บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง
อลิชาตื่นตามเวลา เธอปรือเปลือกตาขึ้นมอง สิ่งที่สายตาจับภาพได้... เป็นภาพที่ไม่คุ้นชิน เพดานห้องเธอเป็นไม้อัดเก่าๆ ผุๆ แต่ที่เห็นนี่ คือโคมไฟห้อยระย้า แสงสะท้อนของมันสวยเหมือนเกล็ดเพชรยามล้อเล่นกับแสงไฟ...หญิงสาวผวา!! แล้วเธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติอีกครั้ง... ข้างกายของเธอมีผู้ชายรูปร่างกำยำนอนแนบชิด เท่าที่สำรวจคร่าวๆ เขา ‘เปลือย’ เมื่อชายผ้าที่พาดไว้หมิ่นๆ ช่วงเอว มันปิดไม่มิด แก้มก้นผู้ชายที่ชาตินี้อลิชาคงไม่มีวันได้เห็น เมื่อเธอตั้งใจจะอยู่คนเดียว ไม่อยากสร้างภาระให้กับใคร หญิงสาวยกมือขยี้ดวงตาแรงๆ ก่อนจะสูดปากคราง เมื่อร่างกายประท้วงการออกแรง เนื้อตัวของเธอร้าวระบม เหมือนทำงานหนักมาทั้งวัน เธอแน่ใจว่าตนเองหลับสนิท หลังดื่มนมอุ่นๆ ที่ฉลวยยกมาให้หน้าห้อง...
เอะ!
หญิงสาวรวบผ้าห่มแนบลำตัวมากขึ้น ใบหน้าซีดเผือดเมื่อพอจะเดาเหตุการณ์ออก
อลิชาไม่กล้าแม้แต่จะก้มมองตัวเอง ร่างกายเธอร้าวระบม แถมว่างเปล่า เหมือนกับว่าใต้ผ้าห่มนี่ เธอไม่ได้สวมอะไรเลย
น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลพรู มันเจ็บแปลบเหมือนจะขาดใจ เมื่อคนที่ไว้ใจ หักหลัง ทำลายเธอจนยับเยิน...
รอยยิ้มหยันๆ แต้มมุมปาก ฉลวยให้เธอทดแทนบุญคุณของท่าน ด้วยความสาวที่เก็บไว้อย่างดี นับเป็นความปรานีอย่างหาที่สุดไม่ได้ จากคนที่เธอเคารพไม่ต่างอะไรกับบุพการี
เธอลากขาลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล พยายามจรดปลายเท้าก้าวเดินให้เบาที่สุด เมื่อยังไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ชายใจร้ายที่พร่าพรหมจรรย์ของตนเองไป อลิชาหอบเสื้อผ้าผู้หญิงที่หล่นเกลื่อนพื้นขึ้นมาแนบอก เธอเดินไป ยกมือปาดน้ำตาไป เพราะน้ำตาไหลหล่นไม่หยุด เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวร่ำไห้อย่างหนัก มันเป็นก้อนสะอื้นที่ตีตื้นออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ แต่ไร้เสียง...
หลังอาบน้ำล้างคราบไคลออกไปลวกๆ อลิชาแต่งตัวเรียบร้อย เธอยิ้มหยันให้ผู้หญิงหน้าโง่ที่สะท้อนผ่านกระจกเงา...
เหตุการณ์วันนี้ คนในครอบครัวเธอต้องมีเอี่ยว ไม่ว่าจะป้าฉลวย หรืออลินดา เมื่อชุดเดรสชุดนี้ เธอเคยเห็นอลินดาสวมใส่หลายครั้ง...
อลิชารีบออกจากห้องสุดหรู... ทั้งที่อยากฆ่าผู้ชายใจร้ายคนนี้เสียให้ตายคามือ แต่มันป่วยการเปล่า...เพราะเขาเองก็คงเป็น ‘เหยื่อ’ เหมือนตนเอง ผู้ชายคนนั้นผิดตรงที่เขาย่ำยีเธอโดยที่เธอไม่เต็มใจ แต่โทษเขาทั้งหมดก็ไม่ได้ เมื่อสาเหตุหลักมาจากคนในครอบครัวของเธอเอง ความทรงจำแสนรางเลือนที่อลิชาพยายามนึก ทำให้เธอรู้สึกอดสู ตนเองการเป็นผู้หญิงร้อนรักได้อย่างไร มันมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังแน่ๆ
หญิงสาวโผเผกลับรังนอนเหมือนนกปีกหัก แต่กลางใจนั้นมีกองเพลิงลุกไหม้ ทั้งไฟแค้น ไฟโศกปะปนกันแทบแยกไม่ออก
การเดินทางแสนยาวนานในความรู้สึกของอลิชาสิ้นสุดลง เธอก้าวลงจากรถประจำทาง เดินก้มหน้าผ่านร้านรวงที่ตั้งขายข้างทาง ตอนที่แดดยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้าพอดี...
“หนูอลิส ไปไหนมาแต่เข้าเลยจ้ะ แต่งตัวสวยเสียด้วยสิ” เพราะแสงตะวันยังไม่ชัดเจนพอ ความร่วงโรยในสีหน้าของอลิชาจึงยังไม่มีใครมองเห็น
หญิงสาวส่ายใบหน้าตอบ รีบเดินจ้ำอ้าว... โดยไม่ได้ปริปากตอบคำถามใคร เธอกลัวว่า... หากปริปากพูด เสียงที่พวกเขาเหล่านั้นได้ยินจะเป็นเสียงสะอื้นแทน...
ประตูรั้วไม้สีขาวโดดเด่นอยู่ตรงหน้า อลิชาสูดลมหายใจลึกๆ เธอรวบรวมความกล้า เพราะทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปด้านใน เธอจะต้องเค้นเอาความจริงจากปากฉลวยให้ได้ ป้าของเธอ... ทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง...มันเหมือนกับว่าฉลวยต้องการฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น!!
ตึงๆ
เสียงเคาะประตูแรงๆ เพราะความคับแค้นที่อัดแน่นในใจ...
ติ๋มที่เพิ่งเดินผ่านรั้วด้านนอกเข้ามายังได้ยิน สาวใช้สูงวัย เดินไปชะเง้อมอง...หล่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างบางคุ้นตายืนหน้าเคร่งอยู่หน้าห้องนอนนายจ้าง
“หนูอลิสจะไปไหน? แต่งตัวเสียสวยเชียว” นางพึมพำ มองหาซอกหลืบที่จะได้ตั้งตาแอบฟังได้ถนัดๆ เมื่อมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายแบบรำไร
ฉลวยสะดุ้งตื่น!! จากการถูกกระชากจากห้วงฝัน หล่อนแหกปากตะโกนเสียงดัง “ใคร!! มาเคาะประตูห้องฉันแต่เช้า อยากตายเหรอไงหะ”
อลิชายกมือปาดน้ำตาที่อาบใบหน้า เธอตอบเสียงเครือ “อลิสเองค่ะป้า...อลิสมีเรื่องจะถาม” เธอยังไม่หยุดเคาะ มือเรียวทุบประตูจนผิวเนื้อแดงก่ำ
“พอๆ หยุดเคาะได้แล้ว มีอะไรล่ะ มาเคาะเรียกฉันแต่เช้า”
ฉลวยตวาดข่ม นางคว้าชุดคลุมมาสวมทับชุดนอน เดินไปเปิดประตูห้องให้หลานสาว ด้วยสีหน้าเฉยเมย
สาวใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นหลานสาวในไส้เต็มตา ขอบตาของอลิชาแดงก่ำ ริมฝีปากเจ่อบวม ผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเล็กๆ ผู้ชายคนนั้นตะกรุมตะกรามไม่ได้ออมแรงสักนิด ย่ำยีเสียจนอลิชายับเยินดูไม่ได้
“ป้าทำอะไรกับอลิสคะ!” เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม มันเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำที่ปะปนมากับกระแสเสียงนั่น
ฉลวยถอนใจแรงๆ นางเดินผ่านหน้าหลานสาวไปแบบกระชั้นชิด
“ลงไปคุยกันข้างล่าง อย่ามาทำท่าทางกำเริบใส่ฉันนะยะ”
ฉลวยไม่วายข่ม แม้ตัวเองจะผิดเต็มประตู แต่เพื่อความอยู่รอดของตนเอง...ให้เลวร้ายกว่านี้ นางก็จะทำ เมื่ออลิสชาเป็นแค่ ‘หลาน’ เป็นกาฝากของบ้าน หล่อนสมควรตอบแทนบุญคุณ ถึงมันจะเยอะไปสักหน่อย เรื่องแค่นี้เอง...ไม่นานหล่อนก็จะเหมือนเดิม...
หญิงสาวเดินตามติด เธอต้องรู้ความจริงให้ได้
“ฉันไม่อธิบายหรอกนะว่าที่ฉันทำแบบนั้นกับหล่อนเพราะอะไร! แต่ขอให้หล่อนรู้ไว้แม่อลิส... ข้าวปลาที่หล่อนกลืนลงท้องไปน่ะ... เป็นสิ่งที่ฉันใช้เงินซื้อหามาทั้งนั้น และเมื่อฉันเข้าตาจน หล่อนจะตอบแทนฉันมั่งไม่ได้เหรอไงยะ?”
อลิชาอึ้ง คำอธิบายแสนง่าย แต่มันคือความหายนะของเธอ
“ป้าเอาอลิสไปขาย เพื่อเงินงั้นเหรอคะ?” หญิงสาวถามกลับเสียงสั่น
“หึ!” ฉลวยปรายตามอง “แหงสิ อีคุณนายนั่นมันหาลูกค้ามาให้ ฉันเป็นหนี้มันเป็นแสน ไม่เอาหล่อนไปขาย คนที่ตายก็คือฉันนี่” นางยกมือตบอกตุ๊บๆ สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อเอ่ยถึงหนี้สิน
“ป้าก็เลยให้อลิสตอบแทนคุณป้า ด้วยร่างกายของอลิสงั้นเหรอคะ?” เป็นอีกครั้งที่อลิชาย้อนถาม มันเหมือนเธอคิดอะไรไม่ออก
“มันสึกหรอเหรอยะ หล่อนถึงได้มานั่งเสียดมเสียดาย” ฉลวยตวาดแหว ถลึงตาใส่อลิชาซ้ำ
“จะมีครั้งต่อไปอีกหรือเปล่าคะ...” หญิงสาวกลั้นใจถาม เธอโดนย่ำยีเพราะผู้อุปการคุณกำลังเดือดร้อน แต่เธอไม่ต้องการเจอเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ
“ทำไม!” สาวใหญ่ถามกลับเสียงแข็ง
“ในเมื่ออลิสตอบแทนคุณป้าไปแล้ว ครั้งหน้าป้าคงไม่แก้ปัญหาของป้าด้วยการ ‘ขาย’ อลิสอีกใช่มั้ยคะ?” คำถามแสนซื่อ แต่ฟังแล้วเจ็บร้าวไปทั้งใจ อนาคตของเธอจะไว้ใจใครได้อีก
“มันก็ไม่แน่...” คำตอบที่อลิชาได้ยิน มันทำให้เธอต้องใคร่ครวญใหม่ หากเธอจะยังอยู่ใต้ร่มเงาของ ‘ฉัตรสุวรรณ’ ความปลอดภัยในชีวิตคงไม่มี
หญิงสาวคลานเข่า คอตกกลับห้องพัก น้ำตาไหลรินเหมือนดั่งน้ำฝน กระบอกตาปวดแปลบเพราะวันนี้ทั้งวัน เธอเสียน้ำตาไปจนนับไม่ถ้วน
“เกิดอะไรขึ้น?” ติ๋มเดินมาดักหน้า สาวใช้วัยดึกร้องถามเสียงตกใจ เมื่อหล่อนมองเห็นสภาพของอลิชาเต็มตา “ใครทำอะไรหนูอริส...อีคุณนายนั่นทำอะไรหนู” สิ่งที่ติ๋มได้ยินมันไม่ปะติดปะต่อ เท่าที่พอจะคาดเดาได้ มีบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากที่ตนเองกลับไปบ้าน สองแม่-ลูก นั่นทำบางอย่างกับหญิงสาวตรงหน้า
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด กลั้นสะอื้นไว้สุดฤทธิ์ เมื่อไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องอดสูที่เกิดขึ้นกับตัวเอง“ไม่ต้องมาปิดติ๋มค่ะ...ติ๋มพอจะเดาออก อีคุณนายบนตึกนั่นเดินเข้า เดินออกบ้านเจ้สายหยุดทางเป็นมัน มันเอาหนูอลิสไปขายสิท่า” ติ๋มกล่าวเสียงเคียดแค้น...เจ็บใจที่ช่วยเหลือคนน่าสงสารอย่างอลิสชาไม่ได้ เรื่องมันสายเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้วอลิชาผงะ แม้แต่สาวใช้ก้นครัวอย่างติ๋มยังรู้“ไปเก็บของค่ะ หนูอริสอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป อีคุณนายใจดำนั่น คงไม่หยุดง่ายๆ”มือหยาบกร้านดันแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาว เธอกระซิบเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวบุคคลที่สามได้ยิน“อลิสไม่มีที่ไปนะติ๋ม” หญิงสาวท้วง นอกจากฉลวยแล้ว เธอไม่มีใครที่พอจะพึ่งพาได้จริงๆ“ไม่ต้องกลัวค่ะ หลบไปก่อน เดี๋ยวติ๋มหางานให้ทำเอง... ไปให้พ้นจากบ้านนี้ บุญคุณท่วมหัวที่อีคุณนายมันอ้างอย่าไปนึกถึง... ความระยำที่อีคุณนายมันทำลบล้างหมดแล้วค่ะ”ถึงไม่ใช่ญาติ แต่เห็นกันมาตั้งหลายปี สิ่งที่ฉลวยและครอบครัวทำกับอลิชา เกินกว่าที่ติ๋มจะรับไหว ถึงเธอจะจนกร็อบ ต้องอาศัยใบบุญบ้านฉัตรสุวรรณ แต่เรื่องระยำตำบอนอย่างน
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาเดินเข้าไปด้านใน และลงมืออาบน้ำ เพื่อชำระคราบไคล่ต่างๆ บนร่างกาย “อูยยย!” แมทธิวเผลอตัวอุทานออกมาเสียงหลง เมื่อสายน้ำเย็นรินรดร่างกาย ผิวหนังที่แผ่นหลังก็ประท้วง มันเจ็บแปลบเนื่องจากแผลสด เขาเอี้ยวตัวตะแคงร่างกายมองผ่านกระจกเงา ริ้วรอยนูนเด่น ฝีมือแม่ม้าพยศเมื่อคืนนี้ หล่อนฝากรอยรักไว้บนแผ่นหลังเขา เสียงเป็นทางยาวมุมปากสีเข้มกระตุกยิ้ม บทรักสุดโลดโผนเมื่อค่ำคืน ทำให้แมทธิวคิดถึงหล่อนขึ้นมาติดหมัด ไอ้ที่เคยปฏิบัติมา คงถูกแหก เมื่อในสมองของแมทธิวตอนนี้ เขาติดใจจนอยากพบหล่อนอีกสักครั้ง...หลังแต่งตัวเรียบร้อย ชายหนุ่มซ่อนรอยแผลเล็กๆ บนร่างกายไว้ด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เขาเดินผิวปากออกจากห้องสวีทแบบคนอารมณ์ดี ความเครียดที่สะสมในร่างกาย ถูกระบายไปกับบทรักร้อนแรงจนหมดโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบถูกล้วงออกมาจากซอกกระเป๋าเสื้อ แมทธิวกดโทร. ออก ต่อสายหาคนจัดหาผู้หญิงเพื่อเจรจา เขาต้องการเจอหล่อนอีกครั้ง...แต่คงไม่ใช่วันนี้“มีอะไรคะ? ทำไมแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว”อลินดาที่เพิ่งจะตื่นนอน หล่อนย่างกรายลงมาชั้นล่างของบ้าน เอาเมื่อตะวันขึ้นตรงศีรษะพอดี“ไม่ดีใจได้ยังไงลูก อีคุณนายนั่นโทร
“ดูๆ คนของคุณอิง มีงอนด้วย”“ฝีมือใช้ได้เลยค่ะ หน้าตายังเด็กๆ อยู่เลยด้วยไม่คิดว่ารสมือจะดีขนาดนี้” น้ำอิงชมซ้ำ เธอเปรยให้สามีฟัง“บอกบ้านใหญ่หรือยังล่ะ...เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลังนะ...” ไทธัชเตือน ความเคลื่อนไหวภายในบ้านเขา ถูกสอดส่องจากคนบ้านใหญ่ จนบางครั้งเขาก็เอือมระอา...“อิงว่าจะไปเรียนให้ท่านทราบวันนี้ค่ะ” น้ำอิงตอบเสียงแผ่ว เธอรับรู้กระแสความไม่พอใจผ่านทางน้ำเสียงที่สามีใช้“อืม...” ไทธัชไม่ได้พูดต่อ เขารับชามข้าวต้มจากฟักทอง ก่อนจะตักใส่ปาก... “อร่อยจริงๆ” ชายหนุ่มเปรยหลังจากลิ้มรส รสมือของอลิชาเข้าไปแล้ว“ฟักคงตกกระป๋อง...ขนาดคุณไทยังชม” ฟักทองบ่นกระปอดกระแปด เมื่อเจ้านายทั้งสองคน มีความเห็นตรงกัน“งานอื่นมีเยอะแยะ ส่วนหน้าที่ทำอาหาร ฟักเป็นแค่ลูกมือก็พอ...” ไทธัชกล่าวยิ้มๆ เขาเป็นกันเองกับคนในบ้าน ไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย“ฟักไปตามอลิสมาสิ จะได้รู้จักกันไว้ ใครเป็นใคร เดี๋ยวจะงง”น้ำอิงสั่งฟักทอง อลิชาจะได้ทำความรู้จักกับสามีของเธอด้วยหญิงสาวร่างเล็กบาง เดินตามหลังฟักทองเข้ามา“สวัสดีค่ะคุณ” อลิชายกมือขึ้นทำความเคารพโดยไม่ต้องให้ใครบอก เธอยิ้มเซียวๆ ให้เจ้านายหนุ่ม“อายุเท่าไหร
ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา...น้ำตาทะลักรินโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นความหวาดกลัวจับจิต หากสิ่งที่กำลังกลัวเกิดขึ้นจริงๆ“อลิสมีแฟน หรือมีผู้ชายที่คบหามั้ย?”น้ำอิงถามเสียงแผ่ว เธอกำลังหาทางช่วย หากอลิชาก้าวพลาดหญิงสาวส่ายใบหน้าแรงๆ ใช้หลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนพื้นเจ้านายสาวหันมาเผชิญหน้า เธอสูดลมหายใจแรงๆ “อาการที่เป็นอยู่ อิงไม่อยากฟันธงนะอลิส...ที่อิงถามแบบนั้นเพราะอิงจะได้วิเคราะห์ถูก ถ้าอลิสไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบผู้ชาย ปัญหาที่อิงกลัวก็ไม่น่าใช่” เสียงอธิบายเนิบนาบ หัวใจของอลิชาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอไม่เคยคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้าม ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ชายคนไหน แต่...เธอมีความสัมพัธ์กับผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ...ครั้งเดียวก่อนจะหนีเตลิดมาที่นี่“คุณอิงคะ อลิส...” หญิงสาวเรียบเรียงคำพูด “ก่อนมาที่นี่ อลิสมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่ง อลิสไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร มันเป็นคราวซวยของอลิส แบบนี้อลิสคงจะท้องใช่มั้ยคะ?”เสียงติดๆ ขัดๆ เพราะกลั้นสะอื้นไปพร้อมๆ กับการพูด น้ำตาไหลอาบหน้า เสียใจกับโชคชะตาตนเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดใส่ตนเองไม่หยุดน้ำอิงกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอเ
บทที่5.เมื่อคนในอดีตย้อนมาเจอกันผ่านไปสามปี อะไรๆ ในชีวิตของอลิชาเปลี่ยนไปเกือบหมด...วันนี้ วันที่เธอประสบความสำเร็จ...เรียนจบอย่างที่หวัง ได้ทำมาหากินอย่างเต็มที่ หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัว แววตาสลดลง...ในขณะที่เพื่อนๆ มีญาติสนิทมาร่วมแสดงความยินดีกันหนาตา...ข้างกายเธอกลับว่างเปล่า...“เอาน่าไอ้อลิส แกภูมิใจในตัวเองเถอะ พ่อกับแม่บนสวรรค์จะได้พลอยดีใจไปด้วย...แกเก่งจริงว่ะ”หญิงสาวปลุกปลอบใจตนเอง บ่ายหน้าเดินออกจากรั้ววิทยาลัย’ หลังรับพระราชทานปริญญาบัติเสร็จเรียบร้อยสองมือกอดความสำเร็จแนบอก ยิ้มเซียวๆ ให้คนรู้จักเมื่อเขาเหล่านั้นเดินผ่าน เสียงเฮฮาดังแว่วๆ อยู่ด้านหลัง...สองเท้าของเธอก้าวเดินอย่างมั่นคง เมื่อมีใครบางคนรออยู่ที่บ้านพัก คน คนนั้นคือคนสำคัญที่สุดของตัวเองรถประจำทางวิ่งมาจอดเทียบฟุตบาทพอดีกับที่อลิชาเดินมาถึง เธอกระโจนขึ้นรถทัน ก่อนที่สารถีคนขับจะเหยียบคันเร่ง พาพาหนะสาธารณะขึ้นไปผจญความแออัดบนท้องถนน กลิ่นควันจากท่อไอเสียไม่ได้ทำให้อลิชาหงุดหงิดเหมือนทุกวัน วันนี้เธออารมณ์ดีเสียใจหุบยิ้มไม่ได้ สีหน้าเรียบเฉยเป็นนิจ วันนี้กลับมีรอยยิ้มละไมแต้มอยู่บนเรียวปาก เป็นความภาคภูมิอย
คุณท่านบ้านใหญ่ออกตัวแรง...แต่ท่านก็กลับลำทำหน้าตาเฉยเมย ตอนที่มาเป็นผู้ใหญ่โกนผมไฟให้บุตรชายเธอ อลิชาถูกดูแลจากทุกคนในบ้านหลังคลอดบุตร ประหนึ่งเป็นญาติคนหนึ่งของครอบครัวของเจ้านายสาวเลยทีเดียวเป็นเพราะเด็กชาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทธัชกับบรรดาญาติฝ่ายเมียแน่นแฟ้นขึ้น...เขาไม่ใช่หลานเขย บุตรเขยที่ฝ่ายครอบครัวภรรยาไม่ปลื้มอีกต่อไปความดี ความซื่อสัตย์ของไทธัชพิสูจน์ให้คนในครอบครัวของน้ำอิงเห็นกับตา...ไร้เสียงบ่น ก่นว่า นับตั้งแต่เด็กชายกลายเป็นขวัญใจ หากไม่ติดว่าอลิชารักบุตรชายดั่งแก้วตาดวงใจ ทั้งน้ำอิงและไทธัช คงเอ่ยปากขอเด็กน้อยมาเป็นลูกบุญธรรมของตนเองเป็นแน่แท้...“ค่ะ...”“หากรูปนี้เขาตา เผลอตัวแสบจะได้เป็นดาราแต่เด็กนะ”อลิชาไม่เคยคัดค้านความคิดของนายสาว เพราะทุกสิ่งที่น้ำอิงมอบให้มีแต่สิ่งดีๆ ...เธอกับลูกไม่ต้องออกไประเหเร่ร่อนก็เพราะความเมตตาของเจ้านาย ครั้งแรกที่เรื่องแดงขึ้นมา ญาติทางฝ่ายน้ำอิง...ยืนกรานให้อลิชาลาออก...เพราะไม่อยากให้มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในบ้าน น้ำอิงยืนยันเช่นกัน เธอปล่อยอลิชาไปตกระกำลำบากข้างนอกนั่นไม่ได้ เป็นครั้งที่สองที่น้ำอิงกล้าขัดคำสั่งของสมา
บทที่6.ความลับที่ปิดบังไว้ปลายเล็บกดลงบนผิวเนื้อหลังมือ “อุ้ย!” หญิงสาวสะดุ้ง มันไม่ใช่แค่เพียงความฝัน ที่เกิดอยู่ตรงหน้านี่ ของจริง เหตุการณ์จริงๆ ที่เธอกำลังเผชิญหน้าในความมลังเมลือง...ความทรงจำที่ไม่ใคร่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ เนื่องจากสติสัมปชัญญะของตนเองไม่เต็มร้อย...โครงหน้าผู้ชายในความทรงจำ ผู้ชายที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุด มากขนาดทิ้งเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งไว้ในท้องของเธอแพขนตากะพริบถี่ๆ พยายามเพ่งมองเพื่อจับเค้าหน้าชัดๆอลิชาภาวนาในใจ เธอวิงวอนพระผู้เป็นเจ้า อย่าให้เธอต้องมาเจอะเจอ ‘คน คนนั้น’ อีกเลยแต่...คำภาวนาของเธอไร้ผล...เพราะยิ่งเห็นยิ่งย้ำเตือน โครงหน้านี้ที่เธอไม่มีวันลืม...ไม่มีทางลืมชั่วชีวิต…เสียงถอนลมหายใจแรงๆ อลิชากำลังชั่งใจ เธอจะถอยเสียงตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะสู้ต่อ โดยไม่แคร์คน คนนั้น“ลูกกระจอกอย่างเรา มีโอกาสได้เจอบิ้กบอสก็แค่วันนี้แหละเธอ”เสียงเพื่อนร่วมงานกระซิบกระซาบกันใกล้ๆ“ใช่! เจ้าชายบนหอคอย...อัศวินผู้คุ้มครองปวงประชา เข้าถึงตัวง่ายๆ ได้เหรอ”อลิชาคิดตาม...จริงสินะ...ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขา โอกาสที่จะได้พ
“พยายามแล้ว...แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณอิงเลยซ้อมเลี้ยงลูกอลิสไปพลางๆ ก่อน พอถึงเวลาจะได้คล่อง”แมทธิวขมวดคิ้ว...ชื่อที่ผ่านปากเพื่อนมาคุ้นหูอีกแล้ว‘อลิสในแดนมหัศจรรย์’ แม่สาวสุดร้อนแรงที่เขาลืมไม่ลง“เหรอ...นึกว่าไร้น้ำยา แต่งงานมา3ปีแล้วนี่หว่า” ชายหนุ่มกระเซ้า พร้อมกับหัวเราะลงลูกคอ“อิงไม่แข็งแรงค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณไท ช่วงนี้ก็เลยต้องบำรุงตัวเองไปก่อน...ไม่นานก็คงสมหวัง”น้ำอิงแก้ตัวให้สามี ไทธัชไม่ได้ผิดปกติ เธอต่างหากที่ยังไม่สมบูรณ์“ว่าแต่ผม...คุณเถอะ ไมได้ไปไข่ทิ้งไว้นะ...เห็นควงสาวไปทั่ว” ไทธัชเหน็บเพื่อนแรงๆ เมื่อแมทธิวมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงเป็นร้อย แต่กลับไม่มีข่าวฉาวให้เห็นสักครั้ง“เจาะหมวกเหล็กผมออกมาได้ ก็ต้องยอมรับล่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะก๊าก! เขาพกคอนดอมคราวละไม่ต่ำกว่าสามกล่อง...มีอุปกรณ์สกัดดาวรุ่งขนาดนั้น...ไม่มีทางที่เมล็ดพันธุ์ของเขาจะงอกเงย...ไทธัชหัวเราะหึๆ เขาส่ายใบหน้า ระอากับความโผงผางของเพื่อน...แมทธิวนิ่งเงียบ เขาเผลอตัวคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่ง...กำแพงรั้วสีขาวตระหง่านเบื้องหน้า ประตูรั้วเหล็กถูกดันให้เปิดออกด้วยมือคนงานเก่าแก่ ชายสูงวัยค้อมตัวให้เมื