“กว่าจะมาได้...แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนอีก” พอเห็นว่าคนที่ตัวเองตั้งตารอเดินผ่านประตูเข้ามา อีกทั้งแต่งตัวเหมือนเตรียมจะออกข้างนอก ก็ถามเสียงขุ่นสีหน้าไม่พอใจ“อาพงศ์วุ่นวายกับผมเกินไปแล้วนะ...อย่าให้ผมรู้สึกไม่ดีกับอามากไปกว่านี้เลยนะครับ ผมขอร้อง...” เตชินเอ่ยเสียงเศร้าแกมขอร้อง หากแต่ผู้สูงวัยกว่ากลับยืนนิ่งเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่พูด เตชินจึงพูดต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ ผมขอให้มันจบไปได้ไหมครับ...ผมไม่อยากให้อาพงศ์มาจมอยู่กับเรื่องที่เราได้ทำผิดพลาดไป อาจจะเป็นผมที่วางตัวไม่ดี ผมขอโทษอาพงศ์ด้วยนะครับ” เตชินเป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองเพื่อตัดจบทุกปัญหาหากแต่คนสูงวัยกว่ากลับยิ้มร้าย “มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ...ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนั้นเยียบเย็นจนน่ากลัวเตชินขนลุกซู่ ประหวั่นกับอาการและท่าทางที่เปลี่ยนไปของอาพงศ์ ไม่มีแล้วสายตาและคำพูดที่อบอุ่นใจอย่างเมื่อก่อนเตชินถอยหลัง รู้สึกหวาดกลัวท่าทางแปลกๆ ของอาพงศ์ที่ตอนนี้เหมือนคนไร้สติไปเสียแล้ว“มานี่...มาดูอะไรนี่ อาอุตส่าห์ไปทำมาเลยนะ” มืออาพงศ์คว้าหมับที่ข้อมือเล็กกระชากอย่างแรงจนร่างเตชินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด“อาพงศ์ปล่อย
จากคนเงียบๆ และดูสุขุมของพงศ์ทำให้ป้าปุกที่อยู่ด้วยกันมานานก็สังเกตเห็นอาการหงุดหงิดเช่นนี้มาหลายวัน แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว...“ทำไมไม่กินข้าวอีก” หลังจากที่กลับมาจากดูว่าปุกและอิงนั่งรถแท็กซี่ออกไปแล้ว พงศ์เห็นว่ากับข้าวที่เขาเป็นคนยกมาให้ยังไม่พร่องไปเลย“ผมกินไม่ลง...อาพงศ์แก้มัดผมเถอะนะ” น้ำเสียงเว้าวอน แต่พงศ์คนใส่ใจและอบอุ่นคนเดิมไม่มีแล้ว“ไม่ รีบกินจะได้ไปกันเสียที” เขาตอบเสียงสะบัดจากที่สีหน้าเศร้าหงอย ก็ตื่นพรืด ร้องถามเสียงหลง “ไปไหน อาพงศ์จะเอาผมไปไหน...ผมไม่ไป ป้าปุก ป้าปุกช่วยผมด้วยป้า...” เตชินตะโกนร้องเรียกพร้อมกับขยับลงจากเตียงตุบเพราะขาทั้งสองถูกมัดไว้จึงร่วงลงมานอนอยู่บนพื้น เตชินกัดริมฝีปากกลั้นความเจ็บเอาไว้จนห้อเลือดพงศ์มองอย่างดูแคลน “อยากเรียกใครก็เชิญ”ประโยคที่ท้าทายและไม่เกรงกลัว ทำให้เตชินเงียบเสียง ตาหรี่มองคนตรงหน้า “ลุงทำอะไรกับพวกเขา”“แค่ไล่ให้กลับบ้าน” สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นเตชินที่หน้าตื่นตกใจ“ไล่กลับบ้าน ไล่ทำไม”“ไม่ต้องถามมาก จะกินไม่กิน”“ไม่ ตอบผมมาสิ ว่าไล่ป้าปุกทำไม”“ไม่ต้องถา
พงศ์เส้นเลือดตรงขมับบวมเต็ง เมื่อเห็นเตชินแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะมองชายอดีตคนรักที่เสมือนหนามยอกอก...เวลาผ่านไป ใจของเตชินก็ยังอยู่กับมันพงศ์คิดอย่างแค้นเคืองเลือดหึงขึ้นหน้า แล้วด้วยความโกรธแค้น จึงคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ ดวงตาคมกล้ามองไปใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำของชายฉกรรจ์ที่ยืนแนบข้างจดจ้องอยู่ที่บางอย่างตรงเข็มขัด เมื่อได้จังหวะ ก็เข้าไปกระแทกไหล่จนอีกฝ่ายเสียหลักยื่นมือไปคว้าสิ่งที่เล็งไว้มาถือได้สำเร็จอย่างมั่นเหมาะความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อไปยังพายุ ส่วนลูกน้องอีกคนรีบดึงอาวุธของตัวเองออกมาแล้วเล็งตรงไปยังพงศ์ทันทีทุกคนต่างตะลึงตกใจ พายุหน้าถอดสีแต่ทำใจดีสู้เสือตะวันร้อนใจ กลัวเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยที่ไม่อยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าเรื่องใด ตัดสินใจเดินตรงไปหาพงศ์ ในขณะที่พายุกำลังพูดโต้“จะยิงผมเหรอ...ผมผิดอะไร ในเมื่อผมแพ้พวกอาพงศ์แล้วนี่ น้องชายของผมก็โดนลากไปแก้แค้นทั้งที่ไม่ผิด แล้วผมกับน้ำเหนือสมควรได้รับสิ่งที่ธงชัยสิทธิ์ทำงั้นเหรอ...”คำพูดของพายุทำให้ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน ส่วนภาคินเดินเข้ามาจับแขนเพื่อนไว้เพื่อส่งกำลังใจให้ หากแต่อาพงศ์ยกยิ้มสะใจ“กู
สองวันต่อมา ตะวันทนการรบเร้าของเตชินไม่ไหวจึงเล่าเรื่องตนเองกับน้ำเหนือให้ฟังจนหมด“พี่ตะวัน พี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้นได้ไง”เตชินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำเหนือกับพี่ชายของตัวเองก็รับไม่ได้“พี่ทำแบบนั้นทำไม แล้วนี่พี่จะเอายังไงต่อ...ไม่สิ ผมอยากไปขอโทษน้ำเหนือ” เตชินร้อนใจกลัวความบาดหมางครั้งนี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงส่วนเรื่องพายุ เตชินเตรียมใจไว้แล้วว่า ความรู้สึกคงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะพายุ คงยากที่จะกลับมามองหน้าตัวเองได้อีก...“ตอนนี้ พี่ไม่อยากให้เตชินอยู่ห่างพี่เลยนะ”“ผมก็ไม่อยากห่างพี่เหมือนกัน ผมกลัว...”“พี่ขอโทษ...” ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดปลอบน้องชายและปลอบใจตัวเอง...“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน ที่สร้างเรื่องยุ่งยากมาให้...แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้ำเหนือมาก จะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เขาอาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว...” ตะวันเปรยขึ้น เสียงเศร้าเตชินรับรู้ได้ว่าพี่ชายตนรู้สึกผิดจริงๆ เพราะคนอย่างนายตะวันไม่เคยทำอะไรฝืนใจตัวเอง“ถึงยังไงผมก็อยากไปเจอน้ำเหนือก่อนจะเดินทาง”เตชินตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องรอให้เรื่องทุ
ตั้งแคมป์กันเหรอ...ตะวันคิดสรุป เพราะเห็นว่ามีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ อีกทั้งเห็นว่ามีเสื้อผ้าเปียกน้ำผึ่งแดดไว้“ไม่ยักรู้ว่าพี่ภาคินก็แม่นปืนกับเขาด้วย”เสียงคุ้นหูดังระรื่นมาแต่ไกล ทำให้คนได้ยินถึงกับหูอื้อ ใจเต้นแรงทันที“คุณตะวัน...” ภาคินเรียกผ่านริมฝีปาก ส่วนน้ำเหนือหน้าถอดสีแล้วขยับไปจับไหล่ของภาคินไว้ภาคินเหลือบตามองน้ำเหนือด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับตรงหน้า“ไม่ทราบว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงได้เดินตัดเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่นแบบนี้.. ระวังเถอะ เจ้าของไร่อาจตาลายนึกว่าเป็นสัตว์ร้ายจะโดนเป่าเอาง่ายๆ นะครับ”“อยากเป่าก็เป่าสิ แต่ต้องเป่าทีเดียวให้ตายนะ” ในขณะที่พูดตาก็มองกร้าวไปยังหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังลูกชายเจ้าของไร่“ผมไม่ใจร้ายใจดำขนาดยิงคนเหมือนกันได้หรอกครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไร แค่ตกใจเสียงปืนก็เท่านั้น”“อ้อ ครับ ผมไม่ทันคิดว่าผมซ้อมมือที่ไร่ผม แล้วจะไปรบกวนคนอื่น”“ครับ บังเอิญว่าทิศทางลมมันไปทางไร่ผมกับน้องชายพอดีเลยทำให้ตกใจ ที่สำคัญคุณก็รู้ว่าน้องชายผมไปเจออะไรมา หากผมจะหวาดระแวงก็คงไม่แปลกนะครับ...แต่ตอนนี้
ปัง ปัง ปัง“ไม่ อึก...” น้ำเหนือวิ่งถลาไปหาร่างที่ทรุดลงไปบนพื้นหญ้าอย่างตกใจสุดขีดในขณะที่เตชินทรุดตัวสลบไปพร้อมภาพสุดท้าย คือร่างของพี่ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ซึ่งถูกน้ำเหนือประคองกอดไว้ ส่วนพายุวิ่งไปดูเตชินและประคองศีรษะไม่ให้กระแทกลงบนพื้นพายุมองใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฝาดด้วยความหดหู่ใจ ความโกรธเกลียดก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น เมื่อคนที่ตัวเองประคองอยู่นั้น เจอเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะซ้ำเติม และตัวเองก็ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตเอามาเป็นทุกข์อีกต่อไป...ช่วงชุลมุนนั้นภาคินระเบิดกระสุนใส่มือของพงศ์จนปืนกระเด็น พงศ์ลงไปนอนกุมมือร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นสองอาทิตย์ต่อมาตะวันเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่มีอาการโคม่าและผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อเอากระสุนที่อยู่ใกล้จุดสำคัญออกมา และได้น้ำเหนืออยู่ดูแลไม่ห่างโดยมีเดร์เข้ามาช่วยเป็นบางครั้ง จนพายุและภาคินยอมใจอ่อนไม่ห้ามปรามและปล่อยให้ไปตามใจที่น้องชายต้องการ ส่วนพงศ์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเข้ารับการรักษาเนื่องจากมีอาการจิตหลอน ในขณะที่เตชินยังมีอาการหวาดผวาก็ได้พายุเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตะวันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...“ฟื้นแล้ว” น้ำเหนือดีดตัวลุกขึ้
ณ ธงชัยสิทธิ์เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อย และกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในอีกสองวัน“แน่ใจนะว่าไปอยู่คนเดียวได้” ตะวันเดินเข้ามาแล้วเอามือวางไปบนไหล่น้องชาย เตชินเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้“อยู่ได้สิครับ ผมน้องพี่ตะวันนะ...” ดวงตากลมใสเป็นประกาย หากแต่ตะวันมองออกว่านั่นคือการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ใจร้องไห้...“มันเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม...” เพราะสองอาทิตย์ที่ตัวเองนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ทางนี้ก็ได้พายุเป็นคนรับหน้าที่ดูแล มันคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง...คำถามของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน สะท้อนตรงลงมากลางอก เตชินดวงตาอ่อนแสง แล้วตอบเสียงสั่นเครือ “แค่พี่เขาไม่รังเกียจผมก็ดีมากแล้ว”“อืม...อาจจะไม่ใช่เวลาที่ใช่”“แล้วเรื่องพี่ตะวันกับน้ำเหนือล่ะครับ...” เตชินเปลี่ยนเรื่อง“พี่ก็ไม่ท้อหรอก พยายามตามจีบเขาอยู่”“งั้นผมเอาใจช่วยนะครับ” แล้วสองพี่น้องก็สวมกอดส่งกำลังใจให้กันสนามบินสุวรรณภูมิ“น้ำเหนือบอกว่าจะมาส่งเหรอ” ตะวันเอ่ยถามหลังจากที่เห็นน้องชายชะเง้อคอยาวมองไปยังประตูทางเข้า“เห็นบอกว่าจะมา...” น้ำเ
ณ ไร่ตะวัน“นี่จะไม่ให้ลุกไปไหนเลยหรือไง” น้ำเหนือถามเสียงเข้ม เพราะพยายามปลดแขนที่กอดรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกจากตัว แต่อีกฝ่ายก็ขืนไว้ไม่ยอมให้ปลดออก“ผมยังไม่อิ่มเลย”“นี่ฟ้าจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว ลุกขึ้นไปดูคนงานบ้างเถอะ...” ว่าแล้วก็ตีไปบนต้นแขนแข็งแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที “ไหนบอกว่าจะพามาดูไร่ นี่อะไร ขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”“ก็คนมันคิดถึง”“คิดถึงหรือเงี่ยน”“โธ่...ปากคอเราะรายขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยแขนออกจากเอวน้ำเหนือจึงดีดตัวลุกขึ้น มองร่างใหญ่ล่ำที่นอนแผ่โชว์กล้ามเนื้อแน่น ซึ่งน้ำเหนือหน้าเห่อร้อนทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส...“ผมอยากไปดูสวนผัก...”“จะเปลี่ยนไปนอนกระท่อมไหมล่ะ บรรยากาศท่าจะดี หรือริมลำธารดีล่ะ...”รู้ว่าตะวันแกล้งพูดยั่ว ซึ่งน้ำเหนือก็ไม่ได้ใส่ใจ หากแต่สนใจกระท่อมไม้ที่ตัวเองเคยซุกหัวนอน“ยังไม่พังอีกเหรอ”ในเมื่อสภาพกระท่อมเป็นเพียงไม้ไผ่สานบางๆ และใบไม้แห้งจะทนแดดทนฝนไปได้นานเท่าไหร่กัน“ผมสั่งให้ลุงมิ่งดูแลอย่างดีเลยนะ”“เพื่อ...”“ความทรงจำผมอยู่ที่นั่นไง”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ผมอยากเห็นแล้ว” พูดพลางก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเดินตรงไปยังห้อ
ณ ไร่ตะวัน“นี่จะไม่ให้ลุกไปไหนเลยหรือไง” น้ำเหนือถามเสียงเข้ม เพราะพยายามปลดแขนที่กอดรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกจากตัว แต่อีกฝ่ายก็ขืนไว้ไม่ยอมให้ปลดออก“ผมยังไม่อิ่มเลย”“นี่ฟ้าจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว ลุกขึ้นไปดูคนงานบ้างเถอะ...” ว่าแล้วก็ตีไปบนต้นแขนแข็งแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที “ไหนบอกว่าจะพามาดูไร่ นี่อะไร ขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”“ก็คนมันคิดถึง”“คิดถึงหรือเงี่ยน”“โธ่...ปากคอเราะรายขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยแขนออกจากเอวน้ำเหนือจึงดีดตัวลุกขึ้น มองร่างใหญ่ล่ำที่นอนแผ่โชว์กล้ามเนื้อแน่น ซึ่งน้ำเหนือหน้าเห่อร้อนทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส...“ผมอยากไปดูสวนผัก...”“จะเปลี่ยนไปนอนกระท่อมไหมล่ะ บรรยากาศท่าจะดี หรือริมลำธารดีล่ะ...”รู้ว่าตะวันแกล้งพูดยั่ว ซึ่งน้ำเหนือก็ไม่ได้ใส่ใจ หากแต่สนใจกระท่อมไม้ที่ตัวเองเคยซุกหัวนอน“ยังไม่พังอีกเหรอ”ในเมื่อสภาพกระท่อมเป็นเพียงไม้ไผ่สานบางๆ และใบไม้แห้งจะทนแดดทนฝนไปได้นานเท่าไหร่กัน“ผมสั่งให้ลุงมิ่งดูแลอย่างดีเลยนะ”“เพื่อ...”“ความทรงจำผมอยู่ที่นั่นไง”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ผมอยากเห็นแล้ว” พูดพลางก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเดินตรงไปยังห้อ
ณ ธงชัยสิทธิ์เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อย และกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในอีกสองวัน“แน่ใจนะว่าไปอยู่คนเดียวได้” ตะวันเดินเข้ามาแล้วเอามือวางไปบนไหล่น้องชาย เตชินเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้“อยู่ได้สิครับ ผมน้องพี่ตะวันนะ...” ดวงตากลมใสเป็นประกาย หากแต่ตะวันมองออกว่านั่นคือการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ใจร้องไห้...“มันเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม...” เพราะสองอาทิตย์ที่ตัวเองนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ทางนี้ก็ได้พายุเป็นคนรับหน้าที่ดูแล มันคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง...คำถามของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน สะท้อนตรงลงมากลางอก เตชินดวงตาอ่อนแสง แล้วตอบเสียงสั่นเครือ “แค่พี่เขาไม่รังเกียจผมก็ดีมากแล้ว”“อืม...อาจจะไม่ใช่เวลาที่ใช่”“แล้วเรื่องพี่ตะวันกับน้ำเหนือล่ะครับ...” เตชินเปลี่ยนเรื่อง“พี่ก็ไม่ท้อหรอก พยายามตามจีบเขาอยู่”“งั้นผมเอาใจช่วยนะครับ” แล้วสองพี่น้องก็สวมกอดส่งกำลังใจให้กันสนามบินสุวรรณภูมิ“น้ำเหนือบอกว่าจะมาส่งเหรอ” ตะวันเอ่ยถามหลังจากที่เห็นน้องชายชะเง้อคอยาวมองไปยังประตูทางเข้า“เห็นบอกว่าจะมา...” น้ำเ
ปัง ปัง ปัง“ไม่ อึก...” น้ำเหนือวิ่งถลาไปหาร่างที่ทรุดลงไปบนพื้นหญ้าอย่างตกใจสุดขีดในขณะที่เตชินทรุดตัวสลบไปพร้อมภาพสุดท้าย คือร่างของพี่ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ซึ่งถูกน้ำเหนือประคองกอดไว้ ส่วนพายุวิ่งไปดูเตชินและประคองศีรษะไม่ให้กระแทกลงบนพื้นพายุมองใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฝาดด้วยความหดหู่ใจ ความโกรธเกลียดก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น เมื่อคนที่ตัวเองประคองอยู่นั้น เจอเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะซ้ำเติม และตัวเองก็ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตเอามาเป็นทุกข์อีกต่อไป...ช่วงชุลมุนนั้นภาคินระเบิดกระสุนใส่มือของพงศ์จนปืนกระเด็น พงศ์ลงไปนอนกุมมือร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นสองอาทิตย์ต่อมาตะวันเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่มีอาการโคม่าและผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อเอากระสุนที่อยู่ใกล้จุดสำคัญออกมา และได้น้ำเหนืออยู่ดูแลไม่ห่างโดยมีเดร์เข้ามาช่วยเป็นบางครั้ง จนพายุและภาคินยอมใจอ่อนไม่ห้ามปรามและปล่อยให้ไปตามใจที่น้องชายต้องการ ส่วนพงศ์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเข้ารับการรักษาเนื่องจากมีอาการจิตหลอน ในขณะที่เตชินยังมีอาการหวาดผวาก็ได้พายุเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตะวันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...“ฟื้นแล้ว” น้ำเหนือดีดตัวลุกขึ้
ตั้งแคมป์กันเหรอ...ตะวันคิดสรุป เพราะเห็นว่ามีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ อีกทั้งเห็นว่ามีเสื้อผ้าเปียกน้ำผึ่งแดดไว้“ไม่ยักรู้ว่าพี่ภาคินก็แม่นปืนกับเขาด้วย”เสียงคุ้นหูดังระรื่นมาแต่ไกล ทำให้คนได้ยินถึงกับหูอื้อ ใจเต้นแรงทันที“คุณตะวัน...” ภาคินเรียกผ่านริมฝีปาก ส่วนน้ำเหนือหน้าถอดสีแล้วขยับไปจับไหล่ของภาคินไว้ภาคินเหลือบตามองน้ำเหนือด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับตรงหน้า“ไม่ทราบว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงได้เดินตัดเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่นแบบนี้.. ระวังเถอะ เจ้าของไร่อาจตาลายนึกว่าเป็นสัตว์ร้ายจะโดนเป่าเอาง่ายๆ นะครับ”“อยากเป่าก็เป่าสิ แต่ต้องเป่าทีเดียวให้ตายนะ” ในขณะที่พูดตาก็มองกร้าวไปยังหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังลูกชายเจ้าของไร่“ผมไม่ใจร้ายใจดำขนาดยิงคนเหมือนกันได้หรอกครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไร แค่ตกใจเสียงปืนก็เท่านั้น”“อ้อ ครับ ผมไม่ทันคิดว่าผมซ้อมมือที่ไร่ผม แล้วจะไปรบกวนคนอื่น”“ครับ บังเอิญว่าทิศทางลมมันไปทางไร่ผมกับน้องชายพอดีเลยทำให้ตกใจ ที่สำคัญคุณก็รู้ว่าน้องชายผมไปเจออะไรมา หากผมจะหวาดระแวงก็คงไม่แปลกนะครับ...แต่ตอนนี้
สองวันต่อมา ตะวันทนการรบเร้าของเตชินไม่ไหวจึงเล่าเรื่องตนเองกับน้ำเหนือให้ฟังจนหมด“พี่ตะวัน พี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้นได้ไง”เตชินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำเหนือกับพี่ชายของตัวเองก็รับไม่ได้“พี่ทำแบบนั้นทำไม แล้วนี่พี่จะเอายังไงต่อ...ไม่สิ ผมอยากไปขอโทษน้ำเหนือ” เตชินร้อนใจกลัวความบาดหมางครั้งนี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงส่วนเรื่องพายุ เตชินเตรียมใจไว้แล้วว่า ความรู้สึกคงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะพายุ คงยากที่จะกลับมามองหน้าตัวเองได้อีก...“ตอนนี้ พี่ไม่อยากให้เตชินอยู่ห่างพี่เลยนะ”“ผมก็ไม่อยากห่างพี่เหมือนกัน ผมกลัว...”“พี่ขอโทษ...” ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดปลอบน้องชายและปลอบใจตัวเอง...“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน ที่สร้างเรื่องยุ่งยากมาให้...แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้ำเหนือมาก จะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เขาอาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว...” ตะวันเปรยขึ้น เสียงเศร้าเตชินรับรู้ได้ว่าพี่ชายตนรู้สึกผิดจริงๆ เพราะคนอย่างนายตะวันไม่เคยทำอะไรฝืนใจตัวเอง“ถึงยังไงผมก็อยากไปเจอน้ำเหนือก่อนจะเดินทาง”เตชินตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องรอให้เรื่องทุ
พงศ์เส้นเลือดตรงขมับบวมเต็ง เมื่อเห็นเตชินแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะมองชายอดีตคนรักที่เสมือนหนามยอกอก...เวลาผ่านไป ใจของเตชินก็ยังอยู่กับมันพงศ์คิดอย่างแค้นเคืองเลือดหึงขึ้นหน้า แล้วด้วยความโกรธแค้น จึงคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ ดวงตาคมกล้ามองไปใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำของชายฉกรรจ์ที่ยืนแนบข้างจดจ้องอยู่ที่บางอย่างตรงเข็มขัด เมื่อได้จังหวะ ก็เข้าไปกระแทกไหล่จนอีกฝ่ายเสียหลักยื่นมือไปคว้าสิ่งที่เล็งไว้มาถือได้สำเร็จอย่างมั่นเหมาะความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อไปยังพายุ ส่วนลูกน้องอีกคนรีบดึงอาวุธของตัวเองออกมาแล้วเล็งตรงไปยังพงศ์ทันทีทุกคนต่างตะลึงตกใจ พายุหน้าถอดสีแต่ทำใจดีสู้เสือตะวันร้อนใจ กลัวเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยที่ไม่อยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าเรื่องใด ตัดสินใจเดินตรงไปหาพงศ์ ในขณะที่พายุกำลังพูดโต้“จะยิงผมเหรอ...ผมผิดอะไร ในเมื่อผมแพ้พวกอาพงศ์แล้วนี่ น้องชายของผมก็โดนลากไปแก้แค้นทั้งที่ไม่ผิด แล้วผมกับน้ำเหนือสมควรได้รับสิ่งที่ธงชัยสิทธิ์ทำงั้นเหรอ...”คำพูดของพายุทำให้ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน ส่วนภาคินเดินเข้ามาจับแขนเพื่อนไว้เพื่อส่งกำลังใจให้ หากแต่อาพงศ์ยกยิ้มสะใจ“กู
จากคนเงียบๆ และดูสุขุมของพงศ์ทำให้ป้าปุกที่อยู่ด้วยกันมานานก็สังเกตเห็นอาการหงุดหงิดเช่นนี้มาหลายวัน แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว...“ทำไมไม่กินข้าวอีก” หลังจากที่กลับมาจากดูว่าปุกและอิงนั่งรถแท็กซี่ออกไปแล้ว พงศ์เห็นว่ากับข้าวที่เขาเป็นคนยกมาให้ยังไม่พร่องไปเลย“ผมกินไม่ลง...อาพงศ์แก้มัดผมเถอะนะ” น้ำเสียงเว้าวอน แต่พงศ์คนใส่ใจและอบอุ่นคนเดิมไม่มีแล้ว“ไม่ รีบกินจะได้ไปกันเสียที” เขาตอบเสียงสะบัดจากที่สีหน้าเศร้าหงอย ก็ตื่นพรืด ร้องถามเสียงหลง “ไปไหน อาพงศ์จะเอาผมไปไหน...ผมไม่ไป ป้าปุก ป้าปุกช่วยผมด้วยป้า...” เตชินตะโกนร้องเรียกพร้อมกับขยับลงจากเตียงตุบเพราะขาทั้งสองถูกมัดไว้จึงร่วงลงมานอนอยู่บนพื้น เตชินกัดริมฝีปากกลั้นความเจ็บเอาไว้จนห้อเลือดพงศ์มองอย่างดูแคลน “อยากเรียกใครก็เชิญ”ประโยคที่ท้าทายและไม่เกรงกลัว ทำให้เตชินเงียบเสียง ตาหรี่มองคนตรงหน้า “ลุงทำอะไรกับพวกเขา”“แค่ไล่ให้กลับบ้าน” สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นเตชินที่หน้าตื่นตกใจ“ไล่กลับบ้าน ไล่ทำไม”“ไม่ต้องถามมาก จะกินไม่กิน”“ไม่ ตอบผมมาสิ ว่าไล่ป้าปุกทำไม”“ไม่ต้องถา
“กว่าจะมาได้...แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนอีก” พอเห็นว่าคนที่ตัวเองตั้งตารอเดินผ่านประตูเข้ามา อีกทั้งแต่งตัวเหมือนเตรียมจะออกข้างนอก ก็ถามเสียงขุ่นสีหน้าไม่พอใจ“อาพงศ์วุ่นวายกับผมเกินไปแล้วนะ...อย่าให้ผมรู้สึกไม่ดีกับอามากไปกว่านี้เลยนะครับ ผมขอร้อง...” เตชินเอ่ยเสียงเศร้าแกมขอร้อง หากแต่ผู้สูงวัยกว่ากลับยืนนิ่งเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่พูด เตชินจึงพูดต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ ผมขอให้มันจบไปได้ไหมครับ...ผมไม่อยากให้อาพงศ์มาจมอยู่กับเรื่องที่เราได้ทำผิดพลาดไป อาจจะเป็นผมที่วางตัวไม่ดี ผมขอโทษอาพงศ์ด้วยนะครับ” เตชินเป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองเพื่อตัดจบทุกปัญหาหากแต่คนสูงวัยกว่ากลับยิ้มร้าย “มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ...ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนั้นเยียบเย็นจนน่ากลัวเตชินขนลุกซู่ ประหวั่นกับอาการและท่าทางที่เปลี่ยนไปของอาพงศ์ ไม่มีแล้วสายตาและคำพูดที่อบอุ่นใจอย่างเมื่อก่อนเตชินถอยหลัง รู้สึกหวาดกลัวท่าทางแปลกๆ ของอาพงศ์ที่ตอนนี้เหมือนคนไร้สติไปเสียแล้ว“มานี่...มาดูอะไรนี่ อาอุตส่าห์ไปทำมาเลยนะ” มืออาพงศ์คว้าหมับที่ข้อมือเล็กกระชากอย่างแรงจนร่างเตชินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด“อาพงศ์ปล่อย
เตซินสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม แล้วดึงชายผ้าห่มคลุมใบหน้าอย่างรำคาญเมื่อได้ยินดังอยู่ใกล้ๆ แต่แรงขยับทำให้จากที่ไม่อยากตื่น ตาก็สว่างโร่ เมื่อรับรู้ได้ว่าบนเตียงตัวเอง มีคนอื่นนอนอยู่ด้วย ใจพลันคิด เมื่อคืนพี่พายุไม่ได้กลับไปนอนบ้านเหรอ...ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะแล้วมองไปยังคนข้างๆ“เฮ้ย อาพงศ์” แล้วรีบเลิกผ้าห่มขึ้นเพื่อมองสำรวจร่างกายใต้ผ้าห่มของตัวเองเตชินตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเสื้ออาภรณ์ใดๆ บนร่างกายไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว“ใช่ครับ...” พงศ์ตอบสีหน้าราบเรียบ หากแต่เตชินหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แล้วมองสำรวจไปรอบห้องด้วยแววตาตื่นตระหนก และพบว่าเสื้อผ้าของตัวเองวางกองอยู่บนพื้นอย่างไม่ไยดี และใกล้ๆ กันนั้นก็เป็นเสื้ออีกชุด ซึ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นของใคร...“หมายความว่าไง อาพงศ์ทำอะไรผมเมื่อคืน”ไม่อยากเดา และไม่อยากยอมรับความจริงเสียงทุ้มหนักหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไม รับไม่ได้เหรอ เมื่อคืนคุณเตชินยังบอกว่าชอบอยู่เลย” แล้วยกมือถือในมือขึ้นสูงอีกครั้งเตชินหน้าตื่นแล้วค่อยๆ กลายเป็นสีเรื่อ เมื่อจำได้เลือนรางว่ามันรู้สึกดีจริงๆ ในตอนนั้น“นี่อาพงศ์ถ่ายภาพผมเก็บไว้หรือครับ” แล้วรีบเบี่ยงตัวหลบ“ก็เอาไว้ดูต