Share

บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง 2

หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด กลั้นสะอื้นไว้สุดฤทธิ์ เมื่อไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องอดสูที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

“ไม่ต้องมาปิดติ๋มค่ะ...ติ๋มพอจะเดาออก อีคุณนายบนตึกนั่นเดินเข้า เดินออกบ้านเจ้สายหยุดทางเป็นมัน มันเอาหนูอลิสไปขายสิท่า” ติ๋มกล่าวเสียงเคียดแค้น...เจ็บใจที่ช่วยเหลือคนน่าสงสารอย่างอลิสชาไม่ได้ เรื่องมันสายเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว

อลิชาผงะ แม้แต่สาวใช้ก้นครัวอย่างติ๋มยังรู้

“ไปเก็บของค่ะ หนูอริสอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป อีคุณนายใจดำนั่น คงไม่หยุดง่ายๆ”

มือหยาบกร้านดันแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาว เธอกระซิบเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวบุคคลที่สามได้ยิน

“อลิสไม่มีที่ไปนะติ๋ม” หญิงสาวท้วง นอกจากฉลวยแล้ว เธอไม่มีใครที่พอจะพึ่งพาได้จริงๆ

“ไม่ต้องกลัวค่ะ หลบไปก่อน เดี๋ยวติ๋มหางานให้ทำเอง... ไปให้พ้นจากบ้านนี้ บุญคุณท่วมหัวที่อีคุณนายมันอ้างอย่าไปนึกถึง... ความระยำที่อีคุณนายมันทำลบล้างหมดแล้วค่ะ”

ถึงไม่ใช่ญาติ แต่เห็นกันมาตั้งหลายปี สิ่งที่ฉลวยและครอบครัวทำกับอลิชา เกินกว่าที่ติ๋มจะรับไหว ถึงเธอจะจนกร็อบ ต้องอาศัยใบบุญบ้านฉัตรสุวรรณ แต่เรื่องระยำตำบอนอย่างนี้ ติ๋มทนนิ่งเฉยไม่ได้จริงๆ

“แต่อลิสจะทำให้ติ๋มเดือดร้อน...”

“อย่าห่วงติ๋มเลย ห่วงตัวหนูอลิสก่อน...ไม่แน่ หากวันหน้าอีคุณนายมันร้อนเงินขึ้นมาอีก หนูอลิสจะโดนเหมือนครั้งนี้”

ติ๋มเดาอนาคต...คนจมไม่ลงอย่างฉลวย คงไม่ปล่อยให้ตนเองเดือดร้อน คนที่ซวยจริงๆ จะเป็นอลิชาเอง หากยังฝืนอยู่ใต้ร่มเงาบ้านหลังนี้ต่อ

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น หญิงสาวสูดลมหายใจแรงๆ ยกมือปาดคราบน้ำตา ก่อนจะฝืนยิ้มกร่อยๆ อนาคตข้างหน้ามืดมนเสียจนอดหวาดกลัวไม่ได้ จากนี้ไป... แม้แต่หลังคาบ้านก็จะไม่มีคุ้มหัว เมื่อเธอก้าวออกจากบ้านฉัตรสุวรรณ จากนี้ไปคงเหลือแค่ตัวคนเดียว

“ไปเถอะค่ะ ติ๋มมีคนรู้จัก ไปอยู่กับเขาก่อน หลบไปสักพัก รอให้เรื่องมันเงียบๆ ค่อยคิดหาหนทางใหม่”

คนรู้จักติ๋มเป็นคนงานในบ้านของคนมีอันจะกินคนหนึ่ง เขากำลังต้องการคนงาน และบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด คงเป็นที่หลบภัยให้อลิชาเป็นอย่างดี

สิ่งของอันน้อยนิด แค่กระเป๋าใบเล็กๆ ใบเดียวก็เกือบหมด อลิชาลากขาเดินออกจากบ้านที่เติบโตมา เธอรู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยว แต่จะให้หันหลังกลับไปอยู่ที่เดิม...เธอคงทำไม่ได้ ความหวาดระแวงนั่นทำให้เธอเชื่อใจคนบ้านนี้ไม่ได้อีกแล้ว...

“รีบไปค่ะ อีคุณนายไม่รู้หรอกว่าติ๋มไม่อยู่ ป่านนี้คงกำลังนอนฝันหวาน”

ติ๋มดันหลังหญิงสาว ต้องแข่งกับเวลา ก่อนที่จะสายไป

น้ำอิงทอดสายตาเอื้ออารีมองหญิงสาวตรงหน้า มีติ๋มและฟักทองนั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆ

“คนนี้เหรอฟักที่บอกว่ากำลังหางานทำ” เจ้าของบ้านสาวถามเสียงเอื้ออาทร

“ค่ะคุณอิง...ญาติของพี่ติ๋ม เพิ่งมาจากบ้านนอกค่ะ”

ฟักทองรีบตอบ เธอขยิบตาให้อลิชา

“ชื่ออะไรล่ะ?”

“อลิสค่ะ...” หญิงสาวชิงตอบ เธอไม่อยากโกหกมากไปกว่านี้

“อืม หน่วยก้านดี หากฟักทองรับรอง ก็มาทำงานที่นี้เถอะ งานไม่หนักหรอก อยู่เป็นเพื่อนกัน...”

น้ำอิงยิ้มรับ เธอรู้สึกถูกชะตากับสีหน้าซื่อๆ ของลูกจ้างคนใหม่

“ขอบคุณค่ะคุณนาย”

“ไม่ต้องขอบคุณอิงหรอก แล้วเรียกอิง ว่าอิงก็พอ คุณนายมันเยอะไป”

“ค่ะ”

“ที่นี่อยู่กันแค่สองคน อิง กับสามีอิง ชื่อคุณไท ส่วนบ้านข้างๆ น่ะ บ้านพ่อ-แม่ อิง หลังใหญ่นั่นบ้านคุณตา ส่วนหลังที่อยู่ถัดไปบ้านคุณป้าสมร ค่อยๆ ทำความรู้จัก จะได้วางตัวถูก...วันนี้อิงให้พักก่อน ยังไม่ต้องทำอะไร พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานแล้วกัน...”

น้ำอิงชี้แจง ภายในรั้วบ้านเธอ ประกอบไปด้วยบ้าน4หลัง เป็นของญาติสนิทชิดเชื้อ เป็นครอบครัวใหญ่ที่ค่อนข้างเรื่องเยอะ แต่เธอชินเสียแล้ว

“ค่ะ” อลิชา ติ๋ม ฟักทองกระถดตัวออกมาด้านนอก มุมที่พูดคุยกันได้คือครัว

“ฝากหนูอลิสด้วยนะอีฟัก ว่างๆ กูจะแวะมาเยี่ยม วันนี้คงต้องกลับก่อน เดี๋ยวอีคุณนายมันเรียกใช้หากูไม่เจอจะได้โวย... ไม่ต้องห่วงติ๋มค่ะ ทำใจให้สบายนะหนูอลิส”

ติ๋มสั่งความกับฟักทอง ก่อนจะปลอบใจอลิชา เมื่อแต่ละคนต่างมีภาระ เธอโอ้เอ้ไม่ได้

“เจ้านายบ้านนี้ใจดี...คุณอิงน่ะไม่ค่อยพูด คุณไทยิ่งแล้ว...งานบ้านมีไม่มากหรอก แต่คุณไทแกไม่อยากให้เมียเหนื่อย เลยหาคนมาเพิ่ม...”

ฟักทองส่งยิ้มเป็นมิตรให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่

อลิชายิ้มเซียวๆ ตอบกลับ เธอกอดกระเป๋าใบเดียวแนบอก

“ไปพักก่อนเถอะ หน้าซีดๆ คงไม่คุ้นกับอากาศสินะ อย่างว่า... ในเมืองมันวุ่นวาย อยู่บ้านนอกสบายกว่าเยอะ”

คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุงส่วนใหญ่ เป็นคนต่างจังหวัดเกือบครึ่ง เพราะว่าต้องหาเลี้ยงปากท้อง พวกเขาเหล่านั้นจึงต้องบ่ายหน้ามาแออัดอยู่ในเมืองกรุง แม้จะคิดถึงสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ความจำเป็นบีบบังคับให้พวกเขาต้องทน...เพื่ออนาคตกับความสบายในบั้นปลายชีวิต

อลิชาไม่ได้ปริปากเล่าภูมิหลัง เธอปล่อยให้ฟักทองเข้าใจผิด เพราะหากแพร่งพรายความลับออกไป คงไม่มีใครยินดีรับเธอไว้ เมื่อเธอหนีออกจากบ้าน

ห้องพักแคบๆ แต่สะอาดเอี่ยม หญิงสาวทิ้งตัวนั่งบนที่นอนเก่าๆ กลิ่นสะอาดของเครื่องนอนทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้น ร่างบอบบางนอนราบไปตามความยาวของที่นอนยัดนุ่น หัวเข่างอขึ้นมาจนจรดแผ่นอก เป็นความอ้างว้างที่ต่อไปนี้เธอต้องผจญ เสียงสะอื้นดังแผ่วๆ กับหยาดน้ำตาที่ไหลริน จากนี้ไป... เธอจะต้องกลับมายืนได้อีกครั้ง แบบคนเข้มแข็ง

อดีตมีไว้เตือนใจ ให้ระแวดระวังคนใกล้ตัว

มันคือสิ่งย้ำเตือนให้อลิชาจดจำจนตาย...ไม่มีใครหวังดีกับเธอ แม้แต่คนที่เป็น ญาติ...โลกใบนี้โหดร้ายกับเธอนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด มีเพื่อนร่วมโลกบางคนที่น่าคบหา มากกว่าคนที่มีสายเลือดเดียวกัน...

แมทธิวตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ เขาขยี้เปลือกตาแรงๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ ไม่มีคู่นอนที่ฟัดกันนัวเนียเมื่อค่ำคืน หล่อนอาจจะกลับไปแล้ว หรือกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำ สายตาคมดุลดลงมองความยับเยินของเตียงกว้าง

“ฮ่าๆ” เขาเงยหน้าหัวเราะลั่น ไม่ใช่แค่ที่นอน ร่างกายของเขาก็ยับเยินไม่ต่างกันเลย

แม่เสือสาวนั่น ฝากรอยรักไว้เต็มแผ่นอกกว้าง เป็นรอยเล็บขูดเป็นริ้ว ที่แผ่นหลังคงไม่แตกต่างกัน เมื่อชายหนุ่มรู้สึกแสบๆ คันๆ

แมทธิววาดปลายเท้าลงจากเตียงนอน เขาใช้ปลายนิ้วเท้าคีบกางเกงสีเข้มตนเองเข้ามาใกล้ๆ หลังสวมกางเกงเสร็จชายหนุ่มกระโจนลงจากเตียง เขาเดินย่องๆ ตรงไปยังห้องน้ำกว้าง อยากเห็นหน้าแม่จอมพยศ ว่าหล่อนจะยับเยินเพียงใด...

...ว่างเปล่า ภายในห้องน้ำปราศจากสิ่งมีชีวิต

เรียวคิ้วเข้มขมวดแน่น...ชายหนุ่มหมุนซ้าย หมุนขวา พยายามมองหา ‘ใครบางคน’ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะอยู่เพียงลำพังในห้องกว้างแห่งนี้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status