงให้คุณอิงสบายใจ...หากเราดูแลดี ไม่มีใครอยากไปไหนหรอก”“ใช่ค่ะๆ อย่าสนใจเรื่องกวนใจของคนทำงานบ้านเลยค่ะ ว่าแต่คุณแมทเถอะ หมู่นี่เงียบฉี่ เบื่อสาวๆ แล้วเหรอคะ?”แมทธิวมีคู่ควงมากหน้าหลายตา เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดคุ้มค่าที่สุด แม้จะต้องจ่ายหนักไปสักหน่อย เมื่อนิยามของเขา ไม่มีการสานต่อ หากเต็มใจที่จะคบกับแมทธิว ก็ต้องเตรียมใจไว้ในวันที่ลาจาก เมื่อชายหนุ่มพร้อมจะถอยหนี หากคู่ควงคนไหนคิดจะจริงจังกับเขา เขายินดีจ่ายแบบไม่เกี่ยง
อาหารอ่อนๆ ที่ปรุงให้บุตรชายได้รับประทาน อลิชาใช้ช้อนตัก เป่าจนเย็นขึ้นก่อนจะส่งช้อนนั่นให้บุตรชายตัวน้อย เธอคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ และพยายามสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง คำแรกที่จัดการให้คือการทำเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นรณฤทธิ์จะทำตาม เสียงเป่าดังๆ ให้ความร้อนของอาหารที่ถูกส่งเข้าปากลดอุณหภูมิลง กับเศษอาหารที่กระจายเกลื่อน อลิชาอมยิ้ม ยกนิ้วให้บุตรชาย เป็นกำลังใจให้เขาพยายามมากขึ้น ผ้าเช็ดปากที่เปียกนิดๆ เธอคอยเช็ดคราบอาหารที่เลอะเทอะตามตัว และสอนให้เขารู้จักระมัดระวังไม่ทำอาหารหกซ้ำ มันอาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่คนเป็นแม่มีหรือจะท้อ เมื่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอ อุทิศให้บุตรชายได้เสมอ...แม่เป็นครูคนแรก เป็นอะไรหลายๆ อย่างให้กับบุตร...ไม่เคยมีเสียงบ่นและไม่เคยท้อถอย“ร่อยๆ แหมะฮาร์ทเก่งๆ”คำพูดยังไม่ชัดเจน เพราะกำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน...แต่เด็กวัยนี้ทุกคนเรียนรู้และมีพัฒนาการไวมาก...หญิงสาวยิ้ม เช็ดผ้าเปียกที่ข้างแก้ม “ทานเยอะๆ ค่ะ ฮาร์ทจะได้ตัวโตไวไว” เธอกล่าวสนับสนุน ซึ่งเด็กชายก็พร้อมปฏิบัติ เขาใช้ช้อนพลาสติกตักอาหารในถ้วยยกใส่ปาก ยิ้มให้มารดาจนตาหยี เมื่อมารดากล่าวชมไม่ขาดปาก“อะแห้ม!” เสียงกระแอ
บทที่7.ฉันยินดีจ่ายถ้าเธอยินดี ‘แบ’ ให้เหมือนเดิมBL.Co.,Ltdชื่อย่อไบเล่ย์เทรด...ป้ายใหญ่โตหน้าตึกสำนักงานที่อลิชาเดินผ่านมาเกือบเดือน...หญิงสาวแหงนเงยใบหน้า เหม่อมองชั้นสูงสุดของตัวตึก สถานที่ที่ ‘ผู้ชายคนนั้น’ นั่งทำงานอยู่มันเป็นจริงอย่างที่เธอคิด ต่อให้อยู่บริษัทเดียวกัน เขาผู้นั้น... ไม่มีทางวนเวียนมาเจอะเจอกับตนเองได้ เมื่อมีหน้าที่การงานค้ำคอ เธอฟังข่าวคราวของเขาผ่านผู้ร่วมงานคนอื่น คอยหลบหลีกหากจวนตัว เกือบเดือนมานี่ จึงไม่เคยแม้แต่เฉียดใกล้“อลิส วันนี้เลิกงานเราจะไปหาอะไรกินกัน ไปด้วยกันมั้ย?”เพื่อนร่วมงานสาวสวยคนหนึ่งแวะมาถาม ตอนใกล้ๆ ถึงเวลาเลิกงานอลิชาส่ายหน้า “ไม่ล่ะ อลิสต้องรีบกลับไปดูลูกจ้ะ” เธอไม่เคยปิดบังการมีบุตรของตนเอง หนุ่มๆ ที่เคยคิดเขามาแจกขนมจีบ เลยถอยห่างกันหมด แม้จะเสียดายความสะสวยของแม่ลูกอ่อน“มีคนดูให้แล้วไม่ใช่เหรอ... ออกไปหาความสุขใส่ตัวบ้างเถอะน่า...ไม่ต้องห่วงนักหรอกลูกน่ะ” หล่อนติง สีหน้ายับย่น เพราะเป็นแม่สื่อมาชักชวนอลิชา เนื่องจากมีผู้ชายบางคนยังไม่ยอมตัดใจเขาพร้อมจะเปย์ มีข้อแม้ อลิชาต้องไปด้วยหญิงสาวยิ้ม ‘ความสุขของเธอคือการได้เห็นบุตรชายเ
“แปลกนะ? ธรรมดาแล้ว หากทำอาชีพเก่าๆ เธอน่าจะมีอันจะกินมากกว่านี้ เพราะเท่าที่ผมจำได้ ลีลาเธอ ไม่เบาเลย น่าจะมีลูกค้าติดใจหลายคน” ชายหนุ่มทำเสียงจิจ๊ะ เขาหรี่ตามองประเมินอดีตคู่นอน หล่อนทำให้เขาติดใจ แต่ไม่สามารถครอบครองหล่อนได้ซ้ำ เมื่อจู่ๆ หล่อนก็หายไปดื้อๆอลิชาก้มหน้า เม้มปากแน่น ไม่คิดจะตอบโต้ให้เข้าเนื้อตนเอง เจ็บใจที่ตนเองเสียเปรียบแบบไม่มีทางต่อสู้บิ้กบอสหนุ่ม เดินอ้อมโต๊ะทำงานของพนักงานสาวป้ายแดง เขาเดินเตร่ไป เตร่มา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร...แต่เมื่อมีบุคคลที่สามเดินเข้ามาสมทบ...แมทธิวจึงตัดใจเดินออกไป“เห้! นั่นบิ้กบอสของเราไม่ใช่เหรอ ท่านเข้ามาทำอะไรที่นี่ เวลานี้?”เพื่อนร่วมงานร้องถามเสียงหลง หลังแมทธิวเดินพ้นประตูไปอลิชาแสร้งยิ้มแหยๆ “เหรอคะ? อลิสไม่รู้จักค่ะ เขามาถามทาง”คำตอบของเธอฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ แต่ใครจะรู้ล่ะ เมื่อมีเธอกับแมทธิวเท่านั้นที่รู้“หลงทางเหรอ...ไม่น่าเชื่อ” เพื่อนร่วมงานคนนั้นทำหน้างงๆ พลางโครงศีรษะไปมา ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เขาเดินไปคว้ากระเป๋าเป้พาดไว้บนบ่า เดินผ่านหน้าอลิชาไปหญิงสาวถอนใจดังเฮือก ฉวยกระเป๋าสะพายคล้องที่หัวไหล่ รีบรุดออกจากที่ทำงาน
บทที่8.ผู้ชายใจร้าย“คุณบีบบังคับอลิสเพราะ ‘อยากนอน’ กับอลิสเหรอคะ?” อลิชาถามกลับปากสั่น เป็นความเศร้าผสมความแค้นเคืองแมทธิวหมุนตัวกลับมาจ้องหน้าหญิงสาว สายตาเขาลุกโพลง ประหนึ่งมีกองไฟกองใหญ่สุมอยู่ในดวงตา“อย่าลำพองคิดว่าผมพิศวาสเธอนะ... ผมแค่ไม่อยากให้ใครก็ตาม...มาขัดใจ!” ชายหนุ่มเค้นเสียงพูด เขาปิดบังความคิดในใจ ใช่! เขาอยากนอนกับหล่อนจนเนื้อตัวเต้น...แต่หล่อนกำแหงใส่ กล้าปฏิเสธความต้องการของเขา...มันจึงเป็นที่มาของการข่มขู่ ซึ่งไม่เคยสักครั้งที่ต้องใช้วิธีนี้ใบหน้าเล็กๆ ขยับขึ้นลง เธอเงยหน้าขึ้น เปรยตอบชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเย็นชา“อ่อค่ะ อลิสเข้าใจแล้ว...คุณแค่อยาก ตามสันดานผู้ชาย...หาใครไม่ได้แล้วเหรอคะ?”สันกรามแมทธิวปูดโปน เพราะชายหนุ่มโกรธจัด เขากัดฟันกรอด ถลึงตามองแม่สาวหน้าใสตรงหน้า ด้วยแววตาขุ่นจัด“ก็บอกแล้วไง...เวลานี้ผมอยาก
มือสั่นๆ ยกขึ้นแตะแก้มแมทธิวเบาๆ เธอยิ้มหวาน โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไป ทำให้แมทธิวหมดความยับยั้ง เวลานี้ในหัวของแมทธิวคิดออกแค่สิ่งเดียว นับจากนี้ไป... ไม่ว่าจะใช่วิธีไหน? แม่สาวตัวเล็กมีลูกติดคนนี้ ต้องมานอนใต้ร่างและครางแค่ชื่อของเขาเท่านั้น“อย่าทำแบบนี้เลย ไม่ดีกับบอสแล้วก็อลิสด้วย ชื่อเสียงของบอสจะมาเสียเพราะผู้หญิงมีปมอย่าอลิส คุ้มแล้วเหรอคะ?”เสียงแผ่วหวานชะอ้อนพูด ฟังดูมีเหตุผล แต่ไม่ใช่สิ่งที่แมทธิวต้องการปลายนิ้วแข็งแรงไล้กรอบหน้าเล็กๆ เขามึนงง สับสน รู้แค่เพียงไม่สามารถปล่อยมือจากเจ้าหล่อนได้ ไม่รู้ว่าหล่อนทำเสน่ห์เล่ห์กลที่ไหน เวลานี้ในหัวของเขา มีแต่ภาพความทรงจำเก่าๆ ภาพที่แสนระทึกขวัญ สั่นสะเทือนต่อมความภาคภูมิใจของชายนักรัก ผู้หญิงร้อนแรงตรงหน้าเกือบทำให้เขาเสียชื่อ และแมทธิวอยากแก้มือ เขาจะสอนให้หล่อนรู้ ผู้ชายนักรักเช่นเขา ไม่เคยตกม้าตาย“คุ้มสิ...ผมแน่ใจว่าคุ้มแน่” แมทธิวดันทุรัง เขาแนบเรียวปาก บดจูบปากช่างจำนรรจานั่น ขี้เกียจฟังคำคัดค้านของหล่อนเหมือนพื้นโลกสั่นสะเทือน แผ่นดินใต้ฝ่าเท้ายุบวาบ!ควา
บทที่9.คำลวงที่เชื่อไม่ได้จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้วิ่งผ่านหน้าไป สองสาวที่กำลังเดินไปขึ้นลิฟต์ ต่างชะเง้อมองตามไปด้วยความอยากรู้“ใครน่ะเธอ?” หล่อนหันมาถามเพื่อนข้างตัว“หน้าคุ้นๆ ใช่แม่หม้ายสาวที่เป็นที่หมายปองของพวกพ่อหนุ่มกลัดมันมั้ยอ่ะ!” อีกคนตอบเสียงกระตือรือร้น มันกะทันหันเสียจนจับมาปะติดปะต่อไม่ถูก“น่าจะใช่ ว่าแต่หล่อนเข้าไปทำอะไรในนั้น?” หล่อนชักสายตากลับมามองไปยังสถานที่ที่อลิชาเพิ่งจะวิ่งผ่านไปแมทธิวดันประตู เขาเดินไม่รู้ไม่ชี้ตามออกมา ชายหนุ่มเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อเปิดประตูออกมาเจอสองสาวที่ยืนตกตะลึงอ้าปากตาค้างอยู่ตรงหน้า!ชายหนุ่มไหวไหล่...สอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง เดินผ่านหน้าสองสาวใต้บังคับบัญชาไปด้วยกริยาเฉยเมย“เธอเห็น...อย่างที่ฉันเห็นใช่มั้ย?”แม่สาวคนนั้นเปรยลอยๆ หล่อนไม่ได้ต้องการคำตอบ แค่ย้ำให้ตนเองแน่ใจ เธอไม่ได้ตาฝาดไปเอง“อืม...” ใบหน้าเล็กๆ ขยับขึ้นลงรัวๆ มองตามเจ้านายสูงสุดข
เจ้าของบ้านเลยรีบตอบ “มีการประกวดเด็กน่ะ คุณอิงเขาเลยต้องหารูปเด็ดๆ ของเจ้าฮาร์ทส่งให้ช่อง หากเข้าตา จะได้เป็นดาราตั้งแต่2ขวบเลยนะ” เป็นการสนับสนุนอลิชาแบบอ้อมๆ เพื่อให้เธอมีทุนรอนไว้ให้บุตรชายในอนาคต“ดีเหรอวะ ไหนจะแสง ไหนจะคน ทรมานเด็กไปหรือเปล่า!” แมทธิวติง เด็กตัวกะเปี๊ยกหากต้องไปอยู่ท่ามกลางผู้คน จะอึดอัดเปล่าๆ“ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร ลองเฉยๆ ผมไม่อยากขัดใจคุณอิง”ไทธัชเองก็ไม่เห็นด้วย แต่ความคิดนี้เริ่มต้นที่น้ำอิง คนรักเมียหรือจะกล้าขัด“แป๊บนะ ปวดฉี่ว่ะ” แมทธิวกระเด้งตัวยืน เขาเดินฉับๆ ออกไปด้านนอกไทธัชยกมือค้างในอากาศ ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากบอกเพื่อน แมทธิวก็เดินลิ่วๆ ออกไปเสียแล้ว“ห้องน้ำข้างในก็มี จะเดินออกไปข้างนอกทำไมวะ?”เมื่อแมทธิวหายลับไปจากสายตา...สุดปัญญาที่จะรั้งไว้ ไทธัชเลยหันไปสนใจหน้าจอทีวีแทน“ไง...” เสียงห้าวๆ ทักดังจากด้านหลังจนอลิชาสะดุ้ง!หญิงสาวหมุนตัวมามอง เธออ้าปากค้าง...เมื
“ค่ะ” อลิชายิ้มรับ เธอเงยหน้าขึ้น รับจูบหวานๆ จากแมทธิวโดยไม่ขัดขืนเป็นการยินยอมพร้อมใจ หลังจากไตร่ตรองจนแน่ใจ ไม่มีอะไรดีขึ้น หากตนเองยังหลบอยู่หลังเกราะที่สร้างไว้ป้องกันตัวเอง...ในเมื่อแมทธิวยอมถอยให้หนึ่งก้าว เธอก็ควรเปิดใจกว้างๆ ยอมรับสิ่งที่เขามอบให้ เพราะมัวแต่วิ่งหนี ชั่วชีวิตนี้ เธอคงต้องหนีไปตลอด ไม่มีใครไม่เคยทำผิด มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนแล้วแต่เคยผ่านความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้นมันขึ้นอยู่ว่าคนเหล่านั้น จะแก้ปัญหา หรือฝังกลบไว้ แสร้งทำเป็นลืม แต่...ความลับไม่มีในโลก สักวันสิ่งที่ขุดหลุมกลบเอาไว้ก็จะโผล่ขึ้นมาเตือนความจำอยู่ดี ปัญหามีไว้ให้แก้ ใช้สติตรึกตรอง และก้าวผ่านมันไปให้ได้ ใช้อดีตเป็นบทเรียน เพื่ออนาคตจะไม่เดินซ้ำรอยเดิม...ถนนชีวิต ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต่อให้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด หนทางเดินก็มักจะมีขวางหนาม เป็นอุปสรรค เพื่อวัดความอดทนของคนเมื่อก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้ ไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ ทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาคือบทเรียนเช้าวันใหม่...แอนเดอสันยิ้มตาม เมื่อสายตาของท่านมอง
อลิชาเสก้มหน้าหลบสายตาวาววามคู่นั้น หัวใจเธอเต้นถี่ยิบ และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หัวใจดวงน้อยของตนเองอาจจะหยุดเต้น เพราะความตื่นเต้นก็เป็นได้“จะถือกระดาษนั่นอีกนานแค่ไหน...เซ็นๆ มาเถอะ”ชายหนุ่มปรายตามองกระดาษสีขาวแผ่นเดียวที่อลิชาถือไว้ในมือ“คุณจะเอาไปทำอะไรคะ?” หญิงสาวถามแบบไม่ใคร่เข้าใจ กระดาษเปล่าไร้ข้อความ หากชายหนุ่มคิดร้าย คนที่ซวยคงเป็นเธอ“เอาไปยื่นคำร้องเป็นพ่อให้หนูนั่นไง ลูกผม ก็ต้องใช้นามสกุลผมสิ ใช้นามสกุลบ้านนั้นทำไม...”แมทธิวเฉลย...มันคันยิบๆ ในใจ ทุกครั้งที่เห็นชื่อ นามสกุลของบุตรชายที่ตนเองไม่มีส่วนร่วมอลิชาหัวเราะคิก เมฆสีดำทะมึน เคลื่อนผ่านไปจากชีวิตตนเอง นับจากนี้ไป อนาคตของเธอและบุตรชายคงมั่นคงขึ้น เธอจรดปลายปากกาเซ็นชื่อตนเองโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะยื่นส่งให้แมทธิว พร้อมกับยิ้มน้อยๆแมทธิวเดินไปเก็บที่โต๊ะตัวใหญ่ เขาเดินโทงๆ จนอลิชาอายจนแก้มแดง เมื่อมองเห็นสรีระชายหนุ่มหมดทุกซอกทุกมุมดังนั้น...เมื่อแมทธิวเดินกลับมา เขาจึงได้เห็นสายตาเป็นประกายของหญิงสาว ชายหน
ชายหนุ่มกระเด้งตัวลุกขึ้น เขาเดินอาดๆ ไปที่โต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง ชายหนุ่มฉวยกระดาษขนาด A4 เดินกลับมายื่นส่งให้อลิชา หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง มองกระดาษแผ่นนั้นงงๆ“เซ็นชื่อซะ...” ปากกาสีทอง แมทธิวยื่นใส่หน้าอลิชา เกือบจะทิ่มตาหญิงสาวผวา เธอส่ายหน้าแรงๆ เก็บมือไว้ ไม่ยอมยื่นออกไปรับกระดาษเปล่าแผ่นนั้นเด็ดขาด...“อย่าคิดมากน่า ผมไม่ได้ทำเรื่องร้ายหรอก ...แค่อยากให้สิทธิพิเศษบางอย่างกับเธอ...อย่ากลัวล่วงหน้าสิ...ยิ่งกว่านี้เธอก็เคยผ่านมาแล้ว จะกลัวอะไรอีก” ชายหนุ่มติง เขาขยายความเข้าใจของอลิชาเสียใหม่ ถึงเขาจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ชั่วช้า จนต้องทำอะไรเลวทราม“เธอต้องการอะไรล่ะ บอกมาได้เลย...” ชายหนุ่มเอ่ยปาก เขามองสบนัยน์ตากลมโตแบบคนอารมณ์ดี หลังขจัดความหวาดระแวงในใจจนหมดสิ้น“อลิสไม่เคยอยากได้อะไรจากคุณเลยค่ะ” อลิชาตอบตามตรง รับกระดาษแผ่นนั้น กับปากกามาถือไว้ โดยยังไม่ได้ขยับทำอะไรอย่างที่แมทธิวต้องการ เธอไม่เคยอยากได้อะไรจากแมทธิว เธอปรารถนาอยากมีชีวิตสุขสงบ อยู่กันตามประสาแม่ลูก มีบ้านคุ้มหัว มีที่นอนอุ่น
บทที่19.สุดสวาทนางบำเรอที่รัก!น้ำตาไหลรินเป็นสาย เรียวปากอิ่มเม้มแน่น อลิชากำลังชั่งใจ หากเธอพูดความจริง...อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากนี้!!“บอกมา!” น้ำเสียงทุ้มต่ำ แมทธิวพยายามข่มความโกรธ“มันผ่านไปนานแล้ว... คุณลืมไปเถอะค่ะ” หญิงสาวกลั้นใจตอบ เธอกลัว...กลัวที่จะถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง“อลิชา! ที่เธอพยายามเลี่ยงนี่ เพราะไอ้หนูนั่นเกี่ยวพันกับผมใช่มั้ย?”แมทธิวตะคอก มือจับบ่าบอบบาง เขย่าหล่อนจนตัวสั่น“มะ ไม่ค่ะ ไม่ใช่!” หญิงสาวตอบเสียงสั่น น้ำตากลบดวงตากลมโต“ผมไม่ได้โง่นะอลิส...ผมรู้ แค่ผมไม่แน่ใจ...” น้ำเสียงที่ใช้อ่อนลง แมทธิวรู้สึกเวทนาผู้หญิงตรงหน้า หล่อนถูกคนชั่วหลอกลวง แถมยังต้องแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว เวลาเกือบสามปี อลิชาต้องผ่านความลำบากมามากขนาดไหน? หล่อนแกร่งมาก ถึงผ่านความทุกข์ระทมนั่นมาได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่หัวใจหล่อนประเสริฐยิ่งนักดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเรียวยกปาดคราบน้ำต
“อ้ายยยย” หญิงสาวผวาเฮือก เรือนกายเกร็งกระตุก ร่างกายอ่อนยวบหลังตะเกียงตะกายคว้าดวงดาวมาไว้ในอุ้งมือสำเร็จแมทธิวทิ้งตัวนอนแผ่ สูดลมหายใจแรงๆ จนซี่โครงยุบวาบ ชายหนุ่มควานมือด้านข้าง ก่อนจะรั้งเรือนกายชื้นเหงื่อของอลิชามาแนบอกอุ่น พึมพำเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน “เธอยอมแพ้ผมมั่งก็ได้นะอลิส...ถ้าเธอไม่พูด ผมคงได้ขาดใจตายก่อนแน่”รอยยิ้มอ่อนแต้มมุมปาก มือไล้ผิวกายเรียบลื่นเล่นอลิชาแอบมอง เธอไม่เข้าใจความคิดของแมทธิวสักนิด ชายหนุ่มต้องการอะไรกันแน่ เขาดูยาก อ่านไม่ออก ภายในหัวเขา กำลังคิดอะไรอยู่?“ผมต้องการเธอ ทั้งตัว แล้วก็หัวใจ ไม่ต้องเก็บไว้หรอก ผมจะดูแลให้เอง”เสียงชายหนุ่มเปรยเบาๆ หญิงสาวเม้มปากแน่น สิ่งที่เขาต้องการนั้น หากไม่มอบให้ก่อน มีหรือจะได้อย่างที่เขาต้องการ“ไม่เอาเปรียบไปหน่อยหรือคะ คุณเอาแต่ได้...แล้วอลิสได้อะไรตอบแทนล่ะคะ”ความอยากรู้ทำให้อลิชาลืมตัว เธอโพล่งถาม ก่อนจะรีบกัดปากตัวเอง...แมทธิวพลิกตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขากางแขนคร่อมเรื
“เห็นจะไม่ได้” เสียงเย็นชาตอบกลับมา จนอลิชาต้องลืมตามอง แววตาตัดพ้อของเธอทำให้แมทธิวสะดุด เขาหรี่เปลือกตาลง ก่อนจะพูดเสียงเนิบนาบ “เธอคงไม่ได้ ‘ท้อง’ ใช่มั้ย?” คำถามของชายหนุ่ม เล่นเอาอลิชาใจโหวงวูบ! เหตุการณ์เดิมๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้คงเป็นหายนะสำหรับตัวเธอเอง ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องสำคัญ การป้องกันที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุใดเล่า ครั้งนี้เธอจึงลืมเสียสนิทหญิงสาวกลั้นใจตอบ ดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างโผเผ “อลิสคงไม่โชคร้ายหรอกมั้งคะ”“นั่นสินะ ผมลืมได้ยังไง เธอเคยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาก่อน คงไม่พลาดแบบโง่ๆ” น้ำเสียงที่ฟังไม่ออกกล่าวขึ้นอีกครั้ง มันฟังแปลกๆ เหมือนชายหนุ่มกำลังแดกดันเธอ แต่...เพื่ออะไรล่ะ เมื่อเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเช่นกันนี่“คุณอย่าห่วงไปเลยค่ะ...” น้ำตาเกือบทะลัก แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์กลั้นไว้ จนเผลอตัวกัดกระพุ้งตนเอง มันเจ็บน้อยกว่าหัวใจที่กำลังร่ำไห้ขณะนี้เสียอีกแมทธิวเดินเข้ามาหา แววตาของเขาอ่านไม่ออก จนกระทั่งชายหนุ่ม
บทที่18.ยกให้ทั้งตัว...และใจอลิชาไม่ได้รู้สึกไปเอง...หลังแมทธิว กลับมาจากการไปทำงาน เขาดูเงียบผิดปกติ สายตาคมดุคู่นั่น หยุดมองที่หน้าท้องเธอบ่อยๆ“วันนี้ลาบรสจัดนิดนะคะ...” ติ๋มกระซิบบอกนายสาวเมื่ออลิชาไม่ได้ลงครัวเอง เธอรู้สึกเวียนศีรษะ หลังน้ำอิงกลับไปแล้ว จึงพักผ่อนอยู่บนห้อง ติ๋มเลยอาสาลงไปช่วยในครัวจัดการอาหารมื้อนี้ด้วย“ไม่นี่ อร่อยดี” แมทธิวท้วง เขากำลังอร่อยกับรสชาติจัดจ้านจนตักอาหารจานนั้นถี่ๆแอนเดอสันแหล่มองบุตรชาย แมทธิวไม่ใช่คนรับประทานอาหารรสจัด ชายหนุ่มนิยมนม เนยมากกว่า อาหารที่รสจัดจ้าน แต่วันนี้มาแปลก สีสันบ่งบอกว่ารสชาติไม่ธรรมดา ท่านเองยังขยาด แต่คนไม่คุ้นกลับชื่นชมติ๋มยิ้มแป้น นางเอ่ยแนะนำเจ้านายหนุ่ม เมื่ออาหารมื้อนี้ นางเป็นคนออกความคิด“ต้ำยำนี่ก็แซ่บเจ้าค่ะ คล่องคอดีค่ะ”ต้มยำกระดูกอ่อนรสจัดจ้านพอกัน...อลิชาเหลือบมอง อาหารมื้อนี้ออกไปทางรสจัด เธอรับประทานได้ แต่ไม่แน่ใจว่าแมทธิวกับแอนเดอสันจะชอบ
“เขาคงไม่ต้องการหรอกค่ะ”อลิชาตอบเสียงเศร้า รณฤทธิ์คนเดียว เขายังไม่รู้เลยว่าเป็นลูก คนอย่างแมทธิว ไม่ได้ต้องการบุตร เขาต้องการแค่เสพสมกับเธอแค่นั้น ถึงวันที่เบื่อ คงเขี่ยเธอทิ้งเหมือนผู้หญิงคนก่อนๆแอนเดอสันสะกิดใจ ความนัยในคำพูดของน้ำอิง มันบอกอะไรบางอย่าง และสิ่งนั้น เขาก็ตงิดๆ ในใจอยู่แล้ว คนเราจะคล้ายคลึงกันโดยไม่มีสายเลือดเกี่ยวพันกันได้ยังไง? มันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกันสิ ไม่อย่างนั้น อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เมื่อเด็กชายผู้นั้น ถอดเค้าหน้ามาจากแมทธิวเกือบทุกส่วนชายสูงวัยจึงนิ่งฟังสองสาวสนทนากัน เขาทำเป็นสนใจทิวทัศน์ด้านนอก ปล่อยให้สองหญิงกระซิบ กระซาบคุยกันตามสบายเท่าที่จับใจความได้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แมทธิวบุตรชายของท่าน เคยพบเจอกับหญิงผู้นี้มาก่อน และอาจจะถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางกายต่อกัน จนเกิดบางอย่างขึ้นมา ก่อนที่อลิชาจะหายไปจากชีวิตแมทธิวมือเหี่ยวๆ ยกขึ้นเกาคาง ลองคิดเล่นๆ ในใจ หาก เด็กชายผู้นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกติดอลิชามา เขาอาจจะเป็นสายเลือดของแมทธิวก็ได้ เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มีเกินครึ่ง การป้
“ป้าจ๋า...ไปตักข้าวต้มในครัวมาให้ท่านสิจ๊ะ” หญิงสาวหันไปสั่งติ๋มเสียงหวาน เมื่อประมุขเฒ่าของบ้านไบเล่ย์ ไม่ถือตัวกับบุตรชายของตนเอง เหมือนกับเขาจะรู้ลึกถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดมื้อเช้ามื้อแรกที่รังรักที่จากไปนาน ความสุขที่เหือดหายไป เริ่มไหลเข้ามาในใจทีละน้อย มีเสียงหัวเราะ ผสมกับเสียงพูด ดังขึ้นหลายรอบ เมื่อคนแก่คนหนึ่ง กับเด็กชายดูเหมือนจะเข้าขากันดีแอนเดอสันมีความสุขมาก เขารู้สึกเหมือนกับว่าความอบอุ่นครั้งเก่าย้อนกลับมา เพียงแค่มีเด็กชายช่างพูดคนนี้อยู่ใกล้ๆ ชายสูงวัยนึกละอายใจ...ในอดีตเพราะความผิดหวัง เขาทิ้งขว้างปล่อยให้บุตรชายโดดเดี่ยว แม้จะห้อมล้อมไปด้วยบริวาร แต่จะเหมือนมีพ่อ-แม่เคียงข้างได้อย่างไร ถึงกนกลดาจะสลัดท่านและบุตรชายทิ้ง ตัวท่านเองก็ไม่น่าปล่อยปละละเลยบุตรชายไปด้วย แอนเดอสันนึกอยากจะขอโทษแมทธิวขึ้นมาทันใด เมื่อมองเห็นความเหงาในหน่วยตาของรณฤทธิ์ ถึงจะอายุเพียงน้อยนิด แต่ความอ้างว้างที่ท่านพอจะมองออก ก็เพราะเด็กชายคนนี้ ไร้บิดานำพาเช่นเดียวกัน รณฤทธิ์ โชคดีที่มารดาคอยอยู่ข้างๆ แม้จะขาดผู้ให้กำเนิด แต่ก็ไม่เลวร้ายเหมือนที่แมทธิวผจญ