Share

เรื่องเหลือเชื่อ

Penulis: zuey
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-25 06:22:55

สิ่งที่เฉียวลู่คิดว่าเป็นเรื่องบ้าบอทั้งหมดกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ นักแสดงสาวโสดวัยสามสิบกว่าที่ไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้งเพราะตั้งมั่นที่จะทำตามความฝันให้เป็นจริง จนกระทั่งเธอได้เป็นนักแสดงชื่อดังแถวหน้าของจีน แล้วดูตอนนี้สิว่ามันเกิดอะไรขึ้นเธอต้องมากลายเป็นแม่แบบไม่รู้ตัวท่านเทพเซียนกำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ เธอจะเอาชีวิตรอดจากที่นี่ไปได้ยังไง นี่ไม่ใช่เกมส์เซอร์ไวเวอร์เอาชีวิตรอดจากอดีตนะที่เล่นแพ้แล้วจะสามารถรีเซตใหม่ได้

 

ท่าทางว้าวุ่นของเฉียวลู่ทำให้เด็กชายทั้งสองเป็นห่วงพวกเขาเดินเข้ามาจับมือของเธอเอาไว้คนละข้างแล้วส่งสายตาให้กำลังใจมาที่เธอ เฉียวลู่ที่พึ่งเป็นท่านแม่หมาดๆ ถึงกับใจเหลวเป็นน้ำให้กับท่าทางที่น่ารักของพวกเขา

“เอาเถอะเป็นไงเป็นกันฟูมฟายไปก็เท่านั้น เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วมีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป”

นั่นเป็นข้อดีของเฉียวลู่คือเธอเป็นคนที่มีสติและเหตุผลต่อให้เกิดเรื่องร้ายแรงแค่ไหนเธอก็สามารถควบคุมตนเองได้ดีทุกครั้ง และอีกหนึ่งข้อดีของเธอคือเมื่อเธอตั้งใจที่จะทำอะไรแล้วเธอจะมุ่งมั่นไม่ยอมหยุดจนกว่าจะทำสำเร็จเพราะแบบนี้เธอจึงได้รับการยอมรับจากผู้กำกับและนักแสดงในวงการอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่จะใช้ชีวิตต่อไปให้ได้อันดับแรกเธอจะต้องเรียนรู้และทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่ที่เธอจะต้องอาศัยอยู่ซะก่อน เฉียวลู่พาเด็กทั้งสองกลับเข้าไปในกระท่อมหลังน้อยที่เธอพึ่งจะเดินออกมา หลังจากรักษาบาดแผลที่ขาของเธอเรียบร้อยแล้วเฉียวลู่ก็อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายของเด็กทั้งสองและตัวเธอเอง

เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสามคนแทบจะไม่มีชิ้นดีทั้งเก่าและมีรอยปะมากมาย เฉียวลู่มองชุดที่อยู่ในมือของตัวเองด้วยความจนใจ เอาไว้ค่อยคิดหาวิธีหาเงินก่อนแล้วกัน นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องเพราะไม่อย่างนั้นทั้งเธอและเด็กๆ คงได้อดตายก่อนที่จะได้ใช้ชีวิตต่อไปแน่นอน

ถ้าหากเด็กๆ รู้ว่าเราไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของพวกเขา พวกเขาจะตกใจขนาดไหนกันนะน่าสงสารจริงๆ อายุน้อยแค่นี้ก็ต้องมาเป็นกำพร้าพ่อเองก็ไม่รู้หายไปไหนถึงได้ปล่อยให้ครอบครัวลำบากขนาดนี้ดูสิเด็กๆ ผอมแห้งเหมือนขาดสารอาหารมานานปี เฉียวลู่คิดในใจระหว่างที่ดูแลเด็กชายทั้งสอง

หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วเฉียวลู่เดินกะเผลกเข้าไปในครัวที่มุงเป็นเพิงอย่างง่ายๆ ในนั้นมีเตาที่ทำจากดินดูเหมือนจะไม่ได้จุดไฟมาสักพักเพราะขี้เถ้าเย็นไปนานแล้ว ในครัวมีถ้วยชามเก่าๆ สามสี่ใบที่เหมือนถูกใช้มานานและมันเทศหนึ่งหัวขนาดไม่ใหญ่มาก ในกระท่อมที่พวกเขาใช้อาศัยบังแดดบังฝนนั้นแทบไม่มีอะไรเลย แม้แต่ข้าวสารจะหุงก็ไม่มี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยากจนถึงที่สุดก็ว่าได้

“ท่าทางจะไม่มีอะไรให้กินเลยนะบ้านหลังอื่นที่เห็นอยู่ไกลๆ ก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นสักหน่อยเเต่ทำไม่บ้านของเด็กสองคนนี้ถึงได้ดูยากจนขนาดนี้”

เฉียวลู่หันไปมองเด็กชายทั้งสองที่เดินตามติดเข้ามาในครัวเป็นเหมือนหางน้อยๆ ของนาง

“นี่เด็กๆ พวกเธอ.... ไม่สิ พวกเจ้าปกติแล้วอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตกันอย่างไร เช่นว่าปกติพวกเจ้ากินอะไรกันคือ....ก่อนหน้านี้แม่ไม่สบายใช่หรือไม่ดังนั้นจึงลืมเรื่องทั้งหมดไปพวกเจ้าสองคนใครก็ได้ช่วยเล่าให้ มะ....แม่ฟังหน่อย”

เฉียวลู่รู้สึกว่าตนเองยังคงไม่ชินในเรื่องที่ต้องมาเป็นแม่ของเด็กชายทั้งสองทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ถึงจะเคยรับบทคุณแม่ยังสาวแต่นี่มันค่อนข้างทำใจลำบากอยู่สักหน่อย การแสดงกับความรู้สึกจริงๆ นี่มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ

เด็กชายสองคนมองหน้าเฉียวลู่แล้วหันมองหน้ากันไปมาแล้วเดินไปหยิบหัวมันเทศมายื่นให้นาง เฉียวลู่มองมันเทศในมือเล็กแล้วรู้สึกท้อใจนางมาอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย เด็กสองคนถามอะไรก็เอาแต่พยักหน้ากับส่ายหัวแล้ววันนี้จะได้รู้เรื่องไหม เฉียวลู่รับมันเทศหัวนั้นมาแล้วมองอย่างจนใจ

“เอาเถอะเครียดไปก็เปล่าประโยชน์ เช่นนั้นพวกเรามาทำอะไรกินกันดีหรือไม่”

ประโยคสุดท้ายเฉียวลู่หันมาถามเด็กชายทั้งสอง หลังจากที่เฉียวลู่จัดการก่อไฟอย่างทุลักทุเลสภาพของนางแทบไม่ต่างจากตอนแรกที่ยังไม่ได้อาบน้ำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยขี้เถ้าและฝุ่นผงเฉียวลู่หันมายิ้มแห้งๆ ให้เด็กชายทั้งสอง ไม่ใช่ว่านางเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะแต่ต้องมาใช้หินจุดไฟแบบนี้มันยากไปสำหรับคนยุคใหม่ที่เป็นถึงนักแสดงแถวหน้าเช่นนาง

เด็กชายหนึ่งในสองที่เฉียวลู่ยังแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครเพราะพวกเขามีใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ ทำท่าทางว่าเขาจะทำเอง เฉียวลู่ถอยออกมาดูห่างๆ ไม่นานเด็กชายก็จุดไฟได้สำเร็จมันดูง่ายดายเหมือนเป็นเรื่องที่เขาทำบ่อยจนชำนาญ ดูเหมือนหลังจากนี้มีหลายเรื่องที่เฉียวลู่ต้องรู้เกี่ยวกับเด็กทั้งสองคน

เฉียวลู่ปอกเปลือกมันเทศและหั่นเต๋าใส่ลงในหม้อจากนั้นใส่เกลือที่มีอยู่เพียงน้อยนิดลงไป และเติมน้ำเปล่าลงไปให้ท่วมเล็กน้อยแล้วปิดฝาหม้อที่ทำจากไม้เอาไว้ ช่วงเวลาที่เฉียวลู่กำลังทำอาหารในครัวเด็กชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินออกจากระท่อมไปโดยที่นางไม่รู้ตัว

ผ่านไปราวสิบห้านาทีเฉียวลู่เปิดฝาหม้อออกดู มันเทศสุกได้ที่นางจึงเทน้ำในหม้อที่เหลือเล็กน้อยออกและใช้ช้อนค่อยๆ บดให้มันเทศละเอียดจากนั้นจึงเติมน้ำและเคี่ยวอีกครั้ง มันเทศหนึ่งหัวจึงดูเยอะขึ้นหลังจากเติมน้ำและเกลือหยิบสุดท้ายลงไป

กลิ่นหอมของโจ๊กมันเทศทำให้ท้องของเฉียวลู่ร้องประท้วงเสียงดัง ดูเหมือนว่าร่างกายนี้ก็คงไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องมาเป็นเวลานานดูจากที่แค่ได้กลิ่นโจ๊กมันเทศก็สามารถทำให้มีความอยากอาหารได้ถึงขนาดนี้

เฉียวลู่ตักโจ๊กมันเทศลงในชามสามชามแล้วยกกลับไปที่ห้องเดิมที่ตนเองได้ฟื้นขึ้นมาครั้งแรก ตอนนี้ยังสว่างอยู่แต่พระอาทิตย์ก็กำลังคล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ กระท่อมหลังนี้ดูเหมือนจะไม่มีเทียนด้วยเหมือนกัน เฉียวลู่หันมามองเด็กชายอีกคนที่เดินตามนางมา

“อีกคนเล่า ชื่ออะไรนะอวี้หลงหรืออวี้ชิง”

เฉียวลู่ถามเด็กชายที่กำลังยืนมองหน้านางอยู่

“อวี้ชิง”

เสียงเล็กๆ แต่แหบแห้งดังขึ้น เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ใช้เสียงมาเป็นเวลานาน

“เจ้าชื่ออวี้ชิงหรือ”

เด็กชายส่ายหน้าไปมา

“เช่นนั้นก็อวี้หลง”

อวี้หลงพยักหน้าขึ้นลง ดูเหมือนเด็กบ้านนี้จะไม่ชอบพูดเฉียวลู่มองใบหน้าเล็กที่ซูบตอบของเขา อวี้หลงมีไฝเม็ดเล็กๆ ที่ใต้ตาข้างขวา ทำให้ดวงตากลมโตดูโดดเด่นทั้งๆ ที่พวกเขาผอมมากขนาดนี้ เสียงเดินเบาๆ ด้านนอกทำให้เฉียวลู่ละความสนใจจากอวี้หลงแล้วหันไปมอง อวี้ชิงที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงมาที่พวกเขาทั้งสองคน ในมือถือบางอย่างเอาไว้ทั้งสองข้างเมื่ออวี้ชิงหยุดยืนตรงหน้าเฉียวลู่เขายื่นบางอย่างมาที่หน้าของนาง

“อะไรหรือ”

เฉียวลู่มองอย่างสงสัย เมื่ออวี้ชิงแบมือเล็กที่ผอมแห้งของเขาออกทำให้เฉียวลู่เห็นไข่นกใบเล็กๆ สองฟอง เฉียวลู่เห็นดังนั้นถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เด็กคนนี้กตัญญูต่อแม่ของพวกเขาจริงๆ ตัวก็เล็กแค่นี้แต่กลับทำท่าทางเหมือนตนเองเป็นผู้ใหญ่

“ท่านแม่....กิน”

อวี้ชิงพูดเสียงเบาแต่เฉียวลู่กลับได้ยินมันอย่างชัดเจน คำพูดเพียงคำเดียวของเด็กชายมันได้สลักลึกลงไปในใจของนาง นับแต่วินาทีนั้นเฉียวลู่ได้สัญญากับตัวเองในใจว่า ไม่ว่าเด็กสองคนนี้จะเป็น

ลูกของตนหรือไม่นางก็จะเลี้ยงดูพวกเขาเป็นอย่างดีไม่ให้พวกเขาต้องลำบากอีกต่อไป

เฉียวลู่เก็บไข่นกสองฟองเอาไว้และให้อวี้หลงกับอวี้ชิงกินโจ๊กมันเทศที่ตนทำ เด็กทั้งสองคนไม่ยอมลงมือกินจนกว่าเฉียวลู่จะเริ่มกินก่อน นั่นยิ่งทำให้เฉียวลู่รู้สึกว่าเด็กสองคนนี้ต้องถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่ท่าทางดูหิวโหยขนาดนั้นแต่พวกเขากลับไม่ยอมกินและเวลากินก็ดูเรียบร้อยไม่มูมมามเหมือนอย่างที่เฉียวลู่คิด

โจ๊กมันเทศถูกทั้งสามคนจัดการจนหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่เฉียวลู่ยังรู้สึกว่าตนเองยังคงหิวอยู่และนางก็คิดว่าเด็กทั้งสองคนก็คงไม่อิ่มเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้กระท่อมหลังนี้ไม่มีของกินเลยคงต้องอดทนจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้

พระอาทิตย์ยามเย็นคล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ กระท่อมของเฉียวลู่ตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้เมื่อยามที่พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาทำให้มองเห็นภาพบรรยากาศของธรรมชาติที่สวยงามที่แทบจะหาดูได้ยากในโลกก่อนของนาง เฉียวลู่พาเด็กๆ ออกมานั่งหน้ากระท่อมมองพระอาทิตย์ยามเย็นเผื่อจะทำให้ลืมเรื่องหิวไปได้

นั่งไปสักพักเฉียวลู่ก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปถามอวี้หลงที่ดูเหมือนจะพูดเก่งกว่าอวี้ชิงเล็กน้อย

“อวี้หลงจ๊ะ ท่านพ่อของพวกเจ้าไปอยู่ที่ไหนหรือทำไมแม่ไม่เห็นเขาเลยพวกเจ้าลำบากขนาดนี้ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่คอยดูแลพวกเจ้า คงไม่ใช่ว่า.....”

ประโยคสุดท้ายเสียงของนางเบาลง เฉียวลู่ไม่กล้าพูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกไปเพราะกลัวว่าถ้าเกิดมันเป็นเรื่องจริงอาจจะกระทบจิตใจของเด็กทั้งสองคนได้ ช่างเถอะเขาจะอยู่ที่ไหนก็ช่างแต่ตอนนี้เขาได้จากไปแล้วและเด็กทั้งสองคนก็เป็นหน้าที่ของนางเพียงคนเดียวที่จะต้องดูแลเลี้ยงดูพวกเขาให้เติบใหญ่ บางทีการที่นางทะลุมิติมาที่นี่อาจเป็นเพราะเด็กสองคนนี้ก็เป็นได้ เฉียวลู่เลิกสนใจที่จะถามหาพ่อของเด็กชายทั้งสองสิ่งสำคัญที่นางต้องใส่ใจในตอนนี้คืออวี้หลงและอวี้ชิงเท่านั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   บันทึกในอดีต

    พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปนานแล้วเฉียวลู่และเด็กๆ ก็กลับเข้าไปในกระท่อมน้อยของตนอีกครั้ง เตียงเล็กๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ปูด้วยฟูกเก่าๆ พอให้สามคนได้อาศัยนอน อากาศตอนกลางวันแม้จะเย็นสบายแต่เพราะหมู่บ้านอยู่ในหุบเขาทำให้ตอนกลางคืนนั้นหนาวมากเฉียวลู่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกหนาว นางดึงเด็กทั้งสองคนเข้ามาในอ้อมแขนเพื่อให้ไออุ่นแก่พวกเขา เฉียวลู่สัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่เย็นเฉียบในอ้อมแขน นางได้แต่นึกสงสารพวกเขาจับใจถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันนางจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กสองคนนี้ต้องลำบากเช่นนี้แน่เฉียวลู่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเรื่องมากมายที่ตนจะต้องทำในวันพรุ่งนี้ แต่แล้วนางก็รู้สึกได้ถึงแสงสว่างบางอย่างที่วาบขึ้นมาในห้อง เฉียวลู่มองไปที่มุมห้องที่มีกล่องไม้เก่าๆ ไม่ใหญ่มากวางอยู่ ถึงแม้กล่องไม้ใบนั้นจะยังปิดเอาไว้แต่แสงสว่างก็ยังสามารถลอดผ่านออกมาด้านนอกได้เฉียวลู่มองกล่องใบนั้นอย่างระมัดระวัง จะมีอะไรที่น่าระทึกขวัญมากไปกว่าการที่ต้องตื่นมาแล้วมาอยู่ในยุคโบราณอีก เฉียวลู่ตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดกล่องใบนั้นดู เมื่อนางเปิดกล่องไม้เก่าใบนั้นออกด้านในกล่องใบนั้นที่มีแสงสว่างลอดออกมาคือหนังสือเก่าหนึ่งเล่มปกส

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   เงื่อนไขสามข้อ

    เช้าอันแสนสดใสได้มาเยือนอีกครั้งเฉียวลู่ภาวนาเมื่อยามลืมตาตื่นให้เรื่องเมื่อวานที่ตนเองประสบเป็นเพียงความฝัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจที่คิดเฉียวลู่ได้แต่ถอนหายใจให้กับโชคชะตาของตนถึงแม้เมื่อวานเฉียวลู่จะได้รับบาดเจ็บที่ขาแต่วันนี้นางกลับไม่รู้สึกเจ็บที่ขาเลยมันหายดีอย่างไร้ร่องรอยไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นเฉียวลู่มองท่อนขาเล็กที่เรียบเนียนของตนนี่มันเป็นไปได้ยังไงมันเหมือนกับว่าเมื่อวานนางไม่ได้รับบาดเจ็บเลยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงกลับมาเป็นเหมือนเช่นยามปกติและดูเหมือนว่านางจะมีกำลังมากยิ่งกว่าเดิมซะอีก น่าแปลกใจยิ่งนักหรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่ได้มาหลังจากที่นางมาอยู่ที่นี่อวี้หลงกับอวี้ชิงยังไม่ตื่นเฉียวลู่ย่องออกจากห้องไปและปิดประตูอย่างเบามือ สิ่งแรกที่เฉียวลู่ทำคือต้องทดลองสั่งของในหนังสือเล่มนั้นดูก่อน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเฉียวลู่ในตอนนี้คืออาหารและที่ขาดไม่ได้เลยคือไฟแช็ก นางไม่มีทางใช้หินจุดไฟได้เหมือนอย่างเช่นคนโบราณแน่นอนเฉียวลู่ฝนหมึกและค่อยๆ ใช้พู่กันบรรจงเขียนตัวอักษรลงไปบนหน้ากระดาษ โชคดีที่การเป็นนักแสดงของนางทำให้ต้องเรียนรู้เรื่องต่างๆ มากมายเพื่อให้สมกับบทบาทที่ได้รับ นี่

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   หมูป่า

    เฉียวลู่พาเด็กๆ เดินแยกออกมาอีกทางที่ไม่มีร่องรอยของชาวบ้านผ่านเข้ามา นางตัดกิ่งไม้และเหลาปลายให้แหลมให้อวี้หลงกับอวี้ชิงถือเอาไว้ และสั่งให้เด็กทั้งสองเดินอยู่ข้างหลังนางห้ามห่างเกินสองก้าวอวี้หลงกับอวี้ชิงพยักหน้าทำตามแต่โดยดี“เอาล่ะเด็กๆ จากนี้ไปจะเป็นป่าทึบห้ามห่างจากแม่เป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่”อวี้หลงและอวี้ชิงพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกัน เฉียวลู่เดินนำหน้าสายตาสอดส่ายมองหาอะไรบางอย่างที่สามารถกินได้และไม่เป็นพิษต่อร่างกายน้อยๆ ของพวกเขาทั้งสาม เดินหาอยู่นานเฉียวลู่เก็บได้เพียงเห็ดหอมกับเห็ดหูหนูมาเล็กน้อยเท่านั้น มีเห็ดเพียงไม่กี่ชนิดที่นางรู้จักและพวกมันล้วนเป็นเห็ดที่นางเคยกินที่ร้านอาหารทั้งนั้น ต้องขอบคุณความช่างสังเกตของนางที่ไม่ก้มหน้าก้มตากินเข้าไปอย่างเดียว และยังมีบางชนิดที่นางจำมาจากหนังสือที่ที่นางเคยอ่านมานิดหน่อย โชคดีที่ความจำของนางยังดีอยู่ไม่อย่างนั้นได้พาเด็กๆ กินเห็ดพิษเข้าไป คงได้เดือดร้อนกันทั้งหมดแน่ผ่านไปนานพวกเขายังเดินวนอยู่ใกล้ๆ ที่เดิมเฉียวลู่ไม่กล้าพาเด็กทั้งสองเดินเข้าไปในป่าที่ลึกเกินไปยังคงเดินวนเวียนอยู่บริเวณตีนเขา เพราะนางกลัวว่าหากเจอกับสัตว์ป่าทั้ง

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ครอบครัวสกุลจาง

    ในระหว่างที่รอจางหย่งชำแหละเจ้าหมูป่าเฉียวลู่กับหญิงชราและลูกสะใภ้ของนาง ก็นั่งคุยกันและเตรียมน้ำเอาไว้เพื่อทำความสะอาด เฉียวลู่ยังได้เล่าให้สตรีทั้งสองฟังเรื่องที่นางความจำเสื่อมเพราะอุบัติเหตุที่ผ่านมา หญิงชราถึงกับหลังน้ำตาให้กับเฉียวลู่ด้วยความสงสารในชีวิตที่อาภัพของนางเฉียวลู่ที่เห็นหญิงชราร้องไห้นางก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร เด็กเล็กร้องไห้ยังพอหลอกล่อได้ แต่ให้ปลอบใจผู้ใหญ่นางจะพูดอย่างไรดี เฉียวลู่รู้สึกปวดหัวกับความเจ้าน้ำตาของหญิงชรา แต่นางก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกนางมาต่างโลกที่ไม่คุ้นเคยแต่ยังคงมีคนห่วงใยนางเช่นเดิมเหมือนกับตอนที่นางอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน“ท่านยายท่านอย่าได้ร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ ถึงข้าจะจำสิ่งใดไม่ได้เลยในอดีต แต่ข้าก็สามารถรับรู้ได้ว่ายังมีพวกท่านนั้นคอยเป็นห่วงเราแม่ลูกแค่ไหน ข้าไม่ได้รู้สึกกลัวอันใดเลยอาจจะดีกับข้าเสียด้วยซ้ำที่ต้องลืมเรื่องราวในอดีต”เฉียวลู่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา มันเหมือนกับว่าจิตใต้สำนึกของนางสั่งให้นางพูดแบบนั้นออกไป“ท่านเล่าเรื่องที่หมู่บ้านนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่เจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะจำอะไรได้บ้าง”จากนั้นห

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ฉินจื่อเฉิน

    บุตรชายทั้งสองของเฉียวลู่นั้นตามติดนางเป็นเงา ถึงแม้เฉียวลู่จะบอกเด็กชายทั้งสองให้ออกไปวิ่งเล่นกับเด็กๆ ในหมู่บ้านแต่พวกเขาก็เอาแต่ส่ายหน้า ท่าทางที่ดื้อรั้นของเด็กทั้งสองนั้นไม่ต่างจากเฉียวลู่เลย“ลูกสองคนไม่อยากออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ จริงๆ หรือจ๊ะดูพวกเขาสิท่าทางสนุกเชียว”เฉียวลู่ยังคงพยายามคะยั้นคะยอให้อวี้หลงกับอวี้ชิงออกไปเล่นด้านนนอกกับเด็กคนอื่นๆ เด็กสองคนยังคงส่ายหน้าอยู่อย่างนั้นและเอาแต่ตามติดเฉียวลู่เหมือนกับกลัวว่านางจะหายไป“พี่สาวท่านพอจะแบ่งกระดูกหมูป่าให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”เฉียวลู่และเด็กชายทั้งสองหันไปตามเสียงเรียกที่อยู่ด้านหลัง เฉียวลู่จำไม่ได้ว่าเด็กชายที่ใบหน้าซีดเซียวและร่างกายผอมแห้งคนนี้เป็นใคร“เจ้า...คือ”เฉียวลู่ถามเด็กชายและยิ้มให้เขาอย่างใจดี เด็กชายคนนั้นเมื่อเห็นรอยยิ้มที่งดงามของเฉียวลู่ถึงกับทำให้เขาอายจนแทบม้วนตัวเองเป็นก้อนกลม“ข้า...ชื่อฉินจื่อเฉินบ้านของข้าอยู่ใกล้กับบ้านของท่านลุงจางข้าไม่มีเงินมาซื้อเนื้อหมูป่าแต่ข้ามีมันเทศท่านจะสามารถแลกกระดูกกับมันเทศของข้าได้หรือไม่”เด็กชายที่อายุราวเจ็ดแปดขวบมองเฉียวลู่ด้วยท่าทางอึดอัดเขากลัวว่าจ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   สูตรทำอาหาร

    เฉียวลู่หันไปมองต้นไม่ต้นนั้นที่ล้มนอนอยู่ ในหัวของนางวางแผนบางอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คล้อยหลังเฉียวลู่อวี้หลงกับอวี้ชิงหันกลับมามองตากันแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเหมือนกับว่าเพียงพวกเขามองหน้ากันก็สามารถสื่อความนึกคิดถึงกันและกันได้แล้วเฉียวลู่ให้อวี้ชิงจุดไฟให้นางจากนั้นก็ทำอาหารง่ายๆ ที่เฉียวลู่พอจะทำได้กินกัน หลังจากนั้นนางก็อาบน้ำให้เด็กชายทั้งสองและตัวเองแล้วจึงพาเด็กชายนอนกลางวัน ในความคิดของเฉียวลู่คือเป็นเด็กก็ต้องนอนให้มากๆ จะได้โตเร็วๆ ตอนเย็นเฉียวลู่ยังคงทำอาหารแบบง่ายๆ อีกครั้งในหัวของนางตอนนี้คือจะต้องสั่งหนังสือทำอาหารสักเล่ม ไม่อย่างนั้นหากต้องกินอาหารที่นางทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เด็กๆ อาจจะเบื่อเอาได้รุ่งเช้าสิ่งแรกที่เฉียวลู่นึกถึงคือหนังสือเล่มนั้น นางต้องสั่งของที่จำเป็นที่ต้องได้ใช้ในวันนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เฉียวลู่เขียนไฟแช็กลงไปในกระดาษ รอหลังจากหมึกซึมลงไปไฟแช็กเหล็กสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็โผล่มาแทนที่จากนั้นสิ่งของอย่างที่สองที่เฉียวลู่นึกถึงคือเงิน บางทีนางอาจจะสั่งอะไรที่เป็นสิ่งของมีค่าที่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินของที่นี่ได้ และไม่ว่าจะยุคสมัยไหนสิ่งของที่มีค

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   จับกุ้ง

    ผ่านไปหลายวันเฉียวลู่ยังคงขึ้นเขาทุกวันและตัดต้นไม้ซ่อนเอาไว้เพื่อรอเวลาในการสร้างกระท่อมของนางใหม่ มีอีกสิ่งหนึ่งที่เฉียวลู่รู้สึกตื่นเต้นกับมันคือสมุดบันทึกเล่มนั้นของนาง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เฉียวลู่ทำงานจนลืมไปว่านางต้องสั่งของทุกวันแต่นางกลับลืมไปเสียสนิท ทำให้วันต่อมาเมื่อเฉียวลู่เปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นอีกครั้งข้อความที่ปรากฏบนหน้ากระดาษคือ สามารถสั่งได้สี่ครั้งนั่นหมายความว่าต่อให้เฉียวลู่ไม่ได้สั่งอะไรในสมุดเล่มนั้นมันก็จะสามารถทบมาอีกวันได้ นั่นเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้นางไม่เสียสิทธิ์ของตน ถึงจะไม่ได้สั่งของอะไรมาก็ตามช่วงนี้สิ่งที่เฉียวลู่สั่งมาทุกๆ วันคือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่อ่อนโยนสำหรับเด็กทุกอย่างที่เฉียวลู่สั่งมาล้วนคำนึงถึงเด็กทั้งสองเป็นอันดับแรก ตอนนี้นางพอจะเข้าใจเจ้าสมุดบันทึกเล่มนั้นแล้วว่ามันต้องการอะไรดูเหมือนเจ้าสมุดเล่มนี้ต้องการให้เฉียวลู่อาศัยอยู่ที่นี่โดยที่พึ่งพาตนเองหมายถึงไม่สามารถสั่งอะไรก็ตามที่ทำให้นางรวยทางลัดโดยที่ไม่ต้องทำงานเหมือนกับว่ามันรู้ทุกอย่างที่เฉียวลู่คิด ตอนแรกที่เฉียวลู่เข้าใจในเจตนารมณ์ของมันทำเอานางหัวเสียไปหลายวัน ให้ของวิ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   จับกุ้ง2

    วันต่อมาแม่เฒ่าหลี่และหลิวหงลูกสะใภ้ของนางมาหาเฉียวลู่ที่กระท่อมน้อยแต่เช้าเพราะเรื่องที่พวกเขาคุยกันเอาไว้เมื่อวานตอนเย็น“อวี้หลงอวี้ชิงจ๊ะลูกทั้งสองช่วยอะไรแม่บางอย่างได้หรือไม่”เด็กชายพยักหน้าพร้อมกันอย่างกระตือรือร้นแสดงท่าทางอยากช่วยเฉียวลู่อย่างเต็มที่“ไปบ้านสกุลฉินที่แม่พาลูกทั้งสองไปเมื่อวานจำได้หรือไม่ เรียกพี่ชายจื่อเฉินมาที่นี่แม่มีเรื่องคุยกับเขาลูกสองคนทำได้ไหม”เฉียวลู่พูดกับเด็กชายทั้งสองด้วยความอ่อนโยน อวี้หลงกับอวี้ชิงพยักหน้าให้นางอีกครั้งจากนั้นจึงวิ่งหายไปทางหมู่บ้าน เฉียวลู่หันมาสนใจแม่สามีลูกสะใภ้ทั้งสอง“ท่านยายท่านน้าหลิวท่านทานกุ้งไปเมื่อวานนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างท่านคิดว่ามันอร่อยหรือไม่”แม่สามีลูกสะใภ้ที่นั่งข้างกันพยักหน้ารัวๆ จะไม่อร่อยได้อย่างไร ตอนแรกพวกเขายังเกรงใจกันและกันที่จะกินอาหารที่เฉียวลู่นำมาส่งหลังจากที่กินคำแรกไปแล้วต่างคนต่างแย่งชิงไม่สนความเป็นผู้อาวุโสและผู้น้อยแล้ว เฉียวลู่พยักหน้าและยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างพอใจ“เช่นนั้นพวกท่านคิดว่ามันจะสามารถนำไปขายได้หรือไม่ เท่าที่ข้าดูเหมือนว่าคนที่นี่ไม่นิยมกินพวกกุ้งเท่าไหร่นะเจ้าคะ มันถึงได้มีเ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25

Bab terbaru

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   บทส่งท้าย กลับไปเริ่มต้นใหม่

    ฉีหมิงเยี่ยนกลับมาพร้อมชัยชนะหลังจากนั้นหนึ่งเดือน คนตระกูลเสิ่นและผู้ที่เข้าร่วมก่อการกบฏต่างก็ถูกตัดหัวแขวนประจานเอาไว้ทุกหัวเมืองที่ถูกยึดคืนกลับมาได้ แต่ชัยชนะครั้งนี้กลับไม่ได้มีการเฉลิมฉลองเพราะฉีอ๋องต้องสูญเสียพระชายาอันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน เขาขังตัวเองเอาไว้ในห้องที่มีโลงใส่ศพของนาง อาจารย์ของเฉียวลู่เองก็ไม่คิดว่าตนเองจะต้องสูญเสียลูกศิษย์ของตนไปถึงสองคนพร้อมกัน เขาได้ใช้น้ำแข็งพันปีมรดกตกทอดของเจ้าสำนักเซียนแพทย์แช่ร่างของเฉียวลู่เอาไว้รอสามีของนางกลับมา“อาลู่เจ้าลืมตาขึ้นมาเถิด เจ้าอย่าได้ล้อข้าเล่นเช่นนี้เลย สามีของเจ้าตกใจรู้หรือไม่”ฉีหมิงเยี่ยนร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ ปากก็พร่ำเพ้อหานางไม่หยุด ร่างบางที่เหมือนนอนหลับอยู่ภายในโลกไม้ที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตไม่ขยับไหวติงแม้เพียงนิดเขาทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน เขาอุตส่าห์เปลี่ยนแปลงอนาคตทุกอย่างแล้ว คนตระกูลเสิ่นที่เป็นสาเหตุการตายของนางเขาก็สังหารจนสิ้น แต่แล้วเหตุใดนางถึงยังจากเขาไปอีกเล่า สวรรค์ท่านช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านคิดที่จะทำลายหัวใจของข้าอีกกี่ครั้งกันท่านถึงจะพอใจเสียงร้องโหยหวนดั่งสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   แก้แค้นแทนพี่สาว

    ไม่นานหลังจากนั้น ทหารจากค่ายวิหคทมิฬพบสองพี่น้องที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ พวกเขาตามรอยของกั๋วจื่อชางเข้าไปในป่า แต่ต้องคลาดกันเพราะมีน้ำป่าไหลทะลักบนภูเขา จึงต้องย้อนกลับมาที่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากร่องรอยสุดท้ายที่หาเจอ เพราะเหตุนั้นจึงได้พบนายน้อยของตำหนักชินอ๋องทั้งสองคนเกือบครึ่งเดือนที่พวกเขาถูกจับตัวไป เพราะไม่ค่อยได้ทานอาหารสองพี่น้องจึงดูซูบผอมไปเล็กน้อย เฉียวลู่ที่ได้ข่าวจากคนของค่ายวิหคทมิฬนางเร่งเดินทางมาที่หมู่บ้านโดยเร็ว“ลูกแม่!!”นางกอดร่างเล็กทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขน พลางลูบหลังพวกเขาอย่างปลอบโยน อวี้หลงและอวี้ชิงที่เคยฝึกอยู่ในค่ายวิหคทมิฬอย่างหนักไม่เคยแม่แต่จะหลั่งน้ำตาสักหยด แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของมารดา เสียงร้องไห้เล็กๆ สองเสียงก็ดังประสานขึ้นก้องกังวานทั่วหมู่บ้านเหล่าทหารจากค่ายวิหคทมิฬที่รู้จักเด็กชายทั้งสองมองพวกเขาด้วยความแปลกใจ นึกว่าบุตรชายของมัจจุราชฉีจะกลายเป็นเหล็กกล้าเหมือนดั่งบิดาเสียอีก ไม่นึกว่าจะยังมีมุมน่ารักดั่งเด็กน้อยเมื่อยามที่อยู่กับมารดาเฉียวลู่ที่ถูกพรากบุตรชายจากอกไปหลายวัน นางเองก็ขวัญเสียไม่แพ้กัน สองแม่ลูกก

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ขอบคุณนะ

    “อยู่ให้ห่างจากน้องชายของข้านะ”อวี้หลงวิ่งเข้าไปคิดที่จะทำร้ายนาง แต่หญิงใบ้กลับหลบได้อย่างง่ายดาย เขาวิ่งมาขวางนางอีกครั้งแต่ถูกหญิงใบ้จับโยนจนร่างเล็กลอยละลิ่วไปไกล นางใช้มือคลำไปที่ใบหน้าและลำคอของอวี้ชิงเบาๆ จากนั้นจึงหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วยัดเข้าไปในปากของเขา นางบีบจมูกของอวี้ชิงเพื่อให้เขากลืนยาลูกกลอนลงไป อวี้หลงคิดว่านางวางพิษน้องชายตนเอง เขากรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด“อ๊ากกกก!!!ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”เด็กชายที่สูงเพียงอกของนางพยายามต่อสู้กับหญิงใบ้สุดกำลัง ดวงตาเฉยเมยมองเด็กน้อยที่กำลังวิ่งเข้าหานาง เขาแกว่งหมัดไปที่หลายทีแต่นางก็ไม่ได้สู้กลับ นางทำเพียงพลิกเท้าหลบไปมาเหมือนกำลังเย้าแหย่สัตว์ตัวเล็กๆเด็กตัวเล็กที่พยายามต่อสู้กับผู้ใหญ่ผ่านไปนานสุดท้ายก็ยังไร้ผล อวี้หลงหอบหายใจแรงเพราะเรี่ยวแรงของเขาหมดไปจากการที่เขาแบกน้องชายเดินเป็นเวลานาน“พะ...พี่ชาย”เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจของเขา อวี้หลงเลิกสนใจหญิงใบ้รีบวิ่งไปดูน้องชายของตนทันที“ชิงเอ๋อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”อวี้หลงแตะไปที่หน้าผากของเขา ตัวที่ร้อนดังไฟตอนนี้ได้เย็นลงเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   หนี

    อวี้หลงและอวี้ชิงฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ถูกลักพาตัวโดยชายชุดดำหลายสิบคน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาถูกจับตัวมา ท่านแม่และท่านพ่อจะต้องเป็นห่วงพวกเขามากแน่ๆตลอดทางที่รถม้าวิ่งพวกเขาถูกจับกรอกยาบางอย่างทำให้ไร้เรี่ยวแรงและหลับไป ทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันรถม้ากลับขึ้นมาดูพวกเขาเป็นระยะ สองพี่น้องฝาแฝดแสร้งหลับเพื่อไม่ให้ถูกกรอกยาอีกอวี้หลงใช้เท้าสะกิดน้องชายเบาๆ อวี้ชิงหรี่ตามองพี่ชายเล็กน้อย ทั้งสองพยักหน้าให้กันเป็นการสื่อสารที่เหมือนจะมีแค่พวกเขาที่เข้าใจ“เป็นอย่างไรบ้างพวกเขาตื่นขึ้นมาบ้างหรือไม่”เสียงหวานที่คุ้นหูทำให้นึกถึงสตรีผู้หนึ่งที่ท่านแม่แนะนำว่านางคือสหาย นางกล้าหักหลังท่านแม่แล้วจับตัวพวกเขามาหรือ ช่างน่าตายนัก“หลายวันมานี้พวกเขาฟื้นขึ้นมาไม่กี่ครั้งขอรับ ตอนนี้ยังคงหลับอยู่เพราะข้ากรอกยาสลายพลังไปแล้ว”ซูหลีพยักหน้า จากนั้นจึงเดินกลับขึ้นรถม้าคันที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับกั๋วจื่อชาง ไม่มีใครเอะใจเรื่องนี้เลยว่าพวกเขาจะแสร้งหลับเพราะคิดว่าเป็นเพียงเด็กหกขวบที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมเท่านั้น หลังจากที่ดื่มยาสลายพลังไปสองสามครั้งดูเหมือนฤทธิ์ยาจะค่อยๆ ไร้ผลและไม่สามารถทำอันใด

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ลักพาตัว

    หลังงานเลี้ยงที่วังหลวง เหล่าราชทูตที่มาร่วมงานต่างทยอยเดินทางกลับแคว้นของตน องค์หญิงเซียวหมิ่นเองก็เช่นเดียวกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือ นางกลับไปที่แคว้นเซียวในครั้งนี้มีเว่ย หลี่หมิงตามนางกลับไปด้วย ส่วนทางด้านเว่ยอ๋องก็ต้องกลับไปเตรียม ของหมั้นและสินสอดเพื่อแต่งสะใภ้เข้าจวน“ข้าขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หากมีโอกาสข้าจะไปร่วมงานแต่งของท่านทั้งสอง”“ข้าไปก่อนนะพี่อาลู่ท่านอย่าลืมแวะมาหาข้าเล่า”เฉียวลู่ออกมาส่งขบวนราชทูตจากแคว้นเซียวและแคว้นเว่ยที่นอกเมือง องค์หญิงเซียวหมิ่นยังมีท่าทางอาลัยอาวรณ์ต่อนาง และไม่อยากกลับแคว้นเซียว“รีบออกเดินทางเถอะสายมากแล้ว”ทหารอารักขาให้สัญญาณ ขบวนรถม้าจากแคว้นเซียวจึงเริ่มเคลื่อนตัว“ข้าขอขอบคุณเว่ยอ๋องที่ช่วยเหลือและดูแลข้ามาถึงหนึ่งปี ในอนาคตหากท่านมีเรื่องเดือดร้อนใด ทั้งข้าและสำนักเซียนแพทย์จะเข้าช่วยเหลือท่านอย่างเต็มกำลัง”นางหันมาขอบคุณเว่ยอ๋องที่กำลังออกเดินทางเช่นเดียวกัน“ไม่เป็นไรมิได้ ที่ข้าช่วยพระชายาก็ถือว่าเราทั้งสองแคว้นมีวาสนาต่อกัน ในอนาคตหากข้ามีเรื่องเดือดร้อนข้าจะมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าแน่นอน”เว่ยอ๋องเอ่ยลาจากนั

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   กรรมตามสนอง

    นางกำนัลที่พาเฉียวลู่มาที่ห้องรับรองครั้งแรกย่องกลับมาดูสถานการณ์ เมื่อได้ยินเสียงน่าบัดสีดังขึ้นข้างในนางจึงรีบกลับไปที่งานเลี้ยงทันที ผ่านไปไม่นานนางกำนัลกลับมาพร้อมราชทูตและขุนนางมากมาย รวมทั้งชินอ๋องผู้ที่จะมาเป็นพยานสำคัญในเรื่องนี้เสียงครางกระเส่าของบุรุษยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงของสตรีนั้นร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวดช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกขัดกันยิ่งนัก“นี่มันเรื่องอันใดกัน ในงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฝ่าบาท ใครช่างใจกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้”ผู้ที่เอ่ยขึ้นคือราชครูเสิ่นบิดาของเสิ่นชิงหยุน ทุกคนที่ตามมาดูเรื่องสนุกต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย“ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นคือ....”นางกำนัลมองไปที่ฉีหมิงเยี่ยนก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความหวานกลัว“ผู้ใดกันเหตุใดถึงไม่ยอมพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด หากกระทำผิดย่อมต้องได้รับโทษเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนาง”ราชครูเสิ่นจ้องไปที่นางกำนัลอย่างไม่วางตา เพื่อกดดันให้นางเอ่ยชื่อผู้ที่กำลังแสดงฉากร่วมรักอยู่ภายในห้องออกมา“พระชายาชินอ๋องเจ้าค่ะ บ่าวทำหน้าที่นำทางพระชายาชินอ๋องให้มารอที่ห้องนี้ แต่ไม่คิดว่านางจะ...”ทุกคนต่างหันกลับมามองฉี

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   เหตุใดต้องทำเช่นนี้

    หลังอาบน้ำเสร็จสองสามีภรรยานอนกอดกันอยู่บนเตียง ฉีหมิงเยี่ยนลูบหลังนางเบาๆ พร้อมทั้งเอ่ยบางอย่างจนทำให้เฉียวลู่ที่กำลังเคลิ้มใกล้หลับต้องตื่นเต็มตา“ข้าให้คนไปสืบเรื่องของซูหลีมาแล้ว บุรุษที่นางติดพันในช่วงนี้คือคุณชายตระกูลกั๋ว คนผู้นี้พึ่งมีตัวตนเมื่อไม่กี่ปีก่อน ได้ยินมาว่าใต้เท้ากั๋วมีบุตรชายที่หายสาบสูญไปพึ่งจะหาพบ อาลู่เขายังเป็นคนที่เสิ่นฮองเฮามีความสัมพันธ์ด้วย ข้าเกรงว่าแม้แต่องค์ชายใหญ่ก็คงจะไม่ใช่พระโอรสของฮ่องเต้ เจ้าควรจะเตือนเรื่องนี้แก่นาง”เฉียวลู่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เตือนนางหรือ อย่าว่าแต่เตือนนางเลยแม้แต่ใบหน้าของนางข้ายังไม่ได้พบแล้วจะพูดเรื่องนี้กับนางได้อย่างไร เฉียวลู่คิดอย่างปวดหัวสามวันต่อมา งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ฉีเหวินจิ้ง เฉียวลู่เข้าร่วมในฐานะพระชายาของชินอ๋อง เหล่าขุนนางและราชทูตที่มาร่วมอวยพรต่างให้ความสนใจทั้งสองคน พระชายาชินอ๋องผู้นี้ไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเท่าใดนักงานนี้ถือว่าเป็นงานแรกอย่างเป็นทางการสำหรับนางก็ว่าได้ อีกอย่างที่พวกเขาให้ความสนใจในตัวนางก็เพราะฉีหมิงเยี่ยน ก่อนหน้านี้ระดมทหารหลายพันนายออกกวาดล้างโจรสลัดเพื่อแก

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   สารภาพรัก

    องค์หญิงเซียวหมิ่นหลังจากที่กลับมาที่พักรับรองของราชทูตแคว้นเซียวนางก็ขังตนเองเอาไว้ภายในห้อง เจ็ดวันแล้วที่นางไม่ยอมออกไปไหน ทั้งๆ ที่ผ่านมานางดีอกดีใจที่ตนเองได้พบกับเฉียวลู่อีกครั้ง แต่ตอนนี้เหมือนนางจะมีเรื่องยุ่งยากบางอย่างภายในใจ นางกำนัลคนสนิทของนางไม่เคยเห็นองค์หญิงของตนเป็นเช่นนี้มาก่อนนางจึงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก“องค์หญิง หลายวันนี้อุดอู้อยู่แต่ในห้อง พระองค์ออกไปเดินเล่นสักหน่อยดีหรือไม่เพคะ”องค์หญิงเซียวหมิ่นถอนหายใจออกมาเบาๆ ท่าทางเศร้าสร้อยนั้นทำให้นางกำนัลรู้สึกเป็นห่วง องค์หญิงเซียวหมิ่นรู้ว่านางกำนัลเป็นห่วงตนจึงยอมทำตามที่พวกนางขอร้อง“ก็ได้ ไปเถอะ”องค์หญิงเซียวหมิ่นเดินนำหน้านางกำนัลออกจากเรือนรับรองไป นางเดินเล่นในอุทยานที่มีดอกไม้ที่ถูกปลูกเอาไว้มากมาย กลิ่นหอมของมันทำให้นางรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย เหล่าผีเสื้อสีสันสดใสบินรอบๆ ตัวนาง องค์หญิงเซียวหมิ่นหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างพอใจ“ที่นี่ถูกดูแลเป็นอย่างดีเชียวเจ้าดูดอกไม้พวกนั้นสิ แม้แต่ที่แคว้นเซียวก็ยังไม่งดงามเท่านี้เลย”นางชี้ชวนให้นางกำนัลผู้ติดตามดูดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกล เพราะเอาแต่มองดอกไม้พวกนั้นทำให้น

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   โง่เขลา

    “ผู้ร้องทุกข์เป็นผู้ใด”ผู้พิพากษาเอ่ยถาม เสิ่นชิงหยุนที่ปกติทำตัวเย่อหยิ่ง แต่ครั้งนี้กลับคุกเข่าลงอย่างหาได้ยาก นางร้องไห้น้ำตานองหน้า แสร้งทำท่าอ่อนแอให้ผู้คนสงสาร“ข้าคือเสิ่นชิงหยุน บุตรสาวคนเล็กของราชครูเสิ่น ที่ข้ามาวันนี้เพื่อต้องการร้องเรียนเอาผิด พระชายาของชินอ๋องเพราะนางทำร้ายร่างกายของข้าอย่างไร้เหตุผล”ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องต่างมองมาที่เฉียวลู่เป็นตาเดียว ใครไม่รู้บ้างว่าคุณหนูเสิ่นนั้นหลงรักปักใจในชินอ๋องมานานถึงขั้นไม่ยอมแต่งงานออกเรือน อาจเป็นเพราะพระชายาได้ยินเรื่องนี้เข้าจึงลงมือทำร้ายคุณหนูเสิ่นใช่หรือไม่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเมืองดังเซ็งแซ่ แต่เฉียวลู่ไม่สะดุ้งสะเทือนนางไม่แม้แต่จะกะพริบตา นางรอดูว่าเสิ่นชิงหยุนจะเล่นลูกไม้อันใดอีก หากมีเพียงเท่านี้นั่นก็ทำให้นางรู้สึกผิดหวังยิ่งนักที่นางเล่นใหญ่แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยองค์หญิงเซียวหมิ่นทำท่าจะลุกขึ้นตีนางอีกครั้ง นางโตจนป่านนี้แล้วไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าด้านเท่าสตรีผู้นี้มาก่อน เฉียวลู่ดึงนางให้นั่งลง นางส่ายหน้าให้องค์หญิงเซียวหมิ่นสงบใจ องค์หญิงเซียวหมิ่นได้แต่ทำท่าฮึดฮัดอย่างขัดใจ หากเป็นที่แคว้นเซียวสตรีอย่างเส

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status