“มนุษย์สามารถเอาชนะความกลัวด้วยความกล้า ซอนญ่า...คุณกลัวการเผชิญหน้าอย่างเดียวเท่านั้นหรือ?”
ร่างสูงใหญ่ไม่เพียงตั้งคำถามแต่ยังดันร่างในอ้อมแขนนอนราบลงบนเตียงเล็ก อลินทิราไม่รู้สึกประหม่าอีกต่อไป แต่กลับอบอุ่นมากขึ้นเมื่อทรวงสวยใต้เนื้อผ้าฝ้ายบางเบาของชุดกระโปรงบดเบียดกับอกกว้างใต้เสื้อโปโลสีเข้ม เขาอยู่เหนือเธออีกครั้ง ควบคุมแม้กระทั่งลมหายใจร้อนผ่าว หญิงสาวคิดอย่างฟุ้งซ่าน เธออยากให้เขาถอดชุดที่เธอสวมใส่และสัมผัสูบไล้ไปทุกที่บนอณูของผิวละเอียด และความคิดนั้นราวกับได้รับการตอบสนองเมื่อใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปเกือบชิด ริมฝีปากหนาจรดลงเกือบติดกับเรียวปากอิ่มนิ่มนวล
“”ค่ะ...แดน การเผชิญหน้าเป็นสิ่งเดียวกระมังที่ฉันกลัวมันที่สุด”
“คุณไม่ได้กลัวคู่ต่อสู้หรอก ซอนญ่า คุณกำลังกลัวตัวคุณเองต่างหาก กังฟูไม่ได้สอนคุณหรือว่า ให้คุณต่อสู้กับตัวเอง”
“คุณรู้ได้ยังไงคะแดน?”
แววตาสีน้ำตาลแกมเขียวใต้แพขนตางอนงามวาววามขึ้นและรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่ถ่ายเทผานเข้าไปทางริมฝีปากและจมูกของหญิงสาว แดเนียลคลี่ริมฝีปากอันน่าหลงใหลออก หากเขาไม่พูดเธอก็อยากจูบเรียวปากหยักเสียเดี๋ยวนั้น
“ผมกำลังจะบอกคุณว่าการปีนหน้าผาแล้วกระโดดลงทะเลแบบดีพวอเตอร์โซโลน่ะ ผมมีพื้นฐานการฝึกส่วนหนึ่งมาจากวิชาการต่อสู้แบบกังฟูเหมือนคุณ ผมเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากหลวงจีนรูปหนึ่งในวัดเส้าหลิน คุณอาจแปลกใจว่าทำไมผมจึงตัดสินใจไปที่นั่น”
ชายหนุ่มหยุดไปชั่วครู่ราวกำลังลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
“หลังจากที่ผมเรียนจบด้านการเงินการธนาคาร ผมยังรู้สึกสับสนกับเป้าหมายของชีวิตในอนาคตหลังจากนั้น แน่นอนว่าการที่ผมเป็นลูกคนโตก็ย่อมต้องคำนึงเรื่องครอบครัวเป็นหลัก กิจการของไพรซ์ คอร์ป ต้องมีผู้เข้าไปดูแลแทนพ่อกับแม่หลังจากท่านถึงวัยเกษียณ ท่านไม่ได้ตั้งความหวังอะไรกับลูก ๆ แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาสิ่งที่ท่านสร้างไว้ถึงแม้นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการก็ตาม ผมอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะเรียนต่อด้านที่เคยเรียนมาแล้วหรือจะฉีกตัวเองออกไป แล้วผมก็ค้นพบคำตอบในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยชวนผมไปเที่ยวเมืองจีน ตอนนั้นเองที่ผมได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ตอนเดินทางไปวัดเส้าหลิน ...ที่ที่คุณเคยไปฝึก แต่ผมฝังตัวเองอยู่ที่นั่นก่อนคุณถึงสองปี”
“สองปีเชียวหรือคะ? ถ้อย่างนั้นคุณก็ต้องลึกซึ้งกับคำว่า ดื่มด่ำความลำเค็ญ ยิ่งกว่าฉัน”
“เรามีเป้าหมายที่ต่างกัน ผมไปที่นั่นเพื่อค้นหาตัวเองในขณะที่คุณไปที่นั่นเพื่อภารกิจ”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าเราจะเคยไปอยู่ในสถานที่เดียวกัน ถึงแม้จะต่างวันต่างเวลาก็เถอะ”
“มีเรื่องไม่น่าเชื่อมากมายเกิดขึ้นในโลกใบนี้ คุณก็รู้ดีนี่ซอนญ่า”
แดเนียลคลี่รอยยิ้มอีกครั้ง เสน่ห์นั้นแทบละลายหญิงสาวใต้ร่างของเขา ร่างแน่งน้อยไล้ปลายนิ้วสีชมพูไปบนแก้มระคายสากด้วยขนเครา อลินทิราอยากหยุดเวลาระหว่างเธอและเขาไว้ให้นานเท่านาน
“เล่าต่อซีคะ แดน...ฉันอยากฟัง”
“พ่อกับแม่อยากให้ผมกลับบ้าน คิลเลียนแบเอเดรียนก็ไปหาผมที่นั่นแต่เขาสองคนไปช่วยผมเก็บผักกับสมุนไพรบนเขา พวกเขาพูดติดตลกว่า เฮ้...พี่ไปเรียนต่อแพทย์จะดีกว่า จนสองคนนั่นกลับไปผมก็ยังถอนหญ้าและปีนเขาเป็นกิจวัตรทุกวัน ที่นั่นทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้น และกังฟูก็ไม่ใช่แค่วิชาการต่อสู้ที่จะเอาชนะศัตรูเท่านั้น มันเป็นการอบรมนิสัย แก่นแท้ของมันคือเปลี่ยนพลังงานให้เป็นพลัง ถึงไม่มีคู่ต่อสูภายนอกแต่ก็ต้องฝึกฝนการออกกระบวนท่าแบบต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็จะเหลือเพียงศัตรูภายใน นั่นคือความอ่อนแอทางร่างกายและจิตใจที่อยู่ในตัวเราเอง”
“บอกหน่อยซีคะแดนว่าคุณเอาชนะตัวเองได้ยังไง?”
“คุณต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าผมค้นพบตัวเองตอนเก็บรากสมุนไพรบนเขา ผมตั้งคำถามเล่น ๆ ว่าในตะกร้ามีอะไรบ้าง แล้วผมก็ตอบโดยไม่ลังเลว่าในตะกร้ามันมีอะไร ตอนนั้นเองที่ผมได้รู้คำตอบในสิ่งที่สับสนใจมานาน ผมอาจเรียนการเงินการธนาคาร แต่ผมก็เข้าใจถ่องแท้ว่าผมชอบทางด้านวิทยาศาสตร์ไม่น้อยไปกว่ากันเลย และการทำในสิ่งที่ชอบก็จะทำให้เรามีความสุข มันทำให้ผมเกิดความมุ่งมั่นที่จะกลับเข้าสู่มหาวิทยาลัยอีกครั้งเพื่อเรียนต่อทางด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์จนจบด็อกเตอร์”
“แต่คุณดูไม่เหมือนพวกศาสตราจารย์แก่ ๆ ผมฟูวกนั้นเลยนะคะ”
แดเนียลเลิกคิ้วสูง “ผมก็อยากทำตัวแบบไอน์สไตน์นะ ถ้าไม่ต้องเข้ามาจัดการดูแลไพรซ์ คอร์ป”
“ฉันชอบที่คุณเป็นแบบนี้” อลินทิราชะงักคำพูดเมื่อเผลอเปิดเผยความรู้สึกออกมา หญิงสาวหน้าแดงซ่านหากก็ดูเย้ายวนในสายตาของชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างนุ่ม บดเบียดกล้ามเนื้อทุกส่วนที่เครียดตึงกับอณูผิวละเอียดที่กำลังตื่นตัว
“พูดต่อสิ...ซอนญ่า” ชายหนุ่มยั่วเย้าหญิงสาวด้วยการเคลียเคล้าริมฝีปากไปบนแก้มเรื่อ เขาทำให้กายสาวสั่นระริกและเริ่มทรมานกับความโหยหา
“ฉันพูดจบแล้วนี่คะ แดน”
“ยัง” เขาแทรกขึ้นเสียงเนิบแผ่ว “ผมรู้ว่าคุณอยากบอกอะไรผมมากว่านี้...ใช่มั้ย?”
ร่างสูงยันข้อศอกขึ้นก่อนรั้งเสื้อโปโลออกไปเพื่ออวดทุกส่วนอันสมบูรณ์แบบบนเรือนกายให้เต็มตา
“สิ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกอาจมีผู้หญิงคนอื่นเคยพูดกับคุณไปจนหมดแล้ว”
“คุณรู้ได้ยังไง บางทีอาจไม่มีใครบอกอะไรผมเลยก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงเหมือนผู้หญิงทุกคนที่คุณผ่านมา นั่นคือฉันไม่มีอะไรจะบอกคุณอีก”“แต่ผมอยากฟังสิ่งที่คุณกำลังจะพูด...ซอนญ่า”แดเนียลกดไหล่บางที่เริ่มขยับตัวไว้เบา ๆ แววตานุ่มนวลของเขาทำให้หญิงสาวอ่อนยวบ ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงมาจนชิดเพื่อจะกระซิบ“ผมอยากฟังทุกอย่างที่คุณอยากจะบอกผม”เสียงทุ้มลึกนั้นช่างกระตุ้นความอ่อนไหว อลินทิราแทบไม่กล้าทอดถอนลมหายใจ แต่แล้วเธอก็กระซิบกลับไปว่า“ค่ะ...แดน...คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลที่สุด”นั่นเองที่ช่วยจุดประกายรอยยิ้มเยือนบนใบหน้าหล่อเหลา เขาเลื่อนริมฝีปากไปบนขมับบางและไล้ปลายลิ้นบนใบหูเล็กก่อนขบเม้มปลายติ่งเบา ๆ กระทั่งเลื่อนมาประทับบนเรียวปากนุ่มดุจกำมะหยี่เพื่อแทรกลิ้นหนาเข้าไปปลุกเร้าความหิวกระหายในอุ้งปากหอมหวาน“แดนคะ...อืม” อลินทิราแหงนเงยใบหน้าเมื่อเรียวปากหยักเลื่อนลงมาดูดซับความชื้นจากเนียนผิวบนลำคอขาวผ่อง หญิงสาวร้อนรุ่มขึ้นมาในฉับพลันจนต้องรั้งคอเสื้อของชุดกระโปรงให้อ้ากว้างเพื่อเปิดรับใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังจมูกโด่งลงซุกไซ้ราวกับเป็นสิ่งที่เขาหลงใหลหนักหนา“ซอนญา...ผมอยากให้คุณพูดอย่างที่คุณพูดอีกครั้ง”“ค่ะ...แดเนียล...อืม...อ
“แดน...โอว...แดนคะ” อลินทิราไม่มีปัญหาจะถามเขาอีกเมื่อต้องรับแรงกระแทกหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ แดเนียลโหมตัวตนเข้าหา ทั้งลึกล้ำและเต็มไปด้วยความรู้สึกยากเกินบรรยาย บ่อยครั้งที่ใบหน้าคร้ามเข้มวนเวียนกลับไปที่ใบหน้าหวานเพื่อมอบจุมพิตอันซาบซ่านและบทรักจนกายสาวสั่นสะท้านเจียนขาดใจแดเนียลเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งบุรุษเพศ เรือนร่างกำยำของเขาแข็งแกร่งและสมบูรณ์พร้อม อลินทิราไม่ได้คิดถึงผู้หญิงคนอื่นของนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มอีกต่อไป แค่ได้ใช้เวลาเพื่อชิดใกล้เขาก่อนจากเธอก็ไม่ปรารถนาสิ่งใดอีกแล้ว“ซอนญ่า” ร่างสูงครางเสียงแตกพร่าและเผลอบีบคลึงทรวงสวยอวบใหญ่จนลืมไปว่าร่างเล็กกว่าที่เขาครอบครองเพิ่งฟื้นไข้ ทว่าหญิงสาวกลับพึงพอใจและยินยอมอย่างที่เขาต้องการเสียหอบเหนื่อยแต่เจือไว้ด้วยความสุขสมสะท้อนก้องไปมาในห้องเล็กแคบ ความสุขทะลักล้นพุ่งทะยานเลยขอบจนเกินจะยับยั้ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพึงพอใจร่างสูงใหญ่จึงแทรกแก่นกายและกอดก่ายร่างอ้อนแอ้นไว้แน่นแนบ เขาอยากกลืนกินเธอ อยากเก็บอลินทิราไว้เช่นนี้หากหญิงสาวไม่ตั้งข้อแม้ว่าจะกลับไปดูแลแม่บุญธรรมที่ยูทาห์“แดนคะ...เร็วอีกสิคะ...โอ...แดเนียล”ยิ่งเสียงหวานดังม
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ แดเนียล”คำกล่าวในตอนท้ายของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มเร่งความเร็ว อลินทิราต้องพบความประหลาดใจเมื่อแดเนียลพารถเอสยูวีทะยานเข้าไปในสถานที่ที่เธอคุ้นเคย เขตอุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์แสดงความยินดีหรือ...ร่างสูงใหญ่รู้สึกใจหายเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาหันไปมองเธอเมื่อเพลง Home จบไปแล้วและไม่มีการเล่นซ้ำใหม่ รถจอดลงสนิทบนทุ่งหญ้าที่มองไปข้างหน้าเห็นแนวหุบเขากว้างใหญ่ รอยยิ้มอ่อนหวานระบายบนดวงหน้างามทว่าเขาคงไม่ได้คิดไปเองว่าดวงตาคู่นั้นช่างเศร้าสร้อย แดเนียลขบกรามเบา ๆ และกล่าวเสียงเนิบ“คุณจะได้ร่วมแสดงความยินดีกับผมเมื่อธาตุลำดับที่ 119 ที่เราค้นพบผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการร่วมของสหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศ ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือสร้างความมั่นใจในการค้นพบครั้งนี้ ผมอยากจะขอบคุณคุณนะซอนญ่า”อลินทิราเลิกคิ้วสูง กลีบปากฉ่ำเผยอออกดูเย้ายวนโดยไม่ตั้งใจ“แต่ฉันสร้างความยุ่งยากให้คุณนะคะ แดน...คุณต้องเสียเวลากับเรื่องนี้ทั้งที่มัน...ควรจะเสร็จสิ้นไปนานแล้ว”“มันมีค่าต่างหาก” ใบหน้าคร้ามเข้มโน้มลงไปหาหญิงสาวซึ่งไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เธอมองเขาอย
“ฉันพูดจริง ๆ นะคะ แดน...มันต้องการแค่ชีวิตของฉันคนเดียว มันต้องการทำลายออโซลย่า ส่วนคุณไม่เกี่ยว”“ผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ให้ตายเถอะ!”เสียงแผดลั่นของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก เธออยากจะร้องไห้แต่ไม่อาจฟูมฟายได้ดังคิด อลินทิราไม่เคยหวั่นกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองต้องตายแต่คนที่เธออยากปกป้องชีวิตเอาไว้คือแดเนียล“ซอนญ่า...คุณต้องฟังผม ถ้าคุณคือสายลับมือหนึ่งของไซออนเนต คุณต้องรู้ว่าไอ้พวกเดนตายนั่นมันคิดจะทำอะไร แต่ที่สำคัญมันไม่ปล่อยให้เราสองคนรอดไปได้แน่”“อาจจะเป็นคุณที่รอดค่ะ แดน...คุณไม่ใช่เป้าหมายของมัน”“พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามันจะฆ่าใคร แต่ถึงยังไง...ผมต้องปกป้องคุณ”ร่างสูงทำให้หญิงสาวตีบตันขึ้นมาในทันใดด้วยการดึงมือเรียวบางไปกุมไว้และบีบจนแน่น อลินทิราถึงกับน้ำตาไหล ไม่เคยมีใครทำให้เธอรู้สึกมั่นคงมากเท่านี้“แดนคะ” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้าด้วยความแน่วแน่ก่อนพูด“เฟลรอฟเป็นนักฆ่ามือหนึ่งขององค์กร เขามีนิสัยอย่างหนึ่งคือตามล่าเหยื่อได้อย่างไม่ลดละ เขามีความพยายามและอดทนสูง แต่...เขามีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่งค่ะ นั่นคือความป
“ซอนญ่า...มันจบแล้ว ผมส่งพวกมันไปลงนรกแล้ว ที่รัก”ชายหนุ่มบิดยิ้ม น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความยินดี แดเนียลหันออกไปนอกหน้าต่างก่อนปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูรถ ควันไฟสีดำทะมึนยังลอยขึ้นมาจากเบื้องล่าง ชายหนุ่มเดินไปหยุดตรงหน้าผาที่เขาตัดสินใจหักเลี้ยวกะทันหันทำให้รถอีกคันที่ตามมากระชั้นชิดพุ่งตกลงไปในเหวลึก มันอาจเป็นเรื่องบ้าที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาทว่าก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะหากปล่อยให้เฟลรอฟไล่ล่าอยู่ในแคนยอนโดยไม่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ไม่แน่ว่าคนที่ต้องสังเวยชีวิตอยู่ที่นี่อาจเป็นเขาและอลินทิราก็เป็นได้“จบกันซะที ไอ้พวกนักฆ่าเดนตาย” เขาขบกรามเข่นเขี้ยวอยู่กับตัวเองก่อนวิ่งกลับไปที่รถและเปิดประตูด้านข้างคนขับ“ซอนญ่า...คุณเป็นยังไงบ้าง?” แดเนียลก้มลงไปใกล้ใบหน้าหวานที่ดวงตาคู่งามช้อนมองเขาพร้อมรอยยิ้มจาง“แดนคะ...ฉันคิดว่า...พวกเราต้องตายแน่ ๆ “ อลินทิรากล่าวเสียงแผ่ว นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ยิ้มให้ก่อนก้มหน้าหล่อเหลาลงไปจนชิด“ไม่...เรายังอยู่ ผมบอกแล้วยังไงว่าจะต้องปกป้องคุณ...ซอนญ่า...คุณเป็นอะไร?”สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่วหน้าราวเจ็บปวดกระ
“คุณว่าอะไรนะ! ไพรซ์ คอร์ป เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับองค์กรลับ เราไม่เคยมีประวัติในเรื่องแบบนี้”“ผมอยากให้คุณกลับมาที่ซานตาโมนิกาด่วน เรื่องนี้สำคัญกับชื่อเสียงของคุณมาก มันอาจหมายถึงความมั่นคงของไพรซ์ กรุ๊ปเลยทีเดียว”เออร์วิ่งเร่งเร้าและทำให้แดเนียลนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ชายหนุ่มกำลังคิดไม่ตกกับปัญหาตอนนี้ในเมื่ออาการของอลินทิรายังไม่น่าไว้วางใจสำหรับเขา แล้วถาหากเธอรู้สึกตัวขึ้นมาตอนเขาไม่อยู่ เธอจะทำอย่างไร“ว่ายังไงล่ะ แดเนียล...คุณกำลังทำอะไรอยู่?”พอเสียงปลายสายดังขึ้นอีกครั้งแดเนียลจึงตัดสินใจ “โอเค...ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้ รอผมที่ห้องปฏิบัติการใต้ดิน แล้วผมจะรีบไปพบคุณ”ชายหนุ่มวางสายและหันกลับไปยังประตูห้องพักฟื้นผู้ป่วย เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง“เอ้อ...คุณแดเนียล”“หมอครับ ผมมีธุระด่วนต้องรีบกลับซานตาโมนิกาตอนนี้ ถ้ายังไงผมต้องฝากคุณหมอช่วยดูแลภรรยาผมด้วย”เจ้าของร่างสูงกล่าวกับนายแพทย์ก่อนก้มลงจุมพิตบนหน้าผากของอลินทิราที่ยังนอนหลับไม่รับรู้แม้แต่ลมหายใจผ่าวร้อนของเขา แดเนียลมองดูดวงหน้างามที่แพขนตากระตุกน้อย ๆ เป็นจังหวะอยู่ชั่วขณะก่อนหันไปทางนายแพทย์สูงว
“ขอโทษที เออร์วิ่ง...ผมมีธุระยุ่งเล็กน้อย” แดเนียลกล่าวก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวมหลังโต๊ะทำงาน ท่าทางของเขาทำให้เออร์วิ่งส่ายหน้า“คุณคงยุ่งมากล่ะสิท่าถึงได้ปล่อยให้หนวดเครารกครึ้มแบบนั้น”นักสืบหนุ่มร่างสูงผมทองยังมีอารมณ์ขัน แต่คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบคางไปมา“โอเค...ผมต้องเดินทางมาที่นี่ด่วนตามความต้องการของคุณเลยไม่มีเวลามากนัก ถ้าเป็นไปได้ปัญหานี้ผมจะอธิบายให้ ฟังทีหลัง ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากรู้คือเบาะแสของคุณที่เกี่ยวกับไพรซ์ คอร์ป”“ขอบคุณมากแดเนียล...ที่ผมต้องให้คุณรีบกลับมาก็เพราะอยากให้คุณรับทราบเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทด้วยตัวคุณเอง ผมกับทีมนักสืบพยายามสืบหาเบาะแสทุกอย่างกระทั่งเราตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินงานภายในไพรซ์ กรุ๊ป...เราพบว่าบริษัทของคุณมีการจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาโดยใช้ชื่อนี้”เออร์วิ่งยื่นเอกสารให้แดเนียลรับไปดูซึ่งบนหน้ากระดาษมีตัวอักษรว่าPrize Group Foundation for Sionate (มูลนิธิไพรซ์ กรุ๊ป เพื่อองค์กรไซออนเนต)แดเนียลพิจารณาดูก่อนส่ายหน้า“เราจัดตั้งมูลนิธิการกุศลหลายมูลนิธิก็จริง แต่ไม่เคยมีมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนี้เลย”“คุ
“พระเจ้า! ถ้าเดาไม่ผิดมันคงวางแผนส่งข้อมูลนี้ไปให้พวกผลิตอาวุธสงคราม และถ้าพวกนั้นได้ข้อมูลการค้นพบธาตุชนิดใหม่ไปก็ต้องมีระเบิดลูกใหม่ที่น่ากลัวกว่านิวเคลียร์”“ตอนแรกที่ได้ชิปคืนผมคิดว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงแค่นั้น ผมคิดว่าจะกลับมาทำการทดลองอีกครั้งและส่งเรื่องนี้ให้ไอยูแพ็กพิจารณา แต่ตอนนี้ผมกลับต้องพบกับปัญหาใหม่ที่อาจจะซับซ้อนกว่าปัญหาเก่า”“มันอาจไม่ซับซ้อนอย่างที่คุณคิด” เออร์วิ่งพยายามสรุป “แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่การถ่ายเทเม็ดเงินจากไพรซ์ คอร์ป ไปยัง ไซออนเนต และเราก็ค้นพบที่มาที่ไปของเงินจำนวนมหาศาลซึ่งมันมาจาก..คนใกล้ตัวของคุณ...แดเนียล”เออร์วิ่งกล่าวพร้อมทั้งยื่นเอกสารชุดสุดท้ายให้อีกฝ่ายรับไปดู คราวนี้แววตาของแดเนียลแปรเปลี่ยนไปเมื่อเห็นตัวเลขมากมายที่มีการถ่ายโอนจากบัญชีของบริษัทโดยเชื่อมโยงไปถึงบุคคลคนหนึ่งซึ่งอยู่ในความสงสัยที่ค่อย ๆ แจ่มชัด มันเป็นหลักฐานสำคัญอีกอย่างว่านักสืบของเขาทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำขนาดไหน นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มไม่กล่าวว่ากระไรอีก ต่างคนต่างสบตาราวได้ข้อสรุปบางอย่างที่ต่างรู้ซึ่งกันและกัน“นั่นเธอจะไปไหนหรือ โมนิกา?”เสียงทุ้มกังวานที่ดังขึ้นทำให้
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่