อาหารอ่อนๆ ที่ปรุงให้บุตรชายได้รับประทาน อลิชาใช้ช้อนตัก เป่าจนเย็นขึ้นก่อนจะส่งช้อนนั่นให้บุตรชายตัวน้อย เธอคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ และพยายามสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง คำแรกที่จัดการให้คือการทำเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นรณฤทธิ์จะทำตาม เสียงเป่าดังๆ ให้ความร้อนของอาหารที่ถูกส่งเข้าปากลดอุณหภูมิลง กับเศษอาหารที่กระจายเกลื่อน อลิชาอมยิ้ม ยกนิ้วให้บุตรชาย เป็นกำลังใจให้เขาพยายามมากขึ้น ผ้าเช็ดปากที่เปียกนิดๆ เธอคอยเช็ดคราบอาหารที่เลอะเทอะตามตัว และสอนให้เขารู้จักระมัดระวังไม่ทำอาหารหกซ้ำ มันอาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่คนเป็นแม่มีหรือจะท้อ เมื่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอ อุทิศให้บุตรชายได้เสมอ...แม่เป็นครูคนแรก เป็นอะไรหลายๆ อย่างให้กับบุตร...ไม่เคยมีเสียงบ่นและไม่เคยท้อถอย
“ร่อยๆ แหมะฮาร์ทเก่งๆ”
คำพูดยังไม่ชัดเจน เพราะกำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน...แต่เด็กวัยนี้ทุกคนเรียนรู้และมีพัฒนาการไวมาก...
หญิงสาวยิ้ม เช็ดผ้าเปียกที่ข้างแก้ม “ทานเยอะๆ ค่ะ ฮาร์ทจะได้ตัวโตไวไว” เธอกล่าวสนับสนุน ซึ่งเด็กชายก็พร้อมปฏิบัติ เขาใช้ช้อนพลาสติกตักอาหารในถ้วยยกใส่ปาก ยิ้มให้มารดาจนตาหยี เมื่อมารดากล่าวชมไม่ขาดปาก
“อะแห้ม!” เสียงกระแอมฉุดความสนใจในตัวบุตรชายของอลิชาไปที่ต้นกำเนิดเสียง หญิงสาวผงะ! เธอเกือบหวีดร้อง แต่สะกดใจไว้ทัน... เธอแสร้งปั้นหน้าเฉยชา “ต้องการอะไรคะคุณ? ...หรืออยากได้อะไรเพิ่ม” ใบหน้าเผือดซีดนั่น ทำให้แมทธิวสะดุด หล่อนกลัวอะไร? ทุกครั้งที่เจอกัน หล่อนจะมีอาการตระหนกเช่นนี้เสมอ...
“เปล่า ผมเดินหลงทางมา” ชายหนุ่มตอบ เขาหรี่ตามองสองแม่-ลูก เบื้องหน้า
“เดินเลี้ยวซ้ายค่ะ จุดที่คุณนั่งอยู่ อยู่ตรงนั้น” อลิชาก้มหน้าลง เธอเช็ดปากให้บุตรชาย พยายามโฟกัสสายตาอยู่แค่ใบหน้าลูก
“อืม...ขอบคุณนะ ว่าแต่...เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย?”
แมทธิวมองเห็น ผู้หญิงตรงหน้าสะดุ้งจนหัวไหล่สะเทือน
น้ำอิงกับไทธัชรักอลิชาเหมือนญาติคนหนึ่ง หล่อนจงรักภักดี ทำงานรับใช้ด้วยใจ ความดีของเธอ ไทธัชเลยอยากสนับสนุน ไหนก็สู้พากเพียรเรียนจนจบ เก็บความรู้นั่นไว้ก็เสียดายเปล่า อีกอย่าง...เขามีมากพอที่จะแบ่งปัน...จึงอยากเป็นแสงสว่างให้กับคนดีๆ คนหนึ่ง
แมทธิวยิ้มเหยียด คนถือตัวจะมีอาชีพนั้นได้ยังไง ครั้งหนึ่งเขาเคย ‘จ่าย’ เพื่อให้ได้ครอบครองหล่อนมาแล้ว อะไรทำให้หล่อนเปลี่ยนไป ความทระนงนั่นมาจากไหน?
“ไม่มีก็ดี ผมไม่อยากให้ครอบครัวของคุณแตกแยก เพราะผู้หญิงมีอดีตคนหนึ่ง”
แมทธิวตัดบท ไม่มีนอกมีในก็ดีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นอาจหวังอะไร และเขาจะเป็นคนสกัดความหวังของหล่อนเอง หากความหวังนั้นจะทำให้เพื่อนรัก ไม่สบายใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกแมท ผมรักคุณอิง ไม่คิดปันใจให้ใคร”
สายตาหวานฉ่ำทอดมองภรรยา น้ำอิงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก ไม่เคยเหลือบแลสาวอื่นให้เสียสายตา เมื่อมีของล้ำค่าอยู่ในครอบครอง จะมัวมองแมลงปีกสวยข้างทางทำไม
แมทธิวไหวไหล่ เขาสาปส่งความรัก ไม่เคยเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง เมื่อคนที่รักกันแทบเป็นแทบตาย ยังหันหลังให้กันได้อย่างหน้าตาเฉย...ต่างคนต่างแสวงหาความสุขใส่ตน ทิ้งให้ผลพวง ‘ความรัก’ ที่พวกเขากล่าวอ้าง ชะเง้อชะแง้มองตามลำพัง
ไทธัชแอบสำรวจเพื่อน เขากับแมทธิวสนิทสนมกันมานาน แม้ไม่รู้เบื้องลึกทั้งหมด เมื่อเจ้าตัวไม่เคยปริปาก แต่เขาเชื่อได้...แมทธิวเองก็โหยหาความรัก เพียงแต่เขาเอาความกระด้างมาบดบังไว้ สักวัน... หัวใจเย็นชาของเพื่อน จะรับรู้ความรู้สึกอิ่มเอมนั่น หากได้พบเจอกับความรู้สึกพิเศษนั่นเข้าจังๆ ไม่มีมนุษย์บนโลกใบนี้ไร้คู่ เพราะตอนที่พระเจ้าสร้างตัวตนของเขามา ท่านสร้างอีกเสี้ยวหนึ่งตามมาด้วย เพียงแค่รอเวลา...แค่นั้นเอง...
“อาจจะค่ะ แต่อลิสจำไม่ได้” เธอตอบแบบคลุมเครือ หากรีบปฏิเสธ มันจะเป็นพิรุธเกินไป
“ผมคุ้นหน้าเธอมากเลย...เราคงจะเคยเจอกันจริงๆ แหละ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมุมปากสีเข้ม ความรู้สึกสนุก เหมือนกำลังไล่ต้อนให้คนตรงหน้าจนมุมผุดขึ้นมากลางใจ
“ค่ะ ถ้าไม่มีอะไร อลิสขอตัวนะคะ”
หญิงสาวกัดฟันพูด เธอเก็บชามอาหารของบุตรชายวางไว้ในซิ้งล้างจาน ฉวยอุ้มบุตรชายขึ้นมาแนบอก และเตรียมเผ่นหนี
“เธออยู่ที่นี่นานแล้วเหรอ?” อลิชาสะดุ้งจนเกือบสะดุดล้ม เธอรีบปลีกตัวเดินหนี ไม่รู้ว่าแมทธิวเดินตามมา
“ค่ะ” หญิงสาวรีบตอบ เธอมองหาทางชิ่งเนียนๆ ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดหัวใจเช่นนี้
“ทำไมผมไม่เคยเจอเธอเลยล่ะ ผมมาหาไอ้ไทมันออกบ่อย”
ชายหนุ่มติง...เขาแอบสำรวจผู้หญิงตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง หล่อนผ่านการมีบุตรมาแล้ว ไม่น่าเชื่อ ทรวดทรงองเอวของหล่อนยังเซี๊ยะ น่าขย้ำเหมือนเดิม กลิ่นของหล่อนทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขาเข้าขั้นจุดเดือด เวลานี้กระแสเลือดในร่างกายของตนเองกำลังเต้นพล่าน ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะเป็นคนทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้น
“ส่วนใหญ่อลิสอยู่แต่ในครัวค่ะ”
มันคงเป็นเพราะชะตากำหนด ช่วงเวลานั้นอลิชายังไม่เข้มแข็งพอ...พระเจ้าเลยปิดหู ปิดตา ทำให้เธอกับแมทธิวไม่เคยเจอกัน
“เหรอ...แปลกจัง!! ทำไมเพื่อนผมถึงยอมให้คนงานในบ้านออกไปทำงานนอกบ้านได้ล่ะ...” แมทธิวติงซ้ำ เจ้านายที่ไหนใจดีขนาด ดูแลลูกของคนงานให้ แถมยังปล่อยให้คนงานคนนั้นได้ออกไปทำงานนอกบ้านด้วย “เธอกับมัน มีซัมติงกันเหรอ?” เสียงหัวเราะฟังเฝือนๆ พิกล เมื่อหัวใจของเขาคัดแย้ง
อลิชาสูดลมหายใจลึกๆ เธอเดือดจัดจนอยากจะฟาดปากคนเล่น เขาไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์หรือทักท้วง...เมื่อแมทธิวเป็นแค่คนนอก
“มีแต่พวกจิตใจต่ำแค่นั้นแหละค่ะที่คิดได้...คุณไทกับคุณอิงมีหัวใจดั่งทอง คนหยาบๆ ไม่มีวันรู้หรอก”
อลิชาย้อนเสียงแหบ เธอขยับถอยหนี ไม่อยากต่อปากกับคนแปลกหน้า เพราะหากตนเองพลาด ความลับจะไม่เป็นความลับ
“ผมพูดตามความจริง...ผมไม่ใช่คนดีอย่างที่เธอพูดก็จริง แต่มันมีเงื่อนงำพิกล...” แมทธิวขยับตามติด เขาเปรยแย้ง ไม่มีเจ้านายคนไหนใจดีแบบนั้น
“ไม่มีเงื่อนงำอะไรทั้งนั้นค่ะ...อาจจะเป็นเพราะอลิสโชคดีได้เจ้านายที่เป็นคนดีและมีหัวใจประเสิรฐ”
หญิงสาวตอบกลับเสียงห้วน
“ผมจำเธอได้!” แมทธิวตัดใจพูดไปโต้งๆ
หญิงสาวผงะซ้ำ หัวใจแทบจะหล่นที่ตาตุ่ม เตรียมจะหาทางแก้ให้ตนเอง พอดีกับ...
“อลิสๆ อยู่ไหนนะ” เสียงฟักทองตะโกนเรียกดังแว่วๆ
“ขอตัวนะคะ มีคนเรียกหาอลิสแล้ว” หญิงสาวเดินแก้มวิ่ง หลังเอ่ยปากชิ่งไปจากแมทธิวได้ เธอควรถอยไปตั้งหลักก่อน เวลานี้เธอไม่พร้อมจะรับมือ เมื่อมีตัวประกันอยู่ในอ้อมแขน หากเขาเฉลียวใจ คนที่ซวยจะเป็นตนเอง
“เราคงได้เจอกันอีก...ไม่นาน”
แมทธิวเปรยตามหลัง เขายิ้มกว้างเมื่อเด็กชายในอ้อมแขนของผู้หญิงคนนั้นโบกมือให้ไหวๆ
อลิชาถอนใจเฮือก เมื่อเหลียวกลับมามองด้านหลัง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตามมาอีก
“ถามอะไรหน่อยเถอะ ผมไม่เข้าใจ?” แมทธิวคาใจ เขาอยากรู้ว่าอลิชากับคนบ้านนี้ มีอะไรเกี่ยวพันกันหรือไม่
“หือ...อะไรวะแมท!” ไทธัชยกแก้วค้าง เมื่อสีหน้าเพื่อนดูวุ่นวายพิกล
แมทธิวชำเลืองมองน้ำอิง เธอนั่งอยู่ไม่ไกล และไม่ได้สนใจฟังคำสนทนาของตนเองและสามีหล่อน
“แม่นั่น” ชายหนุ่มเกริ่น ไทธัชเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง
“ใคร?”
“แม่คนรับใช้ที่มีลูก ถามจริงๆ ว่ะ คุณกับหล่อนเป็นกิ้กกันมั้ย?” ชายหนุ่มโพล่งเสียงแผ่ว เขาลดเสียงลง เพราะไม่อยากให้อีกคนได้ยิน
“บ้าสิ! ไม่มีอะไรทั้งนั้น อ๋อ...คงสงสัยใช่มั้ย ทำไมผมกับคุณอิงถึงให้อลิสออกไปทำงานข้างนอก...ทั้งที่เธอเป็นแค่คนงานในบ้าน” หนุ่มเจ้าของบ้านปฏิเสธเสียงหลง เขาชี้แจงเสียงกลั้วหัวเราะ
“แน่ใจ...ไม่มีอะไรในกอไผ่แน่ๆ ใช่มั้ย?”
“ชัวร์...ผมไม่ใช่เจ้านายบ้ากามนะเฟ้ย!” ไทธัชโวย “อลิสน่าสงสาร...เธอไม่มีสามี ต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ แถมเป็นคนขยันมาก...ผมอยากให้อลิสมีเงินสักก้อนไว้เป็นค่าใช้จ่ายของลูก ตอนที่เขาโต จะยัดเหยียดให้อลิสก็คงไม่รับ เธอจน... แต่ถือตัวน่าดู...”
บทนำ‘นางบำเรอ’ คำนี้คือตราบาปในชีวิตของเธอเพราะความโชคร้าย อลิชาเลยกลายเป็น...สาวขายบริการความสัมพันธ์ครั้งนั้นมี ‘ของฝาก’ ติดท้องมาด้วยญาติกลุ่มสุดท้ายที่เลี้ยงดูเธอแทนบุพการีที่เสียชีวิต ป้ายรอยราคีนั้นด้วยการ ‘ขาย’ เธออลิชาหนีหัวซุกหัวซุนจากขุมนรกที่เคยคิดว่าคือสถานที่ปลอดภัยเธอโผบินออกจากรัง ไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักความเสียใจทำร้ายจนแทบหมดหวัง แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็กลับมีกำลังใจขึ้น ‘ของฝาก’ มีชีวิตกระตุ้นให้เธอลุกขึ้นสู้ความเป็นแม่ทำให้อลิชากัดฟันสู้ ความสำเร็จคืบคลานเข้ามาในชีวิต พร้อมเค้าลางหายนะ!!ผู้ชายคนเดิม คนที่ใช้ ‘เงิน’ ซื้อตัวเธอ เขากลับมาและเขาจำเธอได้ อลิชาจะทำยังไงดีกับความลับที่เก็บไว้ เธอคิดจะหนี แต่ดูเหมือนสถานการณ์ไม่เป็นใจบางครั้งพระเจ้าก็โหดร้ายกับมนุษย์ตัวเล็กๆ เสียเหลือเกิน ทั้งที่มนุษย์บนพื้นโลกก็ไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อต้านอำนาจที่เหล่าพระเป็นเจ้ามี หรือบางทีมันอาจเป็นบาปที่คนอย่างเราต้องแบกรับไว้ก็เป็นได้... เป็นบทลงโทษที่มนุษย์ทุกผู้ทุกคนต้องชดใช้อลิชาคงเป็นอีกคนที่มีกรรมหนัก ชีวิตของเธอแทบจะหาความสบายไม่ได้เลยสักครั้งในชีวิต...เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ร
บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย“อลิส! อีอลิส” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังโหวกเหวกอยู่หน้าห้อง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางงัวเงียตื่นจากห้วงฝัน มือเรียวหยาบกร้านยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนยับยุ่งให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะโผเผเดินไปเปิดประตูและขานรับ “ขาป้า...จะใช้อะไรอลิสเหรอคะ?”ฉลวยเบ้ปากมองสภาพแสนโทรมของหลานสาวด้วยสายตาดูถูก ร่างเล็กบางผอมแห้ง เหมือนมีแต่กระดูกมากกว่ามีเนื้อมีหนัง“สายโด่งป่านนี้ไม่คิดจะลุกมาทำอะไรให้ฉันกินหรือไงยะ!!?”เสียงแหลมปรี๊ดเพราะกำลังหิวจัด กรรโชกข่ม“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวอลิสออกไปเตรียมไว้ให้”หญิงสาวก้มหน้ารับคำสั่ง เธอปิดงับประตูพร้อมกับที่คนสั่งเดินสะบัดก้นไปอีกทาง...ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆ มือเรียวผอมบางคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเก่าพาดไว้บนบ่า แล้วจึงเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องนอน“คุณนายไปลากมาจากที่นอนอีกล่ะสิ” ติ๋มร้องทัก นางกำลังสาละวนกับงานในครัวอย่างขะมักเขม้นอลิชายิ้มกร่อยๆ ส่งให้ เธอคว้าหม้อใบขนาดพอเหมาะมือจัดแจงตักข้าวสารใส่ลงไป ทำตามด้วยกระบวนวิธีปรุงอาหาร เพื่อทำอาหารมื้อเช้าให้คนบนตึกได้รับประทาน...“คุณนายนี่ก็แปลกคน ติ๋มจะทำให้เอง...ก็ไม่ยอม ต้องไปลากหน
สายหยุดกล่าวเสียงเย็น ฉากหน้าของหล่อนคือเศรษฐีใจบุญ ทำทานไม่เคยขาด แต่เบื้องหลังแล้ว สายหยุดทำธุรกิจบนหลังคน ปล่อยกู้ดอกแพงมหาโหด แต่ก็ยังมีคนหน้ามืดแวะเวียนไปมาหาสู่ไม่ขาดสาย รวมทั้งฉลวยด้วย“อีคุณนายหน้าเลือด ตามจิกยิกๆ เชียวมึง!” หลังกดวางสาย ฉลวยก่นด่าสายหยุดไม่หยุดปาก นางฉวยกระเป๋าสตางค์ล้วงธนบัตรออกมานับเงินมือเป็นระวิง “ขาดไปห้าพัน เอาไงดีล่ะ” เพิ่งควักกระเป๋าจ่ายให้อลินดาไป เงินที่ต้องจ่ายดอกสายหยุดจึงไม่พอ ฉลวยขมวดคิ้วจนหน้าย่น คิดหาทางเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นคงได้ขายขี้หน้าเพราะปากสายหยุด นางถนัดนักล่ะการประจานคน...ชื่อเสียงของครอบครัวนางคงได้ป่นปี้ครานี้ปฏิทินข้างผนังบ้าน วันที่ตรงกับวันเงินเดือนออกของอลิชาพอดี มุมปากสีซีดเหยียดยิ้ม คงต้อง ‘ขูด’ มาจากหลานสาวอีกครั้งนางลุกขึ้นยืน...เดินฉับๆ ไปด้านหลังบ้าน ห้องพักที่สร้างให้อลิชาพักอาศัย สถานที่ที่เธอจะได้สิ่งที่หวังก๊อกๆ นางบรรจงเคาะประตูไม้เนื้อแข็งแรงๆ“คะ ใครคะ?” เสียงหวานๆ ร้องถาม“ฉันเองยะ!” นางตอบพร้อมกับถอยหลังมายืนห่างประตูเล็กน้อย“คุณป้ามีอะไรใช้อลิสอีกเหรอคะ?” หญิงสาวรีบดันประตูเปิด เธออยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปทำงา
บทที่2.นางบำเรอขัดดอก“อีตอนมาเอาเงินนี่... กราบฉันเสียเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เวลามาคืนนี่... ต้องให้จิกซ้ำถึงจะยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนะยะ”ปลายเล็บเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดกรีดไปตามธนบัตรใหม่เอี่ยม ปากสีแดงแจ๊ดพร่ำบ่นเสียงไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าหาบเร่ เมื่อทั้งดังและแหลมปรี๊ด“เงินมันหายากนี่คุณนาย...ดอกก็แพงด้วย” หางเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเสหลบตา เพราะสายตาคมดุตวัดมามองพอดี“ฉันบอกหล่อนแล้วนี่ยะ ก่อนที่หล่อนจะมาหยิบยืม ตอนนั้นทำไมไม่ท้วงล่ะ พอตอนจะคืนมาโวย”หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะขัดสนจึงต้องใช้บริการคุณนายสายหยุดหน้าเลือด ดอกเบี้ยแพงและโตไว้ยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดโดนความร้อนเสียอีก“นั่นใครล่ะ อ๋อ! แม่ฉลวยเข้ามาเลย ฉันกำลังรออยู่”ฉลวยเดินหน้าม่อยเข้ามา นางทิ้งตัวลงนั่ง กระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่ล้วงธนบัตรในกระเป๋าออกมาทั้งหมด“เหลือเท่าไหร่แล้วคะคุณนาย ฉันส่งมาหลายงวดแล้วนะเมื่อไหร่จะหมดสักที” ฉลวยบ่นอุบ หาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อจะมาใช้หนี้สายหยุด โดยไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่สมุดเล่มโตถูกเปิดออกด้วยนิ้วป้อมๆ ปลายเล็บเคลือบสีสันฉูดฉาดไล่เลียงหารายชื่อ ก่อนจะยิ้มมุมปากหยันๆ “หล่อนต้องหาอีกนานเลยล่ะแม่ส
“หามาเถอะน่า...แล้วแม่จะอธิบายให้ฟัง...” ฉลวยบอกปัด เริ่มละอายใจเล็กน้อย“อลินอยากรู้ค่ะ” อลินดากังขา เธออยากรู้วัตถุประสงค์ของคนเป็นแม่ฉลวยมองสบนัยน์ตาบุตรสาว นางถอนใจเฮือก ก่อนจะเปิดปากเล่าความคิดในใจให้อลินดาฟังสาวรุ่นยิ้มกริ่ม “ได้ค่ะ อลินจะหาให้...ให้อลินช่วยนะคะแม่...” หล่อนออกตัว อยากช่วยมารดาจนเนื้อเต้น เมื่อได้กำจัดศัตรูทางอ้อม อยากเห็นวันที่อลิชาถูกย่ำยี...วันนั้นอลินดาคงมีความสุข เมื่อถีบส่งคนที่ตนเองเกลียดลงไปในขุมนรกหญิงสาวผู้นั้นเป็นหนามแหลมๆ ตำใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่อลิชาทำ คนรอบตัวมักจะชื่นชม และนำมาเปรียบเทียบกับตนเองบ่อยครั้ง ผลการเรียนของอลิชานำโด่ง จนไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางตามทัน ทั้งที่เจ้าหล่อนอัตคัดเหลือทน การเป็นอยู่อดๆ อยากๆ แต่มันสมองนั่นก้าวล้ำกว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างเธอหลายขุมอะไรก็ตามที่ทำให้หนามตำใจของตนเองตกต่ำลงได้อลินดาไม่รอช้าที่จะทำ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าอลิชาเป็นพี่ น้อง...เธอเกลียดหญิงสาวผู้นั้น และพร้อมที่จะเหยียบซ้ำ หากอลิชาก้าวพลาด“อย่าให้คุณพ่อแกรู้เชียวนะอลิน...เพราะพ่อแก เขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้”ฉลวยกำชับบุตรสาว“ค่ะ
บทที่3.ผู้หญิงไม่มีราคา“โอยไม่เอาหรอก พันธะ ภาระผูกพันนี่น่าเบื่อตายห่า! ผมซื้อกินดีกว่าสบายใจด้วย”คำตอบที่แมทธิว ไบเลย์ใช้ตอบคนรอบตัว หนุ่มโสดที่ทั้งหล่อและรวย ใช้ชีวิตคุ้มค่าตามประสาลูกหลานคนมีเงิน ชายหนุ่มไม่เคยอายที่จะใช้บริการผู้หญิงหากิน แต่เขาก็ไม่ได้มั่วกินไม่เลือก ชายหนุ่มมีสถานที่ประจำ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่ใช่ผู้หญิงช้ำๆ ผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบเขา หาผู้หญิงมานอนด้วยไม่ยาก เมื่อชายหนุ่มเข้าขั้นรูปหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับดาราดังๆ หลายคน ณเดชที่ว่าหล่ออารมณ์ดี หากมายืนเทียบกับแมทธิวตอนนี้ สง่าราศีของชายหนุ่มอาจนำโด่ง...ผู้หญิงเป็นร้อยพร้อมที่จะเดินขึ้นเตียงกับแมทธิวฟรีๆ แต่...ชายหนุ่มไม่นิยม เขาตัดความรำคาญโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงรอบตัว เขาจ่ายเงินเพื่อความสบายใจ...ง่ายกว่ามาปวดหัวกับเรื่องหยุมหยิม...ในวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง...แมทธิวนั่งจมกับกองขวดเหล้า เขาดื่มเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดในใจ...ใช่...เพราะอดีตในเยาว์วัย ชายหนุ่มจึงแอนตี้ผู้หญิง...แมทธิวโตมากับความรักของบิดา...ส่วนมารดาของเขานั้น หล่อนทิ้งแมทธิวกับคุณแอนเดอสันไปตั้งแต่ชายหนุ่มจำความได้ กนกรดาหอบผ
ฉลวยเอ่ยแบบคนเห็นแก่ตัว ข้าวแดงแกงร้อนที่รินรดหัว ถึงจะสำคัญ แต่หล่อนก็ไม่มีสิทธิทำตามอำเภอใจเช่นนี้“คุกนะแม่...หากอีนี่มันโวยขึ้นมา”อลินดายังพยายามท้วง...ถึงอยากให้อลิชาตกต่ำ แต่ความกลัวมีมากกว่า“มันจะกล้าโวยเหรอลูก...มันน่าจะอายมากกว่า”ผู้หญิงที่ถูกย่ำยีโดยผู้ชายที่ตนเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแซ่ สิ่งแรกหล่อนน่าจะอับอาย และอลิชาหน้าบาง หล่อนไม่น่าจะโวยวาย“เอาไงก็เอา...มาถึงขึ้นนี้แล้ว...เราคงถอยไม่ได้แล้วล่ะแม่”สาวรุ่นสูดลมหายใจลึกๆ วางแผนมาอย่างดิบดี และแผนการนี้ดำเนินมาเกินครึ่ง...หากถอยคงไม่ทัน“ใช่...เพราะหากเปลี่ยนใจตอนนี้ แม่นี่แหละที่จะตาย...ไม่ใช่แกหรืออีอลิสหรอก... อีคุณนายนั่น ถลกหนังหัวแม่แน่”สายหยุดคงไม่ปล่อยเธอแน่ ไหนจะหนี้ที่พอกพูนเหมือนดินพอกหางหมู...ที่แน่ๆ หากงานวันนี้จบลง เธอปลดหนี้ได้ แถมมีเงินติดกระเป๋ากลับบ้านด้วยอลินดาตัดใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าๆ ปอนๆ ของอลิชาออก เธอแต่งตัวให้อลิชาใหม่ ด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ของตนเองหญิงสาวโชคร้ายนอนหลับไม่รู้เรื่อง ผิวหน้าของอลิชาเริ่มเปลี่ยนสี มีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา และผิวแก้มมีริ้วแดงๆ เพราะความคุคลั่งภายในร่างกาย“เร็วๆ เถอะแ
อลิชาปรือตาขึ้นมอง สายตาของเธอมองเห็นทุกอย่างรอบตัวไม่ชัดเท่าไหร่...เนื้อตัวคันยุบยับ เหมือนมีแมลงตัวเล็กๆ มาชอนไช เธอพยายามเกา พยายามช่วยเหลือตัวเอง แบบคนที่มีสติไม่เต็มร้อย ผ้าเนื้อหนาบนร่างกายเสียดสีกับผิวเนื้อทำให้ผิวของเธอแสบทรมาน หญิงสาวดึงทึ้งอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างกายอ่อนบาง พร้อมกับประตูที่เปิดอ้าขึ้น...อลินดาเหลียวมองผู้ชายหนุ่มฉกรรจ์ที่เดินผ่านตนเองกับมาดาไป แพขนตากะพริบถี่ๆ เขาผู้นั้นหล่อวายร้าย ลุคเถื่อนๆ มองแค่แผ่นหลัง ยังเสียววาบไปถึงท้องน้อย...ไหล่กว้างทรงพลัง เรียวขาบึกบึนกำยำ ผู้ชายแบบนี้ถ้าได้นอนใต้ร่าง เธอคงได้ครางเสียงแหบทั้งคืน พลังเพศผู้ของเขาแผ่ซ่านมายังเธอ แม้จะอยู่ห่างไกลยังสัมผัสถึงได้ หญิงสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปาก...กัดริมฝีปากร่างเพื่อกลั้นความกระหาย...เพี้ยะ!ฝ่ามือผอมบางของมารดาฟาดโผว๊ะมาที่ท้องแขนตนเอง อลินดาสะดุ้ง!“คุณแม่อะ ตีอลินทำไมคะ?” หญิงสาวโวยเสียงอ่อย ไม่วายชำเลืองมองแมทธิวที่เดินหายลับมุมตึกไป“ดูทำเข้า มองผู้ชายเหมือนอยากจะขย้ำ ทำตัวดีๆ หน่อยแม่ไม่อยากให้ใครว่าตามหลัง”ฉลวยเหลือบเห็นปฏิกิริยาของบุตรสาวเข้าพอดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิ อล