เกศราอยากจะเข้าไปบีบคอให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตา แต่เธอสัมผัสพวกเขาไม่ได้ ทำได้เพียงสิงร่างสตรีที่จิตใจอ่อนแอ
เธอจะทำอย่างไรหนอให้โลกรับรู้ว่าคนชั่วสองคนนี้วางแผนฆาตกรรมเธอ !
แล้วสายตาของผีสาวก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ กำลังเดินสะลึมสะลือ ในมือถือโทรศัพท์เพื่อส่องแสงนำทางไปเข้าห้องน้ำ ทำให้เธอคิดถึงแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหายตัวแวบเข้าไปสิงร่างของพิมพ์
วาบ.....
พิมพ์ที่กำลังนอนกอดดอนหอบกระเส่าด้วยอารมณ์รัญจวน จู่ ๆ ก็ลืมตาโพลงขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวทำเอาชายหนุ่มที่กำลังนัวเนียเธออยู่ชะงัก ถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจว่า
“พิมพ์ เป็นอะไร หรือว่าเมื่อครู่ผมยังปรนเปรอความสุขให้คุณไม่พอ”
ท้ายประโยคชายหนุ่มซุกไซ้ลงไปจูบที่ซอกคอของชู้สาวเพื่อเอาใจ
เกศราในร่างของเพื่อนสนิท รีบกะพริบตา ปรับสีหน้า แล้วปั้นยิ้มฉ่ำเยิ้ม
“ดอนขา.... ความสุขที่คุณให้มันล้นปรี่จนเต็มร่องพิมพ์เลยค่ะ แต่เมื่อครู่พิมพ์แค่นึกถึงเกศราเขาน่ะค่ะ”
“จะไปนึกถึงคนอื่นทำไมกัน คิดถึงอนาคตเราสองคนดีกว่า”
ดอนส่งเสียงตอบอู้อี้ผ่านริมฝีปากที่กำลังพรมจูบลงมาจนถึงทรวงอกของหญิงสาว
“อะ... ดอนขา...”
เกศราในร่างคนอื่นส่งเสียงครางกระเส่า เมื่อถูกฝ่ามือ และริมฝีปากของคนที่เคยเป็นสามีเล้าโลม
“เรามาคุยกันก่อนสิคะ ดอน”
เธอรีบผลักเขาออก ก่อนที่อารมณ์ปรารถนาจะทำให้เสียแผนการจับฆ่าตกร
“พิมพ์อยากคุยเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่พวกเราวางแผนฆ่าเกศราไงคะ”
เกศราใช้ร่างของเพื่อนสนิทตะล่อมถามสามี
“เรื่องนั้น พวกเรารู้ดีกันอยู่แล้วนี่ อีกอย่างมันก็สำเร็จไปแล้ว พิมพ์จะเอ่ยถึงอีกทำไม”
เขากับพิมพ์แอบเป็นชู้กันมานานแล้ว เพราะความโลภอยากได้ทรัพย์สิน และเงินประกันชีวิตของเกศรา จึงทำให้เขาวางแผนฆ่าเมียตัวเอง
“แหม..... คืนแห่งความสำเร็จเช่นนี้ เราก็มาระลึกถึงความสำเร็จสิคะ นะคะ ๆ”
เกศราเลาหลือส่งเสียงออดอ้อนออกไปอีกว่า
“คุณเก่งจริง ๆ ที่คิดแผนการกำจัดยัยเกศราได้อย่างที่ไม่มีใครรู้”
ดอนได้ยินคำชมเช่นนั้นก็หัวใจพองโต “ได้สิ... ผมจะเล่าแผนการกำจัดคนที่ขวางทางรักของเราให้คุณฟังอีกรอบ”
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเล่านั้น เกศราก็แกล้งทำเป็นซุกหน้าลงกับอกเขา เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าร่างที่เธอสิงกำลังหลับ จากนั้นก็รีบหายตัวแวบเข้าไปสิงร่างของผู้หญิงห้องข้างๆ ที่กำลังเดินสะลึมสะลือออกมาจากห้องน้ำพอดี
วาบ !
เกศราเข้าไปสิงร่างหญิงสาวเรียบร้อยแล้ว ก็รีบวิ่งมาที่ระเบียงหลังห้อง จากนั้นก็ปีนข้ามไปยังระเบียงห้องพิมพ์ แล้วกดโทรศัพท์ในมือให้เปิดโหมดวิดีโอ แล้วยื่นเข้าไประหว่างช่องว่างของหน้าต่างที่เผยอเปิดทิ้งไว้ เพื่อบันทึกภาพดอนกำลังสารภาพแผนการฆาตกรรมเกศราออกมา
“ผมเลือกวันตายให้นังเมียหนังหนาในวันที่ผมเดินทางกลับประเทศไทย”
ดอนเล่าเรื่อย ๆ ดวงตามองไปในความมืดคล้ายกับทบทวนเหตุการณ์ในวันนั้น
“ผมโทรนัดหมายวันเวลาให้เกศขับรถมารับที่สนามบิน จากนั้น ก็โอนเงินให้คุณไปว่าจ้างคนใช้ในบ้านให้แอบใส่ยานอนหลับให้เกศนอนตื่นสาย แล้วแอบตัดสายเบรกรถในตอนกลางคืน เมื่อเกศตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ก็พบว่าตัวเองตื่นสายมากแล้ว ก็จะรีบขับรถมารับผมที่สนามบินด้วยเร็ว เท่านี้อุบัติเหตุก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ โดยที่ตำรวจจะไม่มีทางสงสัยแม้แต่น้อยว่าเป็นการฆาตกรรม ถึงต่อให้สงสัย ก็ไม่มีหลักฐานว่าพวกเราเป็นคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง”
เมื่อเล่าจบ เขาก็ก้มลงจูบที่หน้าผากของพิมพ์ แต่ร่างในอ้อมกอดกลับหลับสนิทไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
“อ่าวหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ดอนเปรยขึ้น แต่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าหญิงสาวคงจะถูกเขาขย่มจนเพลียแล้วเผลอหลับไป
ในขณะที่ชายหนุ่มบนเตียงเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง เกศราในร่างของหญิงสาวที่ระเบียงหลังห้องก็รีบเก็บโทรศัพท์ แล้วปีนกลับมายังห้องของตนเอง
“เฮ้ย !”
ผู้กองแจ็คอุทานเสียงหลง เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดนอนกําลังปีนระเบียงคอนโดที่สูงถึง 11 ชั้น
เธอพยายามก้าวจากระเบียงของห้องผู้ต้องสงสัยที่เขากำลังตามสืบคดี กลับไปยังอีกห้องหนึ่ง ระยะห่างระหว่างระเบียงทั้งสองห้องค่อนข้างเยอะ ทำให้เท้าของหล่อนเหยียบบนขอบพื้นที่ทํายื่นออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำเอาเขาถึงกับใจหายวาบ รีบปีนออกจากระเบียงห้องที่ตนแอบซุ่มอยู่ไปหาหล่อนทันที
เขากระโดดแล้วใช้มือ และลำแขนแกร่งเกาะเกี่ยวปีนป่ายข้ามไปอย่างว่องไว เพราะได้รับหารฝึกฝนมาอย่างชำนาญ
ในขณะที่เข้าใกล้ตัวหญิงสาวเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หล่อนก้าวพลาด มือลื่นจากขอบระเบียง
“ว้าย !”
เกศราในร่างของผู้หญิงคนนั้นตกใจสุดขีด คิดว่าตนเองคงจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ตกตึกตายแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีมือหนึ่งมาคว้าเอาร่างที่หล่อนสิงอยู่ไว้ได้ทัน กระตุกร่างนั้นขึ้นอย่างแรงทําให้ร่างที่สิงอยู่ปลิวลิ่วมาจนพ้นขอบระเบียง แล้วทั้งคู่ก็ล้มลงบนพื้น
ตุบ !
“ว๊าย !”
วิญญาณของเกศราเด้งออกมาจากร่างของผู้หญิงในชุดนอนคนนั้น ทำให้เจ้าของร่างตัวจริงมีสติคืนมาด้วยอาการงงงวยหล่อนกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าผู้ชายที่ตนกําลังทับอยู่ส่วนผู้กองแจ็อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตมาจากระเบียงนั้น คือ...“หมอหมวย !”“ผู้กอง คะ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้คุณปีนข้ามระเบียงไปห้องคนอื่นเขาทำไม”“ฉันเนี่ยนะปีนระเบียง”หมอหมวยร้องเสียงหลง คราวนี้หล่อนตื่นตัวเต็มที่แล้ว“ก่อนที่จะอธิบายอะไร คุณหมอช่วยลุกออกไปจากตัวผมก่อนได้ไหมครับ”ผู้กองแจ็คสีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทุกขณะ เพราะร่างกายนุ่มนิ่มของหมอหมวยที่ทับอยู่บนตัวเขาเริ่มจะทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนเสียแล้ว“เอ๊ะ...”หมอหมวยรีบดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ“เอ่อ... ผมติดต่อขอเช่าห้องเพื่อซุ้มดูคนร้ายที่ห้องนู้น”ผู้กองแจ็คชี้ไปยังห้องพักที่ติดกับห้องของพิมพ์อีกฝั่ง“คิดไม่ถึงว่า พอเปิดประตูระเบียงออกมา แล้วจะบังเอิญเห็นคุณกำลังปีนระเบียงออกมาจากห้องนั้น จนเกือบจะตกตึกลงไปตายแล้วนะคุณ”ประโยคสุดท้ายเขาเสียงเข้มขึ้น คล้ายกับจะดุหญิงสาวกลาย ๆ“ฉันไม่ร
“โอ้ว... เจ้าเด็กนี่ พองสู้ปากดีนัก”เกศราตาวาว เห็นแก่นกายของหนุ่มน้อยพองใหญ่จนคับปากเช่นนั้นก็ทำเอาเธอน้ำแฉะออกมาที่หว่างขา รู้สึกหงี่ขึ้นมาเหมือนกันม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อู้ยยยย อา พะ พี่สาว ดูดผมจนแข็งหมดแล้ว”ผีสาวได้ยินเสียงเขาร้องขึ้นเช่นนั้นก็ชะงัก รีบคายดุ้นออกจากปาก“น้องมองเห็นพี่ด้วยรึ”“แล้วทำไมจะไม่เห็นล่ะ”“กะ ก็....”เกศราคิดจะบอกว่าตนเองเป็นผี ก็กลัวว่าน้องมันจะกลัวจนดุ้นหด อดเย้วกันพอดีจึงเลื้อยตัวขึ้นคร่อมตัวหนุ่มน้อยอย่างยั่วยวนแล้วตอบบ่ายเบี่ยงไปว่า“เรื่องเห็นไม่เห็นช่างมันเถอะจ้ะ.... เอาเป็นว่าถ้าน้องมองเห็นพี่ คืนนี้มันแน่นอน”สิ้นคำ เกศราก็โผเข้ากอดและจูบปากหนุ่มน้อยก่อน อีกทั้งยังเลื่อนมือลงไปจับแก่นกายแล้วสาวแก่นลำจนมันดิ้นสู้มือ“หืม....”หนุ่มน้อยครางหือในลำคอ เขาบดจูบเธออย่างหนักหน่วงพอกัน อีกทั้งยังแทรกมือเข้าไปลูบไล้โหนกเนินที่เธอแอ่นบิดเอวเร่า ๆ อย่างโหยหา“อึก.... อื้อออ”เกศราครางฮือในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะช่ำชองนักจากนั้น เกศราก็รีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วทิ้งตัวลงนอนถ่างอวดเขา“เมื่อครู่ทำรูปนางแบบ
เกศราตาโต อ้าปากค้าง“ใช่” ยมบาลยืดอกตอบรับ “เจ้าคิดว่าคนธรรมดาจะมองเห็นวิญญาณแล้วทำอย่างว่ากับเจ้าได้รึ”เขาขึ้นไปประชุมที่แดนสวรรค์แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จริง แต่ในโลกมนุษย์ผ่านไปเกือบจะหนึ่งวันแล้ว จึงเปิดโอกาสให้ผีสาวตนนี้ใช้อิทธิฤทธิ์ป่วนโลกมนุษย์จนวุ่นวายไปหมดผีสาวยิ้มอิหลักอิเหลื่อ หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วเธอก็อยากจะตายไปเสียอีกครั้ง“เมื่อสักครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่านอย่าได้ถือสาเลยนะ”ยมบาลได้ยินเช่นนั้นใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งแดงก่ำยิ่งขึ้น เขาตวาดด้วยเสียงอันดังว่า“กากี ! สำหรับเจ้าแล้ว การมีความสัมพันธ์ทางกายก็เป็นแค่การสมสู่เพื่อความสนุกสินะ นางผีสำส่อนเช่นเจ้า ข้าจะจับเจ้าไปลงทัณฑ์ในนรก”สิ้นคำ ยมบาลก็เสกโซ่ออกมา แล้วตวัดรัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้เคร้ง“ว๊าย”เกศรากรีดร้องเสียงหลง ยังไม่ทันจะรู้ตัว นางก็ถูกจับลงไปยมโลกเสียแล้วณ ยมโลกยมบาลล่ามกากีด้วยโซ่ศิลาที่แข็งแรงที่สุดไม่มีใครสามารถตัดขาดได้นอกจากเขา จากนั้นก็ลากนางมายังบัลลังก์ยมบาล เมื่อเขานั่งลง นางก็ถลาล้มลงแทบเท้าของเขา“โอ๊ย ! ท่านยม ฉันเจ็บนะ เบา ๆ หน่อยสิ” วิญญาณผีสาวร้องโอดครวญอ
ผมสีดำขลับยาวสยายถึงกลางหลัง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้างดงามยิ่งกว่านางอัปสร แม้ว่าเดินอยู่ในเมืองนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเศร้าหมองมัว แต่เรือนกายนางกลับกระจ่างแจ้งประดุจดอกบัวบานเหนือโคลนตม“องค์อินทร์ท่านสั่งลงมา ให้ลงทัณฑ์นางตามสมควร แต่อย่าได้ให้ความงามของนางมีอันต้องมลทิน รอเวลากลับสู่สรวงสวรรค์ แล้วกำชับให้ข้าดูแลนางเป็นพิเศษ”ท่านยมบาลกล่าวเสียงเรียบกากีได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันให้กับโชคชะตาตนเอง ชีวิตของนางไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ล้วนถูกบุรุษกำหนดตีตรา และจองจำ“เจ้ายิ้มอันใด”ยมบาลมิได้ละสายตาไปจากวิญญาณสตรีผู้นั้นเลย จึงทำให้รู้ว่านางยิ้ม แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะแย้มเพียงน้อยนิด“ข้ามิได้ทำอันผิด แต่กลับถูกสั่งให้ลงทัณฑ์ครั้งแล้วครั้งเล่า”น้ำเสียงนั้นทั้งตัดพ้อทั้งน้อยใจกับชะตาชีวิตที่มีความงามเป็นหนึ่ง แต่หาความรักจริงใจจากผู้ใดไม่ได้แม้น้อยนิด“เจ้าลักลอบคบชู้สู่ชาย มักมากในกาม เมื่อตายแล้วต้องถูกลงทัณฑ์โดยการโยนลงไปทะเลน้ำกามกรด จากนั้น ก็ต้องปีนป่ายต้นงิ้วที่มีหนามแหลมคม หากเจ้าตกลงมาก็จะถูกสุนัขกัดกินอวัยวะโสมมที่เจ้าใช้ล่อผู้ชาย”น้ำเสียงยมบาลเยือกเ
ณ กรุงศากยะบุรี ในแดนมนุษย์ ท่านพญายมบาลได้เกิดเป็นแม่ทัพใหญ่ในกรุงศากยะบุรี นามว่า ‘ยมราช’ ทรงฝักใฝ่ในการทำสงครามเป็นอย่างยิ่ง ไปรบที่ไหนก็ชนะทุกครั้ง จนได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม”แม้ว่าจะเก่งกาจด้านการรบ แต่เขากลับป่วยเป็นโรคประหลาด ปวดหัวเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพึ่งน้ำมนต์ศักดิ์ของหลวงพ่อใหญ่ของวัดไพศาล ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวทุก ๆ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แม่ทัพยมราชจะเดินทางมากราบหลวงพ่อใหญ่ขอรับน้ำมนต์ด้วยตนเองชายหนุ่มก้มลงกราบหลวงพ่อใหญ่ในท่วงท่างามสง่า แม้จะอยู่ในชุดชาวบ้าน แต่รัศมีน่าเกรงขามของแม่ทัพใหญ่ก็ยังแผ่ออกมาให้คนใกล้ตัวยำเกรง“นมัสการหลวงพ่อขอรับ”“อืม.... น้ำมนต์อาตมาเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ตรงหน้านั่นแหละ”หลวงพ่อใหญ่ชี้ไปที่กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำสมุนไพรปลุกเสก ท่านรู้จักแม่ทัพยมราชเมื่อ 25 ปีก่อนในตอนนั้นแม่ทัพใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านได้พาเด็กชายวัยขวบเศษที่กำลังกรีดร้องไห้อย่างน่าเวทนาเข้ามาหา“พระท่าน โปรดช่วยลูกของข้าด้วยเถิด ข้ามีลูกชายคนเดียวก็มาป่วยเป็นโรคประหลาด หมอหลวงในวังก็ยังรักษาไม่ได้ ท่านเป็นที่พึ
“จริงอย่างเจ้าว่า ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ตัวมันหอมน่ากิน ใบหน้ายังจิ้มลิ้มน่าลอง ลูกพี่ ข้าว่าจับมันกลับไปเป็นชายบำเรอความสุขให้พวกเราดีกว่า”มันเอ่ยจบก็ยื่นมือเข้ามาหมายจะลูบแก้มเนียน“อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ เจ้าโจรชั่ว” องค์หญิงเก็จมณีปัดมือมันออกด้วยความโกรธจัด “รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”“พวกข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นใคร เพราะอย่างไรเสียพวกข้าก็จะได้ทั้งเงินแล้วก็ตัวเจ้า เฮ้ยพวกเรา จับมันกลับไปที่รังโจร”สิ้นคำ พวกมันก็รุมกันเข้ามาหมายจะจับนางร่างเล็ก ๆ หลบวูบรอดพ้นจากโจรผู้หนึ่ง แล้วอาศัยความว่องไววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด“เฮ้ย ! พวกเราตาม มันหนีไปไม่ได้ไกลหรอก”เสียงฝีเท้าโห่ร้องของพวกโจรใจชั่ววิ่งไล่ตามมาราวกับผีร้าย“ช่วยด้วยยยย ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย ข้าถูกโจรปล้นแล้วววว”องค์หญิงเก็จมณีทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปด้วยความหวาดกลัว หัวใจเต้นระทึก ในหูอื้ออึงไปหมด วิ่งเตลิดเข้าไปในป่าลึกไม่สนใจว่าจะถูกกิ่งไม้ขีดข่วนทิ่มแทงเข้าไปในเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบ“โอ๊ย !”องค์หญิงเก็จมณีสะดุดล้มลงบนพื้น พวกโจรจึงวิ่งตามมาทัน แล้วล้อมนางไว้อีกครั้ง“ฮ่า ๆ เจ้าหนุ่มหน้าหวาน จะวิ่งให้เหนื่อยทำไม ยังไงก็หนีไม่พ้นอย
“ข้าเป็นเด็กหนุ่มจากภูเขาฝากนู้นหมายมาดว่าจะเดินทางเข้าเมืองมาหางานทำ” องค์หญิงเก็จมณีปั้นเรื่องอย่างคล่องปาก “คิดไม่ถึงว่าจะเจอโจรป่าดักปล้น หากไม่ได้ท่านแม่ทัพช่วยเอาไว้ ข้าคงถูกพวกมันปล้นแล้วฆ่าตายที่กลางป่าแน่ ๆ ขอบพระคุณท่านแม่ทัพมาก ๆ ขอรับ”“ไม่เป็นไร... เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องปกป้องดูแลประชาชนชาวศากยะบุรีทุกคน”“มีท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ แผ่นดินศากยะบุรีจึงสงบร่มเย็นเช่นนี้ ข้าต้องขอบใจท่านจริง ๆ”องค์หญิงเก็จมณีเผลอตัวใช้วาจาเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ที่กำลังกล่าวชมขุนนางผู้จงรักภักดี“วาจาเจ้า.....”แม่ทัพยมราชขมวดคิ้วองค์หญิงเก็จมณีคล้ายจะรู้ตัวว่าเผยพิรุธออกมาจึงแสร้งทำเป็นตกใจกลัว “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่ขอรับ” นางรีบลงจากเตียงลงมาคุกเข่าขอขมาเขา “ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็นแม่ทัพตัวเป็น ๆ หากมีสิ่งใดที่ทำผิดไปขอท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ข้าด้วย อย่าลงโทษข้าเลย”แม่ทัพยมราชเห็นท่าทีเช่นนั้นก็คิดว่าตนคงจะระแวงมากเกินไป จึงเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้กล่าวโทษเจ้าเลย ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบคุณขอรับ”“หากว่าเจ้ายังไม่มีที่ไป ก็อยู่ช่วยงานรับใช้ข้าที่นี่แล้วกัน”แม่ทัพยมราชเสนอขึ้น“ท่านอนุญาตให้ข้าอยู่ที่นี่
ในขณะที่แม่ทัพยมราชอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า“ไม่.. ไม่นะ อย่า”เสียงนั้นทำให้เขาสะดุ้งตื่นตามสัญชาตญาณนักรบที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืดแล้ว เขาจึงเห็นว่าที่แท้เป็นเสียงของหนุ่มน้อยอาการของคนที่นอนอยู่ข้างเตียงเขาคล้ายกับกำลังฝันร้ายมาก มีเหงื่อผุดซึมตามหน้าผาก ปากพึมพำ“ยะ อย่าทำข้าเลย ไม่นะ อย่า”แม่ทัพยมราชจึงเอื้อมมือไปหมายจะปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย แต่กลับกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นกลับผวาคว้าเอามือเขาไปจับไว้แน่น“ช่วยด้วย ช่วยข้าที ข้ากลัวเหลือเกิน”เขารู้สึกว่าเสียงของหนุ่มน้อยช่างเวทนาเหลือเกิน จึงไม่ดึงมือกลับ อีกทั้งยังลงจากเตียงนอนของตน แล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เด็กชาย“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่ ไม่มีผู้ใดจะทำร้ายเจ้าได้”แม่ทัพยมราชกระซิบบอกอย่างแผ่วเบา แล้วคนที่ฝันร้ายเมื่อครู่ก็มีอาการสงบลง อีกทั้งร่างบางพลิกตัวซุกใบหน้าหาอกอุ่น คล้ายกับลูกแมวที่กำลังซุกเข้ากับอกแม่เขาก้มลงมองใบหน้างดงามในอ้อมแขน ทั้งกลิ่นหอมรัญจวนทั้งดวงหน้างดงามเกินบุรุษ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกจนยากจะบรรยาย จึงปล่อยให้หนุ่มน้อยนอนกอดตนจนถึงรุ่งสาง
ในขณะที่แม่ทัพยมราชอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า“ไม่.. ไม่นะ อย่า”เสียงนั้นทำให้เขาสะดุ้งตื่นตามสัญชาตญาณนักรบที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืดแล้ว เขาจึงเห็นว่าที่แท้เป็นเสียงของหนุ่มน้อยอาการของคนที่นอนอยู่ข้างเตียงเขาคล้ายกับกำลังฝันร้ายมาก มีเหงื่อผุดซึมตามหน้าผาก ปากพึมพำ“ยะ อย่าทำข้าเลย ไม่นะ อย่า”แม่ทัพยมราชจึงเอื้อมมือไปหมายจะปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย แต่กลับกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นกลับผวาคว้าเอามือเขาไปจับไว้แน่น“ช่วยด้วย ช่วยข้าที ข้ากลัวเหลือเกิน”เขารู้สึกว่าเสียงของหนุ่มน้อยช่างเวทนาเหลือเกิน จึงไม่ดึงมือกลับ อีกทั้งยังลงจากเตียงนอนของตน แล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เด็กชาย“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่ ไม่มีผู้ใดจะทำร้ายเจ้าได้”แม่ทัพยมราชกระซิบบอกอย่างแผ่วเบา แล้วคนที่ฝันร้ายเมื่อครู่ก็มีอาการสงบลง อีกทั้งร่างบางพลิกตัวซุกใบหน้าหาอกอุ่น คล้ายกับลูกแมวที่กำลังซุกเข้ากับอกแม่เขาก้มลงมองใบหน้างดงามในอ้อมแขน ทั้งกลิ่นหอมรัญจวนทั้งดวงหน้างดงามเกินบุรุษ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกจนยากจะบรรยาย จึงปล่อยให้หนุ่มน้อยนอนกอดตนจนถึงรุ่งสาง
“ข้าเป็นเด็กหนุ่มจากภูเขาฝากนู้นหมายมาดว่าจะเดินทางเข้าเมืองมาหางานทำ” องค์หญิงเก็จมณีปั้นเรื่องอย่างคล่องปาก “คิดไม่ถึงว่าจะเจอโจรป่าดักปล้น หากไม่ได้ท่านแม่ทัพช่วยเอาไว้ ข้าคงถูกพวกมันปล้นแล้วฆ่าตายที่กลางป่าแน่ ๆ ขอบพระคุณท่านแม่ทัพมาก ๆ ขอรับ”“ไม่เป็นไร... เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องปกป้องดูแลประชาชนชาวศากยะบุรีทุกคน”“มีท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ แผ่นดินศากยะบุรีจึงสงบร่มเย็นเช่นนี้ ข้าต้องขอบใจท่านจริง ๆ”องค์หญิงเก็จมณีเผลอตัวใช้วาจาเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ที่กำลังกล่าวชมขุนนางผู้จงรักภักดี“วาจาเจ้า.....”แม่ทัพยมราชขมวดคิ้วองค์หญิงเก็จมณีคล้ายจะรู้ตัวว่าเผยพิรุธออกมาจึงแสร้งทำเป็นตกใจกลัว “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่ขอรับ” นางรีบลงจากเตียงลงมาคุกเข่าขอขมาเขา “ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็นแม่ทัพตัวเป็น ๆ หากมีสิ่งใดที่ทำผิดไปขอท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ข้าด้วย อย่าลงโทษข้าเลย”แม่ทัพยมราชเห็นท่าทีเช่นนั้นก็คิดว่าตนคงจะระแวงมากเกินไป จึงเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้กล่าวโทษเจ้าเลย ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบคุณขอรับ”“หากว่าเจ้ายังไม่มีที่ไป ก็อยู่ช่วยงานรับใช้ข้าที่นี่แล้วกัน”แม่ทัพยมราชเสนอขึ้น“ท่านอนุญาตให้ข้าอยู่ที่นี่
“จริงอย่างเจ้าว่า ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ตัวมันหอมน่ากิน ใบหน้ายังจิ้มลิ้มน่าลอง ลูกพี่ ข้าว่าจับมันกลับไปเป็นชายบำเรอความสุขให้พวกเราดีกว่า”มันเอ่ยจบก็ยื่นมือเข้ามาหมายจะลูบแก้มเนียน“อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ เจ้าโจรชั่ว” องค์หญิงเก็จมณีปัดมือมันออกด้วยความโกรธจัด “รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”“พวกข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นใคร เพราะอย่างไรเสียพวกข้าก็จะได้ทั้งเงินแล้วก็ตัวเจ้า เฮ้ยพวกเรา จับมันกลับไปที่รังโจร”สิ้นคำ พวกมันก็รุมกันเข้ามาหมายจะจับนางร่างเล็ก ๆ หลบวูบรอดพ้นจากโจรผู้หนึ่ง แล้วอาศัยความว่องไววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด“เฮ้ย ! พวกเราตาม มันหนีไปไม่ได้ไกลหรอก”เสียงฝีเท้าโห่ร้องของพวกโจรใจชั่ววิ่งไล่ตามมาราวกับผีร้าย“ช่วยด้วยยยย ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย ข้าถูกโจรปล้นแล้วววว”องค์หญิงเก็จมณีทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปด้วยความหวาดกลัว หัวใจเต้นระทึก ในหูอื้ออึงไปหมด วิ่งเตลิดเข้าไปในป่าลึกไม่สนใจว่าจะถูกกิ่งไม้ขีดข่วนทิ่มแทงเข้าไปในเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบ“โอ๊ย !”องค์หญิงเก็จมณีสะดุดล้มลงบนพื้น พวกโจรจึงวิ่งตามมาทัน แล้วล้อมนางไว้อีกครั้ง“ฮ่า ๆ เจ้าหนุ่มหน้าหวาน จะวิ่งให้เหนื่อยทำไม ยังไงก็หนีไม่พ้นอย
ณ กรุงศากยะบุรี ในแดนมนุษย์ ท่านพญายมบาลได้เกิดเป็นแม่ทัพใหญ่ในกรุงศากยะบุรี นามว่า ‘ยมราช’ ทรงฝักใฝ่ในการทำสงครามเป็นอย่างยิ่ง ไปรบที่ไหนก็ชนะทุกครั้ง จนได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม”แม้ว่าจะเก่งกาจด้านการรบ แต่เขากลับป่วยเป็นโรคประหลาด ปวดหัวเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพึ่งน้ำมนต์ศักดิ์ของหลวงพ่อใหญ่ของวัดไพศาล ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวทุก ๆ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แม่ทัพยมราชจะเดินทางมากราบหลวงพ่อใหญ่ขอรับน้ำมนต์ด้วยตนเองชายหนุ่มก้มลงกราบหลวงพ่อใหญ่ในท่วงท่างามสง่า แม้จะอยู่ในชุดชาวบ้าน แต่รัศมีน่าเกรงขามของแม่ทัพใหญ่ก็ยังแผ่ออกมาให้คนใกล้ตัวยำเกรง“นมัสการหลวงพ่อขอรับ”“อืม.... น้ำมนต์อาตมาเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ตรงหน้านั่นแหละ”หลวงพ่อใหญ่ชี้ไปที่กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำสมุนไพรปลุกเสก ท่านรู้จักแม่ทัพยมราชเมื่อ 25 ปีก่อนในตอนนั้นแม่ทัพใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านได้พาเด็กชายวัยขวบเศษที่กำลังกรีดร้องไห้อย่างน่าเวทนาเข้ามาหา“พระท่าน โปรดช่วยลูกของข้าด้วยเถิด ข้ามีลูกชายคนเดียวก็มาป่วยเป็นโรคประหลาด หมอหลวงในวังก็ยังรักษาไม่ได้ ท่านเป็นที่พึ
ผมสีดำขลับยาวสยายถึงกลางหลัง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้างดงามยิ่งกว่านางอัปสร แม้ว่าเดินอยู่ในเมืองนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเศร้าหมองมัว แต่เรือนกายนางกลับกระจ่างแจ้งประดุจดอกบัวบานเหนือโคลนตม“องค์อินทร์ท่านสั่งลงมา ให้ลงทัณฑ์นางตามสมควร แต่อย่าได้ให้ความงามของนางมีอันต้องมลทิน รอเวลากลับสู่สรวงสวรรค์ แล้วกำชับให้ข้าดูแลนางเป็นพิเศษ”ท่านยมบาลกล่าวเสียงเรียบกากีได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันให้กับโชคชะตาตนเอง ชีวิตของนางไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ล้วนถูกบุรุษกำหนดตีตรา และจองจำ“เจ้ายิ้มอันใด”ยมบาลมิได้ละสายตาไปจากวิญญาณสตรีผู้นั้นเลย จึงทำให้รู้ว่านางยิ้ม แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะแย้มเพียงน้อยนิด“ข้ามิได้ทำอันผิด แต่กลับถูกสั่งให้ลงทัณฑ์ครั้งแล้วครั้งเล่า”น้ำเสียงนั้นทั้งตัดพ้อทั้งน้อยใจกับชะตาชีวิตที่มีความงามเป็นหนึ่ง แต่หาความรักจริงใจจากผู้ใดไม่ได้แม้น้อยนิด“เจ้าลักลอบคบชู้สู่ชาย มักมากในกาม เมื่อตายแล้วต้องถูกลงทัณฑ์โดยการโยนลงไปทะเลน้ำกามกรด จากนั้น ก็ต้องปีนป่ายต้นงิ้วที่มีหนามแหลมคม หากเจ้าตกลงมาก็จะถูกสุนัขกัดกินอวัยวะโสมมที่เจ้าใช้ล่อผู้ชาย”น้ำเสียงยมบาลเยือกเ
เกศราตาโต อ้าปากค้าง“ใช่” ยมบาลยืดอกตอบรับ “เจ้าคิดว่าคนธรรมดาจะมองเห็นวิญญาณแล้วทำอย่างว่ากับเจ้าได้รึ”เขาขึ้นไปประชุมที่แดนสวรรค์แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จริง แต่ในโลกมนุษย์ผ่านไปเกือบจะหนึ่งวันแล้ว จึงเปิดโอกาสให้ผีสาวตนนี้ใช้อิทธิฤทธิ์ป่วนโลกมนุษย์จนวุ่นวายไปหมดผีสาวยิ้มอิหลักอิเหลื่อ หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วเธอก็อยากจะตายไปเสียอีกครั้ง“เมื่อสักครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่านอย่าได้ถือสาเลยนะ”ยมบาลได้ยินเช่นนั้นใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งแดงก่ำยิ่งขึ้น เขาตวาดด้วยเสียงอันดังว่า“กากี ! สำหรับเจ้าแล้ว การมีความสัมพันธ์ทางกายก็เป็นแค่การสมสู่เพื่อความสนุกสินะ นางผีสำส่อนเช่นเจ้า ข้าจะจับเจ้าไปลงทัณฑ์ในนรก”สิ้นคำ ยมบาลก็เสกโซ่ออกมา แล้วตวัดรัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้เคร้ง“ว๊าย”เกศรากรีดร้องเสียงหลง ยังไม่ทันจะรู้ตัว นางก็ถูกจับลงไปยมโลกเสียแล้วณ ยมโลกยมบาลล่ามกากีด้วยโซ่ศิลาที่แข็งแรงที่สุดไม่มีใครสามารถตัดขาดได้นอกจากเขา จากนั้นก็ลากนางมายังบัลลังก์ยมบาล เมื่อเขานั่งลง นางก็ถลาล้มลงแทบเท้าของเขา“โอ๊ย ! ท่านยม ฉันเจ็บนะ เบา ๆ หน่อยสิ” วิญญาณผีสาวร้องโอดครวญอ
“โอ้ว... เจ้าเด็กนี่ พองสู้ปากดีนัก”เกศราตาวาว เห็นแก่นกายของหนุ่มน้อยพองใหญ่จนคับปากเช่นนั้นก็ทำเอาเธอน้ำแฉะออกมาที่หว่างขา รู้สึกหงี่ขึ้นมาเหมือนกันม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อู้ยยยย อา พะ พี่สาว ดูดผมจนแข็งหมดแล้ว”ผีสาวได้ยินเสียงเขาร้องขึ้นเช่นนั้นก็ชะงัก รีบคายดุ้นออกจากปาก“น้องมองเห็นพี่ด้วยรึ”“แล้วทำไมจะไม่เห็นล่ะ”“กะ ก็....”เกศราคิดจะบอกว่าตนเองเป็นผี ก็กลัวว่าน้องมันจะกลัวจนดุ้นหด อดเย้วกันพอดีจึงเลื้อยตัวขึ้นคร่อมตัวหนุ่มน้อยอย่างยั่วยวนแล้วตอบบ่ายเบี่ยงไปว่า“เรื่องเห็นไม่เห็นช่างมันเถอะจ้ะ.... เอาเป็นว่าถ้าน้องมองเห็นพี่ คืนนี้มันแน่นอน”สิ้นคำ เกศราก็โผเข้ากอดและจูบปากหนุ่มน้อยก่อน อีกทั้งยังเลื่อนมือลงไปจับแก่นกายแล้วสาวแก่นลำจนมันดิ้นสู้มือ“หืม....”หนุ่มน้อยครางหือในลำคอ เขาบดจูบเธออย่างหนักหน่วงพอกัน อีกทั้งยังแทรกมือเข้าไปลูบไล้โหนกเนินที่เธอแอ่นบิดเอวเร่า ๆ อย่างโหยหา“อึก.... อื้อออ”เกศราครางฮือในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะช่ำชองนักจากนั้น เกศราก็รีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วทิ้งตัวลงนอนถ่างอวดเขา“เมื่อครู่ทำรูปนางแบบ
วิญญาณของเกศราเด้งออกมาจากร่างของผู้หญิงในชุดนอนคนนั้น ทำให้เจ้าของร่างตัวจริงมีสติคืนมาด้วยอาการงงงวยหล่อนกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าผู้ชายที่ตนกําลังทับอยู่ส่วนผู้กองแจ็อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตมาจากระเบียงนั้น คือ...“หมอหมวย !”“ผู้กอง คะ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้คุณปีนข้ามระเบียงไปห้องคนอื่นเขาทำไม”“ฉันเนี่ยนะปีนระเบียง”หมอหมวยร้องเสียงหลง คราวนี้หล่อนตื่นตัวเต็มที่แล้ว“ก่อนที่จะอธิบายอะไร คุณหมอช่วยลุกออกไปจากตัวผมก่อนได้ไหมครับ”ผู้กองแจ็คสีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทุกขณะ เพราะร่างกายนุ่มนิ่มของหมอหมวยที่ทับอยู่บนตัวเขาเริ่มจะทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนเสียแล้ว“เอ๊ะ...”หมอหมวยรีบดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ“เอ่อ... ผมติดต่อขอเช่าห้องเพื่อซุ้มดูคนร้ายที่ห้องนู้น”ผู้กองแจ็คชี้ไปยังห้องพักที่ติดกับห้องของพิมพ์อีกฝั่ง“คิดไม่ถึงว่า พอเปิดประตูระเบียงออกมา แล้วจะบังเอิญเห็นคุณกำลังปีนระเบียงออกมาจากห้องนั้น จนเกือบจะตกตึกลงไปตายแล้วนะคุณ”ประโยคสุดท้ายเขาเสียงเข้มขึ้น คล้ายกับจะดุหญิงสาวกลาย ๆ“ฉันไม่ร
เกศราอยากจะเข้าไปบีบคอให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตา แต่เธอสัมผัสพวกเขาไม่ได้ ทำได้เพียงสิงร่างสตรีที่จิตใจอ่อนแอเธอจะทำอย่างไรหนอให้โลกรับรู้ว่าคนชั่วสองคนนี้วางแผนฆาตกรรมเธอ !แล้วสายตาของผีสาวก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ กำลังเดินสะลึมสะลือ ในมือถือโทรศัพท์เพื่อส่องแสงนำทางไปเข้าห้องน้ำ ทำให้เธอคิดถึงแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหายตัวแวบเข้าไปสิงร่างของพิมพ์วาบ.....พิมพ์ที่กำลังนอนกอดดอนหอบกระเส่าด้วยอารมณ์รัญจวน จู่ ๆ ก็ลืมตาโพลงขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวทำเอาชายหนุ่มที่กำลังนัวเนียเธออยู่ชะงัก ถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจว่า“พิมพ์ เป็นอะไร หรือว่าเมื่อครู่ผมยังปรนเปรอความสุขให้คุณไม่พอ”ท้ายประโยคชายหนุ่มซุกไซ้ลงไปจูบที่ซอกคอของชู้สาวเพื่อเอาใจเกศราในร่างของเพื่อนสนิท รีบกะพริบตา ปรับสีหน้า แล้วปั้นยิ้มฉ่ำเยิ้ม“ดอนขา.... ความสุขที่คุณให้มันล้นปรี่จนเต็มร่องพิมพ์เลยค่ะ แต่เมื่อครู่พิมพ์แค่นึกถึงเกศราเขาน่ะค่ะ”“จะไปนึกถึงคนอื่นทำไมกัน คิดถึงอนาคตเราสองคนดีกว่า”ดอนส่งเสียงตอบอู้อี้ผ่านริมฝีปากที่กำลังพรมจูบลงมาจนถึงทรวงอกของหญิงสาว“อะ... ดอนขา...”เกศราในร่างคนอื่นส่งเส