เมื่อหลายปีก่อน ‘ตะวัน’ เห็น ‘น้ำเหนือ’ แค่เพียงไกลๆ แต่แค่นั้นเขาก็รู้สึกประทับใจขึ้นมาในทันที แต่เมื่อได้มาพบกันอีกครั้ง เหตุการณ์ทุกอย่างกลับพลิกผัน เด็กหนุ่มในวันนั้น กลับกลายมาเป็นศัตรูที่เขาอยากฆ่าให้ตายคามือ เพราะคิดว่าเป็นตัวการอีกคน ที่ทำให้น้องชายเขาต้องมาจบชีวิต...
‘นายเหมือนทองคำที่บริสุทธิ์ แต่กลับห่อหุ้มด้วยยาพิษ และฉันจะทำลายนายทิ้ง’
‘น้ำเหนือ’ ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แต่กลับกลายมาเป็นเครื่องมือให้ ‘ตะวัน’ แก้แค้นให้น้องชายตัวเอง เพื่อเอาคืน ‘พายุ’ ที่เป็นต้นเหตุให้ ‘เตชิน’ ฆ่าตัวตาย
‘ตะวัน’ ไม่คิดว่ากวางน้อยที่เขาข่มเหงจะหลุดไปได้ หนึ่งปีต่อมา กลับพบว่า ความทรงจำส่วนหนึ่งของน้ำเหนือที่มีต่อเขาได้หายไป...
ตะวันจะทำเช่นไรเมื่อสิทธิ์ของเขา กำลังถูกเพิกเฉย และทุกอย่างที่อยู่ในใจของ ‘ตะวัน’ ผู้จริงจังกับชีวิต จะได้รับการแก้ไขด้วยวิธีแบบใด แล้ว ‘น้ำเหนือ’ จะฟื้นความทรงจำส่วนหนึ่งที่หายไปกลับมาได้ไหม หรือจะปล่อยให้เรื่องราวในอดีตกลายเป็นเพียงฝันร้าย แล้วเริ่มต้นเรื่องราวดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
กระนั้นหากความทรงจำของน้ำเหนือกลับมา แล้วจะยอมมองหน้าคนที่ทำลายอนาคตตัวเองได้หรือไม่ ต้องไปลุ้นกัน...
ตะวันฉายแสง
ท้องทะเลสีฟ้าคราม ซึ่งมีสปีดโบตลอยลำอยู่นานหลายชั่วโมงโดยไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนกลับเข้าฝั่ง ทั้งที่คลื่นทะเลลูกแล้วลูกเล่าปะทะเข้ากับลำเรือ คล้ายกำลังคลุ้มคลั่ง หากแต่คนบนเรือไม่ได้สะทกสะท้าน
ดวงตาคมดุเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและมุ่งหวังจ้องนิ่งอยู่บนผิวน้ำเบื้องหน้าเสมือนให้เป็นสักขีพยานกับความคิดของเขา และเมื่อไหร่ที่มีโอกาส เขาจะไม่รอช้ากับคนพวกนั้น...
‘ใครทำ มันจะต้องชดใช้!’
สายตาคมกล้าค่อยๆ อ่อนแสง เขาหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาผ่านความมืดที่กำลังปกคลุมไปทั่วพื้นน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา เถ้ากระดูกที่โปรยปลิวหายไปเหลือไว้แค่สายลมว่างเปล่า...
ระลอกคลื่นน้อยใหญ่ปะทะลำเรือแตกกระเซ็นเป็นฟองฝอยกระเด็นมากระทบผิวกายจนเปียกชื้นหากแต่เจ้าของเรือนกายสูงหนากลับไม่แสดงท่าทีหนาวสั่น จนกระทั่งความมืดกระจายไปทั่วท้องฟ้า แต่จิตใจของคนที่อยู่บนเรือกลับดูมืดมิดยิ่งกว่า...
ตะวัน ธงชัยสิทธิ์ นักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จในการบริหารงาน ที่รับช่วงต่อมาจากผู้บังเกิดเกล้าจนได้เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยวัยเพียงยี่สิบแปดปี รูปร่างหน้าตาโดดเด่น คิ้วหนาเป็นแพ ตาคมลึกสองชั้นหลบใน หางตาเฉียงยกสูง ดูฉลาดแต่หยิ่ง จมูกโด่ง ริมฝีปากทรงกระจับ รับกับรูปหน้าคมเข้ม ซึ่งพวกนักธุรกิจด้วยกัน มักไม่กล้าต่อกร...
“พี่ขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ แต่ยังไงพี่จะให้มันชดใช้ให้สาสม...” เจ้าของใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มสั่นและขาดห้วง “พ่อครับแม่ครับ ผมมาส่งน้องคืนแล้วนะครับ ผมขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้...” น้ำเสียงสั่นสะท้านพยายามเปล่งออกมาจนสุดประโยค พร้อมกับกลืนก้อนแข็งๆ ที่อัดหน่วงขึ้นมาจุกที่หน้าอกลงท้องดังเดิม
มือหนาจับขอบลำเรือไว้แน่น แน่นจนเส้นเลือดปูดโปนจนเห็นได้ชัด หากแต่เพียงครู่แววตากลับลุกโชนด้วยไฟอาฆาต ก่อนจะหยุดนิ่งกักเก็บอารมณ์เพื่อไว้อาลัยกับสิ่งที่ตนเพิ่งเอ่ยออกไปและเป็นอย่างนั้นซ้ำๆ เหมือนคนกำลังสับสนหาทางออกไม่เจอ
ตะวันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสิบสามปีก่อน ที่แห่งนี้ในเหตุการณ์แบบเดียวกัน
...นั่นคือวันที่ตัวเองต้องกอดคอกันร้องไห้กับน้องชาย โดยพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุพร้อมกัน
‘พี่จะเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งและจะดูแลเตชินแทนพ่อแม่ให้ดีที่สุด พี่สัญญา’ เสียงทุ้มแหบเอ่ยบอก พร้อมกระชับโอบไหล่ที่กำลังสั่นไหวของน้องชายไว้แน่น
ภาพนั้นปรากฏขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง สายตาเหม่อมองออกไปในท้องทะเลกว้างอย่างไร้จุดหมายระลึกถึงเรื่องในอดีตอย่างอดไม่ได้
หนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มยังมีคราบน้ำตาเกาะอยู่บนใบหน้า ละสายตาจากน้ำทะเลสีคราม แล้วเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย กระชับวงแขนเล็กโอบกอดเอวสอบไว้ ‘จริงนะ พี่จะอยู่กับผมไม่ไปไหน...’ แววตาหวั่นมองมาอย่างรอคอยคำตอบ
‘จริงสิ...ก็พี่มีเตชินอยู่คนเดียว ไม่ดูแลเตชินแล้วจะให้ดูแลใคร’ พี่ชายวัยสิบห้าปีก้มลงเอ่ยบอกน้องชายวัยสิบขวบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม
คำพูดและคำสัญญาของสองพี่น้องที่อายุห่างกันหลายปีเรียกน้ำตาของพงศ์ ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดวัยสามสิบปีผู้ที่ให้การดูแลเด็กทั้งสองมานาน
‘คุณหนูครับ กลับบ้านกันเถอะ แดดเริ่มร้อนแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย’ พงศ์เป็นรุ่นน้องบิดาของเด็กทั้งสองยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังบอกด้วยความเป็นห่วง
เด็กหนุ่มเอียงหน้าชำเลืองมองท้องฟ้า และสัมผัสได้กับแสงอาทิตย์ร้อนแรงที่สาดส่องลงมา
สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างลังเล ก่อนจะหันกลับไปมองท้องทะเลกว้าง มันยากที่เด็กทั้งสองจะทำใจได้ ความห่วงหาอาวรณ์ ทำให้น้ำตาที่เหือดแห้งไปก่อนหน้านั้น แข่งกันไหลทะลักออกมาอีกด้วยความอาลัยหา
‘พ่อครับแม่ครับ ผมกับน้องต้องไปก่อนนะครับ...ขอให้พ่อแม่ดูแลผมกับน้องอยู่บนสวรรค์ด้วยนะครับ’
น้ำเสียงเครือสะอื้นกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะประคองกอดน้องชายเข้าด้านในลำเรือ
เมื่อถึงเวลา ก็ต้องจำใจปล่อยความเศร้าโศกสูญเสียเอาไว้เบื้องหลัง...
‘คุณหนูรีบเรียนให้จบนะครับจะได้มาช่วยดูแลบริหารงานแทนคุณพ่อ’
คนที่รับหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสองอย่างอาพงศ์บอกกล่าวด้วยความห่วงใย
เขาไม่มีประวัติเกเรเหลวไหล ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือการใช้ชีวิต เขารู้ว่าอาพงศ์แค่อยากจะย้ำเตือนให้รู้ถึงภาระหน้าที่ในการสานต่อธุรกิจที่พ่อสร้างไว้ให้ครอบครัว
แม้พงศ์จะไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่ความมีน้ำใจของ ตรีเทพ ธงชัยสิทธิ์ ในวัยหนุ่มที่ช่วยเหลือตนเองเอาไว้จากการถูกคู่อริรุมทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้มีที่อยู่ที่กินจนทุกวันนี้ บุญคุณทั้งหมดเขาเองจะตอบแทนไปจนตายจากกัน...
พงศ์มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางความเศร้าเพียงลำพังมานานเกินพอ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง เพราะคลื่นเริ่มกระแทกเข้ามาแรงขึ้น“คุณตะวัน กลับขึ้นฝั่งเถอะ เหมือนพายุกำลังจะมา” พงศ์เอ่ยด้วยความเป็นห่วงดวงตาที่ยังฉายชัดถึงความโศกเศร้าผินมามองเขา“คนที่ยังอยู่ก็ต้องดูแลตัวเองนะครับ”พงศ์เอ่ยเตือนสติ เพราะรู้สึกหวั่นใจ เมื่อเห็นว่าตะวันยังคงจมดิ่งอยู่ในความเศร้า อีกทั้งสีหน้าและแววตายังแสดงความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา“อาพงศ์รู้จักใช่ไหม” น้ำเสียงแหบต่ำของตะวันถามขึ้นพงศ์หน้าถอดสี ลังเลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดวงตาหรี่แคบ ตัดสินใจเปิดปากพูดแต่ไม่เต็มเสียงนัก“ครับ เป็น...” น้ำเสียงเล็ดลอดออกมาแค่นั้นก็ต้องหยุดลง“จะปกปิดไว้ทำไม บอกผมมา ผมจะไป...”ตะวันแสดงอาการเดือดดาล แต่แล้วก็กลับชะงักทำท่าเหมือนข่มอารมณ์แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบขึ้น “อาพงศ์อย่ากลัว ผมแค่อยากรู้...”“คุณตะวันครับ...” พงศ์กลืนความอึดอัด ไม่แน่ใจว่า ‘แค่อยากรู้’ ของชายหนุ่มมีความหมายเช่นไรมือเรียวหนาที่เกาะกุมรั้วเหล็ก ยกขึ้นในลักษณะห้าม“พอ...เพราะผมจะไม่ยอมให้มันอยู่อย่างเป็นสุขแน่ น้องชายผมทั้งคน”พงศ์
สองปีก่อน...หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง...เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตา ในชุดนักศึกษาปีหนึ่ง ยืนอยู่จุดเดิมประจำ โดยประกายตาไร้เดียงสา จับจ้องอยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยม ซึ่งมีรอยยิ้มแต้มอยู่ตลอดเวลาอย่างกับว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือนั้นกำลังพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเขา‘ถึงแล้วนะ’ ข้อความสุดท้ายผ่านสายตาน้ำเหนือ ก่อนจะยิ้มให้กับข้อความอีกครั้ง แล้วปิดเก็บเจ้าเครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ล่าสุดเข้ากระเป๋าคนยืนรอยังไม่ทันขยับไปไหน รถคันหรูก็จอดเทียบริมทางเท้า ก่อนที่เพื่อนใหม่จะก้าวลงจากรถ“วันนี้มาสายนะ”น้ำเหนือที่ยืนรออยู่ก่อนเย้าขึ้น อีกฝ่ายส่งยิ้มแล้วตอบกลับ“ก็อาพงศ์สิ...เก็บไฟแดงทุกรอบเลย” พูดด้วยสีหน้ากระเง้ากระงอดขณะชม้ายตามองไปยังคนขับรถคนสนิทในขณะที่พงศ์ลดกระจกแล้วยิ้มกว้าง ไม่ถือสากับคำพูดของเตชินเพราะรู้ว่าเป็นเพียงการหยอกเย้า“สวัสดีครับอาพงศ์...” น้ำเหนือยกมือไหว้ทักทายผู้มีวัยสูงกว่าอย่างมีมารยาทอาพงศ์ยกมือรับไหว้พร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเต็มใบหน้า“ผมล้อเล่นนะครับ เตชินไม่ได้มาสายหรอก แต่วันนี้พี่ชายผมมาส่ง เลยถึงไวหน่อยครับ” เสียงทุ้มนุ่มรีบบอก พงศ์ยิ้มกว้าง“งั้นไปกันเถอะ...” เตชินเอ่ยชว
รถเบนซ์สีดำคันใหม่เอี่ยมแล่นหายไปจากถนนสายหลัก น้ำเหนือหันมาสนใจหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือ เพื่อค้นหาชื่อพี่ชายตัวดี...นัดไม่เคยเป็นนัด ในใจก็ค่อนขอดพี่ชาย นิ้วก็ไม่เป็นใจ กดผิดกดถูก พอใจหงุดหงิดสมาธิก็หาย ครั้นพอนิ้วสัมผัสปุ่มชื่อ เสียงกระแอมไอก็ดังมาจากด้านหลังแม้จำน้ำเสียงได้แต่น้ำเหนือก็อดสะดุ้งไม่ได้ เพราะดังมาแบบไม่ทันตั้งตัว“พี่พายุ ตกใจหมดเลย...” บ่นใส่พี่ชายตาก็จิกมองหน้าง้ำ“ขวัญอ่อนไปได้”พี่ชายผู้เพียบพร้อมไปทั้งหน้าตาและรูปร่างเอ่ยแซวพร้อมฉีกยิ้มให้น้องชาย“ขวัญไม่อ่อนหรอกครับ แต่คิดว่าพี่แกล้งให้ผมรอ แล้วตัวเองก็หนีกลับไป” เสียงเง้างอดตัดพ้อคนตรงหน้าคนโดนตัดพ้อยักไหล่แล้วยิ้มกว้าง “กลับพรุ่งนี้”เมื่อได้คำตอบ คนฟังก็ถอนหายใจ “ยังไม่หายคิดถึงเลย...” น้ำเสียงและสีหน้ายังคงตัดพ้อต่อไป “แล้วนี่มาไวหน่อยก็ไม่ได้ จะแนะนำเพื่อนให้รู้จัก”“เหรอ ไหนละ?” แล้วทำทีมองไปรอบๆ“กลับไปแล้ว”“อ้าว เสียดายจัง ว่าแต่เพื่อนแน่นะ”“แน่สิครับ”“แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” พี่ชายทำตาโตถามกลับ“แล้วพี่สนใจผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่ากันล่ะครับ”คนโดนย้อนถามอย่างพายุถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ก่อนจะตอบไปต
ร้านประจำที่ว่าก็คือร้านเบเกอรีกึ่งคาเฟ่ร้านดังร้านหนึ่ง เป็นร้านที่ตกแต่งไว้ให้ลูกค้าเข้ามาถ่ายรูปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือน้ำเหนือผู้ชอบกินของหวานและรักการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ“ร้านประจำของเราไง” ริมฝีปากหยักคลี่ขยาย มองน้องชายคนเดียวด้วยความเอ็นดู“ดีเลย” ว่าแล้วก็ตบไปที่หน้าท้องแบนๆ ของตัวเอง และนั่งลงรัดเข็มขัดนิรภัยเตรียมพร้อม โดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าครั้งนี้ คือการเอาใจเพื่อหวังผลของพี่ชาย...เมื่อถึงร้านประจำ พายุมองหาโต๊ะที่แยกเป็นส่วนตัวเล็กน้อย เมื่อได้ที่นั่งเหมาะ น้ำเหนือก็เป็นคนจัดการสั่งขนมหวานให้ตัวเองและพี่ชาย ระหว่างที่รอพนักงานมาเสิร์ฟ น้ำเหนือก็หยิบมือถือออกมากดดู ครั้นเมื่อเปิดหน้าจอมือถือก็มีเสียงข้อความไลน์เด้งรัวๆ เข้ามาจนทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามชำเลืองดู และอดเย้าแหย่ไม่ได้“รัวมาแบบนี้แฟนชัวร์”“เพื่อนครับ คนนี้แหละที่ผมจะแนะนำให้พี่รู้จัก” น้ำเหนือมีประกายตาจริงจังเมื่อเอ่ยถึงเพื่อนคนสำคัญ“ผู้ชาย”“ครับ เพื่อนคนแรกที่เข้ามหา’ลัยวันแรก ต่างคนต่างไม่มีเพื่อนเลยคลิกหากันง่าย ตอนนี้เตชินติดผมเป็นตังเมเลยครับ” ขณะที่เอ่ยถึงเพื่อนใบหน้าน้องชายดูสดใสมาก“คงจะติดจริง น
ณ บ้านวิสิฐกุลในห้องนอนที่กำลังกลายเป็นไฟ โดยเจ้าของห้องพาร่างที่กำลังมึนเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มโดยมีร่างนุ่มนิ่มล้มทาบทับลงมา“เบาๆ สิคร้า...” เสียงนุ่มลากยานเอ่ยปราม เมื่อมือเจ้าของห้องขย้ำบั้นท้ายลูบไล้ฝ่ามือสอดแทรกเข้าด้านในเสื้อรัดรูปตัวบางอย่างกระหายสัมผัสเนื้อแท้“อื้อ...” เสียงคล้ายรำคาญดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนา เมื่อมืออีกฝ่ายจับมือซุกซนของเขาไว้เสียงหวานกระเส่าเอ่ยบอก ก่อนจะก้มลงไป ใช้ริมฝีปากปรนเปรอให้อย่างรู้หน้าที่“อืม...” เสียงทุ้มดังพอใจ แล้วปลุกปลอบตอบรับกันอย่างดูดดื่มเหมือนของคุ้นเคยที่ห่างหายกันมานานแรมปี“อื้อ อย่ารีบสิคะ” เสียงหวานของสาวสวยร่างสมส่วนร้องห้ามเมื่อมือหนาพยายามดึงรั้งเสื้อผ้าบางๆ ของเธอออกอย่างรวดเร็ว จนกลัวว่ามันจะฉีกขาดติดมือเขาไปเสียก่อน“ผมจะไม่ไหวแล้วนะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกทั้งที่เปลือกตาเกือบปรือมองไม่ไหว แต่ความต้องการของคนหนุ่มกำลังลุกโชนอย่างหนัก เขาทนรอตั้งแต่อยู่ในรถและตอนนี้เมื่อถึงที่หมายเขาไม่อยากรอช้าอีกต่อ“อือ รอก่อน เดี๋ยวจัดให้นะคะ” เธอกระซิบข้างติ่งหูขาวสะอาด ก่อนจะกัดเบาๆ อย่างหยอกเอินพายุสะดุ้งขนชี้ชัน
ร่างบางสะดุ้ง หากแต่ไม่มีความเจ็บปวด “อืออ...” ขวัญข้าวส่งเสียงครางบ่งบอกถึงความพอใจ ครั้นเมื่อชายหนุ่มขยับขับทำนองเข้าออกอย่างเนิบช้าเป็นจังหวะ ริมฝีปากบางก็ครางกระเส่าเสียวซ่านรัญจวนใจ ในบทพิศวาสเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา...ความกำหนัดบวกกับแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในเส้นเลือด ความร้อนแรงจึงมีตามมา แรงส่งกระแทกเข้าหากลางลำตัว จนคนใต้ร่างสะเทือนไหวไปตามจังหวะหากแต่พร้อมรับโดยไม่มีถอยจนการเดินทางกำลังถึงฝั่ง สติที่ยังมีอยู่น้อยนิดรีบผละจากร่างบาง โน้มตัวผ่านข้าม เพื่อควานหาสิ่งป้องกันในลิ้นชักหัวเตียงเมื่อทุกอย่างถูกต้องเข้าที่ พายุเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก่อนจะเพิ่มความแรงกระแทกถี่ยิบ เตือนให้อีกคนรู้ว่า เขาใกล้แล้ว และไม่กี่อึดใจเขาก็กระตุกเกร็งสองสามครั้ง และคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็งตามมาเช่นกันพอคลื่นทะเลแตกฟองจนพร่าพราวความสงบนิ่งจึงเข้ามาเยือน ห้องนอนที่เมื่อครู่ยังมีเสียงครวญครางดังกระหึ่มก็เงียบลงพร้อมคนบนร่างฟุบหน้าซบกับอกนุ่มหยุ่นที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะพลิกลงนอนข้างกายและดึงสิ่งป้องกันออก แล้วเหวี่ยงทิ้งไปอย่างไม่สนใจว่ามันจะไปตกที่ใด...ลมหายใจหอบรัวเหมือนคนวิ่งออกกำลังตอนรุ่ง
เสียงพูดทำให้คนที่นอนอยู่เริ่มขยับตัวและออกอาการหงุดหงิด ตามนิสัยที่มีติดตัวอยู่เสมอ“อื้อ หนวกหู...คนจะนอน” เจ้าของร่างอวบอั๋นไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ ขยับกายส่งเสียงดังรำคาญ สองมือก็พยายามควานหาผ้าห่มที่ถูกดึงไปเมื่อครู่กลับมาห่มให้เข้าที่อีกครั้ง โดยไม่คิดสนใจหรือลืมตาขึ้นมาดูน้ำเหนือที่ยืนมองอยู่ตลอดเวลาซัดสายตามองหญิงสาวที่พี่ชายหิ้วมานอนด้วย แล้วหันมาที่พี่ชาย“ผมให้เวลาพี่สิบนาที” แล้วก็เดินออกจากห้องไปเมื่อทางเลือกมีไม่มาก พายุจึงรีบหันไปปลุกคนหลับ“ขวัญข้าวตื่น”“อือ...อะ...อะรายย คนจะนอน...” เสียงลากยาน พร้อมกับขยับเปลี่ยนท่าอย่างรำคาญ“ลุกขึ้น เดี๋ยวนี้เลย” เสียงเข้มสั่งย้ำ พร้อมเขย่าคนหลับให้ตื่น เพื่อไปแต่งตัว“อือ ยังไม่อยากตื่น...ขอนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมงนะ” ว่าแล้วก็ซุกตัวไปใต้ผ้าห่ม แต่มือหนากำแขนเรียวไว้แน่น จนขวัญข้าวรู้สึกเจ็บ“เจ็บ จะหวงที่นอนอะไรนักหนาเนี่ย” เธอต่อว่า ส่วนความง่วงก็หายเป็นปลิดทิ้ง แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งหน้าตึงมองคนทำ“ลุกไปแต่งตัว ผมจะออกไปข้างนอก”“ออกก็ออกไปสิ ขอนอนต่อจนคุณกลับมาไม่ได้หรือไง”“ไม่ได้ ลุกไปแต่งตัว” น้ำเสียงเขาเด็ดขาด แบบไร้ข้อต่อรอง“ก็ไ
“อย่าเรียกว่าร้ายสิ ต้องเรียกว่ารู้ไส้รู้พุงกันดีต่างหาก”แววตาฉายแววร้ายกาจของขวัญข้าวที่ซ่อนอยู่ภายใน แผ่ออกมาโดยที่พายุไม่มีวันได้เห็นและไม่มีทางได้รู้เลย...ร่างสมส่วนขยับโอบกระชับร่างหนาที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิมพร้อมกับกระซิบบอกเบาๆ ข้างหู“ไม่เอาสิที่รัก...อย่าคิดมากเลยนะคะ” อกอวบเข้าเบียดแขนแกร่ง โดยจงใจให้พายุหันมาสนใจตน หากแต่ผิดถนัดเมื่อใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับหันมาส่งสายตาดุใส่และส่งคำพูดเสียดแทงใจ...“ขอโทษนะครับ อย่าเรียกแบบนี้อีก แล้วก็ออกไปจากบ้านผมได้แล้ว” พายุเอ่ยอย่างไม่ไยดี ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป จนคนที่ตระกองกอดเซเสียหลัก“เชอะ...อย่าหวังว่าข้าวจะปล่อยคุณไปง่ายๆ นะคะ”ขวัญข้าวมาดหมายไล่หลังด้วยความขัดใจ ก่อนจะกระแทกก้นลงนั่งโดยไม่คิดจะออกไปก่อน ทั้งที่เจ้าของบ้านเอ่ยปากไล่แล้วก็ตามผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่พายุใช้เวลาในห้องน้ำคิดแต่เรื่องของตัวเองที่ทำผิดคำสัญญาไว้กับเตชินแม้จะผ่านผู้หญิงและผู้ชายมามากหน้าหลายตา แต่ก็อยากหยุดอยู่แค่เตชินเพียงคนเดียวที่จะคบและจริงจังด้วย แต่ทุกอย่างจะพังหรือไม่นั้น ต้องรอดูว่าเรื่องจะไปทิศทางใด...พายุเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว