แชร์

อุ่นไอรัก

รถเบนซ์สีดำคันใหม่เอี่ยมแล่นหายไปจากถนนสายหลัก น้ำเหนือหันมาสนใจหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือ เพื่อค้นหาชื่อพี่ชายตัวดี

...นัดไม่เคยเป็นนัด ในใจก็ค่อนขอดพี่ชาย นิ้วก็ไม่เป็นใจ กดผิดกดถูก พอใจหงุดหงิดสมาธิก็หาย ครั้นพอนิ้วสัมผัสปุ่มชื่อ เสียงกระแอมไอก็ดังมาจากด้านหลัง

แม้จำน้ำเสียงได้แต่น้ำเหนือก็อดสะดุ้งไม่ได้ เพราะดังมาแบบไม่ทันตั้งตัว

“พี่พายุ ตกใจหมดเลย...” บ่นใส่พี่ชายตาก็จิกมองหน้าง้ำ

“ขวัญอ่อนไปได้”

พี่ชายผู้เพียบพร้อมไปทั้งหน้าตาและรูปร่างเอ่ยแซวพร้อมฉีกยิ้มให้น้องชาย

“ขวัญไม่อ่อนหรอกครับ แต่คิดว่าพี่แกล้งให้ผมรอ แล้วตัวเองก็หนีกลับไป” เสียงเง้างอดตัดพ้อคนตรงหน้า

คนโดนตัดพ้อยักไหล่แล้วยิ้มกว้าง “กลับพรุ่งนี้”

เมื่อได้คำตอบ คนฟังก็ถอนหายใจ “ยังไม่หายคิดถึงเลย...” น้ำเสียงและสีหน้ายังคงตัดพ้อต่อไป “แล้วนี่มาไวหน่อยก็ไม่ได้ จะแนะนำเพื่อนให้รู้จัก”

“เหรอ ไหนละ?” แล้วทำทีมองไปรอบๆ

“กลับไปแล้ว”

“อ้าว เสียดายจัง ว่าแต่เพื่อนแน่นะ”

“แน่สิครับ”

“แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” พี่ชายทำตาโตถามกลับ

“แล้วพี่สนใจผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่ากันล่ะครับ”

คนโดนย้อนถามอย่างพายุถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ก่อนจะตอบไปตามความรู้สึกจริงๆ

“ถ้าใจบอกว่าคนนั้นใช่ เพศก็ไม่สำคัญหรอก”

คำตอบของพายุทำให้น้ำเหนือรู้สึกดีขึ้น จนเผลอยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไร อย่าบอกนะว่ามีแฟนแล้ว ไม่ดีนะ ถ้ามีแฟนก่อนพี่น่ะ”

คำเย้าแหย่ของพี่ชายทำให้น้ำเหนือหน้าเห่อร้อน กลายเป็นสีเรื่อ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ชายพูด

“ใครบอกพี่ ผมยังไม่มีแฟนซะหน่อย...” เจ้าของแก้มเรื่อถลึงตาใส่ “แต่ไม่แน่ หากพี่ยังลอยชายไปลอยชายมาแบบนี้ บางทีผมอาจจะมีแฟนก่อนพี่ก็ได้”

“เอ้า จริงดิ...แต่พี่ไม่กลัวหรอก เพราะพี่มีหมายตาไว้แล้วแหละ”

น้ำเสียงกลั้วหัวเราะเอ่ยบอกน้องชายเหมือนต้องการเอาชนะ แต่น้ำเหนือมองด้วยสายตาเป็นคำถามในทำนองว่า...

น้องคนนี้ไม่เชื่อหรอกหากไม่เห็นกับตา ถึงหลายปีมานี้พี่ชายจะทิ้งลายไปเยอะแล้ว แม้แต่คนวัวเคยขาม้าเคยขี่ก็ยังทิ้งห่าง เพราะพี่ชายไม่ใส่ใจความรู้สึกของใครอย่างจริงจัง จึงไม่ค่อยมีใครกล้ากลับมาวอแวซ้ำ

“ไม่เชื่ออะดิ”

พายุรู้ถึงความคิดน้องชาย ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ศีรษะเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว ระคนเอ็นดู “ปะ วันนี้พี่เลี้ยงไอติม”

สุ้มเสียงและสีหน้าแสดงถึงอารมณ์ในตอนนี้ น้องชายจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะพี่ไม่ถือสาอะไรทั้งนั้น

“อ๊ะ เนี่ยทำดีแบบนี้ต้องมีอะไรแน่...อีกอย่างผมไม่เอา ไม่กินไอติม” น้ำเหนือปฏิเสธในระหว่างถูกลากให้เดินไปยังรถที่จอดอยู่

เท้าที่ก้าวอยู่หยุดเดิน “อ้าว ทำไม เมื่อก่อนเห็นอ้อนให้พาไปกินทุกครั้งนี่”

“เหนือโตแล้ว” น้ำเหนือตอบเต็มเสียง แต่พี่ชายทำหน้าไม่เชื่อพร้อมกับพูดขึ้น

“เอาตรงไหนมาโต เนี่ย ยังตัวเท่ากะเปี๊ยกอยู่เลย” แล้วหรี่ตามองสำรวจไปบนตัวน้องชาย

ในสายตาพายุ น้ำเหนือก็ยังเป็นเด็กเสมอ...

“ชิ” คนโดนว่าตัวเท่า ‘กะเปี๊ยก’ ทำเสียงขึ้นจมูก

“เอ๊ะ หรือว่าโตแล้ว...” ครานี้ทำท่าล้อเลียนสำรวจน้องชายตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่อีกครั้ง

“แน่นอน ผมโตแล้ว”

พี่ชายก้มมองคนที่บอกว่าโตแล้ว และกำลังทำท่ายืดอกตอบอย่างมั่นใจ

“พี่จะหวงคนโตแล้วดีไหม หรือไม่งั้นก็เตรียมตัวจีบแฟน...แข่งกับพี่ดิ”

“ไม่ ผมไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น เอ๊ะ หรือว่าพี่มีใครแล้วจริงๆ ใคร...ที่ไหน ถ้าพี่จะจีบนะ พี่ต้องพามาให้เหนือรู้จักก่อน จะได้ช่วยดูให้”

“เชอะ...งั้นพี่ต้องยิ่งเก็บเป็นความลับ” บอกแล้วรีบจ้ำอ้าวไปยังรถที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

“อ้าว พี่พายุ” น้ำเหนือโอดครวญ มองเจ้าของร่างสมส่วนที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ แทรกตัวนั่งประจำที่คนขับ

“จะไปไม่ไป ไม่งั้นไม่รอแล้วนะ” เสียงทุ้มตะโกนออกมา พร้อมยิ้มกริ่ม

เพราะในหัวของพายุตอนนี้ มีแต่ภาพชายหนุ่มในชุดนักศึกษา หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างแลบางไม่ต่างจากน้ำเหนือ

เด็กสมัยนี้เขารักษาหุ่นกันหรือไง...บ่นแล้วก็อมยิ้มประหนึ่งคนเจอของถูกใจ

แม้เห็นแค่ระยะไกล แต่ก็ทำให้หัวใจเต้นแรง เรียกต่อมเพลย์บอยให้อยากออกมาทำงานอีกครั้ง...

“ตกลงพี่พายุจะพาผมกลับบ้านหรือไปต่อที่ร้านประจำครับ”

ร้านประจำที่ว่าก็คือร้านเบเกอรีกึ่งคาเฟ่ร้านดังร้านหนึ่ง เป็นร้านที่ตกแต่งไว้ให้ลูกค้าเข้ามาถ่ายรูปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือน้ำเหนือผู้ชอบกินของหวานและรักการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status