แชร์

คนเคียงข้าง

พงศ์มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางความเศร้าเพียงลำพังมานานเกินพอ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง เพราะคลื่นเริ่มกระแทกเข้ามาแรงขึ้น

“คุณตะวัน กลับขึ้นฝั่งเถอะ เหมือนพายุกำลังจะมา” พงศ์เอ่ยด้วยความเป็นห่วง

ดวงตาที่ยังฉายชัดถึงความโศกเศร้าผินมามองเขา

“คนที่ยังอยู่ก็ต้องดูแลตัวเองนะครับ”

พงศ์เอ่ยเตือนสติ เพราะรู้สึกหวั่นใจ เมื่อเห็นว่าตะวันยังคงจมดิ่งอยู่ในความเศร้า อีกทั้งสีหน้าและแววตายังแสดงความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา

“อาพงศ์รู้จักใช่ไหม” น้ำเสียงแหบต่ำของตะวันถามขึ้น

พงศ์หน้าถอดสี ลังเลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดวงตาหรี่แคบ ตัดสินใจเปิดปากพูดแต่ไม่เต็มเสียงนัก

“ครับ เป็น...” น้ำเสียงเล็ดลอดออกมาแค่นั้นก็ต้องหยุดลง

“จะปกปิดไว้ทำไม บอกผมมา ผมจะไป...”

ตะวันแสดงอาการเดือดดาล แต่แล้วก็กลับชะงักทำท่าเหมือนข่มอารมณ์แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบขึ้น “อาพงศ์อย่ากลัว ผมแค่อยากรู้...”

“คุณตะวันครับ...” พงศ์กลืนความอึดอัด ไม่แน่ใจว่า ‘แค่อยากรู้’ ของชายหนุ่มมีความหมายเช่นไร

มือเรียวหนาที่เกาะกุมรั้วเหล็ก ยกขึ้นในลักษณะห้าม

“พอ...เพราะผมจะไม่ยอมให้มันอยู่อย่างเป็นสุขแน่ น้องชายผมทั้งคน”

พงศ์ก้มลงต่ำ ทำได้แค่ถอนหายใจ เก็บเอาคำพูดและความคิดไว้ในใจ ขอให้สิ่งที่ชายหนุ่มคิดจะทำ อย่าให้มันร้ายแรงเกินไป เพราะคนอย่างเขา ก็ทนดูความผิดพลาดของผู้ชายที่ตัวเองดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่ได้เช่นกัน

พงศ์กลืนน้ำลายลงคอ ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้น ผ่านเข้ามาในห้วงความคิด...ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและจบลงอย่างเจ็บปวด ยากที่จะเรียกทุกอย่างกลับคืนมาได้

ในวันที่ฟ้าไร้เมฆหมอก รถเก๋งคันหรูสีแดงใหม่เอี่ยมวิ่งเข้ามาจอดหน้ามุข ผ่านด่านยามหน้าตึกมา เพราะเจ้าของรถคุ้นเคยกับคนในบ้านนี้เป็นอย่างดี

จะไปไหนหรือครับคุณเตชินพงศ์ผู้หวังดีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเตชินคุณหนูของตนวิ่งออกจากตัวตึก จนต้องรีบก้าวยาวๆ ตามออกมาเพื่อให้ทัน

เตชินเดินลิ่วไม่ตอบ เพราะใจมุ่งไปยังรถที่เข้ามาจอดไม่ถึงเสี้ยวนาที

คุณเตชินครับ...” ครานี้พงศ์เรียกซ้ำ โดยสายตาสำรวจไปบนตัวชายหนุ่มที่แต่งตัวจัดเต็มกว่าวันไหนๆ ทั้งทรงผมที่เชตไว้ ใบหน้าที่เสริมบำรุงไว้บางเบา หากเพิ่มความน่ามองมากขึ้นไปอีก ซึ่งผิดวิสัยจากคนแต่งตัวง่ายๆ ไม่เสียเวลามาจัดแต่งตัวอย่างเช่นวันนี้ และหากมีธุระข้างนอก จะเรียกใช้ตนเองเสมอ

วันนี้ผมจะออกไปเที่ยวกับน้ำเหนือนะครับเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกในที่สุด

ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ เพราะไม่เคยออกไปไหนห่างสายตานอกจากไปมหาวิทยาลัย พงศ์จึงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ยิ่งเห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนนอกจากน้ำเหนือ พงศ์ก็ยิ่งห่วงหนัก

สวัสดีครับ พี่ชายน้ำเหนือเองครับ

น้ำเหนือเปิดประตูออกมา แล้วทักทายผู้สูงวัยกว่า พร้อมกับแนะนำคนขับรถซึ่งก็คือพายุ ที่รับอาสาพาออกไปข้างนอกเอง

พงศ์รับไหว้แล้วมองคนด้านในรถอีกครั้ง ครานี้พายุเปิดประตูลงมาแล้วยกมือไหว้เป็นมารยาท

สวัสดีครับ ผมพายุพี่ชายน้ำเหนือครับ พายุแนะนำตัว

พงศ์ยิ้มบางๆ ตอบรับ

ไปนะครับ อาพงศ์ไม่ต้องน้อยใจ ไว้รอบหน้า ผมจะใช้บริการรถอาพงศ์แน่นอนนะครับ

ใบหน้าคนบอกเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งพงศ์ไม่กล้าขัด เมื่อคุณหนูมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ซึ่งมันดีกว่าให้นั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองยามอยู่เพียงลำพังอย่างเหงาๆ

ก่อนจะหันมองสองพี่น้องที่ดูแลเตชินเป็นอย่างดี โดยพายุกุลีกุจอเดินอ้อมมาเปิดปิดประตูรถให้ ซึ่งก็ทำหน้าที่แทนพงศ์ก็ว่าได้

พงศ์ยอมรับว่าน้ำเหนือนิสัยดี สงบเสงี่ยมให้เกียรติคนอื่น ซึ่งนั่นทำให้คนอย่างเขารักและเอ็นดู หากแต่ผู้ชายอีกคนที่ดูสำอางแต่งตัวเนี้ยบไม่มีที่ติ แถมมีสายตากรุ้มกริ่มเวลามองเตชิน มันทำให้คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างพงศ์ ตะขิดตะขวงใจ

แม้ไม่อยากคิดอคติ แต่สายตาของผู้ชายที่มองผู้ชายด้วยกันมันมองออก ว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไรกับคนของตน...

...หากวันนั้นไม่ใจอ่อนปล่อยไปเพราะคิดว่าเป็นเรื่องหนุ่มๆ คงจะไม่เลยเถิดจนเกิดเป็นเรื่องเศร้าอยู่ในตอนนี้...

“เป็นพี่ชายคุณน้ำเหนือเพื่อนสนิทของคุณเตชินครับ” ในเมื่อมาถึงจุดนี้ พงศ์จึงตัดสินใจบอกเล่าความจริง...

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status