เย็นของวัน
"นี่รูปตอนพี่รัญเด็กๆเหรอคะ"
พราวพิไลหยิบรูปที่ตั้งอยู่ในตู้โชว์ข้างๆกับชั้นวาวหนังสือขึ้นมาดูเธอกะว่าจะถามหิรัญหลายครั้งแล้วในรูปมีเด็กชายสองคนที่คาดว่าน่าจะเป็นหิรัญกับน้องชายของเขาและมีอีกคนที่เป็นชายวัยกลางคนหน้าไม่เหมือนอนุชิตเท่าไรอุ้มเด็กชายทั้งสองอยู่
"อืม.. นี่พี่แล้วนี่ก็ธรัฐน้องชายพี่"
"แล้วคนที่อุ้มอยู่นี่ล่ะคะ"
"คุณปู่พี่น่ะ"
"ตอนนั้นคุณปู่อายุเท่าไรคะเนี่ยยังหล่ออยู่เลยค่ะ"
"ตอนนั้นก็หกสิบกว่าแล้วล่ะ"
"โห..ยังดูหนุ่มมากเลยนะคะ"
"ใช่แล้วคุณย่าเล่าให้ฟังว่าคุณปู่เป็นคนมีอายุที่ดูดีที่สุดในย่านนี้เลยแถมสาวๆยังติดตรึมอีกด้วย"
"แล้วคุณย่าไม่หึงแย่เหรอคะ"
"ไม่หรอกคุณปู่จะเป็นฝ่ายหวงคุณย่าเสียมากกว่าหลังจากที่คุณปู่แต่งงานกับคุณย่าผู้หญิงที่พยายามเข้าหาคุณปู่ก็ไล่ตะเพิดไปหมดเลย"
"คุณปู่ดุมากหรือเปล่าคะ"
"ก็พอตัวนะไม่งั้นคงไม่คุมคนที่ไร่นี้ได้แถมยังบริหารงานที่ธนาคารแทนคุณทวดได้อีก"
หิรัญเล่าถึงคุณปู่ของเขาอย่างภูมิใจ
"คุณปู่นี่สุดยอดเลยนะคะ"
"ใช่แล้วเห็นคุณย่าบอกว่าคนที่นิสัยคล้ายคุณปู่มากที่สุดเห็นจะเป็นธรัฐ"
"แล้วพี่รัญล่ะคะดุไหม"
พราวพิไลเงยหน้ามองคนตัวโตด้วยแววตาสงสัยเธอเห็นหรัญแต่มุมเงียบขรึมและอ่อนโยนยังไม่เคยเห็นเขาในเวลาโมโหเสียที
"พราวเห็นพี่ดุไหมล่ะ"
หิรัญโอบกอดร่างบางจากทางด้านหลัง
"..ไม่ค่ะ.."
พราวพิไลส่ายหัวหงึกหงักเธอคิดว่าเขาก็น่าจะไม่ดุเท่าไร
"ถ้าคนดีมาพี่ก็ดีตอบร้ายมาพี่ก็ร้ายตอบเหมือนกันแต่สำหรับพราวพี่จะเป็นแบบนี้ตลอดไป"
สำหรัญหิรัญพฤติกรรมของเขาก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
"อย่ามาให้คำสัญญามั่วๆแค่ช่วงโปรโมชั่นนะคะ"
พราวพิไลไม่ชอบคำสัญญามั่วๆเพราะเธอรู้สึกว่าคำพูดคำสัญญามันเป็นเรื่องสำคัญเพราะมันจะแสดงออกถึงความจริงใจ
"ไม่เลยพี่ไม่เคยมีโปรโมชั่นกับใครทั้งนั้นชอบพี่ก็บอกชอบรักพี่ก็บอกรักเท่านั้นเอง"
คนอย่างหิรัญไม่ได้มีช่วงโปรโมชั่นสำหรับใครเขาคิดอย่างไรคำพูดกับการกระทำมันก็ออกมาเป็นแบบนั้น
อาทิตย์ต่อมา
"เป็นยังไงบ้างหมอโจ"
หิรัญรอฟังข่าวจากหมอโจอย่างใจจดใจจ่อหลังจากที่เขาคิดจะล้างบางเสี่ยเคี้ยงจึงจ้างทั้งนักสืบติดต่อกับตำรวจยศสูงๆที่รู้จักแล้วก็ซื้อตัวคนของเสี่ยเคี้ยงแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามผลมีหมายจับเสี่ยเคี้ยงมาในที่สุด
"ตอนนี้ทางการได้เข้ายึดของกลางของเสี่ยเคี้ยงตอนที่
มันไม่รู้ตัวเรียบร้อยแล้วครับ"
จักรภพรู้ข่าวมาจากตำรวจที่ต่อสายตรงมาถึงเขาตอนนี้เสี่ยเคี้ยงได้ถูกจับเรียบร้อยแล้ว
"ดี..จบสิ้นซะทีนะ"
หิรัญยิ้มอย่างพอใจ
"คุณรัญนี่เห็นเงียบๆก็กัดไม่ปล่อยเหมือนกันนะครับ"
จักรภพพึ่งเห็นมุมโหดของหิรัญก็ตอนนี้เหมือนน้ำนิ่งไหลลึกจริงๆหากคนอื่นมองก็คงไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องเอาราวอะไรเสี่ยเคี้ยงแต่ที่ไหนได้เล่นเหยียบจมดินไม่มีวันได้เกิดกันเลยทีเดียว
"กระโตกกระตากให้มันรู้ตัวก็เสียแผนหมดสิครับหมอ"
หิรัญพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ดีครับ..แล้วจะไปโรงพักกับผมเลยไหม"
"ครับ"
"พี่รัญจะไปไหนกันคะ"
พราวพิไลเห็นหิรัญและจักรภพกำลังจะขับรถออกไปข้างนอกกันจึงรีบเดินเข้ามาหา
"อ๋อ..พี่กับหมอโจจะไปธุระกันน่ะ..พี่จะรีบไปรีบกลับนะ"
เรื่องนี้หิรัญไม่ได้บอกให้หญิงสาวรู้เพราะกลัวว่าเธอจะกังวลและเป็นห่วงเขา
"ค่ะ...รีบกลับมานะคะเย็นนี้พราวจะทำของโปรดพี่รัญไว้รอค่ะ"
"โอเค.."
"ผมมาฝากท้องด้วยคนได้ไหมครับ"
จักรภพชะโงกหน้ามาขัดจังหวะคนที่กำลังหวานกัน
"ได้เลยค่ะหมอโจ"
"ขอบคุณครับ"
โรงพัก
"แกอย่าคิดว่าฉันจะยอมอยู่ในคุกนาน"
เสี่ยเคี้ยงเห็นหน้าหิรัญเขาก็กัดฟันกรอดเพราะไม่คิดว่าคนอย่างหิรัญจะทำอะไรเขาได้แต่เขาเองที่ชะล่าใจไป
"หลักฐานมัดตัวขนาดนี้คิดว่าจะรอดหรือไง"
หิรัญจ้องมองเสี่ยเคี้ยงตาเขม็งอย่างไม่เกรงกลัว
"คนอย่าเสี่ยเคี้ยงกฎหมายทำอะไรไม่ได้หรอกโว้ย"
เสี่ยเคี้ยงสบถออกมาอย่างหัวเสียทั้งประกาศก้องว่าเขาจะไม่ยอมอยู่ในห้องขังนานเป็นแน่
"แล้วฉันจะคอยดู"
หิรัญยังคงยืนจ้องหน้าเสี่ยเคี้ยงไม่วางสายตาครู่หนึ่งจึงละไปคุยกับทางตำรวจที่มาคุม สน.นี้ใหม่เพราะคนที่นี่่เสี่ยเคี้ยงให้การว่ามีเอี่ยวด้วยทุกกรณีตำรวจที่นี่จึงเป็นชุดใหม่ทั้งหมด
18.00 น.
"กับข้าวฝีมือคุณพราวนี่อร่อยทุกอย่างเลยนะครับ"
จักรภพและหิรัญกลับมาทันเวลาอาหารเย็นและดูท่าคนที่ดูจะอร่อยกับฝีมือของพราวพิไลเป็นพิเศษเลยก็คือจักรภพที่ทานข้าวหมดเป็นสองจานแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะอิ่ม
"ท่าจะอร่อยจริงนะครับเล่นแย่งผมไปซะจะหมดเลย"
หิรัญพูดด้วยสีหน้านอยเล็กน้อยที่กับข้าวฝีมือพราวพิไลที่ทำมานั้นถูกจักรภพแย่งทานไปเสียเกือบหมด
"เอ่อ..เพลินไปหน่อยน่ะครับ"
จักรภพหันมายิ้มแหยๆให้กับหิรัญ
"ในครัวยังมีอีกค่ะพี่รัญ..หมอโจทานเยอะๆเลยนะคะ"
พราวพิไลต้องออกโรงบอกว่ามีอีกในครัวเพราะดูท่าหิรัญจะเสียมารยาทหวงกับข้าวที่เธอทำกับแขกอย่างจักรภพวันนี้เสียแล้วทั้งต้องรีบบอกให้หมอโจทานได้ตามสบายเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเกรงใจแล้วทานไม่อิ่ม
"ขอบคุณครับ"
21.30 น.
"พี่รัญไปทำธุระอะไรกับหมอโจมากันแน่คะกลับมาดูเครียดๆ"
พราวพิไลสังเกตุอาการของหิรัญตั้งแต่กลับมาแล้วถึงเขาจะยิ้มแต่แววตาก็ยังดูมีเรื่องในใจจนเธออดถามไม่ได้
"คือ..พี่ไปโรงพักมาน่ะ"
หิรัญขยับเข้ามาใกล้ๆหญิงสาวที่นั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง
"มีเรื่องอะไรเหรอคะ"
"คือ....."
หิรัญตัดสินใจเล่าให้พราวพิไลฟังเพราะเรื่องทุกอย่างน่าจะจบแล้วคงไม่มีอะไรที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วงเขาอีกแล้ว
"แล้วพี่รัญไปมีเรื่องกับคนพวกนั่นน่ะเหรอคะ..ถึงว่าล่ะทำไมเพิ่มคนเฝ้าไร่"
พราวพิไลทำหน้าครุ่นคิดเพราะเธอเห็นคนตรวจตราไร่เพิ่มขึ้นเพราะเหตุผลนี้เป็นแน่
"ตอนนี้คนพวกนั้นถูกกฏหมายจัดการแล้วน่าจะไม่มีอะไรแล้วล่ะ"
"ให้มันจริงเถอะค่ะ"
พราวพิไลยังไม่นิ่งนอนใจไปเสียทีเดียว
"ทำไมเป็นห่วงพี่เหรอ"
หิรัญหันมาจ้องหน้าหญิงสาวพร้องเอ่ยเสียงอ่อนอย่างออดอ้อน
"ก็ห่วงสิคะ..ไม่ว่าจะปัญหาอะไรก็ห่วงทั้งนั้นแหละค่ะ"
"พราว.."
"คะ.."
"คดีพวกเสี่ยเคี้ยงจบเมื่อไรพี่ว่าจะพาพราวไปกรุงเทพหาแม่พี่นะ"
"ไปบอกความจริงใช่ไหมคะ"
พราวพิไลดีใจที่ชายหนุ่มจะบอกความจริงกับคนเป็นแม่แล้วเรื่องที่เขาไม่ได้ความจำเสื่อม
"อืม...แล้วก็จะไปบอกแม่พี่ให้จัดงานแต่งให้เราด้วย"
เรื่องนี้เขาตั้งใจอยู่แล้วและยังมีเรื่องแต่งงานอีกเรื่องด้วย
"งานแต่ง..ต..แต่เราพึ่งคบกันเองนะคะ"
พรางพิไลถึงกับหน้าเหวอไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากแต่งแต่เธอคิดว่าเธอยังรู้จักได้ไม่นานเลย
"แล้วไง..คนที่ใช่ก็คือคนที่ใช่น่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนความคิดพี่ได้"
หิรัญรวบกอดร่างบางทั้งก้มจูบหน้าผากเธออย่างหวงแหน
"ไว้เราหมั้นกันไว้ก่อนก็ได้ค่ะ"
หญิงสาวเงยหน้าบอกชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตก
"หมั้นได้ไงพราวมาอยู่กับพี่ที่นี่ในฐานะภรรยาแล้วก็ต้องแต่งสิ"
หิรัญส่ายหัวหงึกหงักเมื่อเขาตั้งใจแล้วก็ต้องเป็นแบบนั้น
"ก็ไม่ได้เป็นภรรยาจริงๆซะหน่อยนี่คะ"
"งั้นก็เป็นซะเลยสิ"
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบหญิงสาวกฌถูกโน้มตัวนอนราบไปกับเตียงโดยมีคนตัวโตอยู่ด้านบนแล้ว
"หา..อื้มม...พ..พี่รัญเดี๋ยวค่ะ"
หิรัญก้มบดจูบหญิงสาวจนเธอตกใจต้องรีบผลักเขาออก
"พี่ไม่อยากรอแล้วท้องก่อนแต่งมันไปเลย"
วินาทีนี้ลูกผู้ชายอย่างเขาหรือจะหยุดทั้งยังเอ่ยคำที่ทำให้หญิงสาวเขินจนหน้าแดงออกมาเต็มปากเต็มคำอย่างหน้าไม่อาย
"พ..พี่รัญ.อื้ออ.."
และแล้วคืนนี้พราวพิไลก็ได้ตกเป็นของหิรัญจนได้ในคราแรกเธอเองก็มีอาการขัดขืนอยู่ไม่น้อยเพราะคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมแต่เมื่อคนตัวโตออดอ้อนเล้าโลมเธอก็เคลิ้มไปกับเขาง่ายดายเพราะเธอก็มีใจให้เขาไปมากแล้วเหมือนกัน
เช้าวันต่อมา"อืม..ลุกออกไปจากตัวพราวได้แล้วค่ะ"พราวพิไลตื่นมาในช่วงสายเธอขยับตัวไม่ได้เพราะคนที่นอนเปลือยกายอยู่ข้างเธอพาดทั้งแขนที้งขารั้งเธอเปอาไว้"ขออยู่อย่างนี้ก่อนนะเมื่อคืนนอนน้อย"หิรัญพูดโดยที่ไม่ลืมตาเพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนก็เกือบเช้า"..งั้นพราวลุกไปก่อนนะคะ"ที่จริงหญิงสาวเองก็แทบระบมไปทั้งตัวแต่ที่เธออยากลุกออกจากตรงนี้ก็เพราะว่าเธอทนมองหน้าเขาด้วยความเขินอายไม่ได้ยิ่งมองหน้าอีกฝ่ายที่หลับตาพริ้มอยู่ภาพเมื่อคืนก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่ขาด"ลุกไหวเหรอ...พี่ว่านอนต่ออีกสักพักดีกว่านะ"หิรัญเชื่อว่าเธอคงจะเดินเหินลำบากเป็นแน่เพราะเมื่อคืนยากเหลือเกินที่เขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ให้รุนแรงกับเธอได้"พี่รัญ.."หญิงสาวยังพยายามแกะมือของเขาออก"ขืนยังไม่อยู่เฉยระวังจะไม่ได้นอนนะ....อีกอย่างก็คือพี่ขอบคุณนะที่ให้พี่เป็นคนแรกของพราว"หิรัญกระชับกอดหญิงสาวแน่นขึ้นทั้งกระซิบอะไรบางอย่างข้างๆหูที่ทำให้หญิงสาวหลับตาปี๋และยอมนอนต่อในที่สุด10.00 น."เอาไปไหนป้าพวง"มาลีถามพวงด้วยความสงสัยว่าจะยกถาดอาหารจากโต๊ะทานข้าวไปไหนทั้งที่เจ้านายทั้งสองยังไม่ออกมาทาน"คุณรัญสั่งให้ทำข้าวต้มไปให้ใน
บ้านมาลี"หา...ท..ท้อง"หลังจากที่มาลีว่างงานจากเรือนเธอก็ออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจทั้งหมดสามอันผลปรากฏว่าทั้งสามขึ้นสองขีดเหมือนกันหมดทำเอาเธอนั่งทรุดอยู่มุมห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก๊อกๆๆๆ"เสี่ย.."เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูมาลีจึงรีบหาที่ซ่อนผลตรวจเพราะคิดว่าเป็นแม่เธอมาเคาะแต่ที่ไหนได้กลับเป็นเลี่ยเกลี้ยงที่เข้ามาหาเธอในนี้ต่างหาก"เงียบ..""เสี่ยมาที่นี่ได้ไงแล้วเสี่ยไปบุกโรงพักมาจริงรึเปล่า""จริง...แล้วฉันก็มีเรื่องให้แกช่วย"เสี่ยเกลี้ยงมีบางอย่างที่ต้องวานให้มาลีช่วยแล้วเธอก็จะปฏิเสธเขาไม่ได้ด้วย"เสี่ยฉันมีเรื่องจะต้องบอกเสี่ย"มาลีถือโอกาสนี้บอกเรื่องที่เธอพึ่งรู้กับเสี่ยเกลี้ยงเสียเลย"เรื่องอะไร""ฉ..ฉันท้อง""ไปเอาออกซะ"เสี่ยเกลี้ยงตอบได้อย่างไม่ลังเลเพราะเขาไม่คิดที่จะรับผิดชอบใครอยู่แล้ว"พูดแบบนี้ได้ไงเสี่ยลูกทั้งคนนะ"มาลีถึงกับหน้าเหวอกับคำพูดที่เสี่ยเกลี้ยงพูดออกมา"ลูกฉันรึเปล่าก็ไม่รู้...นี่..พรุ่งนี้แกต้องพาเมียนายแกมาให้ฉันที่จุดนัดพบไม่งั้นแม่แกนั่นแหละที่จะไม่มีชีวิตรอด""เสี่ยจะทำอะไร""ทำอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับแกจะกำจัดเมียนายแกให้ไม่ดีหรือไงแ
"ใช่ฉันคือเสี่ยเกลี้ยงลูกเสี่ยเคี้ยงจำหน้าฉันไว้ดีๆเพราะฉันนี่แหละจะเป็นคนฆ่าผัวแก""ไม่นะ"พราวพิไลส่ายหัวพัลวันเธอจะไม่ยอมให้หิรัญเป็นอะไรไปง่ายๆเด็ดขาด"ไม่ทันแล้วล่ะมันกำลังมาให้ฉันฆ่าถึงที่"เสี่ยเกลี้ยงยิ้มเย้ยหญิงสาวอย่างสะใจ"เลว...เลวที่สุด"หญิงสาวทำได้แต่ตะโกนด่าทอคนที่เลวจนเธอสรรหาคำพูดออกมาด่าไม่ไหวจริงๆ"ขับให้เร็วกว่านี้หน่อยสิหมอ"บนถนนเลาะชายป่ารถยนต์สีดำวิ่งมาด้วยความเร็วโดยมีจักรภพเป็นคนขับหิรัญเองดูท่าความเร็วขนาด120กิโลเมตรต่อชั่วโมงมันยังไม่พอใจเขาเอาเสียเลยตอนนี้ในรถมีลุงครามจักรภพแลพหิรัญที่ล่วงหน้ามาก่อนพวกตำรวจเพราะเมื่อได้รับสายจากเสี่ยเกลี้ยงว่าต้องการแลกตัวหิรัญกับพราวพิไลที่ไหนพวกเขาก็ออกมากันเลย"นี่ก็เหยียบจะมิดอยู่แล้วนะครับคุณรัฐ"จักรภพคิดว่าเขาคงทำความเร็วกว่านี้ไม่ได้เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้มันจะไม่ดีต่อสถานหารณ์ตอนนี้"เลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลยครับหมอ"เมื่อรถขับมาถึงทางแยกลุงครามก็รีบบอกพิกัดกับจักรภพว่าโกดังที่เสี่ยเกลี้ยงพาพราวพิไลมาอยู่ในซอยเปลี่ยวนี้"ไอ้เกลี้ยงกูมาแล้วปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้"เมื่อรถเลี้ยวเข้าซอยขับมาถึงโกดังยังไม่ทันจอดดีหิร
"พราวจะกลับกรุงเทพค่ะ"พราวพิไลพูดพร้อมมองจ้องคนที่กำลังเดินควงกันเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์แอบน้อยใจลึกๆที่ชายหนุ่มรู้ว่าเธอจะไปยังไม่แม้อตากันมามองหน้าเธอเลยสักนิด"นายคะ.. "บัวตองส่งเสียงเอะอะโวยวายทั้งลากมาลีมานั่งกองต่อหน้าหิรัญและคนในบ้าน"มีอะไร.. ""นังลีมันบอกว่าลูกในท้องมันเป็นลูกนายค่ะจริงรึเปล่าคะ"บัวตองถามด้วยท่าทีร้อนรนเพราะเธอยังไม่ค่อยเชื่อคำพูดลูกเธอเท่าไรจึงต้องลากกันมาถามให้รู้เรื่อง"จะบ้าเหรอคนอย่างรัญไม่ไฝ่ต่ำไปเอาลูกเธอหรอก"สุพิชชาตวาดเสียงหลงเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้"จริง"หิรัญตอบหน้าตาเฉย"อะไรนะคะรัญ"สุพิชชาถึงกับหน้าชาอึ้งไปชั่วขณะรวมทั้งคนอื่นๆในที่นี้ก็เช่นกัน"นายต้องรับผิดชอบลูกฉันนะคะ"บัวตองได้ยินแบบนั้นเธอเป็นแม่ก็ต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแม่ของเธอ"อืม..ฉันจะรับผิดชอบเอง"หิรัญไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่รับผิดชอบ"หึ่...ขอให้ปวดหัวตายกับผู้ชายเฮงซวยคนนี้นะ..หืย"เพียะพราวพิไลกัดฟันกรอดก่อนกลับเธอเดินดุ่มไปฟาดหน้าชายหนุ่มที่หลอกเธอจนเธอเชื่อใจว่ารักเธอคนเดียวแต่กลับกระทำสำส่อนกับคนอื่นไปทั่ว"....."หิรัญมองตามหลังพราวพิไลด้วยสีหน้าที่คนอื
เรือนศังกร"ทำไมทำหน้าเครียดๆคะรัญ"สุพิชชาเดินกลับมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดแต่เธอก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์เป็นสงสัยแทนเพราะเธอเห็นหิรัญกำลังวุ่นสีหน้าเคร่งเครียดกับเอกสารกองโตในห้องทำงาน".......""เอกสารอะไรคะ""เอกสารยึดทรัพย์...ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"หิรัญเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสีหน้าหดหู่"อ..อะไรนะคะ"สุพิชชาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองสักนิด"ที่ไร่นี้ขาดทุนมานาน...ก็เลยต้องทำให้ผมต้องเอาที่ไปจำนองแล้วตอนนี้มันก็ถูกยึดแล้ว""รัญก็ให้รอบครัวรัญช่วยสิคะ"หญิงสาวพยายามหาทางออกให้หิรัญเธอเองไม่อยากให้เขาตกอับเพราะถ้สหากเธออยู่กับเขาก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีกเธอทนไม่ได้แน่นอน"สมบัติของครอบครัวผมสละสิทธิ์ไม่รับมานานแล้วทุกอย่างเป็นของธรัฐ""ทำไมเรื่องนี้รัญไม่เคยบอกชาเลยล่ะคะ""ผมคิดว่าเรื่องนี้มันไม่สำคัญอะไรถ้าเรารักกัน""......"สุพิชชาอึ้งไปครู่หนึ่งในหัวของเธอตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดีแต่แล้วเธอก็เลือกที่จะไม่ลำบากและรู้ตัวว่าต้องไปจากเขาอย่างรวดเร็วเพราะดีไม่ดีเงินเก็บที่เธอมีอาจถูกหิรัญเรียกร้องให้เธอช่วยก็เป็นได้ซึ่งเธอก็ไม่ยอมแน่นอน"ผมต้องย้ายออกจากที่นี่เราไปหาบ้านเช่าเล็กๆกันนะชา"
ชั่วโมงต่อมาสำนักงานธนาคารRrrrrr"หืม...มือถือใคร.."แพรวพิลาสต้องหยุดชะงักในขณะที่จะกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปชั้นทำงานเธอหยิบมือถือที่กำลังดังออกมาดูทั้งมีสีหน้าสงสัยว่ามือถือเครื่องนี้มาอยู่ในกระเป๋าเธอได้อย่างไร"คุณแพรวเมื่อวานผมเอามือถือใส่กระเป๋าคุณไว้คุณน่าจะไม่เห็นมาถึงแล้วก็เอามาให้ผมที่ห้องด้วยนะครับคุณภรรยา""คุณรัฐ.."เมื่อแพรวพิลาสกดรับสายเธอก็ต้องคิ้วขมวดส่งเสียงแข็งกลับๆปให้ปลายสายอย่างโมโหแล้วจึงกดวางรีบเดินดุ่มเข้าลิฟท์ที่กำลังเปิดด้วนอาการโมโหที่ธรัฐชอบหาเรื่องเรียกร้องความสนใจจากเธออยู่เรื่อย"เลิกเล่นแบบนี้กับแพรวสักทีคุณรัฐ...อย่ามาเรียกร้องความสนใจจากแพรว... เพราะแพรวจะไม่สนใจคุณอีกอย่างก็เลิกเรียกฉันว่าภรรยาคุณสักทีคืนนั้นแพรวถือว่าทำทานก็แล้วกันได้ยินไหมคะว่าหยุดเรียกฉันว่าภรรยาคุณเสียทีฉันไม่ชอบบบ.."เมื่อมาถึงหญิงสาวก็พ่นคำพูดออกมารัวๆให้คนที่กำลังนั่งเก้าอี้ราคาแพงหันหลังให้เธออยู่"หนูแพรว!!"อนุชิตได้ยินชัดทุกคำเมื่อหญิงสาวพูดจบ้ขาจึงค่อยๆหันมา"ค..ค..คุณ..ลุง..แพรวแค่เอามือถือมาคืนคุณรัฐค่ะขอตัวก่อนนะคะ"แพรวพิลาสถึงกับตัวชาวาบรีบวางมือถือและวิ่งออกไปทันที"เร
ลานจอดรถ"ว้ายย.."แพรวพิลาสกำลังจะเดินมาที่รถของเธอหลังจากที่ซื้อของใช้ส่วนตัวเสร็จแต่ก็ถูกชายร่างใหญ่สองคนมารั้งตัวเธอแนบกับรถเอาไว้จนเธอร้องเสียงหลง"ว่าที่เจ้าสาวงั้นเหรอถ้าแกหน้าเละไปแล้วดูซิรัฐยังจะรักแกอยู่ไหม"เกวลินที่เก็บความแค้นและรอวันนี้วันที่เธอจะทำให้แพรวพิลาสเสียโฉมเพื่อที่ธรัฐจะได้ทิ้งหญิงสาวเหมือนกับที่เขาไม่แยแสเธอบ้าง"จะทำอะไร""ฉันจะเอาน้ำกรดสาดหน้าแกไง""ทางนี้ค่ะคุณตำรวจคุณนางแบบคนนี้กำลังจะทำร้ายคนอื่นค่ะ"คีรินธิดาสาวน้อยวัย20ส่งเสียงตะโกนเสียงหลงเมื่อเห็นว่าแพรวพิลาสกำลังจะถูกทำร้าย"เจ้ตำรวจมาผมไปก่อนนะ"ชายสองคนได้ยินวาสมีตำรวจมาเขาจึงรีบปล่อยหญิงสาวและวิ่งหนีไป"อ้าวเดี๋ยวสิ"พลั้ก.. "โอ้ยย.."จังหวะนั้นแพรวพิลาสถือโอกาวผลักเกวลินจนล้มและเธอก็รีบหนีไปพร้อมกับสาวน้อยอีกคนที่ยืนรอช่วยเธออยู่"พี่คะทางนี้ค่ะ"ครู่ต่อมา"ขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วยพี่"แพรวพิลาสนั่งอยู่ในร้านอาหารที่คนค่อนข้างพลุกพล่านจะได้ไม่มีใครบุ่มบ่ามมาทำร้ายเธออีกทั้งขอบคุณสาวน้อยหน้ารักตรงหน้าที่ช่วยเธอเอาไว้"ไม่เป็นไรค่ะพี่แพรวรออยู่ตรงนี้นะคะเดี๋ยวพี่รัฐก็มาถึงแล้วค่ะ""รู้จักชื่อพี่ด
"อย่าพูดถึงคนอื่นได้ไหมพราว.."หิรัญไม่อยากให้พราวพิไลมาประชดประชันอะไรเขาตอนนี้"พราวขอตัวนะคะ..พราวรีบ""จะไปไหนพราว""พราวจะไปอิตาลีค่ะจะไปหางานทำที่นั่นกับเพื่อนขอตัวนะคะเดี๋ยวตกเครื่อง"พราวพิไลเดินจ้ำอ้าวออกไปหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว"พราว..พราว..เดี๋ยวสิพราว..โอ้ย.."หากหิรัญยังดีๆเขาคงตามเธอทันแค่นี่เมื่อเดินเร็วเขาก็ยิ่งเจ็บแผล"แท็กซี่..."พราวพิไลเรียกแท็กซี่ได้ก็รีบขึ้นหนีคนที่กำลังตามเธอมาทันที"พราว..อึก...อืม...หิรัญนั้นยังไม่ละความพยายามยังไงเธอก็จะตามพราวพิไลกลับมาให้ได้"เอ่อ..มีคนวิ่งตามครับ"แท็กซี่ชะลอรถเล็กน้อยเมื่อเห็นคนวิ่งตาม"ไปเลยค่ะไม่ต้องสนใจ"พราวพิไลไม่ได้สนใจที่จะหันไปมองแม้แต่น้อย"พราว...อย่าพึ่งไป...โอ้ยย..."หิรัญเลือดออกจนเปรอะเสื้อแต่ดขากะยังไม่ละความพยายามที่จะตาม"พ..พี่รัญ..จอดก่อนค่ะ"พราวพิไลตัดสินใจหันกลับมาดูวินาทีนั้นเธอเห็นชายหนุ่มล้มไปต่อหน้าต่อตาหัวใจของเธอก็อ่อนยวบลงรีบให้แท็กซี่จอดและเธอก็รีบวิ่งลงจากรถมาดูชายหนุ่มในทันที"พราว..""พี่รัญ..ล..เลือด..ทำไมเลือดออกคะ...พี่รัญเป็นแผลนี่"พราวพิไลหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าที่เอวหิรัญมีเลือดออกมา