หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด กลั้นสะอื้นไว้สุดฤทธิ์ เมื่อไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องอดสูที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“ไม่ต้องมาปิดติ๋มค่ะ...ติ๋มพอจะเดาออก อีคุณนายบนตึกนั่นเดินเข้า เดินออกบ้านเจ้สายหยุดทางเป็นมัน มันเอาหนูอลิสไปขายสิท่า” ติ๋มกล่าวเสียงเคียดแค้น...เจ็บใจที่ช่วยเหลือคนน่าสงสารอย่างอลิสชาไม่ได้ เรื่องมันสายเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว
อลิชาผงะ แม้แต่สาวใช้ก้นครัวอย่างติ๋มยังรู้
“ไปเก็บของค่ะ หนูอริสอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป อีคุณนายใจดำนั่น คงไม่หยุดง่ายๆ”
มือหยาบกร้านดันแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาว เธอกระซิบเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวบุคคลที่สามได้ยิน
“อลิสไม่มีที่ไปนะติ๋ม” หญิงสาวท้วง นอกจากฉลวยแล้ว เธอไม่มีใครที่พอจะพึ่งพาได้จริงๆ
“ไม่ต้องกลัวค่ะ หลบไปก่อน เดี๋ยวติ๋มหางานให้ทำเอง... ไปให้พ้นจากบ้านนี้ บุญคุณท่วมหัวที่อีคุณนายมันอ้างอย่าไปนึกถึง... ความระยำที่อีคุณนายมันทำลบล้างหมดแล้วค่ะ”
ถึงไม่ใช่ญาติ แต่เห็นกันมาตั้งหลายปี สิ่งที่ฉลวยและครอบครัวทำกับอลิชา เกินกว่าที่ติ๋มจะรับไหว ถึงเธอจะจนกร็อบ ต้องอาศัยใบบุญบ้านฉัตรสุวรรณ แต่เรื่องระยำตำบอนอย่างนี้ ติ๋มทนนิ่งเฉยไม่ได้จริงๆ
“แต่อลิสจะทำให้ติ๋มเดือดร้อน...”
“อย่าห่วงติ๋มเลย ห่วงตัวหนูอลิสก่อน...ไม่แน่ หากวันหน้าอีคุณนายมันร้อนเงินขึ้นมาอีก หนูอลิสจะโดนเหมือนครั้งนี้”
ติ๋มเดาอนาคต...คนจมไม่ลงอย่างฉลวย คงไม่ปล่อยให้ตนเองเดือดร้อน คนที่ซวยจริงๆ จะเป็นอลิชาเอง หากยังฝืนอยู่ใต้ร่มเงาบ้านหลังนี้ต่อ
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น หญิงสาวสูดลมหายใจแรงๆ ยกมือปาดคราบน้ำตา ก่อนจะฝืนยิ้มกร่อยๆ อนาคตข้างหน้ามืดมนเสียจนอดหวาดกลัวไม่ได้ จากนี้ไป... แม้แต่หลังคาบ้านก็จะไม่มีคุ้มหัว เมื่อเธอก้าวออกจากบ้านฉัตรสุวรรณ จากนี้ไปคงเหลือแค่ตัวคนเดียว
“ไปเถอะค่ะ ติ๋มมีคนรู้จัก ไปอยู่กับเขาก่อน หลบไปสักพัก รอให้เรื่องมันเงียบๆ ค่อยคิดหาหนทางใหม่”
คนรู้จักติ๋มเป็นคนงานในบ้านของคนมีอันจะกินคนหนึ่ง เขากำลังต้องการคนงาน และบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด คงเป็นที่หลบภัยให้อลิชาเป็นอย่างดี
สิ่งของอันน้อยนิด แค่กระเป๋าใบเล็กๆ ใบเดียวก็เกือบหมด อลิชาลากขาเดินออกจากบ้านที่เติบโตมา เธอรู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยว แต่จะให้หันหลังกลับไปอยู่ที่เดิม...เธอคงทำไม่ได้ ความหวาดระแวงนั่นทำให้เธอเชื่อใจคนบ้านนี้ไม่ได้อีกแล้ว...
“รีบไปค่ะ อีคุณนายไม่รู้หรอกว่าติ๋มไม่อยู่ ป่านนี้คงกำลังนอนฝันหวาน”
ติ๋มดันหลังหญิงสาว ต้องแข่งกับเวลา ก่อนที่จะสายไป
น้ำอิงทอดสายตาเอื้ออารีมองหญิงสาวตรงหน้า มีติ๋มและฟักทองนั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆ
“คนนี้เหรอฟักที่บอกว่ากำลังหางานทำ” เจ้าของบ้านสาวถามเสียงเอื้ออาทร
“ค่ะคุณอิง...ญาติของพี่ติ๋ม เพิ่งมาจากบ้านนอกค่ะ”
ฟักทองรีบตอบ เธอขยิบตาให้อลิชา
“ชื่ออะไรล่ะ?”
“อลิสค่ะ...” หญิงสาวชิงตอบ เธอไม่อยากโกหกมากไปกว่านี้
“อืม หน่วยก้านดี หากฟักทองรับรอง ก็มาทำงานที่นี้เถอะ งานไม่หนักหรอก อยู่เป็นเพื่อนกัน...”
น้ำอิงยิ้มรับ เธอรู้สึกถูกชะตากับสีหน้าซื่อๆ ของลูกจ้างคนใหม่
“ขอบคุณค่ะคุณนาย”
“ไม่ต้องขอบคุณอิงหรอก แล้วเรียกอิง ว่าอิงก็พอ คุณนายมันเยอะไป”
“ค่ะ”
“ที่นี่อยู่กันแค่สองคน อิง กับสามีอิง ชื่อคุณไท ส่วนบ้านข้างๆ น่ะ บ้านพ่อ-แม่ อิง หลังใหญ่นั่นบ้านคุณตา ส่วนหลังที่อยู่ถัดไปบ้านคุณป้าสมร ค่อยๆ ทำความรู้จัก จะได้วางตัวถูก...วันนี้อิงให้พักก่อน ยังไม่ต้องทำอะไร พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานแล้วกัน...”
น้ำอิงชี้แจง ภายในรั้วบ้านเธอ ประกอบไปด้วยบ้าน4หลัง เป็นของญาติสนิทชิดเชื้อ เป็นครอบครัวใหญ่ที่ค่อนข้างเรื่องเยอะ แต่เธอชินเสียแล้ว
“ค่ะ” อลิชา ติ๋ม ฟักทองกระถดตัวออกมาด้านนอก มุมที่พูดคุยกันได้คือครัว
“ฝากหนูอลิสด้วยนะอีฟัก ว่างๆ กูจะแวะมาเยี่ยม วันนี้คงต้องกลับก่อน เดี๋ยวอีคุณนายมันเรียกใช้หากูไม่เจอจะได้โวย... ไม่ต้องห่วงติ๋มค่ะ ทำใจให้สบายนะหนูอลิส”
ติ๋มสั่งความกับฟักทอง ก่อนจะปลอบใจอลิชา เมื่อแต่ละคนต่างมีภาระ เธอโอ้เอ้ไม่ได้
“เจ้านายบ้านนี้ใจดี...คุณอิงน่ะไม่ค่อยพูด คุณไทยิ่งแล้ว...งานบ้านมีไม่มากหรอก แต่คุณไทแกไม่อยากให้เมียเหนื่อย เลยหาคนมาเพิ่ม...”
ฟักทองส่งยิ้มเป็นมิตรให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่
อลิชายิ้มเซียวๆ ตอบกลับ เธอกอดกระเป๋าใบเดียวแนบอก
“ไปพักก่อนเถอะ หน้าซีดๆ คงไม่คุ้นกับอากาศสินะ อย่างว่า... ในเมืองมันวุ่นวาย อยู่บ้านนอกสบายกว่าเยอะ”
คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุงส่วนใหญ่ เป็นคนต่างจังหวัดเกือบครึ่ง เพราะว่าต้องหาเลี้ยงปากท้อง พวกเขาเหล่านั้นจึงต้องบ่ายหน้ามาแออัดอยู่ในเมืองกรุง แม้จะคิดถึงสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ความจำเป็นบีบบังคับให้พวกเขาต้องทน...เพื่ออนาคตกับความสบายในบั้นปลายชีวิต
อลิชาไม่ได้ปริปากเล่าภูมิหลัง เธอปล่อยให้ฟักทองเข้าใจผิด เพราะหากแพร่งพรายความลับออกไป คงไม่มีใครยินดีรับเธอไว้ เมื่อเธอหนีออกจากบ้าน
ห้องพักแคบๆ แต่สะอาดเอี่ยม หญิงสาวทิ้งตัวนั่งบนที่นอนเก่าๆ กลิ่นสะอาดของเครื่องนอนทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้น ร่างบอบบางนอนราบไปตามความยาวของที่นอนยัดนุ่น หัวเข่างอขึ้นมาจนจรดแผ่นอก เป็นความอ้างว้างที่ต่อไปนี้เธอต้องผจญ เสียงสะอื้นดังแผ่วๆ กับหยาดน้ำตาที่ไหลริน จากนี้ไป... เธอจะต้องกลับมายืนได้อีกครั้ง แบบคนเข้มแข็ง
อดีตมีไว้เตือนใจ ให้ระแวดระวังคนใกล้ตัว
มันคือสิ่งย้ำเตือนให้อลิชาจดจำจนตาย...ไม่มีใครหวังดีกับเธอ แม้แต่คนที่เป็น ญาติ...โลกใบนี้โหดร้ายกับเธอนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด มีเพื่อนร่วมโลกบางคนที่น่าคบหา มากกว่าคนที่มีสายเลือดเดียวกัน...
แมทธิวตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ เขาขยี้เปลือกตาแรงๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ ไม่มีคู่นอนที่ฟัดกันนัวเนียเมื่อค่ำคืน หล่อนอาจจะกลับไปแล้ว หรือกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำ สายตาคมดุลดลงมองความยับเยินของเตียงกว้าง
“ฮ่าๆ” เขาเงยหน้าหัวเราะลั่น ไม่ใช่แค่ที่นอน ร่างกายของเขาก็ยับเยินไม่ต่างกันเลย
แม่เสือสาวนั่น ฝากรอยรักไว้เต็มแผ่นอกกว้าง เป็นรอยเล็บขูดเป็นริ้ว ที่แผ่นหลังคงไม่แตกต่างกัน เมื่อชายหนุ่มรู้สึกแสบๆ คันๆ
แมทธิววาดปลายเท้าลงจากเตียงนอน เขาใช้ปลายนิ้วเท้าคีบกางเกงสีเข้มตนเองเข้ามาใกล้ๆ หลังสวมกางเกงเสร็จชายหนุ่มกระโจนลงจากเตียง เขาเดินย่องๆ ตรงไปยังห้องน้ำกว้าง อยากเห็นหน้าแม่จอมพยศ ว่าหล่อนจะยับเยินเพียงใด...
...ว่างเปล่า ภายในห้องน้ำปราศจากสิ่งมีชีวิต
เรียวคิ้วเข้มขมวดแน่น...ชายหนุ่มหมุนซ้าย หมุนขวา พยายามมองหา ‘ใครบางคน’ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะอยู่เพียงลำพังในห้องกว้างแห่งนี้
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาเดินเข้าไปด้านใน และลงมืออาบน้ำ เพื่อชำระคราบไคล่ต่างๆ บนร่างกาย “อูยยย!” แมทธิวเผลอตัวอุทานออกมาเสียงหลง เมื่อสายน้ำเย็นรินรดร่างกาย ผิวหนังที่แผ่นหลังก็ประท้วง มันเจ็บแปลบเนื่องจากแผลสด เขาเอี้ยวตัวตะแคงร่างกายมองผ่านกระจกเงา ริ้วรอยนูนเด่น ฝีมือแม่ม้าพยศเมื่อคืนนี้ หล่อนฝากรอยรักไว้บนแผ่นหลังเขา เสียงเป็นทางยาวมุมปากสีเข้มกระตุกยิ้ม บทรักสุดโลดโผนเมื่อค่ำคืน ทำให้แมทธิวคิดถึงหล่อนขึ้นมาติดหมัด ไอ้ที่เคยปฏิบัติมา คงถูกแหก เมื่อในสมองของแมทธิวตอนนี้ เขาติดใจจนอยากพบหล่อนอีกสักครั้ง...หลังแต่งตัวเรียบร้อย ชายหนุ่มซ่อนรอยแผลเล็กๆ บนร่างกายไว้ด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เขาเดินผิวปากออกจากห้องสวีทแบบคนอารมณ์ดี ความเครียดที่สะสมในร่างกาย ถูกระบายไปกับบทรักร้อนแรงจนหมดโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบถูกล้วงออกมาจากซอกกระเป๋าเสื้อ แมทธิวกดโทร. ออก ต่อสายหาคนจัดหาผู้หญิงเพื่อเจรจา เขาต้องการเจอหล่อนอีกครั้ง...แต่คงไม่ใช่วันนี้“มีอะไรคะ? ทำไมแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว”อลินดาที่เพิ่งจะตื่นนอน หล่อนย่างกรายลงมาชั้นล่างของบ้าน เอาเมื่อตะวันขึ้นตรงศีรษะพอดี“ไม่ดีใจได้ยังไงลูก อีคุณนายนั่นโทร
“ดูๆ คนของคุณอิง มีงอนด้วย”“ฝีมือใช้ได้เลยค่ะ หน้าตายังเด็กๆ อยู่เลยด้วยไม่คิดว่ารสมือจะดีขนาดนี้” น้ำอิงชมซ้ำ เธอเปรยให้สามีฟัง“บอกบ้านใหญ่หรือยังล่ะ...เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลังนะ...” ไทธัชเตือน ความเคลื่อนไหวภายในบ้านเขา ถูกสอดส่องจากคนบ้านใหญ่ จนบางครั้งเขาก็เอือมระอา...“อิงว่าจะไปเรียนให้ท่านทราบวันนี้ค่ะ” น้ำอิงตอบเสียงแผ่ว เธอรับรู้กระแสความไม่พอใจผ่านทางน้ำเสียงที่สามีใช้“อืม...” ไทธัชไม่ได้พูดต่อ เขารับชามข้าวต้มจากฟักทอง ก่อนจะตักใส่ปาก... “อร่อยจริงๆ” ชายหนุ่มเปรยหลังจากลิ้มรส รสมือของอลิชาเข้าไปแล้ว“ฟักคงตกกระป๋อง...ขนาดคุณไทยังชม” ฟักทองบ่นกระปอดกระแปด เมื่อเจ้านายทั้งสองคน มีความเห็นตรงกัน“งานอื่นมีเยอะแยะ ส่วนหน้าที่ทำอาหาร ฟักเป็นแค่ลูกมือก็พอ...” ไทธัชกล่าวยิ้มๆ เขาเป็นกันเองกับคนในบ้าน ไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย“ฟักไปตามอลิสมาสิ จะได้รู้จักกันไว้ ใครเป็นใคร เดี๋ยวจะงง”น้ำอิงสั่งฟักทอง อลิชาจะได้ทำความรู้จักกับสามีของเธอด้วยหญิงสาวร่างเล็กบาง เดินตามหลังฟักทองเข้ามา“สวัสดีค่ะคุณ” อลิชายกมือขึ้นทำความเคารพโดยไม่ต้องให้ใครบอก เธอยิ้มเซียวๆ ให้เจ้านายหนุ่ม“อายุเท่าไหร
ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา...น้ำตาทะลักรินโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นความหวาดกลัวจับจิต หากสิ่งที่กำลังกลัวเกิดขึ้นจริงๆ“อลิสมีแฟน หรือมีผู้ชายที่คบหามั้ย?”น้ำอิงถามเสียงแผ่ว เธอกำลังหาทางช่วย หากอลิชาก้าวพลาดหญิงสาวส่ายใบหน้าแรงๆ ใช้หลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนพื้นเจ้านายสาวหันมาเผชิญหน้า เธอสูดลมหายใจแรงๆ “อาการที่เป็นอยู่ อิงไม่อยากฟันธงนะอลิส...ที่อิงถามแบบนั้นเพราะอิงจะได้วิเคราะห์ถูก ถ้าอลิสไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบผู้ชาย ปัญหาที่อิงกลัวก็ไม่น่าใช่” เสียงอธิบายเนิบนาบ หัวใจของอลิชาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอไม่เคยคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้าม ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ชายคนไหน แต่...เธอมีความสัมพัธ์กับผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ...ครั้งเดียวก่อนจะหนีเตลิดมาที่นี่“คุณอิงคะ อลิส...” หญิงสาวเรียบเรียงคำพูด “ก่อนมาที่นี่ อลิสมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่ง อลิสไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร มันเป็นคราวซวยของอลิส แบบนี้อลิสคงจะท้องใช่มั้ยคะ?”เสียงติดๆ ขัดๆ เพราะกลั้นสะอื้นไปพร้อมๆ กับการพูด น้ำตาไหลอาบหน้า เสียใจกับโชคชะตาตนเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดใส่ตนเองไม่หยุดน้ำอิงกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอเ
บทที่5.เมื่อคนในอดีตย้อนมาเจอกันผ่านไปสามปี อะไรๆ ในชีวิตของอลิชาเปลี่ยนไปเกือบหมด...วันนี้ วันที่เธอประสบความสำเร็จ...เรียนจบอย่างที่หวัง ได้ทำมาหากินอย่างเต็มที่ หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัว แววตาสลดลง...ในขณะที่เพื่อนๆ มีญาติสนิทมาร่วมแสดงความยินดีกันหนาตา...ข้างกายเธอกลับว่างเปล่า...“เอาน่าไอ้อลิส แกภูมิใจในตัวเองเถอะ พ่อกับแม่บนสวรรค์จะได้พลอยดีใจไปด้วย...แกเก่งจริงว่ะ”หญิงสาวปลุกปลอบใจตนเอง บ่ายหน้าเดินออกจากรั้ววิทยาลัย’ หลังรับพระราชทานปริญญาบัติเสร็จเรียบร้อยสองมือกอดความสำเร็จแนบอก ยิ้มเซียวๆ ให้คนรู้จักเมื่อเขาเหล่านั้นเดินผ่าน เสียงเฮฮาดังแว่วๆ อยู่ด้านหลัง...สองเท้าของเธอก้าวเดินอย่างมั่นคง เมื่อมีใครบางคนรออยู่ที่บ้านพัก คน คนนั้นคือคนสำคัญที่สุดของตัวเองรถประจำทางวิ่งมาจอดเทียบฟุตบาทพอดีกับที่อลิชาเดินมาถึง เธอกระโจนขึ้นรถทัน ก่อนที่สารถีคนขับจะเหยียบคันเร่ง พาพาหนะสาธารณะขึ้นไปผจญความแออัดบนท้องถนน กลิ่นควันจากท่อไอเสียไม่ได้ทำให้อลิชาหงุดหงิดเหมือนทุกวัน วันนี้เธออารมณ์ดีเสียใจหุบยิ้มไม่ได้ สีหน้าเรียบเฉยเป็นนิจ วันนี้กลับมีรอยยิ้มละไมแต้มอยู่บนเรียวปาก เป็นความภาคภูมิอย
คุณท่านบ้านใหญ่ออกตัวแรง...แต่ท่านก็กลับลำทำหน้าตาเฉยเมย ตอนที่มาเป็นผู้ใหญ่โกนผมไฟให้บุตรชายเธอ อลิชาถูกดูแลจากทุกคนในบ้านหลังคลอดบุตร ประหนึ่งเป็นญาติคนหนึ่งของครอบครัวของเจ้านายสาวเลยทีเดียวเป็นเพราะเด็กชาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทธัชกับบรรดาญาติฝ่ายเมียแน่นแฟ้นขึ้น...เขาไม่ใช่หลานเขย บุตรเขยที่ฝ่ายครอบครัวภรรยาไม่ปลื้มอีกต่อไปความดี ความซื่อสัตย์ของไทธัชพิสูจน์ให้คนในครอบครัวของน้ำอิงเห็นกับตา...ไร้เสียงบ่น ก่นว่า นับตั้งแต่เด็กชายกลายเป็นขวัญใจ หากไม่ติดว่าอลิชารักบุตรชายดั่งแก้วตาดวงใจ ทั้งน้ำอิงและไทธัช คงเอ่ยปากขอเด็กน้อยมาเป็นลูกบุญธรรมของตนเองเป็นแน่แท้...“ค่ะ...”“หากรูปนี้เขาตา เผลอตัวแสบจะได้เป็นดาราแต่เด็กนะ”อลิชาไม่เคยคัดค้านความคิดของนายสาว เพราะทุกสิ่งที่น้ำอิงมอบให้มีแต่สิ่งดีๆ ...เธอกับลูกไม่ต้องออกไประเหเร่ร่อนก็เพราะความเมตตาของเจ้านาย ครั้งแรกที่เรื่องแดงขึ้นมา ญาติทางฝ่ายน้ำอิง...ยืนกรานให้อลิชาลาออก...เพราะไม่อยากให้มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในบ้าน น้ำอิงยืนยันเช่นกัน เธอปล่อยอลิชาไปตกระกำลำบากข้างนอกนั่นไม่ได้ เป็นครั้งที่สองที่น้ำอิงกล้าขัดคำสั่งของสมา
บทที่6.ความลับที่ปิดบังไว้ปลายเล็บกดลงบนผิวเนื้อหลังมือ “อุ้ย!” หญิงสาวสะดุ้ง มันไม่ใช่แค่เพียงความฝัน ที่เกิดอยู่ตรงหน้านี่ ของจริง เหตุการณ์จริงๆ ที่เธอกำลังเผชิญหน้าในความมลังเมลือง...ความทรงจำที่ไม่ใคร่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ เนื่องจากสติสัมปชัญญะของตนเองไม่เต็มร้อย...โครงหน้าผู้ชายในความทรงจำ ผู้ชายที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุด มากขนาดทิ้งเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งไว้ในท้องของเธอแพขนตากะพริบถี่ๆ พยายามเพ่งมองเพื่อจับเค้าหน้าชัดๆอลิชาภาวนาในใจ เธอวิงวอนพระผู้เป็นเจ้า อย่าให้เธอต้องมาเจอะเจอ ‘คน คนนั้น’ อีกเลยแต่...คำภาวนาของเธอไร้ผล...เพราะยิ่งเห็นยิ่งย้ำเตือน โครงหน้านี้ที่เธอไม่มีวันลืม...ไม่มีทางลืมชั่วชีวิต…เสียงถอนลมหายใจแรงๆ อลิชากำลังชั่งใจ เธอจะถอยเสียงตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะสู้ต่อ โดยไม่แคร์คน คนนั้น“ลูกกระจอกอย่างเรา มีโอกาสได้เจอบิ้กบอสก็แค่วันนี้แหละเธอ”เสียงเพื่อนร่วมงานกระซิบกระซาบกันใกล้ๆ“ใช่! เจ้าชายบนหอคอย...อัศวินผู้คุ้มครองปวงประชา เข้าถึงตัวง่ายๆ ได้เหรอ”อลิชาคิดตาม...จริงสินะ...ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขา โอกาสที่จะได้พ
“พยายามแล้ว...แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณอิงเลยซ้อมเลี้ยงลูกอลิสไปพลางๆ ก่อน พอถึงเวลาจะได้คล่อง”แมทธิวขมวดคิ้ว...ชื่อที่ผ่านปากเพื่อนมาคุ้นหูอีกแล้ว‘อลิสในแดนมหัศจรรย์’ แม่สาวสุดร้อนแรงที่เขาลืมไม่ลง“เหรอ...นึกว่าไร้น้ำยา แต่งงานมา3ปีแล้วนี่หว่า” ชายหนุ่มกระเซ้า พร้อมกับหัวเราะลงลูกคอ“อิงไม่แข็งแรงค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณไท ช่วงนี้ก็เลยต้องบำรุงตัวเองไปก่อน...ไม่นานก็คงสมหวัง”น้ำอิงแก้ตัวให้สามี ไทธัชไม่ได้ผิดปกติ เธอต่างหากที่ยังไม่สมบูรณ์“ว่าแต่ผม...คุณเถอะ ไมได้ไปไข่ทิ้งไว้นะ...เห็นควงสาวไปทั่ว” ไทธัชเหน็บเพื่อนแรงๆ เมื่อแมทธิวมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงเป็นร้อย แต่กลับไม่มีข่าวฉาวให้เห็นสักครั้ง“เจาะหมวกเหล็กผมออกมาได้ ก็ต้องยอมรับล่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะก๊าก! เขาพกคอนดอมคราวละไม่ต่ำกว่าสามกล่อง...มีอุปกรณ์สกัดดาวรุ่งขนาดนั้น...ไม่มีทางที่เมล็ดพันธุ์ของเขาจะงอกเงย...ไทธัชหัวเราะหึๆ เขาส่ายใบหน้า ระอากับความโผงผางของเพื่อน...แมทธิวนิ่งเงียบ เขาเผลอตัวคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่ง...กำแพงรั้วสีขาวตระหง่านเบื้องหน้า ประตูรั้วเหล็กถูกดันให้เปิดออกด้วยมือคนงานเก่าแก่ ชายสูงวัยค้อมตัวให้เมื
คำพูดของน้ำอิงทำให้แมทธิวสะดุด มันฟังแปลกๆ พิกล หล่อนมี ‘ลูก’ แสดงว่าผ่านการมีสามีมาแล้ว แต่ทำไมที่น้ำอิงพูดมานั้น เหมือนกับว่าแม่สาวนาม ‘อลิส’ คนนั้น ยังไร้คนข้างกาย ไม่หรอกน่า หล่อนมีลูกแล้ว!! เป็นความกังขาที่เกิดขึ้นในสมองสั่งการของแมทธิว“อลิสไม่มีทางไปจากที่นี่หรอกน่าคุณอิง...เธอไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม...คุณก็เห็น”คำพูดของเพื่อนรักยิ่งย้ำให้แมทธิวสับสน“แม่ครัวบ้านคุณไม่มีสามี แต่มีลูกงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มยอมเสียมารยาท เขาโพล่งออกมาเสียงดังสองสามี-ภรรยาชะงัก คงเพราะลืมตัว จนเผลอพูดความลับของอลิชาออกมาให้คนนอกร่วมรับรู้“อย่าไปสนใจเลยว่ะแมท...เรื่องของคนงาน...ผมแค่ชี้แจงให้คุณอิงสบายใจ...หากเราดูแลดี ไม่มีใครอยากไปไหนหรอก”“ใช่ค่ะๆ อย่าสนใจเรื่องกวนใจของคนทำงานบ้านเลยค่ะ ว่าแต่คุณแมทเถอะ หมู่นี่เงียบฉี่ เบื่อสาวๆ แล้วเหรอคะ?”แมทธิวมีคู่ควงมากหน้าหลายตา เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดคุ้มค่าที่สุด แม้จะต้องจ่ายหนักไปสักหน่อย เมื่อนิยามของเขา ไม่มีการสานต่อ หากเต็มใจที่จะคบกับแมทธิว ก็ต้องเตรียมใจไว้ในวันที่ลาจาก เมื่อชายหนุ่มพร้อมจะถอยหนี หากคู่ควงคนไหนคิดจะจริงจังกับเขา เขายินดีจ่ายแบบไม่เกี่ยง