Share

บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง 3

ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาเดินเข้าไปด้านใน และลงมืออาบน้ำ เพื่อชำระคราบไคล่ต่างๆ บนร่างกาย “อูยยย!” แมทธิวเผลอตัวอุทานออกมาเสียงหลง เมื่อสายน้ำเย็นรินรดร่างกาย ผิวหนังที่แผ่นหลังก็ประท้วง มันเจ็บแปลบเนื่องจากแผลสด เขาเอี้ยวตัวตะแคงร่างกายมองผ่านกระจกเงา ริ้วรอยนูนเด่น ฝีมือแม่ม้าพยศเมื่อคืนนี้ หล่อนฝากรอยรักไว้บนแผ่นหลังเขา เสียงเป็นทางยาว

มุมปากสีเข้มกระตุกยิ้ม บทรักสุดโลดโผนเมื่อค่ำคืน ทำให้แมทธิวคิดถึงหล่อนขึ้นมาติดหมัด ไอ้ที่เคยปฏิบัติมา คงถูกแหก เมื่อในสมองของแมทธิวตอนนี้ เขาติดใจจนอยากพบหล่อนอีกสักครั้ง...

หลังแต่งตัวเรียบร้อย ชายหนุ่มซ่อนรอยแผลเล็กๆ บนร่างกายไว้ด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เขาเดินผิวปากออกจากห้องสวีทแบบคนอารมณ์ดี ความเครียดที่สะสมในร่างกาย ถูกระบายไปกับบทรักร้อนแรงจนหมด

โทรศัพท์เครื่องบางเฉียบถูกล้วงออกมาจากซอกกระเป๋าเสื้อ แมทธิวกดโทร. ออก ต่อสายหาคนจัดหาผู้หญิงเพื่อเจรจา เขาต้องการเจอหล่อนอีกครั้ง...แต่คงไม่ใช่วันนี้

“มีอะไรคะ? ทำไมแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว”

อลินดาที่เพิ่งจะตื่นนอน หล่อนย่างกรายลงมาชั้นล่างของบ้าน เอาเมื่อตะวันขึ้นตรงศีรษะพอดี

“ไม่ดีใจได้ยังไงลูก อีคุณนายนั่นโทร. หาแม่เมื่อสักครู่ เสี่ยเขาติดใจนั่งอลิส เลยอยากจะใช้บริการอีกครั้ง”

ฉลวยเล่าไปยิ้มไป...หนทางได้เงินแบบง่ายๆ ลอยมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว...

“แล้วแม่นั่นจะยอมเหรอคะคุณแม่!”

หญิงสาวท้วง อลิชาไม่มีวันยอมแน่...หล่อนหยิ่งและถือดีจะตายไป

“มันไม่ยอม เราก็ใช้วิธีเดิมสิ” ฉลวยคิดง่ายๆ เมื่อหล่อนยังไม่รู้ เวลานี้อลิชาไม่ได้อยู่ใต้หลังคาบ้านฉัตรสุวรรณเสียแล้ว

“มันกลับมาหรือยังคะแม่ หรือว่านอนให้ไอ้เสี่ยบ้ากามนั่นกกอยู่?” อลินดาเอ่ยถาม เธออยากเห็นหน้าคู่ปรับตอนนี้เหลือเกิน

“กลับมาตั้งแต่ตะวันขึ้น มันมาโวยกับแม่ โดนแม่ด่ากลับไป... นอนเงียบอยู่ในห้องนั่นล่ะมั้ง”

ฉลวยกล่าวแบบไม่ใส่ใจ แค่เสียตัว...มันไม่ถึงตายหรอก...

“เหรอคะ...เป็นยังไงบ้างล่ะ เสียดายจังอลินไม่ได้เห็นเอง” ฤทธิ์ยานั่นแรงพอดู คงเปลี่ยนให้อลิชากลายเป็นแม่สาวร้อนรัก และคงทำให้แม่คนนั้นยับเยินพอแรง

“หมดแรงกลับมาเชียวล่ะ สภาพดูไม่จืด ไอ้เสี่ยนั่นคงถลุงจนยับ” สาวใหญ่ใจจืด ป้องปากหัวเราะคิกคัก ไม่มีความสงสารในน้ำเสียง...เหมือนกับว่าอลิชาไม่ใช่ญาติพี่น้อง

“หิวจัง...ติ๋มๆ หาอะไรให้ฉันกินหน่อย” สาวรุ่นเดินไปตะโกนบอกคนรับใช้ ติ๋มโผล่หน้ามามอง รีบพยักหน้ารับ พำพึมด่าสองแม่-ลูก เมื่ออลินดาผลุบกลับไปที่เดิม

“อีคนใจร้าย ร้ายทั้งแม่ทั้งลูก สาธุ! ขอให้เวรกรรมตามทัน...แม่จะหัวเราะให้ฟันโยก”

ติ๋มยกมือท่วมศีรษะ บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้สองแม่-ลูก มีชะตากรรมเดียวกันกับคนน่าสงสารอย่าอลิชา

อาหารจานเดียวง่ายๆ ใช้เวลาปรุงไม่ถึง15 นาที ติ๋มยกมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะอาหาร

“นังอลิสมันอยู่ที่ห้องมั้ยนังติ๋ม!!” ฉลวยกล่าวถามเสียงเข้ม

ติ๋มก้มหน้าลงแอบเบ้ปากให้ ก่อนจะปรับสีหน้า เอ่ยตอบเสียงเรียบ “ไม่ทราบค่ะ เห็นหิ้วกระเป๋าออกไปตั้งแต่เช้า ติ๋มไม่ทันได้ถาม นึกว่าไปทำงาน”

“หะ อะไรนะ แกบอกฉันใหม่สินังติ๋ม!”

ติ๋มยิ้มเย็นชา แอบสะใจ เมื่อสองแม่-ลูก ตกใจจนตาเหลือก

“หนูอลิสออกไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้วค่ะ ติ๋มไม่ได้ถามเธอด้วยว่าไปไหน”

ติ๋มตอบหน้าตาย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แม้จะรู้เต็มอก แต่ไม่มีวันคายให้คนใจดำรู้ที่อยู่ของอลิชาแน่ๆ

“ไปดูที่ห้องมันดีกว่าค่ะคุณแม่...”

สองแม่-ลูก ใจดำชักชวนกันไปดูให้เห็นกับตา...ฉลวยเอะใจ คนไร้ญาติอย่างหลานสาวจะไปที่ไหนได้ เมื่อหล่อนมีแค่บ้านของตนเองคุ้มหัว

ห้องนอนว่างเปล่า ไร้ร่างของคนที่สองคนแม่-ลูกตามหา ที่นอนถูกพับเก็บอย่างดีวางแอบไว้มุมห้อง ของใช้ส่วนตัวของอลิชาหายไปจนหมดเกลี้ยง มีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ กองอยู่ก้นตู้ นอกนั้นไม่เหลืออะไรเลย

“มันจะไปไหนได้...เดี๋ยวมันก็ซมซานกลับมา” ฉลวยกำมือแน่น เปรยเสียงเคร่ง เมื่อสวรรค์ล่ม สิ่งที่หวังไว้หายวับไปต่อหน้า...เมื่อไม่มีอลิชา เงินรายได้แบบง่ายๆ ก็คงชวด...

“แกแน่ใจนะนังติ๋มว่าแกไม่รู้ไม่เห็น?” ฉลวยหันมาไล่เลียงกับติ๋ม ซึ่งติ๋มก็เตรียมพร้อม สาวใช้รุ่นเก๋ายืนยันหน้าตาย หล่อนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา...แถมยังแอบเหน็บให้เจ้านายทั้งสองเจ็บใจเล่นๆ “ติ๋มจะไปรู้ได้ยังไงคะ...ถ้าเป็นติ๋มเหรอคะคุณนาย ติ๋มหอบผ้าไปนานแล้ว... ไม่อยู่ให้เอาเปรียบนานขนาดนี้หรอกค่ะ”

“นังติ๋ม!!”

ฉลวยตวาดเสียงก้อง ติ๋มลอยหน้ายิ้ม สองแม่-ลูก นี่ไม่กล้าไล่เธอออกหรอก เมื่อค่าแรงแสนถูก แถมใช้งานไม่หยุดไม่หย่อน คนใหม่เข้ามา ไม่นอนก็ชิงลาออก ที่ติ๋มทนอยู่เพราะอยู่ใกล้บ้าน แถมรู้ทันความคิดนายจ้าง เจ้าของบ้านเลยไม่ค่อยโขกสับเท่าไหร่

“ติ๋มไปทำงานดีกว่า...หนูอลิสไม่อยู่แบบนี้ งานได้สุมหัวกันพอดี”

สาวใช้เดินลอยชายจากไป ปล่อยให้สองแม่-ลูก ยืนคับแค้นใจ

“จะทำไงดีคะคุณแม่...”

“จะทำอะไรได้ล่ะ มันไม่อยู่แล้วแบบนี้ อดสิ!!”

เช้าวันใหม่ อลิชาตื่นแต่เช้าตรู่ตามความเคยชิน ร่างกายของเธอลดความปวดร้าวลงไปเยอะ แต่ทุกครั้งที่นึกถึง น้ำตาก็พานจะไหล เสียดายสิ่งที่สูญเสียไปแทบขาดใจ เป็นรอยราคีที่ไม่มีวันลบเลือน เป็นตราบาปที่ติดตัวเธอไปจนวันตาย

“ตื่นเช้าจังเลย...” ฟักทองที่เพิ่งตื่นร้องทัก

อลิชายิ้มอ่อนๆ “อลิสตื่นเช้าแบบนี้ทุกวันจ้ะพี่ฟัก...ว่าแต่ต้องเตรียมอาหารเช้าให้คุณๆ มั้ยจ้ะ?”

อลิชายังไม่รู้ว่าตนเองมีหน้าที่ทำอะไร เธอเลยเสี่ยงถาม

“คุณอิงน่ะอะไรก็ได้...เช้าๆ เธอไม่ค่อยทาน ส่วนคุณไท กาแฟดำ ขนมปังปิงแผ่นแค่นี้แหละ”

ฟักทองอธิบายแบบคนอยู่มานาน

“งั้นอลิสจัดการเองนะพี่ฟัก...งานง่ายๆ แค่นี้เอง”

หญิงสาวอาสา พยายามสลัดความเศร้าทิ้ง ชีวิตยังมีวันข้างหน้า หากเธอมัวแต่นั่งจมความทุกข์ ไม่มีอะไรดีขึ้น เธอเองนั่นแหละที่จะแย่ลง

“ได้เลย... พี่ฟักขออาบน้ำก่อนเดี๋ยวเข้าไปช่วย”

ฟักทองผลุบกลับเข้าห้อง เมื่อตนเองเพิ่งลุกจากที่นอน ยังไม่ได้จัดการตนเอง...ที่ผลุนผลันออกมาเพราะกลัวโดนดุ แต่เมื่อมีคนอาสาทำแทน จึงไม่อยากขัดศรัทธา

อาหารมื้อเช้าแสนง่าย เมื่ออลิชาทำเป็นประจำที่บ้านฉัตรสุวรรณ กลิ่นข้าวต้มหมูหอมฟุ้ง จนแม้แต่ไทธัชยังเอ่ยชม...

“กลิ่นใช้ได้ หน้าต่าก็ผ่าน...ไม่ใช่ฝีมือฟักใช่มั้ย”

เจ้านายหนุ่มกระเซ้า เขาไม่รับประทานมื้อเช้า เพราะฝีมือของฟักทองไม่เอาไหน

“คุณไท!” ฟักทองครางประท้วงเสียงอ่อย

“คุณก็ไปแซวฟัก...แต่อร่อยจริงๆ นะ ใครทำกันล่ะจ้ะ”

น้ำอิงกล่าวยิ้มๆ เธอไม่ได้ทับถมเพราะรู้รสมือกันดี

“ฝีมืออลิสค่ะ แหม...คุณไทกับคุณอิงทำไมรู้คะ” สาวใช้ก้นครัวทำหน้าม่อยตอนตอบ

“อลิส? ใครเหรอคุณ” ไทธัชหันมาถามภรรยา เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

“คนงานคนใหม่ค่ะ ญาติของฟักนั่นแหละค่ะ”

น้ำอิงตอบ เธอตักข้าวต้มร้อนๆ ใส่ปาก นึกชมในใจ

“อ่อ...” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ฟัก ไปตักให้ฉันถ้วยสิ” เขาหันไปสั่งฟักทอง ก่อนจะยิ้มแป้นเมื่อสาวใช้สะบัดหน้าให้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status