แชร์

ผูกพัน

สองปีก่อน...

หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง...เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตา ในชุดนักศึกษาปีหนึ่ง ยืนอยู่จุดเดิมประจำ โดยประกายตาไร้เดียงสา จับจ้องอยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยม ซึ่งมีรอยยิ้มแต้มอยู่ตลอดเวลาอย่างกับว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือนั้นกำลังพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเขา

‘ถึงแล้วนะ’ ข้อความสุดท้ายผ่านสายตาน้ำเหนือ ก่อนจะยิ้มให้กับข้อความอีกครั้ง แล้วปิดเก็บเจ้าเครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ล่าสุดเข้ากระเป๋า

คนยืนรอยังไม่ทันขยับไปไหน รถคันหรูก็จอดเทียบริมทางเท้า ก่อนที่เพื่อนใหม่จะก้าวลงจากรถ

“วันนี้มาสายนะ”

น้ำเหนือที่ยืนรออยู่ก่อนเย้าขึ้น อีกฝ่ายส่งยิ้มแล้วตอบกลับ

“ก็อาพงศ์สิ...เก็บไฟแดงทุกรอบเลย” พูดด้วยสีหน้ากระเง้ากระงอดขณะชม้ายตามองไปยังคนขับรถคนสนิท

ในขณะที่พงศ์ลดกระจกแล้วยิ้มกว้าง ไม่ถือสากับคำพูดของเตชินเพราะรู้ว่าเป็นเพียงการหยอกเย้า

“สวัสดีครับอาพงศ์...” น้ำเหนือยกมือไหว้ทักทายผู้มีวัยสูงกว่าอย่างมีมารยาท

อาพงศ์ยกมือรับไหว้พร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเต็มใบหน้า

“ผมล้อเล่นนะครับ เตชินไม่ได้มาสายหรอก แต่วันนี้พี่ชายผมมาส่ง เลยถึงไวหน่อยครับ” เสียงทุ้มนุ่มรีบบอก พงศ์ยิ้มกว้าง

“งั้นไปกันเถอะ...” เตชินเอ่ยชวนน้ำเหนือ ก่อนจะหันมาพูดกับคนขับรถที่ตัวเองเคารพเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง “ขับรถกลับดีๆ นะครับ”

แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินเข้าไปในตึกเรียน ปล่อยให้สายตาผู้สูงวัยกว่า นั่งอยู่ในรถมองตามด้วยความอุ่นใจ ก่อนจะเคลื่อนรถออกไป

ระหว่างที่เดินขึ้นบันได เตชินมีเรื่องคาใจอยู่จึงถามขึ้น “เออ นายมีพี่ชายด้วยเหรอ”

น้ำเหนือหรี่ตามอง ไม่นึกว่าเพื่อนจะอยากรู้เรื่องคนในครอบครัวตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรจึงตอบไป “มีสิ”

“เหรอ ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง”

“พี่เขาไม่ได้อยู่ไทย เลยไม่อยากพูดถึง”

“ออ แล้วอยู่ประเทศอะไรล่ะ”

“อังกฤษ” น้ำเหนือตอบสีหน้าเหี่ยวแห้ง

“ไกลเหมือนกัน”

“ใช่ไกล...ออ...แล้วนายล่ะ มีพี่น้องไหม” น้ำเหนือถามกลับ

“มีสิ มีพี่ชายเหมือนกัน”

“เหรอ...”

“แต่ไม่ได้อยู่ไทยเหมือนกัน” คนตอบสีหน้าสลดลงไม่ต่างกัน

น้ำเหนือยิ้มแห้ง เมื่อเจอเพื่อนที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน

“ยิ้มไว้เพื่อน เขาไป ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาเนอะ” น้ำเหนือเอ่ยน้ำเสียงระรื่น ทั้งปลอบเพื่อนและก็ปลอบตัวเองไปด้วย

ดวงตากลมโตมองประสานกันแล้วยิ้มให้อย่างเข้าใจหัวอกเดียวกัน แล้วพากันมุ่งตรงไปยังห้องเรียน

ชั่วโมงเรียนคาบสุดท้ายจบลง นักศึกษาทั้งหมดก็ทยอยพากันเดินลงจากตึก น้ำเหนือกับเตชินก็ยังมีเรื่องคุยไม่หยุดปากจนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงจุดที่ต้องรอรถจากทางบ้าน

“โดนบ่นเข้าหน่อยมาซะไวเลย” เตชินมองไปที่รถของตัวเอง ซึ่งนั่งมาตั้งแต่อยู่ประถม และตอนนี้จอดอยู่ที่ที่เคยจอดเป็นประจำ

“มาไวกลับไวไม่ดีหรือไง”

“ยังมีเรื่องอยากคุยกับนายอยู่เลย”

“พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ ตอนนี้กลับเหอะเดี๋ยวอาพงศ์รอนาน”

“งั้นถึงแล้วทักไลน์มานะ” คนยังอยากคุยต่อเอ่ยกำชับ

“ได้สิ ถึงแล้วจะทักไป” น้ำเหนือรับคำก่อนจะละสายตาจากเตชินที่เดินไปเปิดประตูรถของตัวเอง

เตชินส่งสัญญาณให้อาพงศ์รอก่อน แล้วตัวเองก็ลดกระจกลง “แล้วนายละ...” เตชินตะโกนถามเพื่อนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

เสียงนั้นทำให้น้ำเหนือหันไปมอง และพบว่ารถของเตชินยังจอดอยู่ที่เดิม

“พี่คงใกล้มาแล้วล่ะ...” หันไปตอบเพื่อนแล้วก็หันกลับไปมองบริเวณที่มีรถจอดเรียงเป็นแถวอีกรอบ “รถคงติดอะ” พูดปลอบใจตัวเอง และไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงกังวล

“ให้เราไปส่งไหม” เตชินเอ่ยอาสาด้วยความเต็มใจ

“เฮ้ย...ไม่เป็นไรหรอก นายกลับไปเหอะ”

“จะรอเป็นเพื่อน” คนหวังดีเอ่ยขัดแล้วเปิดประตูรถออกมายืนเคียงกันอีกรอบ

ความเกรงใจ ทำให้น้ำเหนือรีบบอกไป “ไม่เป็นไร”

“เป็น ไม่อยากให้ยืนรอคนเดียว” เตชินยืนยัน

น้ำเหนือถอนหายใจ “เราไม่ใช่เด็กสามขวบ...อีกอย่างเผื่ออาพงศ์ต้องรีบไปทำอย่างอื่น นายรีบกลับไปเถอะ”

“ไล่จริง”

“ไม่ได้ไล่ แต่เกรงใจ”

“จะมาเกรงจงเกรงใจอะไร”

“ไม่ได้เกรงใจนาย แต่เกรงใจอาพงศ์โน่น” ว่าแล้วทำปากบุ้ยใบ้ไปยังคนที่นั่งอยู่ในรถ

“ก็ได้ แต่นายต้องตอบไลน์เราทุกครั้งที่เราทักมานะ”

“เกินไปป่ะ”

“ก็คนมันห่วง”

“ได้ แต่ไม่ใช่ขึ้นไปนั่งบนรถปุ๊บทักมาปั๊บนะ”

คนโดนรู้ทันยิ้มกริ่มแล้ววิ่งกลับไปขึ้นรถ และก็จริงอย่างที่น้ำเหนือพูดดักไว้ เมื่อรถเคลื่อนออกไป ยังมองเห็นไฟท้ายรถ ไลน์เตชินก็ดังขึ้น...

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status