แชร์

หมูป่า

ผู้เขียน: zuey
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 06:28:34

เฉียวลู่พาเด็กๆ เดินแยกออกมาอีกทางที่ไม่มีร่องรอยของชาวบ้านผ่านเข้ามา นางตัดกิ่งไม้และเหลาปลายให้แหลมให้อวี้หลงกับอวี้ชิงถือเอาไว้ และสั่งให้เด็กทั้งสองเดินอยู่ข้างหลังนางห้ามห่างเกินสองก้าวอวี้หลงกับอวี้ชิงพยักหน้าทำตามแต่โดยดี

 

“เอาล่ะเด็กๆ จากนี้ไปจะเป็นป่าทึบห้ามห่างจากแม่เป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่”

อวี้หลงและอวี้ชิงพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกัน เฉียวลู่เดินนำหน้าสายตาสอดส่ายมองหาอะไรบางอย่างที่สามารถกินได้และไม่เป็นพิษต่อร่างกายน้อยๆ ของพวกเขาทั้งสาม เดินหาอยู่นานเฉียวลู่เก็บได้เพียงเห็ดหอมกับเห็ดหูหนูมาเล็กน้อยเท่านั้น มีเห็ดเพียงไม่กี่ชนิดที่นางรู้จักและพวกมันล้วนเป็นเห็ดที่นางเคยกินที่ร้านอาหารทั้งนั้น ต้องขอบคุณความช่างสังเกตของนางที่ไม่ก้มหน้าก้มตากินเข้าไปอย่างเดียว และยังมีบางชนิดที่นางจำมาจากหนังสือที่ที่นางเคยอ่านมานิดหน่อย โชคดีที่ความจำของนางยังดีอยู่ไม่อย่างนั้นได้พาเด็กๆ กินเห็ดพิษเข้าไป คงได้เดือดร้อนกันทั้งหมดแน่

ผ่านไปนานพวกเขายังเดินวนอยู่ใกล้ๆ ที่เดิมเฉียวลู่ไม่กล้าพาเด็กทั้งสองเดินเข้าไปในป่าที่ลึกเกินไปยังคงเดินวนเวียนอยู่บริเวณตีนเขา เพราะนางกลัวว่าหากเจอกับสัตว์ป่าทั้งสามคนคงไม่รอดกลับไปแน่และเรื่องที่เฉียวลู่กลัวก็เป็นความจริง ห่างออกไปราวหนึ่งร้อยเมตร เฉียวลู่ได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างคล้ายกำลังขุดดินเสียงฟืดฟาดของมันดังขึ้นเรื่อยๆ นางจึงเงยหน้าขึ้นมอง

ภาพที่เห็นทำเอาเฉียวลู่ถึงกับยืนตัวแข็ง เจ้าหมูป่าตัวมหึมากำลังขุดดินหารากไม้กินโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ทำไมก่อนหน้านี้นางไม่เห็นมันนะทั้งๆ ที่มันก็อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเลย ดูขนาดตัวที่ใหญ่โตมหึมานั่นอีก โธ่!!!เฉียวลู่คนโง่วันนี้จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ

แต่โชคยังเป็นของนางและลูกๆ  ที่ไม่ทำเสียงดังเอะอะเกินไปมันจึงยังไม่รู้ตัวว่ามีมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยสามคนกำลังหาทางหนีจากคมเขี้ยวของมัน เฉียวลู่หันมาทางเด็กทั้งสองแล้วทำสัญญาณมือให้พวกเขาเงียบเอาไว้และค่อยๆ ถอยออกไปจากตรงนี้ แต่โชคมักไม่เข้าข้างคนดวงซวยเมื่อเฉียวลู่เดินถอยออกมาโดยที่สายตาของนางยังคงจ้องไปที่เจ้ายักษ์ตัวอ้วนเขี้ยวเหลืองอ๋อย เสียงกร๊อบ!!!ก็ดังขึ้นเบาๆ

เฉียวลู่เดินเหยียบกิ่งไม่แห้งที่ตกอยู่ที่พื้น ถึงเสียงจะไม่ดังมากแต่เพราะในป่านั้นค่อนข้างเงียบสงบทำให้เสียงกิ่งไม้หักเสียงดังกว่าปกติ และเจ้าหมูป่าก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกันมันเงยหน้าขึ้นมองมาทางเฉียวลู่และเด็กๆ เจ้าหมูป่าพ่นลมหายใจฟืดฟาดออกมาเสียงดัง ท่าทางของมันดูหงุดหงิดที่ถูกรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ในการกินรากไม้ มันบ่ายหน้ามาทางคนทั้งสามที่กำลังยืนตัวแข็งอย่างทำอะไรไม่ถูก

เจ้าหมูป่าหมุนตัวพุ่งทะยานมาที่เฉียวลู่และเด็กทั้งสองยืนอยู่ทันที

“ไม่นะ!!!”

ในช่วงระหว่างความเป็นความตายที่กำลังมาเยือน สิ่งแรกที่เฉียวลู่นึกถึงคือความปลอดภัยของอวี้หลงกับอวี้ชิงเท่านั้น นางไม่นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเลยสักวินาทีเดียว สัญชาตญาณความเป็นแม่ของเฉียวลู่ทำงานทันที นางใช้ร่างกันเด็กทั้งสองเอาไว้ด้านหลังในมือกำมีดตัดฟืนเล่มใหญ่ไว้แน่น ในใจคิดว่าวันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายที่นางจะได้อยู่กับพวกเขาแล้ว และรู้สึกเสียดายที่ยังไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเขาให้มีชีวิตที่ดีอย่างที่นางตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก

ในระหว่างที่เจ้าหมูป่ากำลังพุ่งเข้าชนนาง เฉียวลู่มองไปที่เจ้ายักษ์ด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยว นางใช้แรงทั้งหมดที่มีฟันไปที่หมูป่าเสียงฉัวะ!!! ดังขึ้นสนั่น เลือดของเจ้าหมูป่าสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของเฉียวลู่ ส่วนหัวและตัวของมันขาดกระเด็นออกจากกัน เฉียวลู่ไม่รู้สึกตกใจกับภาพที่เห็นเลยนางรีบหันกลับมาหาเด็กทั้งสองคนที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังรีบใช้มือปิดตาของเขาทั้งสองคนเอาไว้

“อวี้หลงอวี้ชิง ห้ามดูนะ”

นางดันเด็กๆ ให้ออกห่างจากศพของเจ้ายักษ์ที่นอนตายอย่างอนาถในสภาพไร้หัว มันคงจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเสี้ยววินาทีที่มันกำลังเข้าปะทะร่างเล็กของเฉียวลู่ นางเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยแล้วใช้แรงที่มีทั้งหมดฟันลงไป ตอนนั้นเฉียวลู่ไม่รู้สึกถึงการฟันเท่าใดนักมันเหมือนการใช้มีดหั่นเต้าหู้ มันง่ายดายจนนางเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

เมื่อเดินห่างออกมาจนนางคิดว่าเด็กๆ ไม่สามารถมองเห็นร่างไร้หัวของเจ้าหมูป่าแล้วเฉียวลู่ถึงได้รู้สึกว่าร่างกายของตนเองนั้นมีแต่เลือดของมันเปรอะเปื้อนไปหมด เฉียวลู่เกิดความรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันทีแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะต้องมาทำความสะอาด

“พวกลูกรอแม่อยู่ที่นี่สักครู่หนึ่งนะจ๊ะ แม่จะไปดูเจ้าหมูป่าตัวนั้น บางทีเราอาจจะเอามันกลับบ้านได้ดูเหมือนว่าคืนนี้เด็กๆ ของแม่กำลังจะมีเนื้อกินแล้ว”

เด็กชายทั้งสองคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เฉียวลู่ให้เด็กๆ นั่งรอใต้ตนไม้ใหญ่ที่นางสามารถมองเห็นได้ถนัด ถึงเจ้าหมูป่าจะถูกจัดการไปแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีตัวอะไรโผล่มาอีก

เฉียวลู่ตัดไม้ที่ลำขนาดเท่าสองแขนที่ผอมแห้งของนาง นำเถาวัลย์มามัดใช้เป็นลากเลื่อนนางยกหมูหัวขาดตัวนั้นวางบนลากเลื่อนได้อย่างสบายๆ เฉียวลู่แอบตกใจในพละกำลังของตนเองอยู่เหมือนกันแต่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือพวกเขาต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีสัตว์ร้ายตัวอื่นได้กลิ่นคาวเลือดแล้วตามมา

เฉียวลู่ไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถเอาชนะมันได้เหมือนกับที่นางทำกับเจ้าหมูป่าตัวนี้ ตอนนี้เฉียวลู่ยังไม่รู้ว่าร่างกายของนางนั้นมีพละกำลังมหาศาลแค่ไหน ที่นางสามารถเอาชนะหมูป่าตัวนี้ได้นางคิดว่าอาจเป็นเพราะความตกใจบวกกับโชคของนางเท่านั้น

“เด็กๆ เรากลับบ้านกันเถอะ”

เฉียวลู่ลากเลื่อนบรรทุกหมูป่ามาที่อวี้หลงและอวี้ชิงที่นั่งรอนางอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ เฉียวลู่ใช้ใบไม้พรางร่างกายอันใหญ่โตของเจ้าหมูป่าหัวขาดเอาไว้ นางเกรงว่าถ้าเด็กสองคนนี้เห็นแล้วอาจจะร้องไห้ตกใจกลัวลำบากนางที่ต้องปลอบให้พวกเขาหยุดอีก นางไม่ถนัดเรื่องนี้เท่าใดนัก

เฉียวลู่ลากเจ้าหมูป่ากลับไปที่กระท่อมเนินเขาของนาง หลังจากวางเจ้าหมูยักษ์ลงบนพื้นด้านหลังกระท่อม เฉียวลู่พาเด็กทั้งสองอาบน้ำชำระกายจนสะอาดน่าเสียดายที่นางไม่สามารถสั่งครีมอาบน้ำหรือสบู่ได้ในตอนนี้ ถึงแม้จะอาบน้ำไปแล้วสองรอบแต่เฉียวลู่ยังคงรู้สึกถึงกลิ่นคาวของเลือดเจ้าหมูป่าตัวนั้นอยู่ดี

สามคนแม่ลูกอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยจึงออกมาดูเจ้าหมูป่าโชคร้ายอีกครั้ง เฉียวลู่หันไปมองเด็กสองคนที่เดินตามนางไม่ห่าง

“อวี้หลงอวี้ชิงพวกลูกรู้จักคนที่สามารถชำแหละหมูป่าตัวนี้ไหม คนที่สนิทกับครอบครัวของเรา”

เฉียวลู่คิดว่าเรื่องนี้จะทำกระโตกกระตากมากไม่ได้ แต่นางชำแหละเนื้อสัตว์ไม่เป็นคงต้องยอมหาคนมาทำแทนแล้วค่อยแบ่งเนื้อหมูป่าให้เขาเป็นค่าตอบแทน แล้วเด็กทั้งสองก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง หลังจากที่วิ่งหายไปไม่นานอวี้หลงกับอวี้ชิงก็กลับมาพร้อมหญิงชราอายุราวห้าสิบกว่าปีและชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบปลายๆ และสตรีอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นภรรยาของเขา เฉียวลู่คาดเดาในใจ

“อาลู่ เด็กๆ วิ่งไปตามพวกข้าที่บ้านเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าอีกหรือ ไม่ใช่ว่าร่างกายเจ้าหายดีแล้วหรือข้าได้ยินท่านหมอชางพูดเมื่อวาน”

เฉียวลู่ยิ้มแห้งๆ ให้ญิงชราที่ท่าทางเป็นห่วงนางมากพูดให้ถูกคือห่วงเฉียวลู่คนเก่า นางจำไม่ได้ว่าหญิงชราผู้นี้เป็นใครท่านเทพนะท่านเทพ ให้นางมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ยอมให้ความทรงจำนางมาด้วยเฉียวลู่นึกตำหนิในใจ นางไม่ปล่อยให้คนทั้งสามสงสัยอยู่นานเฉียวลู่พาหญิงชราเดินมาที่ด้านหลังกระท่อมของตน

“ท่านยายท่านดูนี่สิเจ้าคะที่ข้าให้เด็กๆ ไปตามท่านมาก็เพราะข้าไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเอง”

เฉียวลู่หยุดยืนอยู่ข้างหมูป่าหัวขาด คนทั้งสามที่มาใหม่ถึงกับตกตะลึงในสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่เคยเห็นหมูป่าตัวใหญ่โตขนาดนี้มาก่อนถึงแม้หัวของมันจะไม่มีแล้วก็เถอะ ทั้งสามยืนตะลึงอยู่นานกว่าจะหาเสียงของตนเจอ

“เจ้าเด็กคนนี้เจ้าขึ้นเขาอีกแล้วหรือ เรื่องอุบัติเหตุครั้งก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว ข้าก็เคยเตือนเจ้าไปแล้วว่าที่ภูเขานั้นอันตรายเหตุใดเจ้าถึงไม่ฟัง อาหารไม่พอเจ้าก็แค่บอกอวี้หลงกับอวี้ชิงให้มาบอกข้า แค่แบ่งกันกินจะเท่าไหร่กันเชียว”

เฉียวลู่เข้าใจว่าที่หญิงชราดุนางเช่นนั้นเพราะเป็นห่วงและนางพูดออกมาจากใจของนางจริงๆ ดูเหมือนพวกเขาจะห่วงเฉียวลู่คนก่อนและลูกๆ อยู่ไม่น้อยทีเดียว น่าเสียดายที่เฉียวลู่คนนี้ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขาเลย

“ท่านยายท่านจะให้ข้ากับเด็กๆ เอาแต่รบกวนท่านเช่นนี้ไปตลอดได้อย่างไร ถ้าหากไม่พึ่งตนเองต่อไปภายภาคหน้าพวกข้าคงกลายเป็นตัวภาระของพวกท่านแล้ว”

สิ่งที่เฉียวลู่พูดนั้นล้วนออกมาจากใจของนาง แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงแต่เฉียวลู่ก็ยังรู้สึกของคุณพวกเขาที่เอาใจใส่นางและลูกๆ ขนาดนี้ หญิงชรามองค้อนเฉียวลู่

“เจ้ายังจะพูดเช่นนี้อยู่อีกหรือ เจ้าก็รู้ว่าอาหย่งกับอาหงมองเจ้าเป็นเหมือนบุตรสาวของพวกเขา และเด็กทั้งสองคนก็เหมือนกับหลานแท้ๆ ของข้ายังมีเรื่องใดที่เจ้าต้องเกรงใจพวกเราอีก”

เฉียวลู่มองคนทั้งสามอย่างซึ้งใจ แต่นางได้ตัดสินใจแล้วว่านางจะต้องพึ่งพาตนเองให้ได้ อาจมีบางอย่างที่นางไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองถึงเวลานั้นนางค่อยขอความช่วยเหลือจากพวกเขาก็ยังไม่สาย

“ขอบคุณพวกท่านที่เมตตาข้าและลูกๆ เจ้าค่ะ”

เฉียวลู่ส่งยิ้มด้วยความจริงใจให้หญิงชรา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ครอบครัวสกุลจาง

    ในระหว่างที่รอจางหย่งชำแหละเจ้าหมูป่าเฉียวลู่กับหญิงชราและลูกสะใภ้ของนาง ก็นั่งคุยกันและเตรียมน้ำเอาไว้เพื่อทำความสะอาด เฉียวลู่ยังได้เล่าให้สตรีทั้งสองฟังเรื่องที่นางความจำเสื่อมเพราะอุบัติเหตุที่ผ่านมา หญิงชราถึงกับหลังน้ำตาให้กับเฉียวลู่ด้วยความสงสารในชีวิตที่อาภัพของนางเฉียวลู่ที่เห็นหญิงชราร้องไห้นางก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร เด็กเล็กร้องไห้ยังพอหลอกล่อได้ แต่ให้ปลอบใจผู้ใหญ่นางจะพูดอย่างไรดี เฉียวลู่รู้สึกปวดหัวกับความเจ้าน้ำตาของหญิงชรา แต่นางก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกนางมาต่างโลกที่ไม่คุ้นเคยแต่ยังคงมีคนห่วงใยนางเช่นเดิมเหมือนกับตอนที่นางอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน“ท่านยายท่านอย่าได้ร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ ถึงข้าจะจำสิ่งใดไม่ได้เลยในอดีต แต่ข้าก็สามารถรับรู้ได้ว่ายังมีพวกท่านนั้นคอยเป็นห่วงเราแม่ลูกแค่ไหน ข้าไม่ได้รู้สึกกลัวอันใดเลยอาจจะดีกับข้าเสียด้วยซ้ำที่ต้องลืมเรื่องราวในอดีต”เฉียวลู่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา มันเหมือนกับว่าจิตใต้สำนึกของนางสั่งให้นางพูดแบบนั้นออกไป“ท่านเล่าเรื่องที่หมู่บ้านนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่เจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะจำอะไรได้บ้าง”จากนั้นห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ฉินจื่อเฉิน

    บุตรชายทั้งสองของเฉียวลู่นั้นตามติดนางเป็นเงา ถึงแม้เฉียวลู่จะบอกเด็กชายทั้งสองให้ออกไปวิ่งเล่นกับเด็กๆ ในหมู่บ้านแต่พวกเขาก็เอาแต่ส่ายหน้า ท่าทางที่ดื้อรั้นของเด็กทั้งสองนั้นไม่ต่างจากเฉียวลู่เลย“ลูกสองคนไม่อยากออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ จริงๆ หรือจ๊ะดูพวกเขาสิท่าทางสนุกเชียว”เฉียวลู่ยังคงพยายามคะยั้นคะยอให้อวี้หลงกับอวี้ชิงออกไปเล่นด้านนนอกกับเด็กคนอื่นๆ เด็กสองคนยังคงส่ายหน้าอยู่อย่างนั้นและเอาแต่ตามติดเฉียวลู่เหมือนกับกลัวว่านางจะหายไป“พี่สาวท่านพอจะแบ่งกระดูกหมูป่าให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”เฉียวลู่และเด็กชายทั้งสองหันไปตามเสียงเรียกที่อยู่ด้านหลัง เฉียวลู่จำไม่ได้ว่าเด็กชายที่ใบหน้าซีดเซียวและร่างกายผอมแห้งคนนี้เป็นใคร“เจ้า...คือ”เฉียวลู่ถามเด็กชายและยิ้มให้เขาอย่างใจดี เด็กชายคนนั้นเมื่อเห็นรอยยิ้มที่งดงามของเฉียวลู่ถึงกับทำให้เขาอายจนแทบม้วนตัวเองเป็นก้อนกลม“ข้า...ชื่อฉินจื่อเฉินบ้านของข้าอยู่ใกล้กับบ้านของท่านลุงจางข้าไม่มีเงินมาซื้อเนื้อหมูป่าแต่ข้ามีมันเทศท่านจะสามารถแลกกระดูกกับมันเทศของข้าได้หรือไม่”เด็กชายที่อายุราวเจ็ดแปดขวบมองเฉียวลู่ด้วยท่าทางอึดอัดเขากลัวว่าจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   สูตรทำอาหาร

    เฉียวลู่หันไปมองต้นไม่ต้นนั้นที่ล้มนอนอยู่ ในหัวของนางวางแผนบางอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คล้อยหลังเฉียวลู่อวี้หลงกับอวี้ชิงหันกลับมามองตากันแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเหมือนกับว่าเพียงพวกเขามองหน้ากันก็สามารถสื่อความนึกคิดถึงกันและกันได้แล้วเฉียวลู่ให้อวี้ชิงจุดไฟให้นางจากนั้นก็ทำอาหารง่ายๆ ที่เฉียวลู่พอจะทำได้กินกัน หลังจากนั้นนางก็อาบน้ำให้เด็กชายทั้งสองและตัวเองแล้วจึงพาเด็กชายนอนกลางวัน ในความคิดของเฉียวลู่คือเป็นเด็กก็ต้องนอนให้มากๆ จะได้โตเร็วๆ ตอนเย็นเฉียวลู่ยังคงทำอาหารแบบง่ายๆ อีกครั้งในหัวของนางตอนนี้คือจะต้องสั่งหนังสือทำอาหารสักเล่ม ไม่อย่างนั้นหากต้องกินอาหารที่นางทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เด็กๆ อาจจะเบื่อเอาได้รุ่งเช้าสิ่งแรกที่เฉียวลู่นึกถึงคือหนังสือเล่มนั้น นางต้องสั่งของที่จำเป็นที่ต้องได้ใช้ในวันนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เฉียวลู่เขียนไฟแช็กลงไปในกระดาษ รอหลังจากหมึกซึมลงไปไฟแช็กเหล็กสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็โผล่มาแทนที่จากนั้นสิ่งของอย่างที่สองที่เฉียวลู่นึกถึงคือเงิน บางทีนางอาจจะสั่งอะไรที่เป็นสิ่งของมีค่าที่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินของที่นี่ได้ และไม่ว่าจะยุคสมัยไหนสิ่งของที่มีค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   จับกุ้ง

    ผ่านไปหลายวันเฉียวลู่ยังคงขึ้นเขาทุกวันและตัดต้นไม้ซ่อนเอาไว้เพื่อรอเวลาในการสร้างกระท่อมของนางใหม่ มีอีกสิ่งหนึ่งที่เฉียวลู่รู้สึกตื่นเต้นกับมันคือสมุดบันทึกเล่มนั้นของนาง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เฉียวลู่ทำงานจนลืมไปว่านางต้องสั่งของทุกวันแต่นางกลับลืมไปเสียสนิท ทำให้วันต่อมาเมื่อเฉียวลู่เปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นอีกครั้งข้อความที่ปรากฏบนหน้ากระดาษคือ สามารถสั่งได้สี่ครั้งนั่นหมายความว่าต่อให้เฉียวลู่ไม่ได้สั่งอะไรในสมุดเล่มนั้นมันก็จะสามารถทบมาอีกวันได้ นั่นเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้นางไม่เสียสิทธิ์ของตน ถึงจะไม่ได้สั่งของอะไรมาก็ตามช่วงนี้สิ่งที่เฉียวลู่สั่งมาทุกๆ วันคือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่อ่อนโยนสำหรับเด็กทุกอย่างที่เฉียวลู่สั่งมาล้วนคำนึงถึงเด็กทั้งสองเป็นอันดับแรก ตอนนี้นางพอจะเข้าใจเจ้าสมุดบันทึกเล่มนั้นแล้วว่ามันต้องการอะไรดูเหมือนเจ้าสมุดเล่มนี้ต้องการให้เฉียวลู่อาศัยอยู่ที่นี่โดยที่พึ่งพาตนเองหมายถึงไม่สามารถสั่งอะไรก็ตามที่ทำให้นางรวยทางลัดโดยที่ไม่ต้องทำงานเหมือนกับว่ามันรู้ทุกอย่างที่เฉียวลู่คิด ตอนแรกที่เฉียวลู่เข้าใจในเจตนารมณ์ของมันทำเอานางหัวเสียไปหลายวัน ให้ของวิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   จับกุ้ง2

    วันต่อมาแม่เฒ่าหลี่และหลิวหงลูกสะใภ้ของนางมาหาเฉียวลู่ที่กระท่อมน้อยแต่เช้าเพราะเรื่องที่พวกเขาคุยกันเอาไว้เมื่อวานตอนเย็น“อวี้หลงอวี้ชิงจ๊ะลูกทั้งสองช่วยอะไรแม่บางอย่างได้หรือไม่”เด็กชายพยักหน้าพร้อมกันอย่างกระตือรือร้นแสดงท่าทางอยากช่วยเฉียวลู่อย่างเต็มที่“ไปบ้านสกุลฉินที่แม่พาลูกทั้งสองไปเมื่อวานจำได้หรือไม่ เรียกพี่ชายจื่อเฉินมาที่นี่แม่มีเรื่องคุยกับเขาลูกสองคนทำได้ไหม”เฉียวลู่พูดกับเด็กชายทั้งสองด้วยความอ่อนโยน อวี้หลงกับอวี้ชิงพยักหน้าให้นางอีกครั้งจากนั้นจึงวิ่งหายไปทางหมู่บ้าน เฉียวลู่หันมาสนใจแม่สามีลูกสะใภ้ทั้งสอง“ท่านยายท่านน้าหลิวท่านทานกุ้งไปเมื่อวานนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างท่านคิดว่ามันอร่อยหรือไม่”แม่สามีลูกสะใภ้ที่นั่งข้างกันพยักหน้ารัวๆ จะไม่อร่อยได้อย่างไร ตอนแรกพวกเขายังเกรงใจกันและกันที่จะกินอาหารที่เฉียวลู่นำมาส่งหลังจากที่กินคำแรกไปแล้วต่างคนต่างแย่งชิงไม่สนความเป็นผู้อาวุโสและผู้น้อยแล้ว เฉียวลู่พยักหน้าและยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างพอใจ“เช่นนั้นพวกท่านคิดว่ามันจะสามารถนำไปขายได้หรือไม่ เท่าที่ข้าดูเหมือนว่าคนที่นี่ไม่นิยมกินพวกกุ้งเท่าไหร่นะเจ้าคะ มันถึงได้มีเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   อำเภอเป่ยจิง

    กุ้งคำแรกที่เข้าไปในปากทำเอาทุกคนเกือบร้องไห้เพราะความอร่อยและเผ็ดร้อนของน้ำจิ้ม พวกเขาไม่เคยลิ้มรสชาติอาหารเช่นนี้มาก่อน มันทั้งเผ็ดเข้มข้นและชาไปทั้งปากแต่ก็อร่อยจนหยุดกินไม่ได้ เด็กๆ ที่กินเผ็ดไม่ได้เฉียวลู่ก็ทำน้ำจิ้มหวานเบาๆ ให้พวกเขา แต่ก็อร่อยมากฉินจื่อเฉินทานอาหารไปเงียบๆ แต่เขาก็ซึมซาบรสชาติอาหารที่ไม่เคยได้กินมาก่อน เฉียวลู่กลัวว่าเขาจะไม่กล้าหยิบกุ้งมากินเพราะเกรงใจ นางใช้มือหยิบมากองในจานของเขาสามสี่ตัว ระหว่างกินนางก็ยังสอนให้ลูกๆ ของนางแกะเปลือกกุ้งไปด้วย“ข้าไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”จางหย่งพูดไปกินไปน้ำตาไหลพรากเพราะความเผ็ดชา แม่เฒ่าหลี่และหลิวหงก็ไม่ต่างกันเท่าใดนักทำเอาเฉียวลู่หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน“พวกท่านคิดว่านี่จะสามารถทำเงินให้พวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ”เฉียวลู่ถามหยั่งเชิงพวกเขาทั้งสามที่ลดระดับความเร็วในการกินให้ช้าลงเพราะเริ่มอิ่ม“อืมข้าเห็นด้วยว่าเจ้ากุ้งนี่จะต้องขายดีอย่างแน่นอน”แม่เฒ่าหลี่และสะใภ้พยักหน้าเห็นด้วย ปากทุกคนแดงเห่อเพราะความเผ็ดร้อนของน้ำจิ้มที่เฉียวลู่ทำ“เช่นนั้นเริ่มขายพรุ่งนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านอาหย่งกับท่านน้าหลิวพวกท่านรับหน้าท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ค้าขายร่ำรวย

    หลังจากที่เฉียวลู่แบ่งค่าแรงให้พวกเขาแล้วนางยังอธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยว่า“วันนี้ยังไม่เรียกว่าได้กำไรเพราะหลังจากหักค่าแรงและค่าต่างๆ เงินที่เหลือก็ต้องเก็บเอาไว้เป็นทุนในการขายต่อไป ข้าคิดว่ากำไรในการขายของเราจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือของบ้านสกุลจางกับของข้าและจื่อเฉินน้อยพวกท่านคิดเห็นว่าอย่างไร”แม่เฒ่าหลี่และหลิวหงพยักหน้าพร้อมกัน"เอาตามที่เจ้าว่าเถอะ"ถึงแม้ว่าเด็กชายจะนั่งเงียบฟังพวกผู้ใหญ่สนทนากันมาตลอดแต่เขาก็เข้าใจในสิ่งที่เฉียวลู่อธิบายทุกอย่าง ต้องขอบคุณท่านแม่ของเขาที่สอนหนังสือให้ทำให้เขาอ่านออกเขียนได้“พี่เฉียวลู่ท่านไม่ต้องแบ่งกำไรให้ข้าหรอกขอรับท่านให้ค่าแรงข้าเท่ากับผู้ใหญ่หนึ่งคนข้าก็ดีใจมาแล้ว”เฉียวลู่ขมวดคิ้วมุ่นกับคำตอบที่ได้รับ“เจ้าอย่าได้ด้อยค่าตนเองเช่นนั้น ถึงเจ้าจะยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกแต่เจ้าก็ทำงานอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ปริปากบ่น ในเมื่อข้าเห็นคุณค่าของเจ้าตัวเจ้าเองก็ต้องเห็นค่าของตนเช่นกัน เอาล่ะเรื่องนี้เราลงมติกันแล้วเรียบร้อยเสียงข้างมากบอกว่าเจ้าเองก็เป็นหุ้นส่วน อะแฮ่ม!!ข้าหมายถึงส่วนหนึ่งในการค้าของเราดังนั้นเมื่อเราได้กำไรเจ้าก็ต้องได้เช่นกัน”แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-29
  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   เรื่องวุ่นวาย

    เช้ามืดของอีกวันเฉียวลู่ตื่นขึ้นมาด้วยตนเองอย่างอัตโนมัติ ความจริงนางอยากสั่งนาฬิกาพกสักเรือเพื่อนเอาไว้ดูเวลาแต่กลัวว่าถ้าถูกคนพบเห็นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะครอบครัวของนางตอนนี้ยังไม่นับว่าจะสามารถมีสิ่งของที่มีค่าได้เลย หากมีคนคิดไม่ซื่ออยากได้ของของนางแล้วใส่ร้ายว่านางลักขโมย ต่อให้มีสิบปากด้วยสภาพของนางตอนนี้ย่อมแก้ตัวแล้วไม่มีใครเชื่อแน่วัวเทียมเกวียนเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ววันนี้ออกไปเร็วกว่าเมื่อวานเพราะเฉียวลู่คิดว่าเมื่อพวกนางขายดีต้องมีคนอยากได้ที่ขายของพวกนางแน่ และก็เป็นเรื่องจริงเมื่อเกวียนจอดที่หน้าทางเข้าอำเภอทุกคนช่วยกันขนของไปที่ที่พวกเขาขายเมื่อวานแต่ปรากฎว่ามีคนที่มาตั้งร้านก่อนหน้าแล้วและดูเหมือนพวกเขาก็ขายของย่างด้วยเช่นกัน“นี่มันอะไรกันเนี่ยที่ตั้งเยอะแยะทำไมจะต้องเจาะจงเลือกมาตั้งที่ของพวกเราด้วย”หลิวหงบ่นออกมาด้วยความหัวเสีย ถึงเสียงของนางจะดังจนทำให้ร้านขายปิ้งย่างร้านนั้นได้ยินแต่พวกเขาก็ทำเพียงถลึงตาใส่แต่ไม่ได้ปริปากตอบโต้กลับมา เฉียวลู่ดึงแขนนางเอาไว้แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องไปพูดอีกแล้ว ที่ตลาดอำเภอเป่ยจิงไม่มีพื้นที่ให้เช่าที่กำหนดตายตัวเมื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-29

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   กลับแคว้นฉี

    หลังจากที่ทุกอย่างถูกเปิดเผยฉินเจี่ยซินและองค์ชายสามถูกลงโทษประหารชีวิต ฉินอี้เหยาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งเดิมของตนส่วนฉิน จื่อเฉินหลังจากที่พิสูจน์ว่าเป็นพระโอรสของเซียวฮ่องเต้แล้วเขาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเซียวฮ่องเต้ได้ตกรางวัลมากมายให้เฉียวลู่นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทั้งวันเพราะตอนนี้นางเป็นเศรษฐีแล้ว ฉีหมิงเยี่ยนมองท่าทางเหมือนคนเสียสติของนางแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ สตรีผู้นี้ไม่สนใจตำแหน่งท่านหญิงแต่กลับขอเปลี่ยนเป็นเงินแทนทำเอาขุนนางทั้งหลายถึงกับอึ้ง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับนางดีเฉียวลู่พาบุตรชายทั้งสองของนางเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงถึงสองเดือนตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปที่เรือนน้อยเชิงเขาของนางแล้ว“พี่อาลู่ท่านจะไปแล้วจริงหรือ”องค์หญิงเซียวหมิ่นงอแงไม่อยากให้นางกลับไปวันทั้งวันเอาแต่ตามติดนางไม่ห่าง ทำเอาฉีหมิงเยี่ยนหงุดหงิดจนอยากจะจับนางยัดใส่ถังไม้ถ่วงน้ำทะเล แต่วันนี้เป็นวันที่ฉีหมิงเยี่ยนอารมณ์ดีที่สุดเพราะพวกเขากำลังจะกลับไปที่อำเภอเป่ยจิง“ข้ามีเรื่องต้องทำมากมายอยู่เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนท่านไม่ได้เอาอย่างนี้ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสข้าจะพาท่านเที่ยวอำเภอเป่ยจิงดี

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ข้าต้องการแก้แค้น

    เฉียวลู่ถูกเรียกตัวเข้าพบฮ่องเต้นางเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังทั้งยังบอกเล่าจุดที่น่าสงสัยที่ควรตามสืบ ผ่านไปอีกหลายวันเรื่องของนักฆ่าที่ตามสังหารองค์หญิงเซียวหมิ่นยังคงเงียบ นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก เขาเป็นถึงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินนี้แค่ตามสืบว่าใครว่าจ้างมือสังหารยังทำไม่ได้เชียวหรือ ทำไม่ได้หรือไม่ทำกันแน่กลางดึกในวังหลวงชายชุดดำปีนเข้าไปด้านในตำหนักชางอี้ ฝีเท้าของเขาแผ่วเบาและรวดเร็วเหมือนถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ห้องนอนที่อยู่ด้านข้างของห้องนอนองค์หญิงเซียวหมิ่น ฉินอี้เหยาที่กำลังหลับลึกถูกฝ่ามือของใครบางคนปิดปากเอาไว้ นางรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถขยับตัวได้“เหยาเอ๋อ”เสียงเรียกชื่อเบาๆ ของนางทำให้ฉินอี้เหยาหยุดดิ้น เมื่อสายตาชินกับความมืดนางจึงได้รู้ว่าใครกันที่เข้ามาในห้องนอนของนาง“ท่านพ่อ”ฉินอี้เหยากอดชายชุดดำที่อุกอาจบุกเข้ามาในวังหลวงอย่างไม่กลัวตาย ที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการยืนยันให้แน่ใจว่านางกำนัลที่เขาเห็นในท้องพระโรงใช่นางหรือไม่ ฉินอี้เหยากลั้นเสียงร้องไห้จนสั่นไปทั้งร่าง นางรู้สึกอุ่นใจที่ครอบครัวของนางยังไม่ทอดทิ้ง“พ่อมาที่นี่เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าตัวจริง เ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   พบกันอีกครั้ง

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่หวงมามาได้รับข้อความจากคนของฉีหมิงเยี่ยนที่เป็นสายลับอยู่ในวังหลวง นางก็ใช้ตราของตำหนักองค์หญิงพานางกำนัลออกมาด้วยสองคน หวงมาๆ ให้รถม้าวิ่งวนไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา จากนั้นจึงให้คนขับรถม้ามาที่เรือนหลังเล็กที่อยู่ใกล้สำนักศึกษา“หวงมามา”องค์หญิงเซียวหมิ่นเรียกนางด้วยความดีใจเหมือนได้พบญาติผู้ใหญ่อีกครั้ง หวงมามากอดนางร้องไห้“องค์หญิงเหตุใดหนีออกจากวังเช่นนี้ ท่านไม่กลัวว่าบ่าวแก่ๆ คนนี้จะหัวใจวายตายหรือเพคะ”องค์หญิงเซียวหมิ่นหลังจากที่โดนนักฆ่าตามสังหารตอนนี้นางก็ได้รู้แล้วว่าตนเองนั้นทำผิดมหันต์แค่ไหน ไม่คิดดื้อดึงถกเถียงกับหวงมามาอีกแล้ว“ข้าผิดไปแล้วต่อไปจะทำอะไรข้าจะคิดให้มากกว่านี้”หวงมามาเมื่อตั้งสติได้ก็หันไปมองเฉียวลู่และบุรุษที่มีใบหน้าธรรมดา ด้านหลังของพวกเขามีสตรีที่งดงามนางหนึ่งยืนอยู่นางไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เด็ดขาด“ฮองเฮาเป็นไปได้อย่างไร”หวงมามารีบเข้าไปคุกเข่าให้นางทันที ฉินอี้เหยารีบเข้าไปประคองหวงมามาให้ลุกขึ้น“ข้าหาใช่ฮองเฮาอีกแล้ว หวงมามาท่านอย่าได้คุกเข่าให้ข้าเลย”หวงมามายังไม่ได้สติกลับมา แปดปีกว่าที่ฝ่าบาทตามหานางแต่คนท

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   แผนซ้อนแผน

    เฉียวลู่พาเด็กๆ ไปฝากแม่เฒ่าหลี่เอาไว้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เด็กชายทั้งสองชินกับเรื่องพวกนี้แล้วเพราะเมื่อก่อนท่านแม่ก็ทำเช่นนี้ในบางครั้งที่นางต้องไปทำธุระที่อำเภอเป่ยจิง ฉินอี้เหยากอดฉินจื่อเฉินเอาไว้นางร้องไห้ออกมาเบาๆ พร้อมกับร่ำลาบุตรชาย“เฉินเอ๋อแม่จะกลับมารับลูกเมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลายแล้ว ลูกรอแม่อยู่กับท่านยายหลี่เป็นเด็กดีรู้หรือไม่”ฉินจื่อเฉินพยักหน้าขอบตาแดงก่ำแต่เขาก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา เพราะกลัวว่าท่านแม่จะเป็นกังวล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องแยกจากนาง ฉินจื่อเฉินรู้สึกโดดเดี่ยวเขาอยากตามไปด้วยแต่ท่านแม่บอกว่าครั้งนี้มันอันตราย เขาจึงต้องทำตามที่ท่านแม่สั่งเมื่อทุกคนล่ำลาเสร็จแล้วเฉียวลู่ฝากทุกอย่างของนางเอาไว้ที่แม่เฒ่าหลี่นางไม่ได้บอกอะไรมากมายแต่แม่เฒ่าหลี่ก็สามารถรับรู้ได้ว่า การที่เฉียวลู่ไม่บอกอะไรนางเลยอาจเป็นเพราะกลัวพวกนางเป็นอันตราย เฉียวลู่และคนคุ้มกันอีกสองสามคนนั่งเกวียนออกไปจากหมู่บ้านก่อนทำเหมือนออกไปค้าขายดั่งเช่นทุกวันส่วนองค์หญิงเซียวหมิ่นและฉินอี้เหยาถูกองครักษ์ของฉีหมิงเยี่ยนพาแยกเข้าเมืองหลวงไปอีกทางเพื่อให้คนของฉินฮองเฮาแยกออกจากกัน ฟ้าสว่างมากแล้วจ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   แผนกลับเมืองหลวง

    เฉียวลู่รู้สึกหนักใจอยู่เหมือนกัน ถึงตัวนางจะมีกำลังมากแต่ให้สู้กับนักฆ่ามืออาชีพนางย่อมไม่สามารถสู้ได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนมีเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยพวกนางได้คือฉีหมิงเยี่ยน“พวกท่านกลับไปก่อนข้าจะลองหาทางช่วยพวกท่านเอง”หลังจากฉินอี้เหยาและองค์หญิงเซียวหมิ่นกลับไปเฉียวลู่จึงเรียกองครักษ์เงาออกมา“พวกเจ้าสองคนไปเฝ้าดูเรือนของพี่อี้เหยาเอาไว้ถึงแม่ว่าข้าจะคิดว่านักฆ่าน่าจะยังไม่กลับมาในเร็วๆ นี้แต่ป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า”องครักษ์เงาสองคนคารวะเฉียวลู่แล้วทะยานหายไป เฉียวลู่เดินไปดูเด็กชายทั้งสองที่ยังนอนหลับอยู่ในห้องของนาง จากนั้นนางจึงเดินไปที่ห้องของฉีหมิงเยี่ยน เฉียวลู่เคาะประตูเบาๆ“เข้ามา”เสียงทุ้มดังออกมาจากด้านใน เฉียวลู่ผลักประตูเปิดเอาไว้ นางเดินไปหาเขาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง“มีเรื่องอันใด”นางมีท่าทีลังเลเล็กน้อย“ท่านคงได้ยินทั้งหมดแล้วกระมัง ท่านพอจะช่วยเหลือพวกนางได้หรือไม่”เฉียวลู่พูดเสียงเบาเหมือนกับไม่มีความมั่นใจในตนเองเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเขาเขาจะไม่ช่วยก็ไม่มีใครสามารถว่าเขาได้ อีกอย่างเมื่อวานเหมือนนางจะโมโหเขาเพราะเรื่ององค์หญิงเ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ศาลเจ้าขอพรให้รักสมหวัง

    รุ่งเช้าเฉียวลู่ตื่นขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย นางบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบที่นอนท่าเดียวทั้งคืน เมื่อนางตื่นเต็มก็ตาพบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนของตนเองที่อยู่ในยุคปัจจุบัน“อะไรกันเรากลับมาได้แล้วหรือ”เฉียวลู่รีบเปิดประตูห้องวิ่งลงมาข้างล่างเพื่อเช็คให้แน่ใจ คุณพ่อที่นั่งดื่มกาแฟอยู่หน้าทีวีดูข่าวเช้า ส่วนคุณแม่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวกลิ่นหอมฉุยของโจ๊กโชยมาทำให้เฉียวลู่แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไป เรากลับมาได้แล้ว“แม่คะพ่อคะหนูกลับมาแล้ว”ท่าทางร่าเริงของเฉียวลู่เรียกรอยยิ้มของคุณแม่ของเธอ“กลับมาแล้วอะไรกันเด็กคนนี้ละเมออะไรอยู่ ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วลงมาทานข้าวได้แล้ว”เฉียวลู่ยิ้มตาหยีแล้ววิ่งกลับขึ้นไปบนห้องนอนทำตามคำสั่งของคุณแม่“เรากลับมาแล้วจริงๆ ด้วย”เฉียวลู่อาบน้ำและฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี เมื่อแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินลงมาทานอาหารพร้อมหน้าครอบครัว ระหว่างที่กำลังทานโจ๊กเฉียวลู่มองพ่อแม่ที่กำลังคุยกันอย่างหวานชื่น เป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครัวของเฉียวลู่ เพราะเธอเห็นพ่อกับแม่แสดงความรักต่อกันแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้ บางครั้งเธอยังรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงของแถมที่เกิดจากความรักของทั

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   แง่งอน

    เฉียวลู่เมื่อกลับไปถึงเรือนของตนก็พบพ่อลูกที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องโถง นางเข้าไปกอดและหอมเจ้าหัวไชเท้าน้อยทั้งสองจากนั้นจึงเดินกลับเข้าห้องไป นางไม่แม้แต่จะทักทายบิดาของบุตรชายนางสักนิดเรื่องนักฆ่าที่พวกเขาพบที่จีหม่านโหรวได้ถูกถ่ายทอดให้ฉีหมิงเยี่ยนได้รู้ เขาขมวดคิ้วมุ่นแต่ไม่ใช่เรื่องของนักฆ่าแต่เป็นเรื่องของเฉียวลู่ ดูเหมือนว่าไม่ใช่เพียงนิสัยของนางเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ตอนนี้เฉียวลู่แทบจะไม่เหมือนคนเดิมที่เขาเคยรู้จักในอดีต หากไม่ใช่ใบหน้าของนางที่เหมือนเดิมแล้ว เขาคงคิดว่านางเป็นคนอื่นที่ปลอมตัวมา“จับตาดูนางเอาไว้ให้ดี มีสิ่งใดผิดปกติให้รีบมารายงานข้า”เฉียวลู่กลับออกมาจากห้องนอนของตน นางเดินผ่านห้องโถงเข้าครัวไปอุ่นอาหารในครัวที่นางวานแม่เฒ่าหลี่เอาไว้ ฉีหมิงเยี่ยนเข้ามาอยู่ในเรือนนี้หลายวันแล้วถึงเฉียวลู่จะไม่ค่อยพูดกับเขาแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดีขึ้นกว่าตอนที่พวกเขาพบกันในครั้งแรก แต่วันนี้บรรยากาศกลับแตกต่างไปจากเดิมถึงแม้นางจะยังคงทำทุกอย่างดั่งเช่นทุกวัน แต่เขารู้สึกได้ว่านางเย็นชากับเขายิ่งกว่าเดิม ฉีหมิงเยี่ยนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางเพราะเขาไม่รู้ว่าเฉียวล

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ลอบสังหาร

    เถ้าแก่ร้านเฟยหย่ารีบวิ่งตามออกมาด้านนอกแต่รถม้าที่เฉียวลู่และฉินอี้เหยานั่งมาได้ขับออกไปแล้ว“น่าเสียดายนักสุดท้ายแล้วนางมีของดีเก็บเอาไว้แต่ไม่ยอมเอาออกมาเสนอขายให้ข้าช่างเป็นสตรีที่น่ากลัวจริงๆ”เถ้าแก่สั่งให้พนักงานในร้านเฟยหย่าทุกคนจำใบหน้าของเฉียวลู่และฉินอี้เหยาไว้ นางมาที่นี่อีกเมื่อใดให้ไปตามเขามาทันที เฉียวลู่สั่งให้เฉิงรุ่ยที่ทำหน้าที่ขับรถม้าจอดรอที่หน้าจีหม่านโหรวนางมีของฝากมาให้เถ้าแก่จีและผู้ช่วยเหวินเมื่อฉินอี้เหยาเดินตามเฉียวลู่เข้าไปด้านใน แต่แล้วนางก็ต้องชะงักไปเหมือนกับว่านางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นซ้อนทับกับเด็กหนุ่มชุดขาวที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม ฉินอี้เหยาอยากเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูให้ชัดเจน แต่แล้วก็มีชายชุดดำที่ไม่รู้ที่มาพุ่งกระบี่เข้าหาเด็กหนุ่มผู้นั้นเฉียวลู่ที่รู้ตัวก่อนได้เขวี้ยงเก้าอี้ไปขวางกระบี่เอาไว้ทำให้กระบี่พลาดเป้าไปโดนแขนของเขาแทน เด็กหนุ่มล้มลงเพราะถูกแทงที่แขน ผมที่ถูกผูกเอาไว้ได้คลายออกฉินอี้เหยาจำได้ทันทีว่าเขาเป็นใครองค์หญิงน้อยที่ชอบมาเที่ยวที่ตำหนักรัชทายาทเมื่อตอนที่นางยังเยาว์แต่เหตุใดนางถึงแต่งกายเป็นชายแล้วมาอยู

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   อันตรายที่ใกล้เข้ามา

    ผ่านไปแปดปีกว่ายังตามหาพวกนางแม่ลูกไม่พบ ถึงฝ่าบาทจะไม่เคยตรัสถึงเรื่องนี้เลยสักครั้งแต่นางก็รู้ดีว่าภายในใจของพระองค์นั้นมีเพียงคุณหนูใหญฉินเพียงคนเดียว ต่อให้เขาแต่งตั้งนางที่เป็นคุณหนูรองขึ้นเป็นฮองเฮาแทนฉินอี้เหยาเพราะต้องการตอบแทนความภักดีของตระกูลฉิน แต่ในสายตาของฝ่าบาทนางเป็นเพียงตัวแทนของคนที่พระองค์รักเท่านั้นฉินเจี่ยซินรู้สึกโกรธแค้นคนที่อาจจะตายไปแล้วถึงแปดปีที่ยังคงยึดครองพื้นที่ภายในใจของฮ่องเต้เอาไว้ นางได้พบเขาครั้งแรกในวันงานปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ฉิน ความสง่างามและน่าเกรงขามของเขาช่างแตกต่างจากบุรุษทั่วไปที่นางได้พบยิ่งนั่นทำให้ฉินเจี่ยซินตกหลุมรักองค์รัชทายาทเซียวยิ่นตั้งแต่แรกพบ แต่ผ่านไปไม่นานก็มีพระราชโองการจากฮ่องเต้ส่งมาที่จวนแม่ทัพฉินขอหมั้นหมายคุณหนูใหญ่ฉินกับองค์รัชทายาท ฉินเจี่ยซินทั้งโมโหทั้งโกรธแค้นเพราะเหตุใด นางเองก็เป็นบุตรสาวของแม่ทัพฉินเช่นกันทำไมสิ่งดีๆ ทุกอย่างถึงตกเป็นของคนที่เกิดก่อนนางเพียงไม่กี่เดือนเช่นฉินอี้เหยา และนั่นเป็นจุดเริ่มตนของแผนการแย่งชิงทุกสิ่งที่เป็นของฉินอี้เหยามาฉินเจี่ยซินได้รู้เรื่องที่องค์ชายสามลอบติดต่อกับต่างแคว้นอย่างลับๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status