บทที่6.ความลับที่ปิดบังไว้
ปลายเล็บกดลงบนผิวเนื้อหลังมือ “อุ้ย!” หญิงสาวสะดุ้ง มันไม่ใช่แค่เพียงความฝัน ที่เกิดอยู่ตรงหน้านี่ ของจริง เหตุการณ์จริงๆ ที่เธอกำลังเผชิญหน้า
ในความมลังเมลือง...ความทรงจำที่ไม่ใคร่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ เนื่องจากสติสัมปชัญญะของตนเองไม่เต็มร้อย...โครงหน้าผู้ชายในความทรงจำ ผู้ชายที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุด มากขนาดทิ้งเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งไว้ในท้องของเธอ
แพขนตากะพริบถี่ๆ พยายามเพ่งมองเพื่อจับเค้าหน้าชัดๆ
อลิชาภาวนาในใจ เธอวิงวอนพระผู้เป็นเจ้า อย่าให้เธอต้องมาเจอะเจอ ‘คน คนนั้น’ อีกเลย
แต่...คำภาวนาของเธอไร้ผล...เพราะยิ่งเห็นยิ่งย้ำเตือน โครงหน้านี้ที่เธอไม่มีวันลืม...ไม่มีทางลืมชั่วชีวิต…
เสียงถอนลมหายใจแรงๆ อลิชากำลังชั่งใจ เธอจะถอยเสียงตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะสู้ต่อ โดยไม่แคร์คน คนนั้น
“ลูกกระจอกอย่างเรา มีโอกาสได้เจอบิ้กบอสก็แค่วันนี้แหละเธอ”
เสียงเพื่อนร่วมงานกระซิบกระซาบกันใกล้ๆ
“ใช่! เจ้าชายบนหอคอย...อัศวินผู้คุ้มครองปวงประชา เข้าถึงตัวง่ายๆ ได้เหรอ”
อลิชาคิดตาม...จริงสินะ...ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขา โอกาสที่จะได้พบเจอเป็นไปได้ยาก...เมื่อเขานั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ในขณะที่เธอและคนอื่นๆ อยู่บนพื้นหญ้า
มือเรียวกำแน่น...เธอลองเสี่ยงได้นี่ อีกอย่างเวลานานเป็นปีๆ ผู้ชายคนนั้นไม่น่าจะจำเธอได้...
หญิงสาวก้มหน้าลง เธอฟังคำปราศรัยของ ‘คนในอดีต’ วิสัยทัศน์ของเขากับความมุ่งมั่น สมกับเป็นผู้นำองค์กร อลิชาพยายามทำตัวให้เล็กลีบที่สุดเพื่อไม่ให้สะดุดตา...เธอทำสำเร็จ เมื่อแมทธิวกล่าวถึงบทสุดท้าย
“ยินดีต้อนรับทุกคน พวกคุณทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของไบเล่ย์เทรด...เราจะก้าวไปข้างหน้า และยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆ กัน”
เสียงเฮดังลั่น ผสมกับเสียงปรบมือที่แสนยาวนาน...นับว่าแมทธิวประสบความสำเร็จในการกล่าวปลุกกำลังใจ เขาใช้จิตวิทยาได้เป็นอย่างดี
“บิ้กบอสหล่อขนาดนี้ ฉันยินดีทำงานแบบถวายตัวเลย”
เสียงกระเซ้าที่แมทธิวไม่มีทางได้ยินจากพนักงานสาวๆ เขาเป็นขวัญใจของพวกหล่อน แค่เพียงเดินผ่านก็แทบจะหลอมละลาย
ชายหนุ่มเดินลงจากเวที เขาปรายตามองผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับรอยยิ้มสมใจ... เราได้เจอกันแน่!
อลิชาถอนใจเฮือกใหญ่ ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดจบลง พร้อมกับความหวัง...เธอเดินไปต่อแถว เพื่อรับเครื่องแบบพนักงาน อักษรย่อ BL เด่นชัดกลางอกเสื้อจากนี้ไป อนาคตของเธอและบุตรชายอยู่ในกำมือตนเอง ขอเพียงแค่...อย่าได้เวียนไปเจอกับเขาผู้นั้น แค่นั้นความหวังของเธอคงไม่มีอะไรผิดพลาด...
แต่...มันจะเรียบง่ายปานนั้นเชียวหรือ...
“ไอ้เสือ คุณแอบไม่มีลูกตอนไหนวะ?”
แมทธิวเดินเข้ามาตบลงบนบ่ากว้างของไทธัช เขาทักเพื่อนเสียงร่าเริง เมื่อในอ้อมแขนของไทธัชมีเด็กชายหน้าตาน่าชัง
“เห้ย! ไม่ใช่ลูกผม ลูกเด็กที่บ้าน คุณอิงเขาพามาฉีดยา...” ไทธัชกล่าวแก้ ก้มมองเด็กน้อยที่หลับคอพับบนบ่า ด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู
“ลูกเด็กที่บ้าน...คือ?” หนุ่มโสดสนิทไม่เข้าใจ
“ลูกคนงานที่บ้านน่ะ เลี้ยงมาตั้งแต่แรกคลอด คุณอิงเลยคิดว่าเป็นลูกตัวเองด้วย”
เขาและน้ำอิงพยายามแล้ว พยายามอีก ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาแพทย์ หรือการเข้าคอร์สเพื่อการมีบุตร แต่...สิ่งที่หวังไม่เคยเยี่ยมกรายมาเลย เด็กชายในอ้อมแขนเลยพลอยได้รับความรักจากน้ำอิงไปด้วย เพราะการมีเขาทำให้น้ำอิงที่ซึมเซาเพราะเสียใจรู้สึกดีขึ้น
“อ๋อ...นึกว่าลูกคุณ แต่ว่าเถอะ เด็กนี่หน้าคุ้นๆ ว่ะ” แมทธิวชะโงกหน้ามอง โครงหน้าของเด็กชายคุ้นตาจนสะดุด
“โปสต์การ์ดที่ผมส่งให้ไง...ตอนปีใหม่นั่นล่ะ... ฝีมือคุณอิงเขา...เฉพาะรูปนั้นน่ะ ทำเงินได้หลายสตางค์เชียวแหละ”
งานพาร์ทไทม์ที่น้ำอิงทำ สร้างรายได้ไม่น้อย ยิ่งรูปเด็กชายรณฤทธิ์ด้วยแล้ว มีแม่บ้านจำนวนไม่น้อยติดใจกับความน่ารักน่าชังยามเผลอตัว หลายภาพขายดีจนเกลี้ยงแผง แค่เพียงวันแรกๆ ที่วางจำหน่าย
แมทธิวพยักใบหน้าหงึกหงัก เขานึกภาพนั้นออกทันที เพราะติดใจแววตาจัดจ้าของเด็กน้อย ไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัวแค่นี้เอง
“สวัสดีค่ะคุณแมท ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” น้ำอิงเดินเข้ามาสมทบ ในมือเธอมีถุงยาติดมาด้วย
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?” ไทธัชเอ่ยถามภรรยา
“ค่ะ...จะกลับเลยมั้ยคะ ตาหนูดูเหมือนจะง่วง”
หญิงสาวมองเลยไปยังเด็กน้อย ซึ่งหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา
“ดีเหมือนกัน คุณจะได้พักด้วย” สองสามี-ภรรยาพูดคุยกัน ลืมแมทธิวเสียสนิท
จนกระทั่งเขาโวยวายขึ้นมานั่นแหละ “อะไร! นานๆ เจอกันที จะทิ้งผมแล้วหรือหะ”
“เซ็งคนโสดไม่มีที่ไปจังว่ะ...ตามมาสิ ผมไม่ดื่มนอกบ้าน...ถ้าหาเพื่อนดื่มล่ะก็ เชิญที่บ้านผมเลย”
ไทธัชชวนพร้อมกับยิ้ม...เขารู้ดีว่าหากวันไหนที่แมทธิวไม่มีคนข้างกาย คือวันที่เขากำลังต้องการความเป็นส่วนตัว ดังนั้น... บ้านของเขาน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุด
“เอาไงเอากันสิ...เบื่อๆ เหมือนกัน”
อาจจะเป็นเพราะถึงจุดอิ่มตัวแล้วก็เป็นได้ หลังๆ มานี่ แมทธิวแทบไม่ออกไปปาร์ตี้ เขาขลุกอยู่ในบ้านและดื่มคนเดียวเงียบๆ มากกว่า
“หาเมียสักคนสิเพื่อน รับรองได้ หายเหงา” เพื่อนหนุ่มเอียงหน้ากระซิบแซว
“ไม่ล่ะ แค่คิดก็สยอง...” ชายหนุ่มส่ายใบหน้าแรงๆ ในความคิดของแมทธิว ไม่มีคำว่า ‘ครอบครัว’ เขาไม่อยากซ้ำรอยเดิมเหมือนบิดา ชีวิตแต่งงานพังไม่เป็นท่า กลายเป็นชายแก่ที่แสวงหาความรักไม่หยุด ไม่หย่อน แม้กระทั่งเวลานี้...
“สยองอะไร คุณกลัวงั้นรึ?”
ไทธัชกระเซ้า ผู้หญิงที่ขยาดกับการมีสามีคือ ‘เจ้าสาวกลัวฝน’ แล้วผู้ชายที่ไม่ต้องการแต่งงานเล่า สรรพนามควรเรียกว่าอะไรดี
“ไม่ได้กลัวโว้ย! แค่ไม่อยากรับผิดชอบใคร ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น แค่จ่ายแล้วจบ ง่ายกว่า”
แมทธิวอธิบาย...งานของเขามีมากจนล้นมือ เขาไม่มีเวลาเทคแคร์ใคร...ไม่พร้อมที่จะต้องมาปรับอารมณ์เรียนรู้ใครอีกคน เขาชอบแบบอิสระ...ลั๊ลลาไปเรื่อยๆ มากกว่า ไม่จำเจ และไม่ต้องแคร์
น้ำอิงแอบเบ้ปาก...ผู้ชายกระด้างแบบนี้ ตกม้าตายมาเยอะแล้ว ทำเป็นปากดี ตินั่น ตินี่ พอเจอคนที่เป็นคู่จริงๆ ที่พูดไปทั้งหมดนั่น เขาเหล่านั้นทำตรงกันข้าม...เธอเดาอนาคตเพื่อนสามีได้เลย แบบนี้หวงของชัวร์ ถ้าเจอคนที่ใช่ เขาจะเป็นผู้ชายที่รักหมดหัวใจ และพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างให้คนที่ตัวเองรัก
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะคุณแมท...ของแบบนี้ ถึงเวลาก็มาเอง ความรักมักจะมาตอนที่เราไม่รู้ตัวตลอดค่ะ”
น้ำอิงเปรย เธอตบก้นเด็กชายเบาๆ เมื่อเขาขยับตัวครางเสียงอ้อแอ้
“เท่าไหร่แล้วล่ะนั่น...เลี้ยงแต่ลูกคนอื่น ทำไมไม่ทำเองวะไท?” แมทธิวชำเลืองมองเด็กชายตัวอ้วนกลม เขาเปรยถามเพื่อน เพราะชายหนุ่มทิ้งรถยนต์ของตัวเองไว้ที่ห้างสรรพสินค้า เขากระโจนขึ้นรถยนต์ของเพื่อนมา โดยอ้างว่าขี้เกียจขับ...
“พยายามแล้ว...แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณอิงเลยซ้อมเลี้ยงลูกอลิสไปพลางๆ ก่อน พอถึงเวลาจะได้คล่อง”แมทธิวขมวดคิ้ว...ชื่อที่ผ่านปากเพื่อนมาคุ้นหูอีกแล้ว‘อลิสในแดนมหัศจรรย์’ แม่สาวสุดร้อนแรงที่เขาลืมไม่ลง“เหรอ...นึกว่าไร้น้ำยา แต่งงานมา3ปีแล้วนี่หว่า” ชายหนุ่มกระเซ้า พร้อมกับหัวเราะลงลูกคอ“อิงไม่แข็งแรงค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณไท ช่วงนี้ก็เลยต้องบำรุงตัวเองไปก่อน...ไม่นานก็คงสมหวัง”น้ำอิงแก้ตัวให้สามี ไทธัชไม่ได้ผิดปกติ เธอต่างหากที่ยังไม่สมบูรณ์“ว่าแต่ผม...คุณเถอะ ไมได้ไปไข่ทิ้งไว้นะ...เห็นควงสาวไปทั่ว” ไทธัชเหน็บเพื่อนแรงๆ เมื่อแมทธิวมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงเป็นร้อย แต่กลับไม่มีข่าวฉาวให้เห็นสักครั้ง“เจาะหมวกเหล็กผมออกมาได้ ก็ต้องยอมรับล่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะก๊าก! เขาพกคอนดอมคราวละไม่ต่ำกว่าสามกล่อง...มีอุปกรณ์สกัดดาวรุ่งขนาดนั้น...ไม่มีทางที่เมล็ดพันธุ์ของเขาจะงอกเงย...ไทธัชหัวเราะหึๆ เขาส่ายใบหน้า ระอากับความโผงผางของเพื่อน...แมทธิวนิ่งเงียบ เขาเผลอตัวคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่ง...กำแพงรั้วสีขาวตระหง่านเบื้องหน้า ประตูรั้วเหล็กถูกดันให้เปิดออกด้วยมือคนงานเก่าแก่ ชายสูงวัยค้อมตัวให้เมื
คำพูดของน้ำอิงทำให้แมทธิวสะดุด มันฟังแปลกๆ พิกล หล่อนมี ‘ลูก’ แสดงว่าผ่านการมีสามีมาแล้ว แต่ทำไมที่น้ำอิงพูดมานั้น เหมือนกับว่าแม่สาวนาม ‘อลิส’ คนนั้น ยังไร้คนข้างกาย ไม่หรอกน่า หล่อนมีลูกแล้ว!! เป็นความกังขาที่เกิดขึ้นในสมองสั่งการของแมทธิว“อลิสไม่มีทางไปจากที่นี่หรอกน่าคุณอิง...เธอไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม...คุณก็เห็น”คำพูดของเพื่อนรักยิ่งย้ำให้แมทธิวสับสน“แม่ครัวบ้านคุณไม่มีสามี แต่มีลูกงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มยอมเสียมารยาท เขาโพล่งออกมาเสียงดังสองสามี-ภรรยาชะงัก คงเพราะลืมตัว จนเผลอพูดความลับของอลิชาออกมาให้คนนอกร่วมรับรู้“อย่าไปสนใจเลยว่ะแมท...เรื่องของคนงาน...ผมแค่ชี้แจงให้คุณอิงสบายใจ...หากเราดูแลดี ไม่มีใครอยากไปไหนหรอก”“ใช่ค่ะๆ อย่าสนใจเรื่องกวนใจของคนทำงานบ้านเลยค่ะ ว่าแต่คุณแมทเถอะ หมู่นี่เงียบฉี่ เบื่อสาวๆ แล้วเหรอคะ?”แมทธิวมีคู่ควงมากหน้าหลายตา เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดคุ้มค่าที่สุด แม้จะต้องจ่ายหนักไปสักหน่อย เมื่อนิยามของเขา ไม่มีการสานต่อ หากเต็มใจที่จะคบกับแมทธิว ก็ต้องเตรียมใจไว้ในวันที่ลาจาก เมื่อชายหนุ่มพร้อมจะถอยหนี หากคู่ควงคนไหนคิดจะจริงจังกับเขา เขายินดีจ่ายแบบไม่เกี่ยง
อาหารอ่อนๆ ที่ปรุงให้บุตรชายได้รับประทาน อลิชาใช้ช้อนตัก เป่าจนเย็นขึ้นก่อนจะส่งช้อนนั่นให้บุตรชายตัวน้อย เธอคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ และพยายามสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง คำแรกที่จัดการให้คือการทำเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นรณฤทธิ์จะทำตาม เสียงเป่าดังๆ ให้ความร้อนของอาหารที่ถูกส่งเข้าปากลดอุณหภูมิลง กับเศษอาหารที่กระจายเกลื่อน อลิชาอมยิ้ม ยกนิ้วให้บุตรชาย เป็นกำลังใจให้เขาพยายามมากขึ้น ผ้าเช็ดปากที่เปียกนิดๆ เธอคอยเช็ดคราบอาหารที่เลอะเทอะตามตัว และสอนให้เขารู้จักระมัดระวังไม่ทำอาหารหกซ้ำ มันอาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่คนเป็นแม่มีหรือจะท้อ เมื่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอ อุทิศให้บุตรชายได้เสมอ...แม่เป็นครูคนแรก เป็นอะไรหลายๆ อย่างให้กับบุตร...ไม่เคยมีเสียงบ่นและไม่เคยท้อถอย“ร่อยๆ แหมะฮาร์ทเก่งๆ”คำพูดยังไม่ชัดเจน เพราะกำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน...แต่เด็กวัยนี้ทุกคนเรียนรู้และมีพัฒนาการไวมาก...หญิงสาวยิ้ม เช็ดผ้าเปียกที่ข้างแก้ม “ทานเยอะๆ ค่ะ ฮาร์ทจะได้ตัวโตไวไว” เธอกล่าวสนับสนุน ซึ่งเด็กชายก็พร้อมปฏิบัติ เขาใช้ช้อนพลาสติกตักอาหารในถ้วยยกใส่ปาก ยิ้มให้มารดาจนตาหยี เมื่อมารดากล่าวชมไม่ขาดปาก“อะแห้ม!” เสียงกระแอ
บทนำ‘นางบำเรอ’ คำนี้คือตราบาปในชีวิตของเธอเพราะความโชคร้าย อลิชาเลยกลายเป็น...สาวขายบริการความสัมพันธ์ครั้งนั้นมี ‘ของฝาก’ ติดท้องมาด้วยญาติกลุ่มสุดท้ายที่เลี้ยงดูเธอแทนบุพการีที่เสียชีวิต ป้ายรอยราคีนั้นด้วยการ ‘ขาย’ เธออลิชาหนีหัวซุกหัวซุนจากขุมนรกที่เคยคิดว่าคือสถานที่ปลอดภัยเธอโผบินออกจากรัง ไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักความเสียใจทำร้ายจนแทบหมดหวัง แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็กลับมีกำลังใจขึ้น ‘ของฝาก’ มีชีวิตกระตุ้นให้เธอลุกขึ้นสู้ความเป็นแม่ทำให้อลิชากัดฟันสู้ ความสำเร็จคืบคลานเข้ามาในชีวิต พร้อมเค้าลางหายนะ!!ผู้ชายคนเดิม คนที่ใช้ ‘เงิน’ ซื้อตัวเธอ เขากลับมาและเขาจำเธอได้ อลิชาจะทำยังไงดีกับความลับที่เก็บไว้ เธอคิดจะหนี แต่ดูเหมือนสถานการณ์ไม่เป็นใจบางครั้งพระเจ้าก็โหดร้ายกับมนุษย์ตัวเล็กๆ เสียเหลือเกิน ทั้งที่มนุษย์บนพื้นโลกก็ไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อต้านอำนาจที่เหล่าพระเป็นเจ้ามี หรือบางทีมันอาจเป็นบาปที่คนอย่างเราต้องแบกรับไว้ก็เป็นได้... เป็นบทลงโทษที่มนุษย์ทุกผู้ทุกคนต้องชดใช้อลิชาคงเป็นอีกคนที่มีกรรมหนัก ชีวิตของเธอแทบจะหาความสบายไม่ได้เลยสักครั้งในชีวิต...เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ร
บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย“อลิส! อีอลิส” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังโหวกเหวกอยู่หน้าห้อง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางงัวเงียตื่นจากห้วงฝัน มือเรียวหยาบกร้านยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนยับยุ่งให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะโผเผเดินไปเปิดประตูและขานรับ “ขาป้า...จะใช้อะไรอลิสเหรอคะ?”ฉลวยเบ้ปากมองสภาพแสนโทรมของหลานสาวด้วยสายตาดูถูก ร่างเล็กบางผอมแห้ง เหมือนมีแต่กระดูกมากกว่ามีเนื้อมีหนัง“สายโด่งป่านนี้ไม่คิดจะลุกมาทำอะไรให้ฉันกินหรือไงยะ!!?”เสียงแหลมปรี๊ดเพราะกำลังหิวจัด กรรโชกข่ม“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวอลิสออกไปเตรียมไว้ให้”หญิงสาวก้มหน้ารับคำสั่ง เธอปิดงับประตูพร้อมกับที่คนสั่งเดินสะบัดก้นไปอีกทาง...ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆ มือเรียวผอมบางคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเก่าพาดไว้บนบ่า แล้วจึงเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องนอน“คุณนายไปลากมาจากที่นอนอีกล่ะสิ” ติ๋มร้องทัก นางกำลังสาละวนกับงานในครัวอย่างขะมักเขม้นอลิชายิ้มกร่อยๆ ส่งให้ เธอคว้าหม้อใบขนาดพอเหมาะมือจัดแจงตักข้าวสารใส่ลงไป ทำตามด้วยกระบวนวิธีปรุงอาหาร เพื่อทำอาหารมื้อเช้าให้คนบนตึกได้รับประทาน...“คุณนายนี่ก็แปลกคน ติ๋มจะทำให้เอง...ก็ไม่ยอม ต้องไปลากหน
สายหยุดกล่าวเสียงเย็น ฉากหน้าของหล่อนคือเศรษฐีใจบุญ ทำทานไม่เคยขาด แต่เบื้องหลังแล้ว สายหยุดทำธุรกิจบนหลังคน ปล่อยกู้ดอกแพงมหาโหด แต่ก็ยังมีคนหน้ามืดแวะเวียนไปมาหาสู่ไม่ขาดสาย รวมทั้งฉลวยด้วย“อีคุณนายหน้าเลือด ตามจิกยิกๆ เชียวมึง!” หลังกดวางสาย ฉลวยก่นด่าสายหยุดไม่หยุดปาก นางฉวยกระเป๋าสตางค์ล้วงธนบัตรออกมานับเงินมือเป็นระวิง “ขาดไปห้าพัน เอาไงดีล่ะ” เพิ่งควักกระเป๋าจ่ายให้อลินดาไป เงินที่ต้องจ่ายดอกสายหยุดจึงไม่พอ ฉลวยขมวดคิ้วจนหน้าย่น คิดหาทางเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นคงได้ขายขี้หน้าเพราะปากสายหยุด นางถนัดนักล่ะการประจานคน...ชื่อเสียงของครอบครัวนางคงได้ป่นปี้ครานี้ปฏิทินข้างผนังบ้าน วันที่ตรงกับวันเงินเดือนออกของอลิชาพอดี มุมปากสีซีดเหยียดยิ้ม คงต้อง ‘ขูด’ มาจากหลานสาวอีกครั้งนางลุกขึ้นยืน...เดินฉับๆ ไปด้านหลังบ้าน ห้องพักที่สร้างให้อลิชาพักอาศัย สถานที่ที่เธอจะได้สิ่งที่หวังก๊อกๆ นางบรรจงเคาะประตูไม้เนื้อแข็งแรงๆ“คะ ใครคะ?” เสียงหวานๆ ร้องถาม“ฉันเองยะ!” นางตอบพร้อมกับถอยหลังมายืนห่างประตูเล็กน้อย“คุณป้ามีอะไรใช้อลิสอีกเหรอคะ?” หญิงสาวรีบดันประตูเปิด เธออยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปทำงา
บทที่2.นางบำเรอขัดดอก“อีตอนมาเอาเงินนี่... กราบฉันเสียเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เวลามาคืนนี่... ต้องให้จิกซ้ำถึงจะยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนะยะ”ปลายเล็บเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดกรีดไปตามธนบัตรใหม่เอี่ยม ปากสีแดงแจ๊ดพร่ำบ่นเสียงไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าหาบเร่ เมื่อทั้งดังและแหลมปรี๊ด“เงินมันหายากนี่คุณนาย...ดอกก็แพงด้วย” หางเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเสหลบตา เพราะสายตาคมดุตวัดมามองพอดี“ฉันบอกหล่อนแล้วนี่ยะ ก่อนที่หล่อนจะมาหยิบยืม ตอนนั้นทำไมไม่ท้วงล่ะ พอตอนจะคืนมาโวย”หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะขัดสนจึงต้องใช้บริการคุณนายสายหยุดหน้าเลือด ดอกเบี้ยแพงและโตไว้ยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดโดนความร้อนเสียอีก“นั่นใครล่ะ อ๋อ! แม่ฉลวยเข้ามาเลย ฉันกำลังรออยู่”ฉลวยเดินหน้าม่อยเข้ามา นางทิ้งตัวลงนั่ง กระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่ล้วงธนบัตรในกระเป๋าออกมาทั้งหมด“เหลือเท่าไหร่แล้วคะคุณนาย ฉันส่งมาหลายงวดแล้วนะเมื่อไหร่จะหมดสักที” ฉลวยบ่นอุบ หาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อจะมาใช้หนี้สายหยุด โดยไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่สมุดเล่มโตถูกเปิดออกด้วยนิ้วป้อมๆ ปลายเล็บเคลือบสีสันฉูดฉาดไล่เลียงหารายชื่อ ก่อนจะยิ้มมุมปากหยันๆ “หล่อนต้องหาอีกนานเลยล่ะแม่ส
“หามาเถอะน่า...แล้วแม่จะอธิบายให้ฟัง...” ฉลวยบอกปัด เริ่มละอายใจเล็กน้อย“อลินอยากรู้ค่ะ” อลินดากังขา เธออยากรู้วัตถุประสงค์ของคนเป็นแม่ฉลวยมองสบนัยน์ตาบุตรสาว นางถอนใจเฮือก ก่อนจะเปิดปากเล่าความคิดในใจให้อลินดาฟังสาวรุ่นยิ้มกริ่ม “ได้ค่ะ อลินจะหาให้...ให้อลินช่วยนะคะแม่...” หล่อนออกตัว อยากช่วยมารดาจนเนื้อเต้น เมื่อได้กำจัดศัตรูทางอ้อม อยากเห็นวันที่อลิชาถูกย่ำยี...วันนั้นอลินดาคงมีความสุข เมื่อถีบส่งคนที่ตนเองเกลียดลงไปในขุมนรกหญิงสาวผู้นั้นเป็นหนามแหลมๆ ตำใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่อลิชาทำ คนรอบตัวมักจะชื่นชม และนำมาเปรียบเทียบกับตนเองบ่อยครั้ง ผลการเรียนของอลิชานำโด่ง จนไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางตามทัน ทั้งที่เจ้าหล่อนอัตคัดเหลือทน การเป็นอยู่อดๆ อยากๆ แต่มันสมองนั่นก้าวล้ำกว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างเธอหลายขุมอะไรก็ตามที่ทำให้หนามตำใจของตนเองตกต่ำลงได้อลินดาไม่รอช้าที่จะทำ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าอลิชาเป็นพี่ น้อง...เธอเกลียดหญิงสาวผู้นั้น และพร้อมที่จะเหยียบซ้ำ หากอลิชาก้าวพลาด“อย่าให้คุณพ่อแกรู้เชียวนะอลิน...เพราะพ่อแก เขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้”ฉลวยกำชับบุตรสาว“ค่ะ