เฉียวลู่เด็กสาวต่างจังหวัดที่มีความฝันตั้งแต่เด็กว่าเธออยากจะเป็นนักแสดงชื่อดังแถวหน้าของจีน หลังจากเรียนจบม.ปลายเธอจึงเดินทางไปที่ปักกิ่งเพื่อสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนการแสดง ผ่านไปหลายปีในที่สุดความฝันของเฉียวลู่ก็เป็นความจริง ซีรี่ส์เรื่องแรกของเธอได้ออนแอร์ทางโทรทัศน์ถึงแม้ว่าเฉียวลู่จะเป็นเพียงนักแสดงตัวประกอบแต่เธอก็รู้สึกดีใจเพราะนี่ถือว่าเป็นก้าวแรกของเส้นทางการเป็นนักแสดงของเธอ
ผ่านไปสามปีเฉียวลู่ได้ผ่านการแสดงซีรี่ส์หลายเรื่องแต่เธอก็ยังคงเป็นเพียงนักแสดงตัวประกอบเท่านั้น จนกระทั่งเฉียวลู่ได้รับการติดต่อจากทีมงานของผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่งที่คนทั้งวงการนักแสดงต่างรู้กันดีว่า ถ้าหากผู้กำกับคนนี้กำกับซีรี่ส์เรื่องไหนหรือนักแสดงคนไหนที่เขาเจาะจงมาด้วยตัวเองนั่นหมายความว่าจะต้องดังเป็นพลุแตกอย่างแน่นอน เฉียวลู่ดีใจและตื่นเต้นมากในที่สุดเวลาของเธอก็กำลังจะมาถึงซะที
เฉียวลู่เดินทางไปพบกับทีมงานของผู้กำกับชื่อดังด้วยตัวเองเพราะเธอเป็นนักแสดงอิสระไม่มีสังกัดและซีรี่ส์ทุกเรื่องเธอเป็นคนเดินทางไปแคสติ้งด้วยตัวเองทั้งหมดและครั้งนี้ก็เหมือนกัน เฉียวลู่ลงจากรถประจำทางเดินเข้าตึกสูงเสียดฟ้าที่ทีมงานนัดเอาไว้ ตั้งแต่ที่เธอเดินเข้าตึกนั้นไปชีวิตการเป็นนักแสดงของเฉียวลู่ก็ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
ซีรี่ส์พีเรียดฟอร์มยักษ์ที่เฉียวลู่ได้รับบทนำทำให้เธอดังเป็นพลุแตกหลังจากที่ซีรีส์ได้ปล่อยตัวอย่างออกมายอดการเสิร์ชหาชื่อของเธอก็ขึ้นเทรนเป็นอันดับหนึ่ง จากนักแสดงตัวประกอบโนเนมตอนนี้เฉียวลู่กลายเป็นหงส์ที่กำลังบินขึ้นฟ้าและนั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน
เฉียวลู่ตอนนี้กำลังกลายเป็นที่สนใจของผู้คนในโลกออนไลน์อีกครั้งเพราะมีใครบางคนปล่อยภาพหลุดปริศนาชายหญิงกำลังเดินเข้าไปในโรงแรมด้วยกันและข้อความที่โพสต์ยังพยายามสื่อว่าคนในภาพคือเฉียวลู่นางเอกซีรี่ส์ที่กำลังมาแรงและผู้กำกับชื่อดังที่พึ่งหย่ากับภรรยานักแสดงของเขาเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ถึงจะยังไม่มีการยืนยันว่าภาพถ่ายดังกล่าวเป็นเธอจริงหรือไม่แต่ชาวเน็ตก็เชื่อไปแล้วว่าข่าวที่ได้รับมาเป็นเรื่องจริง
ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าภาพถ่ายเหล่านี้มาจากไหน ใครเป็นคนปล่อยและปล่อยด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ข่าวฉาวนี้ก็ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของเธอและอาจส่งผลต่ออาชีพการงานของเฉียวลู่ด้วย หลังจากที่ภาพถูกปล่อยออกมาได้สองวัน ทางด้านอดีตภรรยาของผู้กำกับชื่อดังก็ออกมาเคลื่อนไหวในพื้นที่ส่วนตัวของเธอทันทีเกี่ยวกับภาพอดีตสามีกับผู้หญิงปริศนา
เนื้อหาของข้อความที่เธอโพสต์คือ เธอรู้เรื่องที่อดีตสามีมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้มานานแล้วเพราะเรื่องนี้จึงทำให้เธอขอหย่ากับเขา หลังจากที่ข้อความนี้ถูกโพสต์ลงไปนั่นยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อว่าภาพที่ถูกปล่อยออกมาเป็นเรื่องจริง
มีชาวเน็ตมากมายโพสต์โจมตีเฉียวลู่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าผู้หญิงในภาพคือเธอ บางคนถึงกับตั้งกลุ่มแอนตี้แฟนของเธอขึ้นมาเพื่อโจมตีทั้งยังขุดภาพของเธอตอนที่เธอยังเป็นเพียงนักแสดงตัวประกอบเอามาโพสต์ด่าประจานเพื่อความสะใจ
แต่ยังมีแฟนคลับบางกลุ่มที่ยังเชื่อใจเฉียวลู่ออกมาปกป้องและแก้ข่าวให้เธอทำให้ตอนนี้เสียงของชาวเน็ตแตกออกเป็นสองฝ่าย หน้าคอนโดของเธอก็มีนักข่าวมาดักรอเพื่อสัมภาษณ์จนตอนนี้เฉียวลู่ไม่สามารถกลับมานอนที่คอนโดของเธอได้
เพราะข่าวฉาวของเธอที่ถูกปล่อยออกมาทำให้มีผลกระทบต่อซีรี่ส์ที่กำลังจะออนแอร์ในเร็วๆ นี้ ทางด้านต้นสังกัดของเฉียวลู่นั้นได้เตรียมการแถลงข่าวหลังจากตามหามือดีที่ปล่อยรูปของเธอและผู้กำกับชื่อดัง เรื่องนี้ทำให้เธอจิตตกเล็กน้อยมีแอนตี้แฟนหลายคนตามทำร้ายเธอเพราะเชื่อข่าวที่ถูกปล่อยออกมาว่าเป็นเรื่องจริง
เฉียวลู่ตอนนี้เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอเพื่อเก็บตัวสักพักตามที่ทางต้นสังกัดสั่งมานั่นเป็นเรื่องดีสำหรับเฉียวลู่เพราะตั้งแต่ที่เธอเข้าวงการก็ไม่เคยได้พักผ่อนจริงๆ จังๆ สักที
เมื่อความจริงได้ถูกเปิดเผย คนที่ปล่อยภาพถ่ายของเฉียวลู่คืออดีตภรรยาของผู้กำกับชื่อดังแต่ภาพนั้นเป็นภาพถ่ายเมื่อสิบปีก่อนตอนที่เฉียวลู่แสดงหนังให้กับผู้กำกับชื่อดังเป็นครั้งแรกและโรงแรมที่พวกเขาเข้าไปก็มีทีมงานที่เกี่ยวข้องและนักแสดงอีกหลายคน แต่ภาพถูกตัดต่อให้เหลือเพียงเฉียวลู่กับผู้กำกับคนนั้นเท่านั้น
หลังจากเรื่องฉาวนี้ผ่านไปซีรี่ส์ที่กำลังออนแอร์ของเฉียวลู่ก็ยิ่งดังมากกว่าเดิม แต่เฉียวลู่ที่กลับมาบ้านเกิดของเธอแล้วนั้นไม่ได้สนใจเพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้มีเวลาเป็นส่วนตัวขนาดนี้
วันนี้เฉียวลู่ออกไปเดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่เธอไม่มีโอกาสได้ไปเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก โบราณสถานเมืองเก่าที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนักแต่เฉียวลู่กลับไม่เคยไปเลยสักครั้ง
เฉียวลู่แต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนขายาวและหมวกเบสบอลสีขาวเข้ากับสีเสื้อของเธอ ถึงเฉียวลู่จะแต่งตัวธรรมดาแต่ออร่าความสวยของเธอก็ยังกระจายออกมาทำให้เวลาเดินผ่านไปทางไหนคนก็ต้องหันมองเธอจนต้องเหลียวหลัง
เฉียวลู่เดินเที่ยวทั้งวันจนเหนื่อยเธอจึงมาหยุดแวะพักแถวตลาดขายของเก่าโบราณที่มีคนมาตั้งโต๊ะขายของโบราณให้นักท่องเที่ยว ข้างๆ ม้านั่งที่เฉียวลู่นั่งมีคุณยายอายุราวเจ็ดสิบกว่าปีตามที่สายตาของเธอคาดคะเนนั่งอยู่
“คุณยายขายอะไรคะ”
เฉียวลู่ชวนคุณยายคนนั้นคุยหลังจากที่เธอมองอยู่นานแต่กลับไม่มีใครแวะดูของที่คุณยายคนนี้ขายเลยทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย คุณยายหันมายิ้มให้เฉียวลู่อย่างใจดี
“แม่หนู เมื่อไหร่จะกลับบ้านมีคนรออยู่นะ”
เฉียวลู่มองคุณยายคนนั้นด้วยความสงสัย ตอนนี้เธอก็อยู่ที่บ้านแล้วจะให้เธอไปบ้านที่ไหนอีก สงสัยคุณยายคงจะจำคนผิดแน่ๆ เธอคิดแบบนั้นในใจ เฉียวลู่ยิ้มแห้งๆ กลับไปให้คุณยาย
“ยายให้หนังสือเล่มนี้นะเก็บเอาไว้ให้ดี”
คุณยายยื่นหนังสือปกสีครามซีดเล่มเก่าให้เธอ แต่เฉียวลู่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับเพราะเธอไม่รู้จักกับคุณยายคนนี้แล้วเธอจะรับของมาได้ยังไง เฉียวลู่ไม่ได้คิดว่าคุณยายเป็นพวกมิจฉาชีพหรือนักต้มตุ๋นแต่เธอคิดว่าหนังสือที่คุณยายยื่นให้เธอนั้นดูเก่ามากอาจเป็นของเก่ามีราคาก็ได้ หากให้เธอมาฟรีๆ แบบนั้นคุณยายคงได้ขาดทุนแย่ เธอนิ่งคิดเล็กน้อย
“คุณยายคะ หนูว่าคุณยายน่าจะเก็บเอาไว้ขายดีกว่าไหมคะ หรือไม่ถ้าคุณยายอยากจะให้หนังสือเล่มนี้กับหนูจริงๆ คุณยายก็ให้หนูซื้อเถอะค่ะ”
เฉียวลู่หยิบเงินสามพันหยวนที่เธอพกติดตัวออกมายื่นให้คุณยาย เพราะเฉียวลู่ไม่ได้พกโทรศัพท์มาด้วยเธอคงไม่สามารถจ่ายด้วยวีแชทเพย์ คุณยายไม่ได้รับเงินไปจากเธอแต่ยังคงยิ้มให้เธออยู่แบบนั้นเฉียวลู่รับหนังสือเก่าเล่มนั้นมาและวางเงินเอาไว้ให้คุณยาย
เฉียวลู่กลับมาถึงบ้านของเธอก็มืดมากแล้วคุณพ่อคุณแม่ของเธอยืนกระสับกระส่ายรอที่หน้าบ้านด้วยความป็นห่วง
“ลู่ลู่ ไปไหนมามืดค่ำขนาดนี้แล้วทำไม่พึ่งกลับบ้าน โทรศัพท์ก็ไม่พกไปด้วยพ่อกับแม่เป็นห่วงรู้ไหม”
เฉียวลู่เดินเข้าไปกอดแม่ของเธออย่างออดอ้อนเพราะกลัวโดนดุ
“โธ่ แม่ขาหนูเที่ยวแถวนี้เองนะคะไม่ได้ไปไหนไกล นานๆ จะได้มีเวลาเที่ยวสักทีแม่อย่าดุหนูเลยนะ”
ท่าทางออดอ้อนเหมือนเด็กของเฉียวลู่ทำเอาพ่อกับแม่ของเธอรู้สึกอ่อนใจ
“อายุสามสิบกว่าแล้วยังมาออดอ้อนเป็นเด็ก ไปอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวเถอะเดี๋ยวแม่อุ่นกับข้าวรอ”
เฉียวลู่ยิ้มอย่างผู้มีชัย เพราะสุดท้ายแม่ของเธอก็ยังคงแพ้ลูกอ้อนที่เธอใช้เป็นประจำเมื่อทำผิดตอนเป็นเด็ก แล้วแม่ของเธอก็โกรธเธอไม่ลงสักทีเมื่อเจอไม้ตายนี้ ทั้งพ่อและแม่ของเฉียวลู่อดส่ายหัวให้กับท่าทางดี๊ด๊าเป็นเด็กของเธอไม่ได้
นางเอกแถวหน้าอะไรกันนี่มันเด็กกะโปโลชัดๆ
เฉียวลู่อาบน้ำทานข้าวเรียบร้อยแล้วเธอพูดเรื่องที่เธอไปเที่ยววันนี้ให้แม่กับพ่อฟังอย่างออกรสแต่กลับลืมเรื่องของคุณยายและหนังสือเก่าเล่มนั้นไปเลยจนกระทั่งเฉียวลู่กลับเข้าห้องนอนของเธอมา“ลืมหนังสือเล่มนี้ไปเลย”เฉียวลู่หยิบหนังสือเก่าเล่มนั้นที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือของเธอมาเปิดดู ข้างในว่างเปล่ามีเพียงตัวอักษรที่เขียนเอาไว้จางๆ ว่าเฉียวลู่“ทำไม่มีชื่อของเราเขียนเอาไว้ในนี้นะ”เฉียวลู่พลิกกระดาษหน้าถัดไปแต่กลับไม่มีอะไรเขียนเอาไว้เลยมีเพียงหน้ากระดาษสีขาวอมเหลืองเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเก่า เฉียวลู่ถอนหายใจออกมาเบาๆ“ช่างเถอะ ถือซะว่าช่วยอุดหนุนคุณยายแล้วกัน”ถึงแม้จะรู้สึกสงสัยอยู่บ้างแต่เธอก็เลิกสนใจในหนังสือเก่าเล่มนั้นไป เฉียวลู่วางหนังสือเอาไว้ที่เดิมแล้วปิดไฟเข้านอนทันที คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดทั่วท้องฟ้ามีเพียงแสงดาวที่ทอประกายระยับเกลื่อนกลาดหนังสือเล่มเก่าที่เฉียวลู่วางเอาไว้บนโต๊ะค่อยๆ คลี่เปิดออกทีละหน้าเหมือนมีลมบางเบาพัดผ่านและค่อยๆ เร็วขึ้นแรงขึ้น แสงสว่างถูกสาดกระจายออกมาจากหนังสือเก่าเล่มนั้นและมันค่อยๆ ไหลมารวมกันเป็นจุดเดียวที่หน้าอกของเฉียวลู่และหา
สิ่งที่เฉียวลู่คิดว่าเป็นเรื่องบ้าบอทั้งหมดกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ นักแสดงสาวโสดวัยสามสิบกว่าที่ไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้งเพราะตั้งมั่นที่จะทำตามความฝันให้เป็นจริง จนกระทั่งเธอได้เป็นนักแสดงชื่อดังแถวหน้าของจีน แล้วดูตอนนี้สิว่ามันเกิดอะไรขึ้นเธอต้องมากลายเป็นแม่แบบไม่รู้ตัวท่านเทพเซียนกำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ เธอจะเอาชีวิตรอดจากที่นี่ไปได้ยังไง นี่ไม่ใช่เกมส์เซอร์ไวเวอร์เอาชีวิตรอดจากอดีตนะที่เล่นแพ้แล้วจะสามารถรีเซตใหม่ได้ท่าทางว้าวุ่นของเฉียวลู่ทำให้เด็กชายทั้งสองเป็นห่วงพวกเขาเดินเข้ามาจับมือของเธอเอาไว้คนละข้างแล้วส่งสายตาให้กำลังใจมาที่เธอ เฉียวลู่ที่พึ่งเป็นท่านแม่หมาดๆ ถึงกับใจเหลวเป็นน้ำให้กับท่าทางที่น่ารักของพวกเขา“เอาเถอะเป็นไงเป็นกันฟูมฟายไปก็เท่านั้น เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วมีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป”นั่นเป็นข้อดีของเฉียวลู่คือเธอเป็นคนที่มีสติและเหตุผลต่อให้เกิดเรื่องร้ายแรงแค่ไหนเธอก็สามารถควบคุมตนเองได้ดีทุกครั้ง และอีกหนึ่งข้อดีของเธอคือเมื่อเธอตั้งใจที่จะทำอะไรแล้วเธอจะมุ่งมั่นไม่ยอมหยุดจนกว่าจะทำสำเร็จเพราะแบบนี้เธอจึงได้รับการยอมรับจากผู้กำกับและนักแสดงในวงการอย
พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปนานแล้วเฉียวลู่และเด็กๆ ก็กลับเข้าไปในกระท่อมน้อยของตนอีกครั้ง เตียงเล็กๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ปูด้วยฟูกเก่าๆ พอให้สามคนได้อาศัยนอน อากาศตอนกลางวันแม้จะเย็นสบายแต่เพราะหมู่บ้านอยู่ในหุบเขาทำให้ตอนกลางคืนนั้นหนาวมากเฉียวลู่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกหนาว นางดึงเด็กทั้งสองคนเข้ามาในอ้อมแขนเพื่อให้ไออุ่นแก่พวกเขา เฉียวลู่สัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่เย็นเฉียบในอ้อมแขน นางได้แต่นึกสงสารพวกเขาจับใจถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันนางจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กสองคนนี้ต้องลำบากเช่นนี้แน่เฉียวลู่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเรื่องมากมายที่ตนจะต้องทำในวันพรุ่งนี้ แต่แล้วนางก็รู้สึกได้ถึงแสงสว่างบางอย่างที่วาบขึ้นมาในห้อง เฉียวลู่มองไปที่มุมห้องที่มีกล่องไม้เก่าๆ ไม่ใหญ่มากวางอยู่ ถึงแม้กล่องไม้ใบนั้นจะยังปิดเอาไว้แต่แสงสว่างก็ยังสามารถลอดผ่านออกมาด้านนอกได้เฉียวลู่มองกล่องใบนั้นอย่างระมัดระวัง จะมีอะไรที่น่าระทึกขวัญมากไปกว่าการที่ต้องตื่นมาแล้วมาอยู่ในยุคโบราณอีก เฉียวลู่ตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดกล่องใบนั้นดู เมื่อนางเปิดกล่องไม้เก่าใบนั้นออกด้านในกล่องใบนั้นที่มีแสงสว่างลอดออกมาคือหนังสือเก่าหนึ่งเล่มปกส
เช้าอันแสนสดใสได้มาเยือนอีกครั้งเฉียวลู่ภาวนาเมื่อยามลืมตาตื่นให้เรื่องเมื่อวานที่ตนเองประสบเป็นเพียงความฝัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจที่คิดเฉียวลู่ได้แต่ถอนหายใจให้กับโชคชะตาของตนถึงแม้เมื่อวานเฉียวลู่จะได้รับบาดเจ็บที่ขาแต่วันนี้นางกลับไม่รู้สึกเจ็บที่ขาเลยมันหายดีอย่างไร้ร่องรอยไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นเฉียวลู่มองท่อนขาเล็กที่เรียบเนียนของตนนี่มันเป็นไปได้ยังไงมันเหมือนกับว่าเมื่อวานนางไม่ได้รับบาดเจ็บเลยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงกลับมาเป็นเหมือนเช่นยามปกติและดูเหมือนว่านางจะมีกำลังมากยิ่งกว่าเดิมซะอีก น่าแปลกใจยิ่งนักหรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่ได้มาหลังจากที่นางมาอยู่ที่นี่อวี้หลงกับอวี้ชิงยังไม่ตื่นเฉียวลู่ย่องออกจากห้องไปและปิดประตูอย่างเบามือ สิ่งแรกที่เฉียวลู่ทำคือต้องทดลองสั่งของในหนังสือเล่มนั้นดูก่อน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเฉียวลู่ในตอนนี้คืออาหารและที่ขาดไม่ได้เลยคือไฟแช็ก นางไม่มีทางใช้หินจุดไฟได้เหมือนอย่างเช่นคนโบราณแน่นอนเฉียวลู่ฝนหมึกและค่อยๆ ใช้พู่กันบรรจงเขียนตัวอักษรลงไปบนหน้ากระดาษ โชคดีที่การเป็นนักแสดงของนางทำให้ต้องเรียนรู้เรื่องต่างๆ มากมายเพื่อให้สมกับบทบาทที่ได้รับ นี่
เฉียวลู่พาเด็กๆ เดินแยกออกมาอีกทางที่ไม่มีร่องรอยของชาวบ้านผ่านเข้ามา นางตัดกิ่งไม้และเหลาปลายให้แหลมให้อวี้หลงกับอวี้ชิงถือเอาไว้ และสั่งให้เด็กทั้งสองเดินอยู่ข้างหลังนางห้ามห่างเกินสองก้าวอวี้หลงกับอวี้ชิงพยักหน้าทำตามแต่โดยดี“เอาล่ะเด็กๆ จากนี้ไปจะเป็นป่าทึบห้ามห่างจากแม่เป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่”อวี้หลงและอวี้ชิงพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกัน เฉียวลู่เดินนำหน้าสายตาสอดส่ายมองหาอะไรบางอย่างที่สามารถกินได้และไม่เป็นพิษต่อร่างกายน้อยๆ ของพวกเขาทั้งสาม เดินหาอยู่นานเฉียวลู่เก็บได้เพียงเห็ดหอมกับเห็ดหูหนูมาเล็กน้อยเท่านั้น มีเห็ดเพียงไม่กี่ชนิดที่นางรู้จักและพวกมันล้วนเป็นเห็ดที่นางเคยกินที่ร้านอาหารทั้งนั้น ต้องขอบคุณความช่างสังเกตของนางที่ไม่ก้มหน้าก้มตากินเข้าไปอย่างเดียว และยังมีบางชนิดที่นางจำมาจากหนังสือที่ที่นางเคยอ่านมานิดหน่อย โชคดีที่ความจำของนางยังดีอยู่ไม่อย่างนั้นได้พาเด็กๆ กินเห็ดพิษเข้าไป คงได้เดือดร้อนกันทั้งหมดแน่ผ่านไปนานพวกเขายังเดินวนอยู่ใกล้ๆ ที่เดิมเฉียวลู่ไม่กล้าพาเด็กทั้งสองเดินเข้าไปในป่าที่ลึกเกินไปยังคงเดินวนเวียนอยู่บริเวณตีนเขา เพราะนางกลัวว่าหากเจอกับสัตว์ป่าทั้ง
ในระหว่างที่รอจางหย่งชำแหละเจ้าหมูป่าเฉียวลู่กับหญิงชราและลูกสะใภ้ของนาง ก็นั่งคุยกันและเตรียมน้ำเอาไว้เพื่อทำความสะอาด เฉียวลู่ยังได้เล่าให้สตรีทั้งสองฟังเรื่องที่นางความจำเสื่อมเพราะอุบัติเหตุที่ผ่านมา หญิงชราถึงกับหลังน้ำตาให้กับเฉียวลู่ด้วยความสงสารในชีวิตที่อาภัพของนางเฉียวลู่ที่เห็นหญิงชราร้องไห้นางก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร เด็กเล็กร้องไห้ยังพอหลอกล่อได้ แต่ให้ปลอบใจผู้ใหญ่นางจะพูดอย่างไรดี เฉียวลู่รู้สึกปวดหัวกับความเจ้าน้ำตาของหญิงชรา แต่นางก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกนางมาต่างโลกที่ไม่คุ้นเคยแต่ยังคงมีคนห่วงใยนางเช่นเดิมเหมือนกับตอนที่นางอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน“ท่านยายท่านอย่าได้ร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ ถึงข้าจะจำสิ่งใดไม่ได้เลยในอดีต แต่ข้าก็สามารถรับรู้ได้ว่ายังมีพวกท่านนั้นคอยเป็นห่วงเราแม่ลูกแค่ไหน ข้าไม่ได้รู้สึกกลัวอันใดเลยอาจจะดีกับข้าเสียด้วยซ้ำที่ต้องลืมเรื่องราวในอดีต”เฉียวลู่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา มันเหมือนกับว่าจิตใต้สำนึกของนางสั่งให้นางพูดแบบนั้นออกไป“ท่านเล่าเรื่องที่หมู่บ้านนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่เจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะจำอะไรได้บ้าง”จากนั้นห
บุตรชายทั้งสองของเฉียวลู่นั้นตามติดนางเป็นเงา ถึงแม้เฉียวลู่จะบอกเด็กชายทั้งสองให้ออกไปวิ่งเล่นกับเด็กๆ ในหมู่บ้านแต่พวกเขาก็เอาแต่ส่ายหน้า ท่าทางที่ดื้อรั้นของเด็กทั้งสองนั้นไม่ต่างจากเฉียวลู่เลย“ลูกสองคนไม่อยากออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ จริงๆ หรือจ๊ะดูพวกเขาสิท่าทางสนุกเชียว”เฉียวลู่ยังคงพยายามคะยั้นคะยอให้อวี้หลงกับอวี้ชิงออกไปเล่นด้านนนอกกับเด็กคนอื่นๆ เด็กสองคนยังคงส่ายหน้าอยู่อย่างนั้นและเอาแต่ตามติดเฉียวลู่เหมือนกับกลัวว่านางจะหายไป“พี่สาวท่านพอจะแบ่งกระดูกหมูป่าให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”เฉียวลู่และเด็กชายทั้งสองหันไปตามเสียงเรียกที่อยู่ด้านหลัง เฉียวลู่จำไม่ได้ว่าเด็กชายที่ใบหน้าซีดเซียวและร่างกายผอมแห้งคนนี้เป็นใคร“เจ้า...คือ”เฉียวลู่ถามเด็กชายและยิ้มให้เขาอย่างใจดี เด็กชายคนนั้นเมื่อเห็นรอยยิ้มที่งดงามของเฉียวลู่ถึงกับทำให้เขาอายจนแทบม้วนตัวเองเป็นก้อนกลม“ข้า...ชื่อฉินจื่อเฉินบ้านของข้าอยู่ใกล้กับบ้านของท่านลุงจางข้าไม่มีเงินมาซื้อเนื้อหมูป่าแต่ข้ามีมันเทศท่านจะสามารถแลกกระดูกกับมันเทศของข้าได้หรือไม่”เด็กชายที่อายุราวเจ็ดแปดขวบมองเฉียวลู่ด้วยท่าทางอึดอัดเขากลัวว่าจ
เฉียวลู่หันไปมองต้นไม่ต้นนั้นที่ล้มนอนอยู่ ในหัวของนางวางแผนบางอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คล้อยหลังเฉียวลู่อวี้หลงกับอวี้ชิงหันกลับมามองตากันแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเหมือนกับว่าเพียงพวกเขามองหน้ากันก็สามารถสื่อความนึกคิดถึงกันและกันได้แล้วเฉียวลู่ให้อวี้ชิงจุดไฟให้นางจากนั้นก็ทำอาหารง่ายๆ ที่เฉียวลู่พอจะทำได้กินกัน หลังจากนั้นนางก็อาบน้ำให้เด็กชายทั้งสองและตัวเองแล้วจึงพาเด็กชายนอนกลางวัน ในความคิดของเฉียวลู่คือเป็นเด็กก็ต้องนอนให้มากๆ จะได้โตเร็วๆ ตอนเย็นเฉียวลู่ยังคงทำอาหารแบบง่ายๆ อีกครั้งในหัวของนางตอนนี้คือจะต้องสั่งหนังสือทำอาหารสักเล่ม ไม่อย่างนั้นหากต้องกินอาหารที่นางทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เด็กๆ อาจจะเบื่อเอาได้รุ่งเช้าสิ่งแรกที่เฉียวลู่นึกถึงคือหนังสือเล่มนั้น นางต้องสั่งของที่จำเป็นที่ต้องได้ใช้ในวันนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เฉียวลู่เขียนไฟแช็กลงไปในกระดาษ รอหลังจากหมึกซึมลงไปไฟแช็กเหล็กสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็โผล่มาแทนที่จากนั้นสิ่งของอย่างที่สองที่เฉียวลู่นึกถึงคือเงิน บางทีนางอาจจะสั่งอะไรที่เป็นสิ่งของมีค่าที่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินของที่นี่ได้ และไม่ว่าจะยุคสมัยไหนสิ่งของที่มีค
หลังจากที่ทุกอย่างถูกเปิดเผยฉินเจี่ยซินและองค์ชายสามถูกลงโทษประหารชีวิต ฉินอี้เหยาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งเดิมของตนส่วนฉิน จื่อเฉินหลังจากที่พิสูจน์ว่าเป็นพระโอรสของเซียวฮ่องเต้แล้วเขาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเซียวฮ่องเต้ได้ตกรางวัลมากมายให้เฉียวลู่นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทั้งวันเพราะตอนนี้นางเป็นเศรษฐีแล้ว ฉีหมิงเยี่ยนมองท่าทางเหมือนคนเสียสติของนางแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ สตรีผู้นี้ไม่สนใจตำแหน่งท่านหญิงแต่กลับขอเปลี่ยนเป็นเงินแทนทำเอาขุนนางทั้งหลายถึงกับอึ้ง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับนางดีเฉียวลู่พาบุตรชายทั้งสองของนางเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงถึงสองเดือนตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปที่เรือนน้อยเชิงเขาของนางแล้ว“พี่อาลู่ท่านจะไปแล้วจริงหรือ”องค์หญิงเซียวหมิ่นงอแงไม่อยากให้นางกลับไปวันทั้งวันเอาแต่ตามติดนางไม่ห่าง ทำเอาฉีหมิงเยี่ยนหงุดหงิดจนอยากจะจับนางยัดใส่ถังไม้ถ่วงน้ำทะเล แต่วันนี้เป็นวันที่ฉีหมิงเยี่ยนอารมณ์ดีที่สุดเพราะพวกเขากำลังจะกลับไปที่อำเภอเป่ยจิง“ข้ามีเรื่องต้องทำมากมายอยู่เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนท่านไม่ได้เอาอย่างนี้ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสข้าจะพาท่านเที่ยวอำเภอเป่ยจิงดี
เฉียวลู่ถูกเรียกตัวเข้าพบฮ่องเต้นางเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังทั้งยังบอกเล่าจุดที่น่าสงสัยที่ควรตามสืบ ผ่านไปอีกหลายวันเรื่องของนักฆ่าที่ตามสังหารองค์หญิงเซียวหมิ่นยังคงเงียบ นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก เขาเป็นถึงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินนี้แค่ตามสืบว่าใครว่าจ้างมือสังหารยังทำไม่ได้เชียวหรือ ทำไม่ได้หรือไม่ทำกันแน่กลางดึกในวังหลวงชายชุดดำปีนเข้าไปด้านในตำหนักชางอี้ ฝีเท้าของเขาแผ่วเบาและรวดเร็วเหมือนถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ห้องนอนที่อยู่ด้านข้างของห้องนอนองค์หญิงเซียวหมิ่น ฉินอี้เหยาที่กำลังหลับลึกถูกฝ่ามือของใครบางคนปิดปากเอาไว้ นางรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถขยับตัวได้“เหยาเอ๋อ”เสียงเรียกชื่อเบาๆ ของนางทำให้ฉินอี้เหยาหยุดดิ้น เมื่อสายตาชินกับความมืดนางจึงได้รู้ว่าใครกันที่เข้ามาในห้องนอนของนาง“ท่านพ่อ”ฉินอี้เหยากอดชายชุดดำที่อุกอาจบุกเข้ามาในวังหลวงอย่างไม่กลัวตาย ที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการยืนยันให้แน่ใจว่านางกำนัลที่เขาเห็นในท้องพระโรงใช่นางหรือไม่ ฉินอี้เหยากลั้นเสียงร้องไห้จนสั่นไปทั้งร่าง นางรู้สึกอุ่นใจที่ครอบครัวของนางยังไม่ทอดทิ้ง“พ่อมาที่นี่เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าตัวจริง เ
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่หวงมามาได้รับข้อความจากคนของฉีหมิงเยี่ยนที่เป็นสายลับอยู่ในวังหลวง นางก็ใช้ตราของตำหนักองค์หญิงพานางกำนัลออกมาด้วยสองคน หวงมาๆ ให้รถม้าวิ่งวนไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา จากนั้นจึงให้คนขับรถม้ามาที่เรือนหลังเล็กที่อยู่ใกล้สำนักศึกษา“หวงมามา”องค์หญิงเซียวหมิ่นเรียกนางด้วยความดีใจเหมือนได้พบญาติผู้ใหญ่อีกครั้ง หวงมามากอดนางร้องไห้“องค์หญิงเหตุใดหนีออกจากวังเช่นนี้ ท่านไม่กลัวว่าบ่าวแก่ๆ คนนี้จะหัวใจวายตายหรือเพคะ”องค์หญิงเซียวหมิ่นหลังจากที่โดนนักฆ่าตามสังหารตอนนี้นางก็ได้รู้แล้วว่าตนเองนั้นทำผิดมหันต์แค่ไหน ไม่คิดดื้อดึงถกเถียงกับหวงมามาอีกแล้ว“ข้าผิดไปแล้วต่อไปจะทำอะไรข้าจะคิดให้มากกว่านี้”หวงมามาเมื่อตั้งสติได้ก็หันไปมองเฉียวลู่และบุรุษที่มีใบหน้าธรรมดา ด้านหลังของพวกเขามีสตรีที่งดงามนางหนึ่งยืนอยู่นางไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เด็ดขาด“ฮองเฮาเป็นไปได้อย่างไร”หวงมามารีบเข้าไปคุกเข่าให้นางทันที ฉินอี้เหยารีบเข้าไปประคองหวงมามาให้ลุกขึ้น“ข้าหาใช่ฮองเฮาอีกแล้ว หวงมามาท่านอย่าได้คุกเข่าให้ข้าเลย”หวงมามายังไม่ได้สติกลับมา แปดปีกว่าที่ฝ่าบาทตามหานางแต่คนท
เฉียวลู่พาเด็กๆ ไปฝากแม่เฒ่าหลี่เอาไว้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เด็กชายทั้งสองชินกับเรื่องพวกนี้แล้วเพราะเมื่อก่อนท่านแม่ก็ทำเช่นนี้ในบางครั้งที่นางต้องไปทำธุระที่อำเภอเป่ยจิง ฉินอี้เหยากอดฉินจื่อเฉินเอาไว้นางร้องไห้ออกมาเบาๆ พร้อมกับร่ำลาบุตรชาย“เฉินเอ๋อแม่จะกลับมารับลูกเมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลายแล้ว ลูกรอแม่อยู่กับท่านยายหลี่เป็นเด็กดีรู้หรือไม่”ฉินจื่อเฉินพยักหน้าขอบตาแดงก่ำแต่เขาก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา เพราะกลัวว่าท่านแม่จะเป็นกังวล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องแยกจากนาง ฉินจื่อเฉินรู้สึกโดดเดี่ยวเขาอยากตามไปด้วยแต่ท่านแม่บอกว่าครั้งนี้มันอันตราย เขาจึงต้องทำตามที่ท่านแม่สั่งเมื่อทุกคนล่ำลาเสร็จแล้วเฉียวลู่ฝากทุกอย่างของนางเอาไว้ที่แม่เฒ่าหลี่นางไม่ได้บอกอะไรมากมายแต่แม่เฒ่าหลี่ก็สามารถรับรู้ได้ว่า การที่เฉียวลู่ไม่บอกอะไรนางเลยอาจเป็นเพราะกลัวพวกนางเป็นอันตราย เฉียวลู่และคนคุ้มกันอีกสองสามคนนั่งเกวียนออกไปจากหมู่บ้านก่อนทำเหมือนออกไปค้าขายดั่งเช่นทุกวันส่วนองค์หญิงเซียวหมิ่นและฉินอี้เหยาถูกองครักษ์ของฉีหมิงเยี่ยนพาแยกเข้าเมืองหลวงไปอีกทางเพื่อให้คนของฉินฮองเฮาแยกออกจากกัน ฟ้าสว่างมากแล้วจ
เฉียวลู่รู้สึกหนักใจอยู่เหมือนกัน ถึงตัวนางจะมีกำลังมากแต่ให้สู้กับนักฆ่ามืออาชีพนางย่อมไม่สามารถสู้ได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนมีเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยพวกนางได้คือฉีหมิงเยี่ยน“พวกท่านกลับไปก่อนข้าจะลองหาทางช่วยพวกท่านเอง”หลังจากฉินอี้เหยาและองค์หญิงเซียวหมิ่นกลับไปเฉียวลู่จึงเรียกองครักษ์เงาออกมา“พวกเจ้าสองคนไปเฝ้าดูเรือนของพี่อี้เหยาเอาไว้ถึงแม่ว่าข้าจะคิดว่านักฆ่าน่าจะยังไม่กลับมาในเร็วๆ นี้แต่ป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า”องครักษ์เงาสองคนคารวะเฉียวลู่แล้วทะยานหายไป เฉียวลู่เดินไปดูเด็กชายทั้งสองที่ยังนอนหลับอยู่ในห้องของนาง จากนั้นนางจึงเดินไปที่ห้องของฉีหมิงเยี่ยน เฉียวลู่เคาะประตูเบาๆ“เข้ามา”เสียงทุ้มดังออกมาจากด้านใน เฉียวลู่ผลักประตูเปิดเอาไว้ นางเดินไปหาเขาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง“มีเรื่องอันใด”นางมีท่าทีลังเลเล็กน้อย“ท่านคงได้ยินทั้งหมดแล้วกระมัง ท่านพอจะช่วยเหลือพวกนางได้หรือไม่”เฉียวลู่พูดเสียงเบาเหมือนกับไม่มีความมั่นใจในตนเองเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเขาเขาจะไม่ช่วยก็ไม่มีใครสามารถว่าเขาได้ อีกอย่างเมื่อวานเหมือนนางจะโมโหเขาเพราะเรื่ององค์หญิงเ
รุ่งเช้าเฉียวลู่ตื่นขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย นางบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบที่นอนท่าเดียวทั้งคืน เมื่อนางตื่นเต็มก็ตาพบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนของตนเองที่อยู่ในยุคปัจจุบัน“อะไรกันเรากลับมาได้แล้วหรือ”เฉียวลู่รีบเปิดประตูห้องวิ่งลงมาข้างล่างเพื่อเช็คให้แน่ใจ คุณพ่อที่นั่งดื่มกาแฟอยู่หน้าทีวีดูข่าวเช้า ส่วนคุณแม่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวกลิ่นหอมฉุยของโจ๊กโชยมาทำให้เฉียวลู่แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไป เรากลับมาได้แล้ว“แม่คะพ่อคะหนูกลับมาแล้ว”ท่าทางร่าเริงของเฉียวลู่เรียกรอยยิ้มของคุณแม่ของเธอ“กลับมาแล้วอะไรกันเด็กคนนี้ละเมออะไรอยู่ ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วลงมาทานข้าวได้แล้ว”เฉียวลู่ยิ้มตาหยีแล้ววิ่งกลับขึ้นไปบนห้องนอนทำตามคำสั่งของคุณแม่“เรากลับมาแล้วจริงๆ ด้วย”เฉียวลู่อาบน้ำและฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี เมื่อแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินลงมาทานอาหารพร้อมหน้าครอบครัว ระหว่างที่กำลังทานโจ๊กเฉียวลู่มองพ่อแม่ที่กำลังคุยกันอย่างหวานชื่น เป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครัวของเฉียวลู่ เพราะเธอเห็นพ่อกับแม่แสดงความรักต่อกันแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้ บางครั้งเธอยังรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงของแถมที่เกิดจากความรักของทั
เฉียวลู่เมื่อกลับไปถึงเรือนของตนก็พบพ่อลูกที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องโถง นางเข้าไปกอดและหอมเจ้าหัวไชเท้าน้อยทั้งสองจากนั้นจึงเดินกลับเข้าห้องไป นางไม่แม้แต่จะทักทายบิดาของบุตรชายนางสักนิดเรื่องนักฆ่าที่พวกเขาพบที่จีหม่านโหรวได้ถูกถ่ายทอดให้ฉีหมิงเยี่ยนได้รู้ เขาขมวดคิ้วมุ่นแต่ไม่ใช่เรื่องของนักฆ่าแต่เป็นเรื่องของเฉียวลู่ ดูเหมือนว่าไม่ใช่เพียงนิสัยของนางเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ตอนนี้เฉียวลู่แทบจะไม่เหมือนคนเดิมที่เขาเคยรู้จักในอดีต หากไม่ใช่ใบหน้าของนางที่เหมือนเดิมแล้ว เขาคงคิดว่านางเป็นคนอื่นที่ปลอมตัวมา“จับตาดูนางเอาไว้ให้ดี มีสิ่งใดผิดปกติให้รีบมารายงานข้า”เฉียวลู่กลับออกมาจากห้องนอนของตน นางเดินผ่านห้องโถงเข้าครัวไปอุ่นอาหารในครัวที่นางวานแม่เฒ่าหลี่เอาไว้ ฉีหมิงเยี่ยนเข้ามาอยู่ในเรือนนี้หลายวันแล้วถึงเฉียวลู่จะไม่ค่อยพูดกับเขาแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดีขึ้นกว่าตอนที่พวกเขาพบกันในครั้งแรก แต่วันนี้บรรยากาศกลับแตกต่างไปจากเดิมถึงแม้นางจะยังคงทำทุกอย่างดั่งเช่นทุกวัน แต่เขารู้สึกได้ว่านางเย็นชากับเขายิ่งกว่าเดิม ฉีหมิงเยี่ยนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางเพราะเขาไม่รู้ว่าเฉียวล
เถ้าแก่ร้านเฟยหย่ารีบวิ่งตามออกมาด้านนอกแต่รถม้าที่เฉียวลู่และฉินอี้เหยานั่งมาได้ขับออกไปแล้ว“น่าเสียดายนักสุดท้ายแล้วนางมีของดีเก็บเอาไว้แต่ไม่ยอมเอาออกมาเสนอขายให้ข้าช่างเป็นสตรีที่น่ากลัวจริงๆ”เถ้าแก่สั่งให้พนักงานในร้านเฟยหย่าทุกคนจำใบหน้าของเฉียวลู่และฉินอี้เหยาไว้ นางมาที่นี่อีกเมื่อใดให้ไปตามเขามาทันที เฉียวลู่สั่งให้เฉิงรุ่ยที่ทำหน้าที่ขับรถม้าจอดรอที่หน้าจีหม่านโหรวนางมีของฝากมาให้เถ้าแก่จีและผู้ช่วยเหวินเมื่อฉินอี้เหยาเดินตามเฉียวลู่เข้าไปด้านใน แต่แล้วนางก็ต้องชะงักไปเหมือนกับว่านางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นซ้อนทับกับเด็กหนุ่มชุดขาวที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม ฉินอี้เหยาอยากเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูให้ชัดเจน แต่แล้วก็มีชายชุดดำที่ไม่รู้ที่มาพุ่งกระบี่เข้าหาเด็กหนุ่มผู้นั้นเฉียวลู่ที่รู้ตัวก่อนได้เขวี้ยงเก้าอี้ไปขวางกระบี่เอาไว้ทำให้กระบี่พลาดเป้าไปโดนแขนของเขาแทน เด็กหนุ่มล้มลงเพราะถูกแทงที่แขน ผมที่ถูกผูกเอาไว้ได้คลายออกฉินอี้เหยาจำได้ทันทีว่าเขาเป็นใครองค์หญิงน้อยที่ชอบมาเที่ยวที่ตำหนักรัชทายาทเมื่อตอนที่นางยังเยาว์แต่เหตุใดนางถึงแต่งกายเป็นชายแล้วมาอยู
ผ่านไปแปดปีกว่ายังตามหาพวกนางแม่ลูกไม่พบ ถึงฝ่าบาทจะไม่เคยตรัสถึงเรื่องนี้เลยสักครั้งแต่นางก็รู้ดีว่าภายในใจของพระองค์นั้นมีเพียงคุณหนูใหญฉินเพียงคนเดียว ต่อให้เขาแต่งตั้งนางที่เป็นคุณหนูรองขึ้นเป็นฮองเฮาแทนฉินอี้เหยาเพราะต้องการตอบแทนความภักดีของตระกูลฉิน แต่ในสายตาของฝ่าบาทนางเป็นเพียงตัวแทนของคนที่พระองค์รักเท่านั้นฉินเจี่ยซินรู้สึกโกรธแค้นคนที่อาจจะตายไปแล้วถึงแปดปีที่ยังคงยึดครองพื้นที่ภายในใจของฮ่องเต้เอาไว้ นางได้พบเขาครั้งแรกในวันงานปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ฉิน ความสง่างามและน่าเกรงขามของเขาช่างแตกต่างจากบุรุษทั่วไปที่นางได้พบยิ่งนั่นทำให้ฉินเจี่ยซินตกหลุมรักองค์รัชทายาทเซียวยิ่นตั้งแต่แรกพบ แต่ผ่านไปไม่นานก็มีพระราชโองการจากฮ่องเต้ส่งมาที่จวนแม่ทัพฉินขอหมั้นหมายคุณหนูใหญ่ฉินกับองค์รัชทายาท ฉินเจี่ยซินทั้งโมโหทั้งโกรธแค้นเพราะเหตุใด นางเองก็เป็นบุตรสาวของแม่ทัพฉินเช่นกันทำไมสิ่งดีๆ ทุกอย่างถึงตกเป็นของคนที่เกิดก่อนนางเพียงไม่กี่เดือนเช่นฉินอี้เหยา และนั่นเป็นจุดเริ่มตนของแผนการแย่งชิงทุกสิ่งที่เป็นของฉินอี้เหยามาฉินเจี่ยซินได้รู้เรื่องที่องค์ชายสามลอบติดต่อกับต่างแคว้นอย่างลับๆ