แม้นถูกคำสาปให้เป็นสตรีแสนร่าน แต่ดวงวิญญาณมอบแด่ท้าวยมบาล แม้นจักร่านก็แค่กายที่ร้าวราน กมลมาลย์รักมั่นเจ้าอเวจีนานชั่วกัลป์
View Moreในขณะที่แม่ทัพยมราชอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า“ไม่.. ไม่นะ อย่า”เสียงนั้นทำให้เขาสะดุ้งตื่นตามสัญชาตญาณนักรบที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืดแล้ว เขาจึงเห็นว่าที่แท้เป็นเสียงของหนุ่มน้อยอาการของคนที่นอนอยู่ข้างเตียงเขาคล้ายกับกำลังฝันร้ายมาก มีเหงื่อผุดซึมตามหน้าผาก ปากพึมพำ“ยะ อย่าทำข้าเลย ไม่นะ อย่า”แม่ทัพยมราชจึงเอื้อมมือไปหมายจะปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย แต่กลับกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นกลับผวาคว้าเอามือเขาไปจับไว้แน่น“ช่วยด้วย ช่วยข้าที ข้ากลัวเหลือเกิน”เขารู้สึกว่าเสียงของหนุ่มน้อยช่างเวทนาเหลือเกิน จึงไม่ดึงมือกลับ อีกทั้งยังลงจากเตียงนอนของตน แล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เด็กชาย“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่ ไม่มีผู้ใดจะทำร้ายเจ้าได้”แม่ทัพยมราชกระซิบบอกอย่างแผ่วเบา แล้วคนที่ฝันร้ายเมื่อครู่ก็มีอาการสงบลง อีกทั้งร่างบางพลิกตัวซุกใบหน้าหาอกอุ่น คล้ายกับลูกแมวที่กำลังซุกเข้ากับอกแม่เขาก้มลงมองใบหน้างดงามในอ้อมแขน ทั้งกลิ่นหอมรัญจวนทั้งดวงหน้างดงามเกินบุรุษ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกจนยากจะบรรยาย จึงปล่อยให้หนุ่มน้อยนอนกอดตนจนถึงรุ่งสาง
“ข้าเป็นเด็กหนุ่มจากภูเขาฝากนู้นหมายมาดว่าจะเดินทางเข้าเมืองมาหางานทำ” องค์หญิงเก็จมณีปั้นเรื่องอย่างคล่องปาก “คิดไม่ถึงว่าจะเจอโจรป่าดักปล้น หากไม่ได้ท่านแม่ทัพช่วยเอาไว้ ข้าคงถูกพวกมันปล้นแล้วฆ่าตายที่กลางป่าแน่ ๆ ขอบพระคุณท่านแม่ทัพมาก ๆ ขอรับ”“ไม่เป็นไร... เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องปกป้องดูแลประชาชนชาวศากยะบุรีทุกคน”“มีท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ แผ่นดินศากยะบุรีจึงสงบร่มเย็นเช่นนี้ ข้าต้องขอบใจท่านจริง ๆ”องค์หญิงเก็จมณีเผลอตัวใช้วาจาเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ที่กำลังกล่าวชมขุนนางผู้จงรักภักดี“วาจาเจ้า.....”แม่ทัพยมราชขมวดคิ้วองค์หญิงเก็จมณีคล้ายจะรู้ตัวว่าเผยพิรุธออกมาจึงแสร้งทำเป็นตกใจกลัว “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่ขอรับ” นางรีบลงจากเตียงลงมาคุกเข่าขอขมาเขา “ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็นแม่ทัพตัวเป็น ๆ หากมีสิ่งใดที่ทำผิดไปขอท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ข้าด้วย อย่าลงโทษข้าเลย”แม่ทัพยมราชเห็นท่าทีเช่นนั้นก็คิดว่าตนคงจะระแวงมากเกินไป จึงเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้กล่าวโทษเจ้าเลย ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบคุณขอรับ”“หากว่าเจ้ายังไม่มีที่ไป ก็อยู่ช่วยงานรับใช้ข้าที่นี่แล้วกัน”แม่ทัพยมราชเสนอขึ้น“ท่านอนุญาตให้ข้าอยู่ที่นี่
“จริงอย่างเจ้าว่า ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ตัวมันหอมน่ากิน ใบหน้ายังจิ้มลิ้มน่าลอง ลูกพี่ ข้าว่าจับมันกลับไปเป็นชายบำเรอความสุขให้พวกเราดีกว่า”มันเอ่ยจบก็ยื่นมือเข้ามาหมายจะลูบแก้มเนียน“อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ เจ้าโจรชั่ว” องค์หญิงเก็จมณีปัดมือมันออกด้วยความโกรธจัด “รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”“พวกข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นใคร เพราะอย่างไรเสียพวกข้าก็จะได้ทั้งเงินแล้วก็ตัวเจ้า เฮ้ยพวกเรา จับมันกลับไปที่รังโจร”สิ้นคำ พวกมันก็รุมกันเข้ามาหมายจะจับนางร่างเล็ก ๆ หลบวูบรอดพ้นจากโจรผู้หนึ่ง แล้วอาศัยความว่องไววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด“เฮ้ย ! พวกเราตาม มันหนีไปไม่ได้ไกลหรอก”เสียงฝีเท้าโห่ร้องของพวกโจรใจชั่ววิ่งไล่ตามมาราวกับผีร้าย“ช่วยด้วยยยย ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย ข้าถูกโจรปล้นแล้วววว”องค์หญิงเก็จมณีทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปด้วยความหวาดกลัว หัวใจเต้นระทึก ในหูอื้ออึงไปหมด วิ่งเตลิดเข้าไปในป่าลึกไม่สนใจว่าจะถูกกิ่งไม้ขีดข่วนทิ่มแทงเข้าไปในเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบ“โอ๊ย !”องค์หญิงเก็จมณีสะดุดล้มลงบนพื้น พวกโจรจึงวิ่งตามมาทัน แล้วล้อมนางไว้อีกครั้ง“ฮ่า ๆ เจ้าหนุ่มหน้าหวาน จะวิ่งให้เหนื่อยทำไม ยังไงก็หนีไม่พ้นอย
ณ กรุงศากยะบุรี ในแดนมนุษย์ ท่านพญายมบาลได้เกิดเป็นแม่ทัพใหญ่ในกรุงศากยะบุรี นามว่า ‘ยมราช’ ทรงฝักใฝ่ในการทำสงครามเป็นอย่างยิ่ง ไปรบที่ไหนก็ชนะทุกครั้ง จนได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม”แม้ว่าจะเก่งกาจด้านการรบ แต่เขากลับป่วยเป็นโรคประหลาด ปวดหัวเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพึ่งน้ำมนต์ศักดิ์ของหลวงพ่อใหญ่ของวัดไพศาล ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวทุก ๆ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แม่ทัพยมราชจะเดินทางมากราบหลวงพ่อใหญ่ขอรับน้ำมนต์ด้วยตนเองชายหนุ่มก้มลงกราบหลวงพ่อใหญ่ในท่วงท่างามสง่า แม้จะอยู่ในชุดชาวบ้าน แต่รัศมีน่าเกรงขามของแม่ทัพใหญ่ก็ยังแผ่ออกมาให้คนใกล้ตัวยำเกรง“นมัสการหลวงพ่อขอรับ”“อืม.... น้ำมนต์อาตมาเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ตรงหน้านั่นแหละ”หลวงพ่อใหญ่ชี้ไปที่กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำสมุนไพรปลุกเสก ท่านรู้จักแม่ทัพยมราชเมื่อ 25 ปีก่อนในตอนนั้นแม่ทัพใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านได้พาเด็กชายวัยขวบเศษที่กำลังกรีดร้องไห้อย่างน่าเวทนาเข้ามาหา“พระท่าน โปรดช่วยลูกของข้าด้วยเถิด ข้ามีลูกชายคนเดียวก็มาป่วยเป็นโรคประหลาด หมอหลวงในวังก็ยังรักษาไม่ได้ ท่านเป็นที่พึ
ผมสีดำขลับยาวสยายถึงกลางหลัง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้างดงามยิ่งกว่านางอัปสร แม้ว่าเดินอยู่ในเมืองนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเศร้าหมองมัว แต่เรือนกายนางกลับกระจ่างแจ้งประดุจดอกบัวบานเหนือโคลนตม“องค์อินทร์ท่านสั่งลงมา ให้ลงทัณฑ์นางตามสมควร แต่อย่าได้ให้ความงามของนางมีอันต้องมลทิน รอเวลากลับสู่สรวงสวรรค์ แล้วกำชับให้ข้าดูแลนางเป็นพิเศษ”ท่านยมบาลกล่าวเสียงเรียบกากีได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันให้กับโชคชะตาตนเอง ชีวิตของนางไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ล้วนถูกบุรุษกำหนดตีตรา และจองจำ“เจ้ายิ้มอันใด”ยมบาลมิได้ละสายตาไปจากวิญญาณสตรีผู้นั้นเลย จึงทำให้รู้ว่านางยิ้ม แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะแย้มเพียงน้อยนิด“ข้ามิได้ทำอันผิด แต่กลับถูกสั่งให้ลงทัณฑ์ครั้งแล้วครั้งเล่า”น้ำเสียงนั้นทั้งตัดพ้อทั้งน้อยใจกับชะตาชีวิตที่มีความงามเป็นหนึ่ง แต่หาความรักจริงใจจากผู้ใดไม่ได้แม้น้อยนิด“เจ้าลักลอบคบชู้สู่ชาย มักมากในกาม เมื่อตายแล้วต้องถูกลงทัณฑ์โดยการโยนลงไปทะเลน้ำกามกรด จากนั้น ก็ต้องปีนป่ายต้นงิ้วที่มีหนามแหลมคม หากเจ้าตกลงมาก็จะถูกสุนัขกัดกินอวัยวะโสมมที่เจ้าใช้ล่อผู้ชาย”น้ำเสียงยมบาลเยือกเ
เกศราตาโต อ้าปากค้าง“ใช่” ยมบาลยืดอกตอบรับ “เจ้าคิดว่าคนธรรมดาจะมองเห็นวิญญาณแล้วทำอย่างว่ากับเจ้าได้รึ”เขาขึ้นไปประชุมที่แดนสวรรค์แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จริง แต่ในโลกมนุษย์ผ่านไปเกือบจะหนึ่งวันแล้ว จึงเปิดโอกาสให้ผีสาวตนนี้ใช้อิทธิฤทธิ์ป่วนโลกมนุษย์จนวุ่นวายไปหมดผีสาวยิ้มอิหลักอิเหลื่อ หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วเธอก็อยากจะตายไปเสียอีกครั้ง“เมื่อสักครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่านอย่าได้ถือสาเลยนะ”ยมบาลได้ยินเช่นนั้นใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งแดงก่ำยิ่งขึ้น เขาตวาดด้วยเสียงอันดังว่า“กากี ! สำหรับเจ้าแล้ว การมีความสัมพันธ์ทางกายก็เป็นแค่การสมสู่เพื่อความสนุกสินะ นางผีสำส่อนเช่นเจ้า ข้าจะจับเจ้าไปลงทัณฑ์ในนรก”สิ้นคำ ยมบาลก็เสกโซ่ออกมา แล้วตวัดรัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้เคร้ง“ว๊าย”เกศรากรีดร้องเสียงหลง ยังไม่ทันจะรู้ตัว นางก็ถูกจับลงไปยมโลกเสียแล้วณ ยมโลกยมบาลล่ามกากีด้วยโซ่ศิลาที่แข็งแรงที่สุดไม่มีใครสามารถตัดขาดได้นอกจากเขา จากนั้นก็ลากนางมายังบัลลังก์ยมบาล เมื่อเขานั่งลง นางก็ถลาล้มลงแทบเท้าของเขา“โอ๊ย ! ท่านยม ฉันเจ็บนะ เบา ๆ หน่อยสิ” วิญญาณผีสาวร้องโอดครวญอ
“โอ้ว... เจ้าเด็กนี่ พองสู้ปากดีนัก”เกศราตาวาว เห็นแก่นกายของหนุ่มน้อยพองใหญ่จนคับปากเช่นนั้นก็ทำเอาเธอน้ำแฉะออกมาที่หว่างขา รู้สึกหงี่ขึ้นมาเหมือนกันม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อู้ยยยย อา พะ พี่สาว ดูดผมจนแข็งหมดแล้ว”ผีสาวได้ยินเสียงเขาร้องขึ้นเช่นนั้นก็ชะงัก รีบคายดุ้นออกจากปาก“น้องมองเห็นพี่ด้วยรึ”“แล้วทำไมจะไม่เห็นล่ะ”“กะ ก็....”เกศราคิดจะบอกว่าตนเองเป็นผี ก็กลัวว่าน้องมันจะกลัวจนดุ้นหด อดเย้วกันพอดีจึงเลื้อยตัวขึ้นคร่อมตัวหนุ่มน้อยอย่างยั่วยวนแล้วตอบบ่ายเบี่ยงไปว่า“เรื่องเห็นไม่เห็นช่างมันเถอะจ้ะ.... เอาเป็นว่าถ้าน้องมองเห็นพี่ คืนนี้มันแน่นอน”สิ้นคำ เกศราก็โผเข้ากอดและจูบปากหนุ่มน้อยก่อน อีกทั้งยังเลื่อนมือลงไปจับแก่นกายแล้วสาวแก่นลำจนมันดิ้นสู้มือ“หืม....”หนุ่มน้อยครางหือในลำคอ เขาบดจูบเธออย่างหนักหน่วงพอกัน อีกทั้งยังแทรกมือเข้าไปลูบไล้โหนกเนินที่เธอแอ่นบิดเอวเร่า ๆ อย่างโหยหา“อึก.... อื้อออ”เกศราครางฮือในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะช่ำชองนักจากนั้น เกศราก็รีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วทิ้งตัวลงนอนถ่างอวดเขา“เมื่อครู่ทำรูปนางแบบ
วิญญาณของเกศราเด้งออกมาจากร่างของผู้หญิงในชุดนอนคนนั้น ทำให้เจ้าของร่างตัวจริงมีสติคืนมาด้วยอาการงงงวยหล่อนกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าผู้ชายที่ตนกําลังทับอยู่ส่วนผู้กองแจ็อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตมาจากระเบียงนั้น คือ...“หมอหมวย !”“ผู้กอง คะ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้คุณปีนข้ามระเบียงไปห้องคนอื่นเขาทำไม”“ฉันเนี่ยนะปีนระเบียง”หมอหมวยร้องเสียงหลง คราวนี้หล่อนตื่นตัวเต็มที่แล้ว“ก่อนที่จะอธิบายอะไร คุณหมอช่วยลุกออกไปจากตัวผมก่อนได้ไหมครับ”ผู้กองแจ็คสีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทุกขณะ เพราะร่างกายนุ่มนิ่มของหมอหมวยที่ทับอยู่บนตัวเขาเริ่มจะทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนเสียแล้ว“เอ๊ะ...”หมอหมวยรีบดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ“เอ่อ... ผมติดต่อขอเช่าห้องเพื่อซุ้มดูคนร้ายที่ห้องนู้น”ผู้กองแจ็คชี้ไปยังห้องพักที่ติดกับห้องของพิมพ์อีกฝั่ง“คิดไม่ถึงว่า พอเปิดประตูระเบียงออกมา แล้วจะบังเอิญเห็นคุณกำลังปีนระเบียงออกมาจากห้องนั้น จนเกือบจะตกตึกลงไปตายแล้วนะคุณ”ประโยคสุดท้ายเขาเสียงเข้มขึ้น คล้ายกับจะดุหญิงสาวกลาย ๆ“ฉันไม่ร
เกศราอยากจะเข้าไปบีบคอให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตา แต่เธอสัมผัสพวกเขาไม่ได้ ทำได้เพียงสิงร่างสตรีที่จิตใจอ่อนแอเธอจะทำอย่างไรหนอให้โลกรับรู้ว่าคนชั่วสองคนนี้วางแผนฆาตกรรมเธอ !แล้วสายตาของผีสาวก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ กำลังเดินสะลึมสะลือ ในมือถือโทรศัพท์เพื่อส่องแสงนำทางไปเข้าห้องน้ำ ทำให้เธอคิดถึงแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหายตัวแวบเข้าไปสิงร่างของพิมพ์วาบ.....พิมพ์ที่กำลังนอนกอดดอนหอบกระเส่าด้วยอารมณ์รัญจวน จู่ ๆ ก็ลืมตาโพลงขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวทำเอาชายหนุ่มที่กำลังนัวเนียเธออยู่ชะงัก ถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจว่า“พิมพ์ เป็นอะไร หรือว่าเมื่อครู่ผมยังปรนเปรอความสุขให้คุณไม่พอ”ท้ายประโยคชายหนุ่มซุกไซ้ลงไปจูบที่ซอกคอของชู้สาวเพื่อเอาใจเกศราในร่างของเพื่อนสนิท รีบกะพริบตา ปรับสีหน้า แล้วปั้นยิ้มฉ่ำเยิ้ม“ดอนขา.... ความสุขที่คุณให้มันล้นปรี่จนเต็มร่องพิมพ์เลยค่ะ แต่เมื่อครู่พิมพ์แค่นึกถึงเกศราเขาน่ะค่ะ”“จะไปนึกถึงคนอื่นทำไมกัน คิดถึงอนาคตเราสองคนดีกว่า”ดอนส่งเสียงตอบอู้อี้ผ่านริมฝีปากที่กำลังพรมจูบลงมาจนถึงทรวงอกของหญิงสาว“อะ... ดอนขา...”เกศราในร่างคนอื่นส่งเส
เกศราเหยียบคันเร่งรถหรูมุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปรับ ‘ดอน’ สามีที่เพิ่งกลับมาจากการไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกาดร.ดอน เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง ส่วนเธอเป็นผู้แทนขายยาให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศแม้อาชีพของเธอจะไม่มีเกียรติ ไม่มีหน้ามีตาเท่าสามี แต่เงินเดือนนับว่าสูงกว่ามาก ๆ บางเดือนเงินทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยให้กับดอนไม่พอใช้ ก็เป็นเกศราที่ต้องส่งเงินให้สามีใช้ที่ต่างประเทศวันนี้เขาเรียนจบกลับมาแล้ว เธอทั้งดีใจ และโล่งอกหนึ่งเธอจะได้ไม่ต้องหาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อส่งให้เขา สองเธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างคู่รัก นอนด้วยกัน กินด้วยกัน และจูงมือเดินเที่ยวไปด้วยกันเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ เสียทีในขณะที่เกศรากำลังหวนคิดถึงสามีนั้น จู่ ๆ รถบรรทุกก็เบรกกะทันหัน เธอจึงรีบหักพวงมหาลัยหลบเข้าข้างทางเพื่อไม่ให้รถของตนชนเข้ากับท้ายรถบรรทุก ทำเอารถของเธอเสียหลักพุ่งตรงดิ่งเข้าหาเสาไฟฟ้าหญิงสาวจึงรีบเหยียบเบรกรถ.....ตู้ม !เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เกศรารู้สึกเหมือนตนเองหมุนคว้าง แล้วกลับมายืนงง ๆ อยู่ข้างถนนเธอเห็นรถที่ตามหลังมาชะลอความเร็ว รถบางคันถึงกลับหยุด จากนั้น ชาวบ้านที่อยู...
Comments