หลันหลันเคาะประตูเพียงครั้งเดียว จางก็เปิดประตูออกมาทันที และเขาก็มีสีหน้าที่ผิดหวังที่ไม่ใช่ต้น
"มองหาแฟนหรอ"
"ต้นมาเหรอ"จางถาม
"เขาฝากกุญแจไว้"หลันหลันยื่นกุญแจรถให้จาง เขาจึงรับไว้
"ไม่จริง ผมไม่เชื่อ"จางเดินออกจากห้องรีบมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นแม้เงา
"จะมองอะไรแค่เขาไม่เข้าห้องก็น่าบอกได้แล้วนะว่า เขาเลิกกับจางแล้ว"หลันหลันยักไหล่เหล่สายตามองจาง ในท่าทีเย้ยหยัน
"ทำใจซะ คงคิดได้คบกับจางต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร "หลันหลันหัวเราะในลำคอด้วยความสะใจ
"ไม่จริง"จางใช้ที่เสียงหนักแน่น แต่เริ่มแผ่วในช่วงท้าย
"ทำไมจะไม่จริง จางก็ลองดูซิถ้าอีกสามวันเขาไม่มาหาจาง แสดงว่าเขาคงอยากเลิกกับจาง"
เมื่อจางเจอหลันหลันย้ำ เขาถึงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างไม่ได้ตั้งใจ พลางคิดไปว่าต้นคงกลับไปคบกับปรัชญ์เหมือนเดิม เพราะทั้งคู่เคยรักใคร่ต่อกันมาก่อนเขา
"เขาคงคิดได้ล่ะมั้ง ถ้าอยู่กับจางก็แค่มีความสุขในไทย แต่ไม่สามารถไปที่อันเจียได้ จางก็รู้ดีนี่ ที่นั้นเขายังไม่ยอมรับเรื่องนี้ จางกล้าที่จะเผชิญความจริงเหรอ"หลี่่หลันหลันพยายามสังเกตสีหน้าของจาง ซึ่งก็เป็นผลดั่งที่เธอคาดไว้ หลันหลันจึงใส่ไฟต่อไม่พอแค่นี้
"ถ้าเขาอยู่กับคนไทย คงมีความสุขมากกว่าอยู่กับจาง อยู่ด้วยกันทุกวันทุกคืน นอดกอดกันหอมแก้มทุกวัน ส่วนกับจางแค่คุยเมาท์แชท เห็นแต่หน้าไม่ได้สัมผัส"หลันหลันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆกระซิบข้างหูของจาง
"ยอมรับความจริงซะจาง"หลันหลันพูดจบ พร้อมเชิดหน้าหันหลังกลับห้อง โดยมีประกายแห่งความหวังคบกับจางต่อ ถ้าจางเลิกคบกับหนุ่มไทยคนนี้
จางยืนนิ่งคิดสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะทำเช่นไรต่อจากนี้ จางสุดในปัญญาที่จะคิดในเวลาอันสั้น
ต้นกลับมาถึงห้อง ก็เห็นริโอ้กับซองนั่งที่เก้าอี้ พร้อมทั้งสายตาสองคู่จ้องมาที่เขา
"ไปหาจางทำไมไม่บอกริโอ้"ริโอ้มีท่าทีไม่พอใจออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด
"ต้นเห็นนอนหลับกันอยู่เลยไม่กล้าปลุก ต้นขอโทษริโอ้ด้วย"ต้นนั่งลงบนเตียงนอน เพราะเก้าอี้ในห้องมีเพียงสองตัว
"ไม่เป็นไร แล้วเป็นไงบ้าง"ริโอ้มองหน้าต้นอย่างใคร่รู้ เพราะสีหน้าต้นไม่ค่อยสู้ดีนัก
"ต้นเจอแฟนเก่าจางที่หน้าห้อง เขาบอกต้นจะกลับอันเจียกับเธออีกสองสามวัน"
"พูดแค่นี้่ก็เชื่อ"ริโอ้มีสีหน้าไม่พอใจในความซื่อของต้น
"เมื่อคืนจางก็บอกจะกลับอันเจียกับต้นเหมือนกัน"ต้นถอนหายใจด้วยความร้าวราน พร้อมใช้สองมือกุมขมับไว้
"เดี๋ยวต้นจะเล่าอะไรให้ฟัง"ต้นจึงพรรณาเรื่องราวของจาง ที่หลันหลันเล่าให้ฟัง มีทั้งความจริงปนเติมแต่ง แต่ต้นไม่สามารถแยกได้ จึงเหมารวมเป็นจริงไปทั้งหมด
"ต้นจะทำอย่างไรต่อไป"ริโอ้แสนปวดใจที่เพื่อนรักต้องทุกข์อีกครา
"ต้นยังไม่รู้ ตอนนี้ต้นขอทำใจสักพักก่อน"
"ริโอ้ว่าต้นต้องไปเจอจางและคุยกันให้รู้เรื่อง อยู่แบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกต้น"
"แต่ที่แฟนเก่าต้นบอกก็น่าคิด จะให้ต้นรอความหวัง รอจางเป็นปีๆเพื่อเจอหน้ากันนี่นะ "ต้นคิดว่ามันคงทรมานจิตใจน่าดู และอีกอย่างหนึ่งเขาก็ไม่แน่ใจในตัวจาง อาจเผลอหลงใหลได้ปลื้มชายคนใหม่ ก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน
"ถ้าอย่างงั้นแล้วแต่ต้น ริโอ้พร้อมอยู่เคียงข้างต้นเสมอนะ"ริโอ้ก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี แต่ไม่อยากขัดใจเพื่อนในช่วงเวลานี้ ถึงแม้เขาจะไม่ชอบจางอยู่พอสมควร แต่ในเมื่อต้นยังรักเขาอยู่ก็ควรจะคุยกัน เพื่อหาทางออกไม่ใช่หนีหลบหน้ากันทั้งสองฝ่าย
"ขอบใจมากนะริโอ้ ไปทำงานเถอะเดี่๋ยวสายฝากบอกพี่กันด้วย ต้นลาหยุดซักสามวัน"
"ได้ เดี๋ยวเราบอกพี่กันให้ อย่าคิดมากนะ ถ้ามีเรื่องอะไรโทรหาริโอ้ได้ทุกเมื่อ"
ริโอ้กับซองได้ออกไปจากห้องของต้น ซึ่งเวลานี้เองที่ต้นเริ่มรู้สึกวูบวาบทั่วร่าง ใจร้อนรนดั่งไฟในภูเขา
ต้นจึงล้มลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนล้าโรยแรง มือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากครุ่นคิดทุกเรื่องราว ส่วนอีกมือวางไว้บนหน้าอกที่ใจเต้นระรัว ลมหายใจเข้าออกสูดลึกจนสุดกำลัง จิตใจของต้นหวั่นกลัวสิ่งรอบข้าง แม้กระทั่งความคิดของตัวเองก็แสนจะหลอนในจิตใจ ช่วงเวลาพียงระยะหนึ่งต้นจึงเผลอไผลหลับสู่ภวังค์ ด้วยความเครียดในสมองและพักผ่อนทางกายไม่เพียงพอ จนเทำให้ต้นหลับไปอย่างง่ายดายเหมือนทารกน้อยที่แรกเกิด
คิมนั้นแค่อยู่ภูเก็ตคืนเดียว เขาก็ต้องรีบพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เมื่อได้รับข้อความจากซองเพื่อนรัก ที่บอกมาในไลน์ว่า ต้นทะเลาะกับจาง เขาจึงไม่รีรอที่จะกลับไปที่เชีบงใหม่ในทันที
เมื่อคิมก็มาถึงที่เชียงใหม่ เขามุ่งพุ่งตรงไปที่ห้องของต้นในทันที เนื่องจาก รปภ จำหน้าของเขาได้จึงผ่านเข้าไปในตึกได้อย่างง่ายดาย คิมรีบขึ้นไปยังห้องของต้น ด้วยหัวใจที่หนักแน่นดั่งภูผา
คิมโยอันได้มาถึงหน้าห้องของต้น เขาเคาะประตูสองถึงสามครั้งแต่ไร้การตอบกลับ คิมเริ่มใจวิตกกังวลกลัวต้นตัดรอนชีวิต เขาจึงจับลูกบิดประตู ซึ่งเป็นโชคช่วยที่ประตูไม่ได้ล็อค คิมโยอันจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปด้วยความหวังดี
เพียงประตูเปิดเข้าไปข้างใน สายตาของคิมสอดส่ายมองไปยังเตียงนอนทันที ซึ่งก็เป็นดั่งที่เขาคิด ร่างของต้นนอนราบอยู่บนเตียง เขาจึงรีบวิ่งไปดูแม้ระยะทางจะแสนสั้น เมื่อเขาไปถึงยังร่างของต้น
"ต้น ต้น ต้น "คิมเรียกชื่อต้นอยู่หลายครั้ง พร้อมเขย่าร่างของต้นด้วยความกลัว ต้นจะทำลายชีวิตตัวเองให้ดับดิ้น
"ต้น ตื่นซิ"ใจคิมนั้นหวั่นสั่นกลัว
เนื่องจากคิมออกแรง เขย่าร่างของต้นอย่างหนักหน่วง จึงเป็นเหตุให้ต้นกลับสู่ความจริงที่ต้องเผชิญ ต้นค่อยๆลืมตาขึ้นแต่ยังฟ่ามัวจึงลายตา คิดว่าคิมเป็นจาง
"จางมาหาต้นจริงๆด้วย มันไม่ใช่ความฝัน"ต้นรีบลุกขึ้นนั่งกอดคิมทันที
การกอดครั้งนี้ของต้นทำให้คิมปวดร้าวใจยิ่งนัก เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ซ้ำ ทำให้คิมซอกซ้ำฝืนกลืนอีกครา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็พร้อมยอมรับสวมกอดต่อไม่หวั่นไหว
"จางหายโกรธต้นแล้วใช่ไหม"ต้นสะอื้นไห้ด้วยใจระรื่น
"ต้น ผมโยฮัน" คิมโยอันฝืนใจเปล่งคำพูดออกมา
ต้นนั้นได้ยินเสียงที่คุ้นเคย และชื่อที่ยังไม่จางหาย เขาจึงรีบผละร่างกายออกในทันที พร้อมมองคนตรงหน้าให้ชัดเจน
"โยฮัน มาได้อย่างไงพึ่งไปภูเก็ตนี่"ต้นปาดน้ำตาที่นองหน้าให้เหือดแห้ง
"ผมได้ข่าวจากซองที่ส่งไป ผมร้อนใจจึงรีบมาหาต้น"คิมหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง มาเช็ดน้ำตาให้ต้นที่หลงเหลือเพียงน้อยนิด
"ไม่มีอะไรหรอก ซองคงเข้าใจผิดไปเอง"ต้นพยามแก้ข่าวที่คิมโยอันได้รับ ให้เป็นเรื่องที่ไร้ปัญหา
"แน่ใจเหรอต้น คำพูดของต้นโยฮันได้ยินหมดทุกคำพูด
"คือ"ต้นไร้คำแก้ตัว จีงอ่ำอึ้งนึกสรรหาคำโต้แย้ง
"ต้นไม่ต้องพูดอะไร โยฮันเข้าใจต้นดี และรู้ทุกเรื่องหมดแล้ว"ก่อนมาห้องต้น คิมโยอันได้รับเรื่องราวจากซองไม่ตกหล่นสักเรื่อง
"ก็ตามนั้น ต้นไม่รู้จะทำอย่างไรดี"ต้นหันหน้าไปทิศทางอื่น เพื่อกลั้นน้ำตาที่เริ่มจะไหล
"ปล่อยน้ำตาออกมาให้หมดอย่าให้เหลือ"คิมโอบกอดต้นเพื่อมอบความอุ่นกาย ปลอบโยนให้คลายเศร้า
ต้นถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างกับสายน้ำ ที่ไหลรินตกจากที่สูง ความซ้ำใจในครั้งนี้เวลาใกล้เคียงกับครั้งเก่า จึงทำให้ต้นเจ็บปวดใจหลายเท่าจนสุดทน
คิมโยอันนั่งปลอบใจต้นให้คลายเศร้าได้บ้าง เขาครุ่นคิดจะทำสิ่งใดดี ระหว่างแทรกกลางใจของต้นกับจาง หรือช่วยแก้เหตุปัญหาที่สองคนนี้ผิดใจกัน ความรู้สึกระหว่างสองการกระทำที่ต่างขั้ว คิมกำลังชั่งใจกับความรู้สึกในครั้งนี้ แต่เขายังรู้สึกโกรธจางที่ไม่หนัักแน่น เพียงเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ เขากับเชื่อสิ่งที่ตาเห็นซึ่งมันอาจไม่ใช้อย่างที่เห็นและคิด ถ้าปล่อยให้ต้นคบกับจางต่อไปอีก ต้นอาจจซ้ำใจมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า ในความอ่อนไหวทางอารมณ์ของจาง คิมจึงยังไม่สามารถจัดการปัญหานี้ให้จบสิ้นได้
ต้นนั้นเมื่อได้รับการปลอบโยนจากคิม ซึ่งได้ผลประมาณนึง จึงทำให้ต้นหลับไปในที่สุด คิมนั่งมองต้นช่วงเวลาหลับใหล เขาอยากสัมผัสเรือนร่างของต้น แต่ก็หักห้ามใจไม่ให้ทำ เพราะเขาไม่มีสิทธิ์นี้นอกจากจาง ยิ่งมองหน้าต้นมากเท่าไร เขารู้สงสารต้นทวีคูณ จึงเป็นเหตุให้คิมคิดได้ในทันใด ว่าต้องทำในสิ่งที่ต้นต้องการและมีความสุข คิมลุกขึ้นยืนมองหน้าต้นชั่วครู่ และหันหลังเดินจากไปเพื่อความสุขของต้นต่อจากนี้
จางได้รับโทรศัพท์จากพนักงานในโรงแรมว่าคิมมาหา เขาจึงให้คิมขึ้นมาที่ห้องแทนลงไป เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะพบเจอผู้คนแปลกหน้า และทำใจเรื่องต้นย้งไม่ได้ และอีกอย่างหนึ่งคือจางกำลังดื่มเบียร์แก้ความกลัดกลุ้ม
ไม่นานเท่าไรคิมก็มาเคาะประตูห้อง จางจึงเดินไปเปิดประตู เพื่อให้คิมเข้ามาภายในห้อง
"เข้ามาข้างในก่อน"จางเอ่ยขึ้น และเดินนำหน้าคิมมานั่งที่เก้าอี้
"มีอะไร"จางพูดจบพร้อมกระดกเบียร์ทั้งขวด
คิมมองสภาพของจาง ที่ดูโทรมลงอย่างมาก เขาแท่บไม่เชื่อสายตาตัวเองจากหนุ่มหล่อ จะกลายสภาพเป็นหนุ่มขึ้เหล้าแฟนทิ้ง ปล่อยตัวจนใครพบเห็นต้องแปลกใจ
"จะมาพูดเรื่องของต้น"คิมพยายามใช้เสียงที่นุ่มนวล เพื่อให้จางไม่กังวลใจไปมากกว่านี้ แต่ดูแล้วน่าจะไร้ผลกลับกันจางอารมณ์ขึ้นทันที
"มายุ่งอะไรด้วยไม่เกี่ยวกับคุณ ถ้ามาพูดเรื่องนี้ก็ออกไปได้เลย ไม่ส่งนะ เชิญ" จางชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง
คิมพยายามอดกลั้นอารมณ์โกรธ เพราะจะเสียเวลาที่มาช่วยให้ทั้งคู่คืนดีกัน
"ผมต้องยุ่ง เพราะผมเป็นเพื่อนต้น"คิมเสียงเข้มขึ้นมาอีกหน่อย
"ไม่เชื่อหรอกคิดแค่เพื่อน คุณคิดมากกว่านั้นอย่าหาว่าผมไม่รู้ ถ้าผมผิดใจกับต้นนิดหน่อยรีบกลับมาเชียว"จางหัวเราะเสียงแผ่วเบา
"คุณจะคิดอย่างไรก็เรื่องของคุณ ผมเข้าเรื่องเลยจะได้ไม่เสียเวลา"
"อ่อ จะมาขอต้นจากผมเหรอ ไม่มีทางหรอกผมไม่ให้"จางวางขวดกระแทกจนเสียงดัง
"ต้นรักคนอย่างคุณได้อย่างไง ปัญญาอ่อนสิ้นดี ไร้สติ ไม่มีความคิด"คิมโมโหใส่จางแบบไม่ยั้ง
"คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดผมแบบนี้"จางเริ่มโมโหเช่นกัน
"อุตส่าห์หวังดีจะให้คืนดีกัน เสียดายที่ต้นรักคุณมากแต่คุณมัน" คิมหยุดพูดทันที ขืนพูดต่ออาจมีเรื่องกับจางได้
"มันอะไร"จางยื่นหน้าเข้าหาคิม
"ช่างมันเถอะ เรื่องของต้นกับปรัชญ์ ผมไมเชื่อ ต้นไม่ใช่คนอย่างนั้น คุณก็น่าจะรู้ดีกว่าผม"
"เหรอ" จางหัวเราะ
"ฝากให้คิดดีดีนะ ถ้าคุณปล่อยต้นไป ผมจะไม่มีวันคืนให้คุณ"
"มีปัญญาหรือเปล่า ต้นเลือกผมไม่ใช่คุณ"
"แต่ถ้าเมาแบบนี้ก็ไม่แน่นะ ต้นอาจเลือกผมมากว่าคุณ ที่ดูไร้อนาคต"
"กล้าดีอย่างไงมาพูดจาแบบนี้กับผม"จางลุกขึ้นยืน
"ไม่ได้กล้าอย่างเดียวผมจะทำจริงด้วย"คิมลุกขึ้นยืนทันที
"กลัวตายเลย ทั้งผมและคุณ หวังไปเถอะ ต้นเขาจะกลับไปหาปรัชญ์แฟนเก่าของเขาโน้น"จางพูุดเสียงดัง
"คุณนี่มันแย่มาก เจอคนดีดีแล้วยังไม่รั้งไว้กับปล่อยให้หลุดมือ"คิมสุดกลั้นอารมณ์โกรธ
จางฉุกคิดได้ประมาณนึง แต่ด้วยความอคติจึงมองข้ามความจริงข้อนี้ไป
จางยังไม่สามารถลดอคติในใจที่มีต่อต้นกับปรัชญ์ได้ เขาจึงมองไม่เห็นในข้อนี้"มันเป็นเรื่องของผมคุณจะมายุ่งอะไรด้วย"จางยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย"ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอก ที่มาก็เพราะต้นไม่ใช่คุณ"คิมพยายามสงบจิตใจให้แน่นิ่ง"นั่นไงคุณยอมรับมาแล้ว ว่ายังคิดอะไรกับต้นอยู่"จางมองหน้าคิมด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ"คุณนี่มันพาลจริงๆ แถมเมาอีกด้วยผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว""ไม่อยากคุยหรือพูดแทงใจดำ ถึงผมจะมีปัญหากับต้น คุณก็ไม่มีสิทธิ์จะมาเป็นห่วงต้นสงสารต้น เพราะยังไม่ได้เลิกกันสักหน่อย""ตามสบาย"คิมพูดได้แค่นี้ เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่มีสิทธิ์ข้อนี้"ฝากบอกต้นด้วยให้มาหาผม ถ้าไม่มาอีกสองวันผมจะกลับอันเจีย"จางยังมีสีหน้าที่นิ่งอยู่"ทำไมไม่ไปบอกเอง"คิมพูดขึ้น"เรื่องของผม คุณไม่ต้องรู้"จางอยากพิสูจน์ใจของต้น เขาต้องการรู้ว่าต้นจะยังรักเขาอยู่ไหม ถ้าเกิดต้นไม่มาแสดงว่าต้นหมดรักเขาแล้ว จางคิดไปไกลถึงขั้นนั้นทีเดียว"ผมไม่บอกหรอก ดีผมจะได้จีบต้นต่อถ้าเลิกกับคุณ"คิมยิ้มเยาะ"คุณนี่มัน ออกไปจากห้องผมเลย"จางชี้มือไปที่ประตูห้อง"ผมไปแน่ แล้วจะไปหาต้นด้วย ปล่อยให้คุณเมาเหล้าอยู่อย่างนี้แหล่ะ"พูดจบคิมก็เดิน
ริโอ้ได้มาส่งซองที่โรงแรม เมื่อมาถึงในห้องนอนที่แสนจะชวนทำอะไรบางอย่าง"ดึกมากแล้วน่ะ ริโอ้กลับไปก่อนเถอะ"ซองแกล้งทั้งที่ใจอยากให้อยู่ เพราะซองเปิดใจให้ริโอ้เมื่อไม่นาน ยิ่งเห็นความจริงใจของริโอ้ที่มีต่อต้น จนเขารู้สึกอิจฉาในบางครั้ง แต่ถ้าได้คบกับต้นในฐานะคนรัก ริโอ้คงจะดูแลดีขนาดไหน ซองนั่งคิดฝันหวาน"ก็ได้ผมกลับแล้วนะ"ริโอ้รู้สีึกโกรธ ใจจริงเขาอยากนอนที่นี่"อยากกลับก็กลับไปเลยไม่ต้องมาอีกนะ"ซองรู้สึกโมโห หวังจะให้ริโอ้มายอกล้อให้คลายอารมณ์เครียดที่ริโอ้พูดเช่นนั้น เพราะเขายังกังวลใจ ในเรื่องของต้นอยู่มากพอสมควร เขาจึงไม่มีอารมณ์ที่จะมาพูดเล่น แต่ถ้าทำบางสิ่งเขาก็ไม่มีปัญหา"ก็ได้ ริโอ้กลับแล้ว" ริโอ้รีบเดินไปที่ประตูอย่างอารมณ์เสียซองเห็นริโอ้โกรธและไม่มีอารมณ์หยอกล้อคุยเล่น เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาริโอ้ แล้วกอดเอวไว้แนบกายอย่างแนบสนิท"ปล่อยริโอ้นะ จะกลับแล้ว ไม่อยู่ให้ขวางหูขวางตาหรอก"ริโอ้พยายามแกะมือของซองออก โดยใช้แรงเพียงนิดหน่อย เพราะเขามีความรู้สึกที่แปลกในจิตใจและร่างกาย ที่ไม่อยากไปจากที่นี่"อย่าไปนะ ซองขอโทษ ซองล้อเล่น"ซองรัดอ้อมกอดไว้แน่น เพราะกลัวริโอ้จะไปจริงๆใน
"แล้วเรื่องของจางต้นจะทำอย่างไร"คิมถาม เพื่ออยากรู้คำตอบและจะได้สานรอยร้าวให้สมานดังเดิ่ม และนี่เป็นโอกาสของเขาเอง ที่เขาต้องไขว่คว้าไว้หลังจากแพ้ทางรัก ให้แกจางในครั้งที่แล้ว"ต้นย้งไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรดี" ใจหนึ่งต้นอยากจะไปหาเจาง เพราะเขาก็ยังรักจางอยู่ไม่เปลื่ยนแปลง แต่อีกใจหนึ่งเขาเริ่มท้อกับปัญหาที่ตามมาไม่หยุดหย่อน พร้อมกับปัญหาที่จิตใจของจางที่ไม่มั่นคงเหมือนคิม"จะไม่ไปหาจางแล้วเหรอครับ"คิมลุ้นคำตอบที่จะได้รับฟัง ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกออกมาชัดเจน"คงไม่ไปแล้วแหล่ะ เพราะไม่เห็นจางโทรมาเลย"ต้นรู้สึกเสียใจ เพราะส่วนหนึ่ง ใจของเขาอยากให้จางโทรมา เพียงแค่นี้เขาก็จะไปหาจางทันที แต่ก็รอมาร่วมสองวันยังไร้วี่แววของจาง"คิดว่าทำใจได้แล้วใช่ไหม"คิมถาม"คงยังไม่ได้หรอก ถ้านานไปคงจะทำใด้เอง"ต้นรู้สึกใจหายวับหลังจากได้ยินคำถามนี้ ที่แสนจะแทงใจเขาจนสุดขั้ว"ไม่ว่าต้นจะตัดสินใจอย่างไร โยฮันยินดีอยู่เป็นเพื่อน และพร้อมดูแลต้นตลอดไป"คิมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆแล้วจ้องมองหน้าของต้นอย่างเว้าวอน ให้เห็นใจความรักที่เขามีให้ต้น"ขอบใจนะโยฮัน ต้นเข้าใจดีทุกอย่าง แต่ตอนนนี้ต้นขอเวลาให้กับตัวเองซักระยะ"ต้นห
จางรอต้นจนใกล้จะถึงเวลา ที่ต้องเข้าไปข้างในสนามบิน เขาหมดหวังแล้วที่ต้นจะมาหาเขา จางจึงพยายามทำใจก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งหลันหลันก็สังเกตเห็นจางดูซึมลง แต่เธอก็ไม่แคร์ขอแค่จางกลับไปด้วยกันเป็นพอ"รอแฟนใหม่อยู่เหรอ เขาไม่มาหรอกอย่าหวังเลย"หลันหลันยิ้มเยาะ"ผมไม่ได้รอ และก็ไม่ได้หวังหรอกว่าต้นจะมา"จางมีสีหน้าที่ซึมลงกว่าเก่าอีก"คิดได้ก็ดี ได้เวลาแล้วไปกัน"หลันหลันลุกขึ้นยืน และแอบชำเลืองมองจาง"ฮือ"จางรับคำ และเขาก็ยังไม่อยากกลับอันเจียอยากอยู่ที่เชียงใหม่ต่อ แต่ในเมื่อต้นไม่สนใจเขา จางจำใจต้องจากไปพอรถมอเตอร์ไซค์จอด ต้นลงจากรถยืนนิ่งครุ่นคิด สักพักคิมโยอันก็ลงตาม ต่อจากนั้นก็เก็บหมวกกันน็อคทั้งสองใบไว้ที่หน้ารถ"เข้าไปข้างในกัน เดี๋ยวไม่ทันจาง"คิมพูดอย่างจริงใจ และหวังว่าทั้งสองจะปรับความเข้าใจกัน"คือ ต้น เอ่อ"ต้นอ้ำอึ่ง"ไปเหอะอย่าเสียเวลาเลย ทำตามใจที่เราต้องการ"ต้นยืนคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจไปหาจางี่ย เพราะอย่างน้อยจางก็ยังบอกเขาเมื่อจะกลับอันเจีย ถ้าเกิดจางยังจะกลับอันเจียหลังจากเจอเขา ต้นก็พร้อมที่จะปล่อยจางจากไปเช่นกันต้นและคิมเดินมาอย่างรวดเร็ว และหยุดวนรอบตัวเองมองหาจา
ต้นหนุ่มตกงานประจำรักคุด รีบเดินอย่างว่องไวเพื่อมาทำอาชีพเสริม เขายิ่งรีบเหมือนยิ่งช้าเพราะผู้คนเดินกันควักไข่ว ในบริเวณถนนคนเดินที่เชียงใหม่ ต้นใช้เวลาเดินทางราวสามสิบนาที ก็มาถึงร้านนวดฝ่าเท้าข้างทาง"มาเร็วเข้าประจำที่เลย ลูกค้านั่งรอเต็มไปหมดแล้ว" ป้าทองคำตะโกนเสียงดัง พร้อมกับจัดที่ให้ลูกค้า และต้นหมอนวดหนุ่มวัยยี่สิบสาม"ครับป้า"ต้นรีบนำกระเป๋าไปเก็บไว้และมานั่งประจำตำแหน่ง ซึ่งลูกค้าหนุ่มชาวอันเจียนั่งรออยู่"สวัสดีครับ"ต้นทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เขาพอพูดได้บ้างเพราะจบชั้น ม.6 มา ลูกค้าหนุ่มชาวอันเจียยิ้มให้ต้น และมองต้นนิ่งชั่วครู่ จนทำให้ต้นเริ่มรู้สึกเขินอาย"นวดกี่ชั่วโมงครับ"ต้นรีบถามเพราะจะได้เริ่มทำงาน" 1 ชั่วโมงครับ"เมื่อได้รับคำตอบแล้ว ต้นจึงจัดแจงนำผ้าชุ่มน้ำ บรรจงเช็ดเท้าอย่างช้าๆจนสะอาด หลังจากนั้นต้นก็ชะโลมน้ำมันนวดคลึงเบาๆบริเวณเท้าทั้งสองข้าง"นวดหนักๆหน่อย"หนุ่มอันเจียพูดขึ้น"ยังไม่ได้นวดครับ แค่เริ่มต้นชะโลมน้ำมันก่อน"ต้นฝืนยิ้มให้ลูกค้าแถมคิดในใจว่า โดนงานหินอีกแล้ว ถึงว่าทำไมป้าทองคำไม่นวดเองหลังจากชะโลมน้ำมันที่ฝ่ามือเสร็จ ต้นจึงเริ่มออกแรงห
ต้นมาทำงานนวดที่ร้านประจำ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเขาเท่าไรนัก เมื่อก่อนต้นทำแค่พอร์ทไท้แต่หลังจากตกงาน เขาจึงมาทำเต็มตัว ในความคิดของต้นคือมาทำเพื่อฆ่าเวลา พร้อมกับหางานประจำที่มั่นคงทำต่อร้านนวดที่ต้นมาทำมีแต่ผู้ชาย รุ่นไล่ๆกับเขา สาเหตุที่ร้านนวดนี้มีแต่ผู้ชาย เพราะเป็นร้านทางเลือกส่วนใหญ่ร้านนวดจะผสมกันไป ซึ่งจะมีผู้หญิงซะส่วนมาก มีผู้ชายน้อยและขาดตลาด เพราะลูกค้าบางครั้งอยากนวดหนักๆ ผู้หญิงแรงไม่ถึง บางคนไม่อยากนวดกับผู้หญิง เช่นเดียวกันบางคนไม่อยากนวดกับผู้ชาย คละเคล้ากันไปกัน หนุ่มใหญ่หมอนวดเก่า จึงมาเปิดร้านที่เป็นทางเลือก แต่เป็นร้านนวดจริงๆไม่อะไรแอบแฝง เป็นร้านขนาดกลางค่อนข้างไปทางเล็ก มีเพียงแค่สิบเตียง และหมอนวดหกคนแค่นั้น ถ้าลูกค้าเต็มก็เรียกหมอวิ่งมาเสริม เหมือนอย่างแต่ก่อนที่ต้นเคยทำต้นเดินเข้ามาในร้านก่อนเวลาพอสมควร เพราะร้านเปิดเก้าโมงเช้าปิดสองทุ่ม และเป็นเวรที่ต้นต้องเข้ามาช่วยจัดร้าน"หวัดดีพี่กัน"ต้นทักทายนายจ้างผู้ใจดี"มาก็ดีแล้วลูกค้ารออยู่"กันชี้ไปที่เตียงนวด ซึ่งมีหนุ่มโปเกียหุ่นดีนั่งอ่านหนังสือรออยู่"เร็วๆเข้าอย่าให้ลูกค้ารอนาน เดี๋ยวพี่จัดร้าน
ต้นมาทำงานนวดที่ร้านประจำ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเขาเท่าไรนัก เมื่อก่อนต้นทำแค่พาร์ทไทม์แต่หลังจากตกงาน เขาจึงมาทำเต็มตัว ในความคิดของต้นคือมาทำเพื่อฆ่าเวลา พร้อมกับหางานประจำที่มั่นคงทำต่อร้านนวดที่ต้นมาทำมีแต่ผู้ชาย รุ่นไล่ๆกับเขา สาเหตุที่ร้านนวดนี้มีแต่ผู้ชาย เพราะเป็นร้านทางเลือกส่วนใหญ่ร้านนวดจะผสมกันไป ซึ่งจะมีผู้หญิงซะส่วนมาก มีผู้ชายน้อยและขาดตลาด เพราะลูกค้าบางครั้งอยากนวดหนักๆ ผู้หญิงแรงไม่ถึง บางคนไม่อยากนวดกับผู้หญิง เช่นเดียวกันบางคนไม่อยากนวดกับผู้ชาย คละเคล้ากันไปกัน หนุ่มใหญ่หมอนวดเก่า จึงมาเปิดร้านที่เป็นทางเลือก แต่เป็นร้านนวดจริงๆไม่อะไรแอบแฝง เป็นร้านขนาดกลางค่อนข้างไปทางเล็ก มีเพียงแค่สิบเตียง และหมอนวดหกคนแค่นั้น ถ้าลูกค้าเต็มก็เรียกหมอวิ่งมาเสริม เหมือนอย่างแต่ก่อนที่ต้นเคยทำต้นเดินเข้ามาในร้านก่อนเวลาพอสมควร เพราะร้านเปิดเก้าโมงเช้าปิดสองทุ่ม และเป็นเวรที่ต้นต้องเข้ามาช่วยจัดร้าน"หวัดดีพี่กัน"ต้นทักทายนายจ้างผู้ใจดี"มาก็ดีแล้วลูกค้ารออยู่"กันชี้ไปที่เตียงนวด ซึ่งมีหนุ่มโปเกียหุ่นดีนั่งอ่านหนังสือรออยู่"เร็วๆเข้าอย่าให้ลูกค้ารอนาน เดี๋ยวพี่จัดร้านเอ
หลังแยกจากสองหนุ่มต่างเชื้อชาติ ต้นก็เข้ามาภายในห้องของเขา ที่ไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงพัดลมที่ทำให้คลายร้อนแค่นั้นต้นนั่งลงบนเตียง ที่มีเพียงหมอนหนุนและหมอนข้าง แต่ก่อนมีหมอนหนุนสองอัน พอปรัชญ์แฟนหนุ่มได้หนีจากไป ต้นจึงนำไปเก็บไว้ในตู้อย่างมิดชิด สายตาของต้นสอดส่ายทั่วห้อง และหยุดมองรูปของปรัชญ์แฟนหนุ่มที่เขายังไม่ได้เก็บ เพราะยังอยากเห็นใบหน้าของแฟนหนุ่มอยู่ ต้นจ้องมองดูอยู่ไม่นาน หลังจากนั้นจึงเดินไปนำรูปแฟนหนุ่ม ใส่ไว้ในลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งต้นทั้งรักทั้งเกลียดปรัชญ์ในระดับเดียวกัน รักมากจนยอมใช้หนี้ก้อนโตแทน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นแท่บหมดตัว ซึ่งเป็นจังหวะเดียว ที่โดนปลดจากร้านอาหารฝรั่ง เนื่องจากเศรษฐกิจฝืดเคืองรายได้ไม่เข้าเป้าต้นจึงเป็นหนึ่งตัวเลือก ที่โดนขอร้องให้ออกจากงาน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นหันมาเป็นหมอนวด เพราะได้เงินดีและได้ทุกวันส่วนปรัชญ์แฟนหนุ่มนั้น พอรู้ว่าต้นหมดตัว จึงหนีจากไปอย่างไม่บอกลาสักคำ จนทำให้ต้นนั้นสุดซ้ำใจอย่างหนัก แต่ต้นก็ใจแข็งตัดใจไม่ตามหา ต้นล้มตัวลงนอนคิดถึงอดีตที่แสนหวานกับปรัชญ์แฟนหนุ่ม ครั้งแรกที่เจอกันในร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งต้นกับริโอ้