เสียงเคาะประตูดังขึ้น จางรู้สึกยากที่จะไปเปิดประตู ไม่ว่าจะเป็นหลันหลันหรือต้น เขาก็รู้สึกจะรับในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ไหม แต่ถึงอย่างนั้นจางก็หาหลีกเลี่ยงได้ เขาจึงแง้มประตูเปิดออกอย่างลุ้น แล้วชะงักงันชั่วครู่
“เป็นอะไรจาง”ต้นสงสัยในท่าทีที่แปลกไป ทั้งหน้าตาที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“จางรักต้น”จางจับร่างของต้นดึงมาในอ้อมกอด
“จาง”ต้นงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในสิ่งที่จางทำอย่างกะทันกัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ต้นสัญญากับผมได้ไหมว่าจะไม่โกรธผม”จางดันร่างต้นออกห่างแล้วมองหน้าต้นด้วยสายตาแห่งความหวัง
ต้นสับสนจิตใจยังไม่สามารถสัญญาได้ในทันที
“จางบอกต้นก่อนได้ไหมมันเรื่องอะไร”
“เรื่องมันยาวรับปากจางก่อนนะ”
จางดึงร่างต้นเข้ามากอดอีดครั้งตรงหน้าประตู เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก็พบกับหลันหลันยืนมองดูด้วยสีหน้าหลากหลายอารมณ์ ที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ทั้งตกใจ ประหลาดใจ ผิดหวัง เป็นห้วงลึกของจิตใจของหลันหลัน
จางนั้นพอเห็นหลันหลัน เขาถึงกับตะลึง ร่างกายชาชั่วขณะทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่นานเขาก็ดึงสติกับมาดันร่างของต้นออกห่าง
ต้นแปลกใจพฤติกรรมของจาง จึงมองหน้าเขาเพื่อให้คลายสงสัย แต่สิ่งที่ต้นเห็นนั้นคือสายตามองไปที่ข้างหลังเขาอย่างไม่กระพริบตา ต้นจึงรีบหันหลังไปดูตามสายตาของจาง
เมื่อต้นหันไปก็ไม่ได้เแปลกใจอะไร ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนมองมา ในความคิดของต้นผู้หญิงคนนั้นแค่อาจแปลกใจที่ผู้ชายยืนกอดกัน
แต่ความคิดนั้นเริ่มเปลื่ยนไปทันทีที่หลันหลันเดินเข้ามาใกล้ๆจนประจันหน้า
“ผู้ชายคนนี้หรอแฟนจาง”หลันหลันในใจอยากให้ปฏิเสธ แต่คงป็นไปไม่ได้ เพราะเธอได้ยินชัด “จางรักต้น”เธออยากให้ต้นปฎิเสธ
ช่วงเวลาที่จางที่ต้องเลือกจะพูดความจริงหรือปฏิเสธ
ต้นก็ลุ้นว่าจางจะพูดตามความรู้สึกของตัวเองไหม
จางนิ่งชั่วครู่ เขาจึงตัดสินใจที่จะบอกตามความรู้สึก ถึงแม้ถ้าเขากลับอันเจียทุกคนจะรู้ว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกัน แต่นั่นมันยังเทียบไม่ได้ดับความรักที่จางมีให้ต้น
“ใช่ครับ ต้นเป็นแฟนจาง”จางโอบเอวต้นแล้วดึงมาไว้ข้างตัว
หลันหลันตกใจขึ้นเป็นเท่าตัว เธอรับไม่ได้เมื่อนึกถึงความรู้สึก ความรักที่เธอเคยมีให้กับจาง หลันหลันไม่เคยรังเกียจชายรักชายออกจะชอบด้วยซ้ำ แต่นี่มันเกิดขึ้นกับคนที่เธอเคยรักแอบปันใจให้ชายอื่น หลันหลันรู้สึกเสียหน้า ด้วยความเป็นคุณหนูเธอไม่วันยอม
“ยินดีด้วยที่ค้นคบตัวตนที่แท้จริง โชคดี แล้วเจอกันที่อันเจีย”คำพูดเหมือนยินดี แต่แฝงไว้ด้วยความอาฆาต
หลันหลันใช้ปลายสายตามองจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วกระพริบตาเฉิดหน้าขึ้นหันหลังกลับเดินไปที่ห้องตัวเอง
ต้นสามารถคาดเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นแฟนเก่าของจาง ถึงทั้งสองจะพูดภาษาอันเจียกัน แต่อากัปกิริยาบ่งบอกไปในทางที่ต้นคิด
“เดี๋ยวผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง เราเข้าไปคุยกันในห้อง”จางเปลื่ยนจากกอดเอวมาจับมือต้น แล้วพาเดินเข้าไปในห้องด้วยสองอารมณ์สองความรู้สึก
จางพาต้นมานั่งที่เก้าอี้ พร้อมรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ส่วนต้นนั้นรู้สึกสงสารจางจับใจ แต่ก็แอบปลื้มใจที่เขายอมรับตัวตนที่แท้จริง
"ไม่ต้องเล่าอะไรหรอกนะต้นเข้าใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องของต้นหรอก"ต้นจับมือจางไว้แน่น
ตอนนี้จางไม่ได้เป็นห่วงเรื่องของต้นแล้ว แต่เป็นห่วงเรื่องทางบ้านที่ทำงานเขามากว่า จางคิดว่าหลันหลันคงต้องเอาเรื่องของเขาไปบอกแน่ๆ ถึงเขาจะยอมรับตัวตนได้แต่คนรอบข้างของเขาคงรับไม่ได้แน่ๆ
ต้นเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเขาจึงพยายามปลอบโยน ให้กำลังใจในการต่อสู้อุปสรรคความขัดแย้งทางความคิด
"ขอบใจต้นมากนะที่เข้าใจผม"
"เราเป็นแฟนกันแล้วนี่ก็ต้องคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว"รอยยิ้มที่ต้นยิ้มให้จางทำให้เขาได้กำลังใจมากขึ้นไปอีก เพื่อที่จะสู้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จางดึงร่างของต้นมากอดไว้แน่น เขารู้สึกดีใจที่เลือกคนไม่ผิด ต้นก็คิดเช่นเดียวกัน นอกจากปลอบใจจางแล้ว ต้นอยากนวดศีรษะให้จาง เพื่อจะได้คลายความเครียดลงได้บ้าง
“เดี๋ยวต้นจะนวดให้จางนะไปตรงที่เตียงนอนกันเถอะ”
จางคลายกอดต้นแล้วยิ้มด้วยความปลื้มปิติ ก่อนที่จะเดินไปที่เตียงนอน
ต้นให้จางนอนตักและเขาได้นวดศีรษะให้จาง ใช้นิ้วมือกดที่ศีรษะเบาๆแล้วหมุนนิ้วทั่วบริเวณ เพื่อที่จะให้จางคลายความตึงเครียด ได้ผ่อนคลายสบายใจมากขึ้น ต้นกำลังเพลิดเพลินที่สามารถทำให้จางมีความสุขได้ และได้หลับไปในที่สุดแต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาจึงกดรับเพราะเป็นสายโทรเข้าของกันเจ้าของร้านนวด
“อยู่ไหนต้นมาช่วยพี่ทำงานหน่อยลูกค้าเยอะมาก พี่หาหมอนวดไมทัน”
“ครับ”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังพอสมควรแต่จางก็ไม่มีทีท่าจะตื่น ต้นจึงค่อยๆขยับศีรษะของจางยกสูงขึ้นและเขาค่อยๆเลื่อนขาออกจากศีรษะ หลังจากนั้นจึงวางศีรษะจางไว้ที่หมอน
ก่อนที่ต้นจะไปได้ก้มลงหอมแก้มจาง แล้วมองชั่วครู่ด้วยความสงสารก่อนที่จะออกจากห้องไป
ริโอ้มาส่งซองที่โรงแรม ด้วยท่าทีที่ซองดูเศร้า ริโอ้จึงไม่สามารถที่จะกลับไปได้ เขาจึงอยู่เป็นเพื่อนซองที่โรงแรม ในขณเดียวกันซองก็ขอร้องให้อยู่ต่อ เพราะรู้สึกเคว้งคว้างจนจะรับไหว
"ริโอ้ อยู่เป็นเพื่อนซองนานๆได้ไหม"สายตาของซองมีความเว้าวอนขอความเห็นใจ
"ที่ริโอ้ขึ้นมากับซองก็จะอยู่เป็นเพื่อนซองนี่แหล่ะ"
"จริงหรอ นึกว่าอยากได้ซอง”ซองแกล้งแซวเพราะรู้สึกดีใจเป็นอันมาก
"ริโอ้กลับแล้วนะ"ริโอ้มีทีท่าน้อยใจ พร้อมกำลังจะเดินไปเปิดประตู
"หยุดก่อน ริโอ้ ซองพูดเล่น”ซองดึงมือริโอ้ไว้
"ล้อเล่นแบบนี้ริโอ้ไม่ชอบ”ริโอ้สบัดมือซอง
"ซองขอโทษ”ซองเดินเข้ามาใกล้ริโอ้มากขึ้น
ริโอ้รู้สึกสงสารซองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงใจอ่อนเมื่อเจอลูกอ้อนของซอง ริโอ้จึงหันหลังกลับมามองซอง
"ก็ได้ ริโอ้จะอยู่เป็นเพื่อน"
ซองมองหน้าริโอ้ พร้อมความรู้สึกที่เริ่มเปลื่ยนไปพอสมควร ซองริ่มมีความรู้สึกดีดีขึ้นบ้างกับริโอ้ ด้วยความเอาใจใส่ตัวซองในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ในส่วนริโอ้นั้นเกือบให้หมดทั้งใจ แม้ปันจะเข้ามาในใจบางครั้ง ด้วยความชอบโปเกียเป็นที่ตั้งมาเนิ่นนาน พอเจอซองจึงเอียงเอนมาพอสมควร
"เรามาคุยกันเรื่องคืนก่อนนั้นดีกว่า”ริโอ้จำได้มาทันทีที่ได้มองตาซอง สายตาที่เย้ายวนจิตใจองเขาอย่างมาก
"เรื่องอะไร”ซองเอียงคอนิดหลบตาริโอ้แล้วครุ่นคิด
"ก็เรื่องคืนก่อนที่เราตกลงว่าจะลองคบกันไง"ริโอ้ยิ้มกรุ่มกริ่ม
"ซองจำไม่ได้ซองเมา"ซองเริ่มเขิน
"แต่ผมจำไม่ลืม”ทั้งที่ความจริงก่อนหน้านั้นยังปฏิสเธอยู่เลย
“เราจะเป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหม”ซองแกล้งพูด เพราะอยู่ใกล้ๆกับริโอ้เขามีความรู้สึกสนุกกว่าอยู่กับคิม เลยอยากลองดูเผื่อจะได้ลืมคิม
“ถ้าซองยอมริโอ้ก็ไม่ปฏิเสธ”ริโอ้เดินเข้าไปหาซอง
ซองเดินนถอยหลังทีละก้าวอย่างช้าๅ ริโอ้ก็เดินเข้าหาทีละก้าวเช่นกัน จนซองเดินมาชนขอบเตียงแล้วเซลงบนที่นอน ริโอ้จึงหยุดตรงหน้าซองใช้สองมือยันที่นอน พร้อมโน้มร่างลงอย่างช้าๆ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ริโอ้จึงหยุดทันทีเขาจึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าดึงโทรศัพท์มือถือออกมากดรับ
“ฮัลโหล”
“ริโอ้มาที่ร้านด่วนลูกค้าเต็มร้านแล้ว”เสียงกันเจ้าของร้านดังใส่หูริโอ้อย่างดัง
“มีเรื่องทุกทีตอนเข้าได้เข้าเข็ม”ริโอ้รู้สึกหงุดหงิดอีกแล้ว
“มีอะไรหรอ”ซองมีสีหน้าสงสัย
“ริโอ้ต้องไปทำงานลูกค้าเยอะ”ริโอ้ถอนหายใจ แล้วทันใดนั้นเขาก็ขโมยจูบซองหนึ่งที่
“ฮื้อ”ซองส่งเสียงแผ่วเบา
“ผมไปแล้วนะ ถ้าเลิกงานแล้วผมจะกลับมา
ริโอ้รีบออกจากโรงแรมของซองด้วยความเสียดายอีกตามเคย
ปันนั่งนอวดฝรั่งโมย่าอย่างมีความสุข เพราะวันนี้โมย่านวดรวดเดียวสามชั่วโมง นอกจากได้ชั่วโมงเยอะแล้ว เขายังมีความสุขและความรู้สึกดีดี กับโมย่าเพิ่มมากขึ้นทีละน้อย ในขณะที่ปันกำลังมีความสุขในการนวดให้กับคนที่รู้สึกดีๆนั้น ริโอ้ได้เดินผ่านเตียงของเขาและยิ้มให้ ปันแอบชำเลือด้วยปลายสายตา
ด้วยความขี้เล่นของริโอ้เลยพูดเสียงแผ่วข้างๆ
"ถูกใจใช่เลย”แล้วเขาก็รีบเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ปันไม่สนนวดต่อ ส่วนความรู้สึกชั่ววูบกับริโอ้เริ่มจางหายไปพอสมควร หลังจากริโอ้ห่างหายเพื่ิอไปดูแลซอง
หลังจากนั้นไม่นานต้นก็ตามเข้ามาติดๆ แต่คราวนี้ปันยิ้มให้อย่างยินดี แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันด้วยความที่ลูกค้าเยอะมาก ในขณะเดียวกัน นนท์แฟนใหม่ของปรัชญ์ที่ป็นแฟนเก่าของต้นก็มารับงานที่นี่ด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันจนหมดลูกค้า
หลังร้านปิดเหลือเพียงสองคนทสุดท้าย เมื่อเสร็จงานจึงไม่สามารถหลีกเลียงการเผชิญหน้ากันได้
ในขณที่ต้นกำลังจะขับรถมอเตอร์ไซค์เช่าของจางกลับโรงแรม นนท์ก็รีบเดินมาจนประชิดตัว
จนต้นต้องหันมามองด้วยความกลัวว่าจะโดนทำร้าย เพราะเหลือเพียงสองคนเท่านั้น
"มีอะไรพี่นนท์”ต้นทำใจสู้เสือพร้อมจะสู้ทั้งวาจาและกำลัง
"เดี๋ยวนี้สบายเนาะมีคนเช่ารถให้ขับ”นนท์ปาดสายตามองมอเตอร์ไซต์ของต้น
"ถ้าพี่นนท์จะพูดเรื่องไร้สาระต้นก็จะกลับแล้วนะ”
"เดี๋ยวก่อน"
"มีอะไร"
"เรื่องปรัชญ์"
พอได้ยินชื่อนี้ต้นถึงกับหยุดนิ่ง ไม่ใช่อยากรู้เรื่อง แต่ไม่อยากได้ยินมากกว่า
"ช่วงนี้เขาแย่นะ โดนซ้อมแล้วก็ป่วยด้วย”นนท์มีสีหน้าเศร้าด้วยการแสดง เพราะอยากให้ต้นไปเยื่อม เขาจะได้ผลักภาระให้ต้นอีกครั้ง
"แล้วไง"ต้นยักไหล่แสดงออกชัดเจนว่าไม่สนในปรัชญ์แล้ว
"ก็แค่บอกให้รู้เท่านั้น เผื่อมียื่อใยกันอยู่"
"โอ๊ยพี่ ต้นเเลิกรักปรัชญ์นานแล้ว ต้นมีแฟนใหม่แล้ว ชีวิตเราต้องเดินหน้า ไม่มัวมาจมปลักกับผู้ชายห่วยๆหรอก”ต้นหัวเราะหึๆๆด้วยความสะใจ
"ต้นลืมเขาได้จริงๆหรอ"
"ใช่ คนไม่ดีจำทำไม ว่าแต่พี่เถอะห่วงตัวเองดีกว่า ต้นไปล่ะ"ต้นพูดกระแทกจนกระทบจิตใจนนท์อย่างจัง
"อย่าพึ่งไป พี่มีเรื่องจะถาม พี่จะไม่ทน มีคำแนะนำให้พี่ไหม"ดวงตาของนนท์มีน้ำคลอออกมา คราวนี้ไม่ได้แสดงแต่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่นนท์เจอไม่ได้ต่างกับต้นแม้แต่น้อย
ต้นเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกอดสงสารไม่ได้ เพราะห้วงเวลาหนึ่งเขาก็เคยเจอ
“ไม่รู้จะแนะนำอะไร เพราะเขาหนีไปจากต้นเองซึ่งตอนนั้นต้นก็รักเขาอยู่"
"แล้วทำไมเขาถึงหนีต้นล่ะ”สายตาของนนท์มีประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันที
"ช่วงนั้นต้น ไม่มีเงินตกงาน มีแต่ตัวที่ให้เขาได้ ต้นบอกได้แค่นี้แหล่ะ ต้นไปแล้วนะ"พูดจบต้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไปในทันที โดยไม่สนใจนนท์แม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ต้นเป็นห่วงจางเพียงคนเดียว
นนท์มองต้นขับรถไปจนลับสายตา แล้วก็มีความหวังขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่เรื่องไม่มีเงินตกงาน ในทางกลับกันในเมื่อเดี๋ยวนี้ต้นมีเงิน นนท์จึงคิดแผนการณ์ร้ายได้ในทันที
จางนั่งมองโทรศััพท์มือถือ เพื่อดูข้อความที่ส่งมาซึ่งเขายังอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่หลันหลันยังไม่ได้บอกเรื่องราวของเขาให้กับคนรอบข้างฟัง จางคิดอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะไปข้อร้อง หลันหลันอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ซึ่งกว่าจะไปจางก็ใช้เวลาพอสมควรเพื่อทำใจ มันเป็นอะไรที่ยากเย็นมากที่จะเอ่ยปากขอร้องหลันหลัน แต่เขาต้องรีบไปไม่งั้นชีวิตของเขาคงวุ่นวายแน่ จางจึงเดินออกจากห้องไปหาหลันหลันจางเคาะประตูสักพักหลันหลันก็เปิดประตูออกมา หลันหลันมีสีหน้าตกใจนิดหน่อย หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มที่มุมปาก"มีอะไรจาง"หลันหลันใช้สายตาเย็นชามองจาง"เข้าไปคุยข้างในได้ไหม""ทีคุยกับผู้หญิงหน้าห้องอายเหรอ ทำไมเมื่อวานกอดกับผู้ชายไม่อาย""ผมอยากคุยธุระกับคุณ"จางมีสายตาที่เศร้าจนหลันหลันใจอ่อนขึ้นมาบ้าง ในฐานะคนเคยรักกันแต่เธอก็ยังไม่หายโกรธจางอยู่ดีจางเดินเข้ามาในห้องของหลันหลันแล้วนั่งลง ส่วนหลันหลันก็นั่งลงช้างๆ"มีอะไรว่ามา"หลันหลันถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว การมาของจางนั้นมาเพื่ออะไร"คือ ผมอยากให้หลันหลันอย่าบอกเรื่่องนี้กับใคร"พูดจบจางก้มหน้าพร้อมถอนหายใจ"รู้ตัวมานานหรือยังว่าชอบ เอ่อ แบบนั้น"หลันหลันเริ่มอ่อนลง"ผมรู้ตัวที่นี
หลันหลันเคาะประตูเพียงครั้งเดียว จางก็เปิดประตูออกมาทันที และเขาก็มีสีหน้าที่ผิดหวังที่ไม่ใช่ต้น"มองหาแฟนหรอ""ต้นมาเหรอ"จางถาม"เขาฝากกุญแจไว้"หลันหลันยื่นกุญแจรถให้จาง เขาจึงรับไว้"ไม่จริง ผมไม่เชื่อ"จางเดินออกจากห้องรีบมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นแม้เงา"จะมองอะไรแค่เขาไม่เข้าห้องก็น่าบอกได้แล้วนะว่า เขาเลิกกับจางแล้ว"หลันหลันยักไหล่เหล่สายตามองจาง ในท่าทีเย้ยหยัน"ทำใจซะ คงคิดได้คบกับจางต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร "หลันหลันหัวเราะในลำคอด้วยความสะใจ"ไม่จริง"จางใช้ที่เสียงหนักแน่น แต่เริ่มแผ่วในช่วงท้าย"ทำไมจะไม่จริง จางก็ลองดูซิถ้าอีกสามวันเขาไม่มาหาจาง แสดงว่าเขาคงอยากเลิกกับจาง"เมื่อจางเจอหลันหลันย้ำ เขาถึงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างไม่ได้ตั้งใจ พลางคิดไปว่าต้นคงกลับไปคบกับปรัชญ์เหมือนเดิม เพราะทั้งคู่เคยรักใคร่ต่อกันมาก่อนเขา"เขาคงคิดได้ล่ะมั้ง ถ้าอยู่กับจางก็แค่มีความสุขในไทย แต่ไม่สามารถไปที่อันเจียได้ จางก็รู้ดีนี่ ที่นั้นเขายังไม่ยอมรับเรื่องนี้ จางกล้าที่จะเผชิญความจริงเหรอ"หลี่่หลันหลันพยายามสังเกตสีหน้าของจาง ซึ่งก็เป็นผลดั่งที่เธอคาดไว้ หลันหลันจึงใส่ไฟต่อไม่พอแค่นี้"ถ้า
จางยังไม่สามารถลดอคติในใจที่มีต่อต้นกับปรัชญ์ได้ เขาจึงมองไม่เห็นในข้อนี้"มันเป็นเรื่องของผมคุณจะมายุ่งอะไรด้วย"จางยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย"ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอก ที่มาก็เพราะต้นไม่ใช่คุณ"คิมพยายามสงบจิตใจให้แน่นิ่ง"นั่นไงคุณยอมรับมาแล้ว ว่ายังคิดอะไรกับต้นอยู่"จางมองหน้าคิมด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ"คุณนี่มันพาลจริงๆ แถมเมาอีกด้วยผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว""ไม่อยากคุยหรือพูดแทงใจดำ ถึงผมจะมีปัญหากับต้น คุณก็ไม่มีสิทธิ์จะมาเป็นห่วงต้นสงสารต้น เพราะยังไม่ได้เลิกกันสักหน่อย""ตามสบาย"คิมพูดได้แค่นี้ เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่มีสิทธิ์ข้อนี้"ฝากบอกต้นด้วยให้มาหาผม ถ้าไม่มาอีกสองวันผมจะกลับอันเจีย"จางยังมีสีหน้าที่นิ่งอยู่"ทำไมไม่ไปบอกเอง"คิมพูดขึ้น"เรื่องของผม คุณไม่ต้องรู้"จางอยากพิสูจน์ใจของต้น เขาต้องการรู้ว่าต้นจะยังรักเขาอยู่ไหม ถ้าเกิดต้นไม่มาแสดงว่าต้นหมดรักเขาแล้ว จางคิดไปไกลถึงขั้นนั้นทีเดียว"ผมไม่บอกหรอก ดีผมจะได้จีบต้นต่อถ้าเลิกกับคุณ"คิมยิ้มเยาะ"คุณนี่มัน ออกไปจากห้องผมเลย"จางชี้มือไปที่ประตูห้อง"ผมไปแน่ แล้วจะไปหาต้นด้วย ปล่อยให้คุณเมาเหล้าอยู่อย่างนี้แหล่ะ"พูดจบคิมก็เดิน
ริโอ้ได้มาส่งซองที่โรงแรม เมื่อมาถึงในห้องนอนที่แสนจะชวนทำอะไรบางอย่าง"ดึกมากแล้วน่ะ ริโอ้กลับไปก่อนเถอะ"ซองแกล้งทั้งที่ใจอยากให้อยู่ เพราะซองเปิดใจให้ริโอ้เมื่อไม่นาน ยิ่งเห็นความจริงใจของริโอ้ที่มีต่อต้น จนเขารู้สึกอิจฉาในบางครั้ง แต่ถ้าได้คบกับต้นในฐานะคนรัก ริโอ้คงจะดูแลดีขนาดไหน ซองนั่งคิดฝันหวาน"ก็ได้ผมกลับแล้วนะ"ริโอ้รู้สีึกโกรธ ใจจริงเขาอยากนอนที่นี่"อยากกลับก็กลับไปเลยไม่ต้องมาอีกนะ"ซองรู้สึกโมโห หวังจะให้ริโอ้มายอกล้อให้คลายอารมณ์เครียดที่ริโอ้พูดเช่นนั้น เพราะเขายังกังวลใจ ในเรื่องของต้นอยู่มากพอสมควร เขาจึงไม่มีอารมณ์ที่จะมาพูดเล่น แต่ถ้าทำบางสิ่งเขาก็ไม่มีปัญหา"ก็ได้ ริโอ้กลับแล้ว" ริโอ้รีบเดินไปที่ประตูอย่างอารมณ์เสียซองเห็นริโอ้โกรธและไม่มีอารมณ์หยอกล้อคุยเล่น เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาริโอ้ แล้วกอดเอวไว้แนบกายอย่างแนบสนิท"ปล่อยริโอ้นะ จะกลับแล้ว ไม่อยู่ให้ขวางหูขวางตาหรอก"ริโอ้พยายามแกะมือของซองออก โดยใช้แรงเพียงนิดหน่อย เพราะเขามีความรู้สึกที่แปลกในจิตใจและร่างกาย ที่ไม่อยากไปจากที่นี่"อย่าไปนะ ซองขอโทษ ซองล้อเล่น"ซองรัดอ้อมกอดไว้แน่น เพราะกลัวริโอ้จะไปจริงๆใน
"แล้วเรื่องของจางต้นจะทำอย่างไร"คิมถาม เพื่ออยากรู้คำตอบและจะได้สานรอยร้าวให้สมานดังเดิ่ม และนี่เป็นโอกาสของเขาเอง ที่เขาต้องไขว่คว้าไว้หลังจากแพ้ทางรัก ให้แกจางในครั้งที่แล้ว"ต้นย้งไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรดี" ใจหนึ่งต้นอยากจะไปหาเจาง เพราะเขาก็ยังรักจางอยู่ไม่เปลื่ยนแปลง แต่อีกใจหนึ่งเขาเริ่มท้อกับปัญหาที่ตามมาไม่หยุดหย่อน พร้อมกับปัญหาที่จิตใจของจางที่ไม่มั่นคงเหมือนคิม"จะไม่ไปหาจางแล้วเหรอครับ"คิมลุ้นคำตอบที่จะได้รับฟัง ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกออกมาชัดเจน"คงไม่ไปแล้วแหล่ะ เพราะไม่เห็นจางโทรมาเลย"ต้นรู้สึกเสียใจ เพราะส่วนหนึ่ง ใจของเขาอยากให้จางโทรมา เพียงแค่นี้เขาก็จะไปหาจางทันที แต่ก็รอมาร่วมสองวันยังไร้วี่แววของจาง"คิดว่าทำใจได้แล้วใช่ไหม"คิมถาม"คงยังไม่ได้หรอก ถ้านานไปคงจะทำใด้เอง"ต้นรู้สึกใจหายวับหลังจากได้ยินคำถามนี้ ที่แสนจะแทงใจเขาจนสุดขั้ว"ไม่ว่าต้นจะตัดสินใจอย่างไร โยฮันยินดีอยู่เป็นเพื่อน และพร้อมดูแลต้นตลอดไป"คิมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆแล้วจ้องมองหน้าของต้นอย่างเว้าวอน ให้เห็นใจความรักที่เขามีให้ต้น"ขอบใจนะโยฮัน ต้นเข้าใจดีทุกอย่าง แต่ตอนนนี้ต้นขอเวลาให้กับตัวเองซักระยะ"ต้นห
จางรอต้นจนใกล้จะถึงเวลา ที่ต้องเข้าไปข้างในสนามบิน เขาหมดหวังแล้วที่ต้นจะมาหาเขา จางจึงพยายามทำใจก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งหลันหลันก็สังเกตเห็นจางดูซึมลง แต่เธอก็ไม่แคร์ขอแค่จางกลับไปด้วยกันเป็นพอ"รอแฟนใหม่อยู่เหรอ เขาไม่มาหรอกอย่าหวังเลย"หลันหลันยิ้มเยาะ"ผมไม่ได้รอ และก็ไม่ได้หวังหรอกว่าต้นจะมา"จางมีสีหน้าที่ซึมลงกว่าเก่าอีก"คิดได้ก็ดี ได้เวลาแล้วไปกัน"หลันหลันลุกขึ้นยืน และแอบชำเลืองมองจาง"ฮือ"จางรับคำ และเขาก็ยังไม่อยากกลับอันเจียอยากอยู่ที่เชียงใหม่ต่อ แต่ในเมื่อต้นไม่สนใจเขา จางจำใจต้องจากไปพอรถมอเตอร์ไซค์จอด ต้นลงจากรถยืนนิ่งครุ่นคิด สักพักคิมโยอันก็ลงตาม ต่อจากนั้นก็เก็บหมวกกันน็อคทั้งสองใบไว้ที่หน้ารถ"เข้าไปข้างในกัน เดี๋ยวไม่ทันจาง"คิมพูดอย่างจริงใจ และหวังว่าทั้งสองจะปรับความเข้าใจกัน"คือ ต้น เอ่อ"ต้นอ้ำอึ่ง"ไปเหอะอย่าเสียเวลาเลย ทำตามใจที่เราต้องการ"ต้นยืนคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจไปหาจางี่ย เพราะอย่างน้อยจางก็ยังบอกเขาเมื่อจะกลับอันเจีย ถ้าเกิดจางยังจะกลับอันเจียหลังจากเจอเขา ต้นก็พร้อมที่จะปล่อยจางจากไปเช่นกันต้นและคิมเดินมาอย่างรวดเร็ว และหยุดวนรอบตัวเองมองหาจา
ต้นหนุ่มตกงานประจำรักคุด รีบเดินอย่างว่องไวเพื่อมาทำอาชีพเสริม เขายิ่งรีบเหมือนยิ่งช้าเพราะผู้คนเดินกันควักไข่ว ในบริเวณถนนคนเดินที่เชียงใหม่ ต้นใช้เวลาเดินทางราวสามสิบนาที ก็มาถึงร้านนวดฝ่าเท้าข้างทาง"มาเร็วเข้าประจำที่เลย ลูกค้านั่งรอเต็มไปหมดแล้ว" ป้าทองคำตะโกนเสียงดัง พร้อมกับจัดที่ให้ลูกค้า และต้นหมอนวดหนุ่มวัยยี่สิบสาม"ครับป้า"ต้นรีบนำกระเป๋าไปเก็บไว้และมานั่งประจำตำแหน่ง ซึ่งลูกค้าหนุ่มชาวอันเจียนั่งรออยู่"สวัสดีครับ"ต้นทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เขาพอพูดได้บ้างเพราะจบชั้น ม.6 มา ลูกค้าหนุ่มชาวอันเจียยิ้มให้ต้น และมองต้นนิ่งชั่วครู่ จนทำให้ต้นเริ่มรู้สึกเขินอาย"นวดกี่ชั่วโมงครับ"ต้นรีบถามเพราะจะได้เริ่มทำงาน" 1 ชั่วโมงครับ"เมื่อได้รับคำตอบแล้ว ต้นจึงจัดแจงนำผ้าชุ่มน้ำ บรรจงเช็ดเท้าอย่างช้าๆจนสะอาด หลังจากนั้นต้นก็ชะโลมน้ำมันนวดคลึงเบาๆบริเวณเท้าทั้งสองข้าง"นวดหนักๆหน่อย"หนุ่มอันเจียพูดขึ้น"ยังไม่ได้นวดครับ แค่เริ่มต้นชะโลมน้ำมันก่อน"ต้นฝืนยิ้มให้ลูกค้าแถมคิดในใจว่า โดนงานหินอีกแล้ว ถึงว่าทำไมป้าทองคำไม่นวดเองหลังจากชะโลมน้ำมันที่ฝ่ามือเสร็จ ต้นจึงเริ่มออกแรงห
ต้นมาทำงานนวดที่ร้านประจำ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเขาเท่าไรนัก เมื่อก่อนต้นทำแค่พอร์ทไท้แต่หลังจากตกงาน เขาจึงมาทำเต็มตัว ในความคิดของต้นคือมาทำเพื่อฆ่าเวลา พร้อมกับหางานประจำที่มั่นคงทำต่อร้านนวดที่ต้นมาทำมีแต่ผู้ชาย รุ่นไล่ๆกับเขา สาเหตุที่ร้านนวดนี้มีแต่ผู้ชาย เพราะเป็นร้านทางเลือกส่วนใหญ่ร้านนวดจะผสมกันไป ซึ่งจะมีผู้หญิงซะส่วนมาก มีผู้ชายน้อยและขาดตลาด เพราะลูกค้าบางครั้งอยากนวดหนักๆ ผู้หญิงแรงไม่ถึง บางคนไม่อยากนวดกับผู้หญิง เช่นเดียวกันบางคนไม่อยากนวดกับผู้ชาย คละเคล้ากันไปกัน หนุ่มใหญ่หมอนวดเก่า จึงมาเปิดร้านที่เป็นทางเลือก แต่เป็นร้านนวดจริงๆไม่อะไรแอบแฝง เป็นร้านขนาดกลางค่อนข้างไปทางเล็ก มีเพียงแค่สิบเตียง และหมอนวดหกคนแค่นั้น ถ้าลูกค้าเต็มก็เรียกหมอวิ่งมาเสริม เหมือนอย่างแต่ก่อนที่ต้นเคยทำต้นเดินเข้ามาในร้านก่อนเวลาพอสมควร เพราะร้านเปิดเก้าโมงเช้าปิดสองทุ่ม และเป็นเวรที่ต้นต้องเข้ามาช่วยจัดร้าน"หวัดดีพี่กัน"ต้นทักทายนายจ้างผู้ใจดี"มาก็ดีแล้วลูกค้ารออยู่"กันชี้ไปที่เตียงนวด ซึ่งมีหนุ่มโปเกียหุ่นดีนั่งอ่านหนังสือรออยู่"เร็วๆเข้าอย่าให้ลูกค้ารอนาน เดี๋ยวพี่จัดร้าน