จ่ายาวโอดครวญ พลางบ่นผู้กองหนุ่มในใจว่า ‘ผู้กองยังโสดทำงานหามรุ่งหามค่ำได้สิ ผมจะแช่งให้ผู้กองมีเมียไว ๆ จะได้รู้รสชาติความโหดในชีวิตแบบผมบ้าง’
“เอาเถอะ ๆ จ่าไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก เดี๋ยวผมไปรับผลการชันสูตรเอง”
“จริงเหรอผู้กอง”
จ่ายาวร้องเสียงหลงตาวาว แทบจะกระโดดกอดผู้กองคนใหม่
“ผมเคยพูดเล่นเหรอจ่า แต่อย่าแอบกลับก่อนเวลาราชการหละ ไม่งั้นผมรายงานสารวัตแน่”
“ครับผม”
จ่ายาวตะเบ๊ะท่าขึงขัง แล้วยิ้มหน้าบานออกไป
ด้วยเหตุนี้ผู้กองหนุ่มที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสืบสวนสอบสวนคดีจึงต้องมารับผลชันสูตรพลิกศพของเกศราที่โรงพยาบาลเอง
โรงพยาบาลหาที่จอดรถยากมาก ผู้กองแจ็คจึงจอดรถไว้ที่ริมถนนด้านข้างของโรงพยาบาลจากนั้นก็เดินเท้าเข้ามา
ในจังหวะที่เขากำลังจะเดินเข้าประตูโรงพยาบาลนั้น หางตาของเขาบังเอิญเหลือบเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อกาวสีขาวตัวสั้นกำลังจะก้าวข้ามถนนในขณะที่รถวิ่งไปมาไม่ขาดสาย
ท่าทางของเธอคนนั้นราวกับมองไม่เห็นรถที่วิ่งสวนกันไปมา เลือดตำรวจที่เป็นนักช่างสังเกต ช่างสงสัย และชอบแส่ทุกเรื่องของชาวบ้านก็หันขวับไปมองเธออย่างพิจารณา
เธอคนนั้นเหมือนง่วง ๆ ซึม ๆ สติไม่อยู่กับตัวแล้ว เขาจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปกระชากแขนหล่อนดึงกลับก่อนที่หล่อนจะถูกรถชน
ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนน
รถกระบะที่เกือบจะพุ่งชนหญิงสาวบีบแตรยาวราวกับจะสบถด่าก่อนที่มันจะแล่นผ่านไป
“เอ๊ะ....”
เสียงแตรนั้นทำให้หมอหมวยได้สติ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาแน่วแน่อย่างทรงพลังนั้นทำให้เธอตกตะลึงปนงงงวย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เขารีบถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าซีด ๆ ดวงตาเลื่อนลอย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังมีเค้าโครงความสวย
"เอ่อ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม"
ผู้กองแจ็คชะงักเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยังคงโอบเรือนร่างนุ่มนิ่มไว้แนบอก
“ขอโทษครับ”
“ไม่ต้องขอโทษค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ คุณ......”
“แจ็คครับ”
“หมวยขอบคุณ คุณแจ็คมากเลยนะคะที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ไม่งั้นฉันคงถูกรถชนตายเหมือนข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้นแน่เลย”
“คุณหมอหมวยไม่สบายหรือเปล่า ดูคุณเบลอ ๆ นะครับ”
ในขณะที่ถาม เขาก็ลอบสังเกตเก็บรายละเอียดของหญิงสาวไปด้วย ชุดกาวตัวสั้น ปักชื่อ พญ.นฤมล xxxx
“ฉันเพิ่งลงเวรค่ะ ไม่ได้นอนติดกันมาเกือบจะ 48 ชั่วโมงแล้วค่ะ นี่ก็กำลังจะข้ามถนนขึ้นรถไฟฟ้ากลับคอนโด”
เธอเห็นเขาสวมชุดตำรวจจึงไว้ใจที่จะเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัว
หมอหมวยเป็นคนต่างหวัดเพิ่งจะบรรจุเป็นหมอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ จึงเลือกเช่าอยู่คอนโดใกล้กับโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง อีกทั้ง ด้วยอาชีพแพทย์อย่างเธอเป็นอันตรายมากหากว่าต้องขับรถในขณะที่ร่างกายโหมงานหนักแทบไม่มีเวลาพักผ่อน
“งั้น ให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างผมช่วยพาคุณข้ามถนนดีกว่านะครับ เพื่อความปลอดภัย”
ผู้กองแจ็คยิ้มให้ แล้วผายมือเชิญหญิงสาวอย่างสุภาพ
“ค่ะ”
หมอหมวยพยักหน้าตอบรับ เพราะเธอเองก็รู้สึกว่าขายังสั่น ๆ กับเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่
หลังจากที่ผู้กองแจ็คส่งหมอหมวยข้ามถนนเสร็จ เขาก็กลับมาเอาผลชันสูตรที่โรงพยาบาล ผลออกมาเป็นอย่างที่เขาคาดไว้จริง ๆ
เกศราไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีแอลกอฮอล์ในเลือด อีกทั้ง ได้ตรวจสอบ
สภาพรถที่เกิดอุบัติเหตุแล้วพบว่าสายเบรกถูกตัดขาด ดังนั้น เป็นคดีฆาตกรรมแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงขับรถมุ่งหน้ากลับไปยังโรงพักเพื่อสืบหาข้อมูลจากส่วนอื่นเพิ่มเติมสำหรับการลากตัวคนร้ายมาเข้าคุก
ณ คอนโดหรู
ดร.ดอน และพิมพ์ใช้ชีวิตในด้วยกันตลอดทั้งวันให้สมกับความคิดถึงที่จากกันไปนานหลายปี อีกทั้ง ยังฉลองให้กับการแผนการกำจัดภรรยาเก่าออกไปจากเส้นทางรักของทั้งคู่ได้
พิมพ์นอนแบะอ้าร่องสาวให้ดอนลูบไล้กลีบงามข้างใน
“ดอนขา... วันนี้ทั้งวันคุณไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ นอกจากกินข้าว แล้วก็กินฉัน”
หญิงสาวแยกขาแยกออกให้กลีบอ้าออกมากขึ้น
ชายหนุ่มมองกลีบเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะด้วยน้ำกามของเขา เนินเนื้อแดงระเรื่อนูนอวบอิ่มไปทั้งเนิน
“มีของดีอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ผมก็ไม่อยากออกไปไหนหรอก”
ดอมเคลื่อนตัวขึ้นมากอดแล้วจูบซุกไซ้ปลุกอารมณ์หญิงสาวขึ้นมาอีกครั้ง
“ดอนอ่ะ... อา ...ปากหวานเหมือนเคย”
พิมพ์ยิ้มหยาดเยิ้ม เอ่ยเสียงกระเส่า มือเธอกําลังลูบไล้เรือนร่างกำยำ แล้วจูบเขาตอบ
“อื้อออ อึก”
ทั้งสองจูบปากกันอย่างดูดดื่ม เรือนร่างนวลเนียนของหญิงสาวค่อย ๆ เลื้อยไปบนตัวของชายหนุ่ม“จ๊วบ.... อืม”ดอมตวัดปลายลิ้นเอาหัวนมเธอเข้าปากแล้วดูดดึงจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ“อ๊ะ.. อา ดอมขา พิมพ์เงี่ยนอีกแล้ว”หญิงสาวครางครวญ แล้วหล่อนก็เป็นฝ่ายดูดยอดอกปลุกความเสียวซ่านให้เขาบ้าง“โอ้วววว พิมพ์... คุณก็ทำผมแข็งโด่หมดแล้ววว อา”ดอนครางกระหึ่มเมื่อมือน้อย ๆ ของหญิงสาวกำรอบลำดุ้นของเขา แล้วเคลื่อนปากลงมาอมเข้าไปทั้งดุ้น แล้วตวัดลิ้นที่ปลายหัวบากถี่ ๆ ก่อนดูดแรงๆม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อูยยยย พิมมมม อา”เขาเด้งเอวขึ้นด้วยความเสียวซ่านที่ถูกดูดอมเข้าลึก ๆ จนเกือบมิดด้ามม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆหญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างหยาดเยิ้ม ดุ้นของผัวเพื่อนช่างอร่อยเหลือเกิน เธอจับลำดุ้นของเขาสาวรูด ใช้ปลายลิ้นไล้เลียเล่นอย่างชอบใจ“อู้ยยยยย... พิมมม ผะ ผมจะไม่ไหวแล้ววว ซี้ดด อา”ดอนครางใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน เด้งเอวเข้าใส่ปากหญิงสาว เธอยิ่งกํามันแน่นแล้วรูดปากใหญ่ในที่สุดเขาก็ทนความเสียวซ่านไม่ไหว ระเบิดน้ำแตกออกใส่ปากเมียน้อย“อ๊ากกกกก”ม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เกศราอยากจะเข้าไปบีบคอให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตา แต่เธอสัมผัสพวกเขาไม่ได้ ทำได้เพียงสิงร่างสตรีที่จิตใจอ่อนแอเธอจะทำอย่างไรหนอให้โลกรับรู้ว่าคนชั่วสองคนนี้วางแผนฆาตกรรมเธอ !แล้วสายตาของผีสาวก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ กำลังเดินสะลึมสะลือ ในมือถือโทรศัพท์เพื่อส่องแสงนำทางไปเข้าห้องน้ำ ทำให้เธอคิดถึงแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหายตัวแวบเข้าไปสิงร่างของพิมพ์วาบ.....พิมพ์ที่กำลังนอนกอดดอนหอบกระเส่าด้วยอารมณ์รัญจวน จู่ ๆ ก็ลืมตาโพลงขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวทำเอาชายหนุ่มที่กำลังนัวเนียเธออยู่ชะงัก ถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจว่า“พิมพ์ เป็นอะไร หรือว่าเมื่อครู่ผมยังปรนเปรอความสุขให้คุณไม่พอ”ท้ายประโยคชายหนุ่มซุกไซ้ลงไปจูบที่ซอกคอของชู้สาวเพื่อเอาใจเกศราในร่างของเพื่อนสนิท รีบกะพริบตา ปรับสีหน้า แล้วปั้นยิ้มฉ่ำเยิ้ม“ดอนขา.... ความสุขที่คุณให้มันล้นปรี่จนเต็มร่องพิมพ์เลยค่ะ แต่เมื่อครู่พิมพ์แค่นึกถึงเกศราเขาน่ะค่ะ”“จะไปนึกถึงคนอื่นทำไมกัน คิดถึงอนาคตเราสองคนดีกว่า”ดอนส่งเสียงตอบอู้อี้ผ่านริมฝีปากที่กำลังพรมจูบลงมาจนถึงทรวงอกของหญิงสาว“อะ... ดอนขา...”เกศราในร่างคนอื่นส่งเส
วิญญาณของเกศราเด้งออกมาจากร่างของผู้หญิงในชุดนอนคนนั้น ทำให้เจ้าของร่างตัวจริงมีสติคืนมาด้วยอาการงงงวยหล่อนกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าผู้ชายที่ตนกําลังทับอยู่ส่วนผู้กองแจ็อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตมาจากระเบียงนั้น คือ...“หมอหมวย !”“ผู้กอง คะ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้คุณปีนข้ามระเบียงไปห้องคนอื่นเขาทำไม”“ฉันเนี่ยนะปีนระเบียง”หมอหมวยร้องเสียงหลง คราวนี้หล่อนตื่นตัวเต็มที่แล้ว“ก่อนที่จะอธิบายอะไร คุณหมอช่วยลุกออกไปจากตัวผมก่อนได้ไหมครับ”ผู้กองแจ็คสีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทุกขณะ เพราะร่างกายนุ่มนิ่มของหมอหมวยที่ทับอยู่บนตัวเขาเริ่มจะทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนเสียแล้ว“เอ๊ะ...”หมอหมวยรีบดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ“เอ่อ... ผมติดต่อขอเช่าห้องเพื่อซุ้มดูคนร้ายที่ห้องนู้น”ผู้กองแจ็คชี้ไปยังห้องพักที่ติดกับห้องของพิมพ์อีกฝั่ง“คิดไม่ถึงว่า พอเปิดประตูระเบียงออกมา แล้วจะบังเอิญเห็นคุณกำลังปีนระเบียงออกมาจากห้องนั้น จนเกือบจะตกตึกลงไปตายแล้วนะคุณ”ประโยคสุดท้ายเขาเสียงเข้มขึ้น คล้ายกับจะดุหญิงสาวกลาย ๆ“ฉันไม่ร
“โอ้ว... เจ้าเด็กนี่ พองสู้ปากดีนัก”เกศราตาวาว เห็นแก่นกายของหนุ่มน้อยพองใหญ่จนคับปากเช่นนั้นก็ทำเอาเธอน้ำแฉะออกมาที่หว่างขา รู้สึกหงี่ขึ้นมาเหมือนกันม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อู้ยยยย อา พะ พี่สาว ดูดผมจนแข็งหมดแล้ว”ผีสาวได้ยินเสียงเขาร้องขึ้นเช่นนั้นก็ชะงัก รีบคายดุ้นออกจากปาก“น้องมองเห็นพี่ด้วยรึ”“แล้วทำไมจะไม่เห็นล่ะ”“กะ ก็....”เกศราคิดจะบอกว่าตนเองเป็นผี ก็กลัวว่าน้องมันจะกลัวจนดุ้นหด อดเย้วกันพอดีจึงเลื้อยตัวขึ้นคร่อมตัวหนุ่มน้อยอย่างยั่วยวนแล้วตอบบ่ายเบี่ยงไปว่า“เรื่องเห็นไม่เห็นช่างมันเถอะจ้ะ.... เอาเป็นว่าถ้าน้องมองเห็นพี่ คืนนี้มันแน่นอน”สิ้นคำ เกศราก็โผเข้ากอดและจูบปากหนุ่มน้อยก่อน อีกทั้งยังเลื่อนมือลงไปจับแก่นกายแล้วสาวแก่นลำจนมันดิ้นสู้มือ“หืม....”หนุ่มน้อยครางหือในลำคอ เขาบดจูบเธออย่างหนักหน่วงพอกัน อีกทั้งยังแทรกมือเข้าไปลูบไล้โหนกเนินที่เธอแอ่นบิดเอวเร่า ๆ อย่างโหยหา“อึก.... อื้อออ”เกศราครางฮือในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะช่ำชองนักจากนั้น เกศราก็รีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วทิ้งตัวลงนอนถ่างอวดเขา“เมื่อครู่ทำรูปนางแบบ
เกศราตาโต อ้าปากค้าง“ใช่” ยมบาลยืดอกตอบรับ “เจ้าคิดว่าคนธรรมดาจะมองเห็นวิญญาณแล้วทำอย่างว่ากับเจ้าได้รึ”เขาขึ้นไปประชุมที่แดนสวรรค์แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จริง แต่ในโลกมนุษย์ผ่านไปเกือบจะหนึ่งวันแล้ว จึงเปิดโอกาสให้ผีสาวตนนี้ใช้อิทธิฤทธิ์ป่วนโลกมนุษย์จนวุ่นวายไปหมดผีสาวยิ้มอิหลักอิเหลื่อ หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วเธอก็อยากจะตายไปเสียอีกครั้ง“เมื่อสักครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่านอย่าได้ถือสาเลยนะ”ยมบาลได้ยินเช่นนั้นใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งแดงก่ำยิ่งขึ้น เขาตวาดด้วยเสียงอันดังว่า“กากี ! สำหรับเจ้าแล้ว การมีความสัมพันธ์ทางกายก็เป็นแค่การสมสู่เพื่อความสนุกสินะ นางผีสำส่อนเช่นเจ้า ข้าจะจับเจ้าไปลงทัณฑ์ในนรก”สิ้นคำ ยมบาลก็เสกโซ่ออกมา แล้วตวัดรัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้เคร้ง“ว๊าย”เกศรากรีดร้องเสียงหลง ยังไม่ทันจะรู้ตัว นางก็ถูกจับลงไปยมโลกเสียแล้วณ ยมโลกยมบาลล่ามกากีด้วยโซ่ศิลาที่แข็งแรงที่สุดไม่มีใครสามารถตัดขาดได้นอกจากเขา จากนั้นก็ลากนางมายังบัลลังก์ยมบาล เมื่อเขานั่งลง นางก็ถลาล้มลงแทบเท้าของเขา“โอ๊ย ! ท่านยม ฉันเจ็บนะ เบา ๆ หน่อยสิ” วิญญาณผีสาวร้องโอดครวญอ
ผมสีดำขลับยาวสยายถึงกลางหลัง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้างดงามยิ่งกว่านางอัปสร แม้ว่าเดินอยู่ในเมืองนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเศร้าหมองมัว แต่เรือนกายนางกลับกระจ่างแจ้งประดุจดอกบัวบานเหนือโคลนตม“องค์อินทร์ท่านสั่งลงมา ให้ลงทัณฑ์นางตามสมควร แต่อย่าได้ให้ความงามของนางมีอันต้องมลทิน รอเวลากลับสู่สรวงสวรรค์ แล้วกำชับให้ข้าดูแลนางเป็นพิเศษ”ท่านยมบาลกล่าวเสียงเรียบกากีได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันให้กับโชคชะตาตนเอง ชีวิตของนางไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ล้วนถูกบุรุษกำหนดตีตรา และจองจำ“เจ้ายิ้มอันใด”ยมบาลมิได้ละสายตาไปจากวิญญาณสตรีผู้นั้นเลย จึงทำให้รู้ว่านางยิ้ม แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะแย้มเพียงน้อยนิด“ข้ามิได้ทำอันผิด แต่กลับถูกสั่งให้ลงทัณฑ์ครั้งแล้วครั้งเล่า”น้ำเสียงนั้นทั้งตัดพ้อทั้งน้อยใจกับชะตาชีวิตที่มีความงามเป็นหนึ่ง แต่หาความรักจริงใจจากผู้ใดไม่ได้แม้น้อยนิด“เจ้าลักลอบคบชู้สู่ชาย มักมากในกาม เมื่อตายแล้วต้องถูกลงทัณฑ์โดยการโยนลงไปทะเลน้ำกามกรด จากนั้น ก็ต้องปีนป่ายต้นงิ้วที่มีหนามแหลมคม หากเจ้าตกลงมาก็จะถูกสุนัขกัดกินอวัยวะโสมมที่เจ้าใช้ล่อผู้ชาย”น้ำเสียงยมบาลเยือกเ
ณ กรุงศากยะบุรี ในแดนมนุษย์ ท่านพญายมบาลได้เกิดเป็นแม่ทัพใหญ่ในกรุงศากยะบุรี นามว่า ‘ยมราช’ ทรงฝักใฝ่ในการทำสงครามเป็นอย่างยิ่ง ไปรบที่ไหนก็ชนะทุกครั้ง จนได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม”แม้ว่าจะเก่งกาจด้านการรบ แต่เขากลับป่วยเป็นโรคประหลาด ปวดหัวเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพึ่งน้ำมนต์ศักดิ์ของหลวงพ่อใหญ่ของวัดไพศาล ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวทุก ๆ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แม่ทัพยมราชจะเดินทางมากราบหลวงพ่อใหญ่ขอรับน้ำมนต์ด้วยตนเองชายหนุ่มก้มลงกราบหลวงพ่อใหญ่ในท่วงท่างามสง่า แม้จะอยู่ในชุดชาวบ้าน แต่รัศมีน่าเกรงขามของแม่ทัพใหญ่ก็ยังแผ่ออกมาให้คนใกล้ตัวยำเกรง“นมัสการหลวงพ่อขอรับ”“อืม.... น้ำมนต์อาตมาเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ตรงหน้านั่นแหละ”หลวงพ่อใหญ่ชี้ไปที่กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำสมุนไพรปลุกเสก ท่านรู้จักแม่ทัพยมราชเมื่อ 25 ปีก่อนในตอนนั้นแม่ทัพใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านได้พาเด็กชายวัยขวบเศษที่กำลังกรีดร้องไห้อย่างน่าเวทนาเข้ามาหา“พระท่าน โปรดช่วยลูกของข้าด้วยเถิด ข้ามีลูกชายคนเดียวก็มาป่วยเป็นโรคประหลาด หมอหลวงในวังก็ยังรักษาไม่ได้ ท่านเป็นที่พึ
“จริงอย่างเจ้าว่า ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ตัวมันหอมน่ากิน ใบหน้ายังจิ้มลิ้มน่าลอง ลูกพี่ ข้าว่าจับมันกลับไปเป็นชายบำเรอความสุขให้พวกเราดีกว่า”มันเอ่ยจบก็ยื่นมือเข้ามาหมายจะลูบแก้มเนียน“อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ เจ้าโจรชั่ว” องค์หญิงเก็จมณีปัดมือมันออกด้วยความโกรธจัด “รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”“พวกข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นใคร เพราะอย่างไรเสียพวกข้าก็จะได้ทั้งเงินแล้วก็ตัวเจ้า เฮ้ยพวกเรา จับมันกลับไปที่รังโจร”สิ้นคำ พวกมันก็รุมกันเข้ามาหมายจะจับนางร่างเล็ก ๆ หลบวูบรอดพ้นจากโจรผู้หนึ่ง แล้วอาศัยความว่องไววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด“เฮ้ย ! พวกเราตาม มันหนีไปไม่ได้ไกลหรอก”เสียงฝีเท้าโห่ร้องของพวกโจรใจชั่ววิ่งไล่ตามมาราวกับผีร้าย“ช่วยด้วยยยย ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย ข้าถูกโจรปล้นแล้วววว”องค์หญิงเก็จมณีทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปด้วยความหวาดกลัว หัวใจเต้นระทึก ในหูอื้ออึงไปหมด วิ่งเตลิดเข้าไปในป่าลึกไม่สนใจว่าจะถูกกิ่งไม้ขีดข่วนทิ่มแทงเข้าไปในเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบ“โอ๊ย !”องค์หญิงเก็จมณีสะดุดล้มลงบนพื้น พวกโจรจึงวิ่งตามมาทัน แล้วล้อมนางไว้อีกครั้ง“ฮ่า ๆ เจ้าหนุ่มหน้าหวาน จะวิ่งให้เหนื่อยทำไม ยังไงก็หนีไม่พ้นอย
ในขณะที่แม่ทัพยมราชอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า“ไม่.. ไม่นะ อย่า”เสียงนั้นทำให้เขาสะดุ้งตื่นตามสัญชาตญาณนักรบที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืดแล้ว เขาจึงเห็นว่าที่แท้เป็นเสียงของหนุ่มน้อยอาการของคนที่นอนอยู่ข้างเตียงเขาคล้ายกับกำลังฝันร้ายมาก มีเหงื่อผุดซึมตามหน้าผาก ปากพึมพำ“ยะ อย่าทำข้าเลย ไม่นะ อย่า”แม่ทัพยมราชจึงเอื้อมมือไปหมายจะปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย แต่กลับกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นกลับผวาคว้าเอามือเขาไปจับไว้แน่น“ช่วยด้วย ช่วยข้าที ข้ากลัวเหลือเกิน”เขารู้สึกว่าเสียงของหนุ่มน้อยช่างเวทนาเหลือเกิน จึงไม่ดึงมือกลับ อีกทั้งยังลงจากเตียงนอนของตน แล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เด็กชาย“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่ ไม่มีผู้ใดจะทำร้ายเจ้าได้”แม่ทัพยมราชกระซิบบอกอย่างแผ่วเบา แล้วคนที่ฝันร้ายเมื่อครู่ก็มีอาการสงบลง อีกทั้งร่างบางพลิกตัวซุกใบหน้าหาอกอุ่น คล้ายกับลูกแมวที่กำลังซุกเข้ากับอกแม่เขาก้มลงมองใบหน้างดงามในอ้อมแขน ทั้งกลิ่นหอมรัญจวนทั้งดวงหน้างดงามเกินบุรุษ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกจนยากจะบรรยาย จึงปล่อยให้หนุ่มน้อยนอนกอดตนจนถึงรุ่งสาง
“ข้าเป็นเด็กหนุ่มจากภูเขาฝากนู้นหมายมาดว่าจะเดินทางเข้าเมืองมาหางานทำ” องค์หญิงเก็จมณีปั้นเรื่องอย่างคล่องปาก “คิดไม่ถึงว่าจะเจอโจรป่าดักปล้น หากไม่ได้ท่านแม่ทัพช่วยเอาไว้ ข้าคงถูกพวกมันปล้นแล้วฆ่าตายที่กลางป่าแน่ ๆ ขอบพระคุณท่านแม่ทัพมาก ๆ ขอรับ”“ไม่เป็นไร... เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องปกป้องดูแลประชาชนชาวศากยะบุรีทุกคน”“มีท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ แผ่นดินศากยะบุรีจึงสงบร่มเย็นเช่นนี้ ข้าต้องขอบใจท่านจริง ๆ”องค์หญิงเก็จมณีเผลอตัวใช้วาจาเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ที่กำลังกล่าวชมขุนนางผู้จงรักภักดี“วาจาเจ้า.....”แม่ทัพยมราชขมวดคิ้วองค์หญิงเก็จมณีคล้ายจะรู้ตัวว่าเผยพิรุธออกมาจึงแสร้งทำเป็นตกใจกลัว “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่ขอรับ” นางรีบลงจากเตียงลงมาคุกเข่าขอขมาเขา “ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็นแม่ทัพตัวเป็น ๆ หากมีสิ่งใดที่ทำผิดไปขอท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ข้าด้วย อย่าลงโทษข้าเลย”แม่ทัพยมราชเห็นท่าทีเช่นนั้นก็คิดว่าตนคงจะระแวงมากเกินไป จึงเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้กล่าวโทษเจ้าเลย ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบคุณขอรับ”“หากว่าเจ้ายังไม่มีที่ไป ก็อยู่ช่วยงานรับใช้ข้าที่นี่แล้วกัน”แม่ทัพยมราชเสนอขึ้น“ท่านอนุญาตให้ข้าอยู่ที่นี่
“จริงอย่างเจ้าว่า ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ตัวมันหอมน่ากิน ใบหน้ายังจิ้มลิ้มน่าลอง ลูกพี่ ข้าว่าจับมันกลับไปเป็นชายบำเรอความสุขให้พวกเราดีกว่า”มันเอ่ยจบก็ยื่นมือเข้ามาหมายจะลูบแก้มเนียน“อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ เจ้าโจรชั่ว” องค์หญิงเก็จมณีปัดมือมันออกด้วยความโกรธจัด “รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”“พวกข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นใคร เพราะอย่างไรเสียพวกข้าก็จะได้ทั้งเงินแล้วก็ตัวเจ้า เฮ้ยพวกเรา จับมันกลับไปที่รังโจร”สิ้นคำ พวกมันก็รุมกันเข้ามาหมายจะจับนางร่างเล็ก ๆ หลบวูบรอดพ้นจากโจรผู้หนึ่ง แล้วอาศัยความว่องไววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด“เฮ้ย ! พวกเราตาม มันหนีไปไม่ได้ไกลหรอก”เสียงฝีเท้าโห่ร้องของพวกโจรใจชั่ววิ่งไล่ตามมาราวกับผีร้าย“ช่วยด้วยยยย ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย ข้าถูกโจรปล้นแล้วววว”องค์หญิงเก็จมณีทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปด้วยความหวาดกลัว หัวใจเต้นระทึก ในหูอื้ออึงไปหมด วิ่งเตลิดเข้าไปในป่าลึกไม่สนใจว่าจะถูกกิ่งไม้ขีดข่วนทิ่มแทงเข้าไปในเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบ“โอ๊ย !”องค์หญิงเก็จมณีสะดุดล้มลงบนพื้น พวกโจรจึงวิ่งตามมาทัน แล้วล้อมนางไว้อีกครั้ง“ฮ่า ๆ เจ้าหนุ่มหน้าหวาน จะวิ่งให้เหนื่อยทำไม ยังไงก็หนีไม่พ้นอย
ณ กรุงศากยะบุรี ในแดนมนุษย์ ท่านพญายมบาลได้เกิดเป็นแม่ทัพใหญ่ในกรุงศากยะบุรี นามว่า ‘ยมราช’ ทรงฝักใฝ่ในการทำสงครามเป็นอย่างยิ่ง ไปรบที่ไหนก็ชนะทุกครั้ง จนได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม”แม้ว่าจะเก่งกาจด้านการรบ แต่เขากลับป่วยเป็นโรคประหลาด ปวดหัวเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพึ่งน้ำมนต์ศักดิ์ของหลวงพ่อใหญ่ของวัดไพศาล ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวทุก ๆ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แม่ทัพยมราชจะเดินทางมากราบหลวงพ่อใหญ่ขอรับน้ำมนต์ด้วยตนเองชายหนุ่มก้มลงกราบหลวงพ่อใหญ่ในท่วงท่างามสง่า แม้จะอยู่ในชุดชาวบ้าน แต่รัศมีน่าเกรงขามของแม่ทัพใหญ่ก็ยังแผ่ออกมาให้คนใกล้ตัวยำเกรง“นมัสการหลวงพ่อขอรับ”“อืม.... น้ำมนต์อาตมาเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ตรงหน้านั่นแหละ”หลวงพ่อใหญ่ชี้ไปที่กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำสมุนไพรปลุกเสก ท่านรู้จักแม่ทัพยมราชเมื่อ 25 ปีก่อนในตอนนั้นแม่ทัพใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านได้พาเด็กชายวัยขวบเศษที่กำลังกรีดร้องไห้อย่างน่าเวทนาเข้ามาหา“พระท่าน โปรดช่วยลูกของข้าด้วยเถิด ข้ามีลูกชายคนเดียวก็มาป่วยเป็นโรคประหลาด หมอหลวงในวังก็ยังรักษาไม่ได้ ท่านเป็นที่พึ
ผมสีดำขลับยาวสยายถึงกลางหลัง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้างดงามยิ่งกว่านางอัปสร แม้ว่าเดินอยู่ในเมืองนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเศร้าหมองมัว แต่เรือนกายนางกลับกระจ่างแจ้งประดุจดอกบัวบานเหนือโคลนตม“องค์อินทร์ท่านสั่งลงมา ให้ลงทัณฑ์นางตามสมควร แต่อย่าได้ให้ความงามของนางมีอันต้องมลทิน รอเวลากลับสู่สรวงสวรรค์ แล้วกำชับให้ข้าดูแลนางเป็นพิเศษ”ท่านยมบาลกล่าวเสียงเรียบกากีได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันให้กับโชคชะตาตนเอง ชีวิตของนางไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ล้วนถูกบุรุษกำหนดตีตรา และจองจำ“เจ้ายิ้มอันใด”ยมบาลมิได้ละสายตาไปจากวิญญาณสตรีผู้นั้นเลย จึงทำให้รู้ว่านางยิ้ม แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะแย้มเพียงน้อยนิด“ข้ามิได้ทำอันผิด แต่กลับถูกสั่งให้ลงทัณฑ์ครั้งแล้วครั้งเล่า”น้ำเสียงนั้นทั้งตัดพ้อทั้งน้อยใจกับชะตาชีวิตที่มีความงามเป็นหนึ่ง แต่หาความรักจริงใจจากผู้ใดไม่ได้แม้น้อยนิด“เจ้าลักลอบคบชู้สู่ชาย มักมากในกาม เมื่อตายแล้วต้องถูกลงทัณฑ์โดยการโยนลงไปทะเลน้ำกามกรด จากนั้น ก็ต้องปีนป่ายต้นงิ้วที่มีหนามแหลมคม หากเจ้าตกลงมาก็จะถูกสุนัขกัดกินอวัยวะโสมมที่เจ้าใช้ล่อผู้ชาย”น้ำเสียงยมบาลเยือกเ
เกศราตาโต อ้าปากค้าง“ใช่” ยมบาลยืดอกตอบรับ “เจ้าคิดว่าคนธรรมดาจะมองเห็นวิญญาณแล้วทำอย่างว่ากับเจ้าได้รึ”เขาขึ้นไปประชุมที่แดนสวรรค์แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จริง แต่ในโลกมนุษย์ผ่านไปเกือบจะหนึ่งวันแล้ว จึงเปิดโอกาสให้ผีสาวตนนี้ใช้อิทธิฤทธิ์ป่วนโลกมนุษย์จนวุ่นวายไปหมดผีสาวยิ้มอิหลักอิเหลื่อ หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วเธอก็อยากจะตายไปเสียอีกครั้ง“เมื่อสักครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่านอย่าได้ถือสาเลยนะ”ยมบาลได้ยินเช่นนั้นใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งแดงก่ำยิ่งขึ้น เขาตวาดด้วยเสียงอันดังว่า“กากี ! สำหรับเจ้าแล้ว การมีความสัมพันธ์ทางกายก็เป็นแค่การสมสู่เพื่อความสนุกสินะ นางผีสำส่อนเช่นเจ้า ข้าจะจับเจ้าไปลงทัณฑ์ในนรก”สิ้นคำ ยมบาลก็เสกโซ่ออกมา แล้วตวัดรัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้เคร้ง“ว๊าย”เกศรากรีดร้องเสียงหลง ยังไม่ทันจะรู้ตัว นางก็ถูกจับลงไปยมโลกเสียแล้วณ ยมโลกยมบาลล่ามกากีด้วยโซ่ศิลาที่แข็งแรงที่สุดไม่มีใครสามารถตัดขาดได้นอกจากเขา จากนั้นก็ลากนางมายังบัลลังก์ยมบาล เมื่อเขานั่งลง นางก็ถลาล้มลงแทบเท้าของเขา“โอ๊ย ! ท่านยม ฉันเจ็บนะ เบา ๆ หน่อยสิ” วิญญาณผีสาวร้องโอดครวญอ
“โอ้ว... เจ้าเด็กนี่ พองสู้ปากดีนัก”เกศราตาวาว เห็นแก่นกายของหนุ่มน้อยพองใหญ่จนคับปากเช่นนั้นก็ทำเอาเธอน้ำแฉะออกมาที่หว่างขา รู้สึกหงี่ขึ้นมาเหมือนกันม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อู้ยยยย อา พะ พี่สาว ดูดผมจนแข็งหมดแล้ว”ผีสาวได้ยินเสียงเขาร้องขึ้นเช่นนั้นก็ชะงัก รีบคายดุ้นออกจากปาก“น้องมองเห็นพี่ด้วยรึ”“แล้วทำไมจะไม่เห็นล่ะ”“กะ ก็....”เกศราคิดจะบอกว่าตนเองเป็นผี ก็กลัวว่าน้องมันจะกลัวจนดุ้นหด อดเย้วกันพอดีจึงเลื้อยตัวขึ้นคร่อมตัวหนุ่มน้อยอย่างยั่วยวนแล้วตอบบ่ายเบี่ยงไปว่า“เรื่องเห็นไม่เห็นช่างมันเถอะจ้ะ.... เอาเป็นว่าถ้าน้องมองเห็นพี่ คืนนี้มันแน่นอน”สิ้นคำ เกศราก็โผเข้ากอดและจูบปากหนุ่มน้อยก่อน อีกทั้งยังเลื่อนมือลงไปจับแก่นกายแล้วสาวแก่นลำจนมันดิ้นสู้มือ“หืม....”หนุ่มน้อยครางหือในลำคอ เขาบดจูบเธออย่างหนักหน่วงพอกัน อีกทั้งยังแทรกมือเข้าไปลูบไล้โหนกเนินที่เธอแอ่นบิดเอวเร่า ๆ อย่างโหยหา“อึก.... อื้อออ”เกศราครางฮือในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะช่ำชองนักจากนั้น เกศราก็รีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วทิ้งตัวลงนอนถ่างอวดเขา“เมื่อครู่ทำรูปนางแบบ
วิญญาณของเกศราเด้งออกมาจากร่างของผู้หญิงในชุดนอนคนนั้น ทำให้เจ้าของร่างตัวจริงมีสติคืนมาด้วยอาการงงงวยหล่อนกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าผู้ชายที่ตนกําลังทับอยู่ส่วนผู้กองแจ็อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตมาจากระเบียงนั้น คือ...“หมอหมวย !”“ผู้กอง คะ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้คุณปีนข้ามระเบียงไปห้องคนอื่นเขาทำไม”“ฉันเนี่ยนะปีนระเบียง”หมอหมวยร้องเสียงหลง คราวนี้หล่อนตื่นตัวเต็มที่แล้ว“ก่อนที่จะอธิบายอะไร คุณหมอช่วยลุกออกไปจากตัวผมก่อนได้ไหมครับ”ผู้กองแจ็คสีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทุกขณะ เพราะร่างกายนุ่มนิ่มของหมอหมวยที่ทับอยู่บนตัวเขาเริ่มจะทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนเสียแล้ว“เอ๊ะ...”หมอหมวยรีบดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ“เอ่อ... ผมติดต่อขอเช่าห้องเพื่อซุ้มดูคนร้ายที่ห้องนู้น”ผู้กองแจ็คชี้ไปยังห้องพักที่ติดกับห้องของพิมพ์อีกฝั่ง“คิดไม่ถึงว่า พอเปิดประตูระเบียงออกมา แล้วจะบังเอิญเห็นคุณกำลังปีนระเบียงออกมาจากห้องนั้น จนเกือบจะตกตึกลงไปตายแล้วนะคุณ”ประโยคสุดท้ายเขาเสียงเข้มขึ้น คล้ายกับจะดุหญิงสาวกลาย ๆ“ฉันไม่ร
เกศราอยากจะเข้าไปบีบคอให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตา แต่เธอสัมผัสพวกเขาไม่ได้ ทำได้เพียงสิงร่างสตรีที่จิตใจอ่อนแอเธอจะทำอย่างไรหนอให้โลกรับรู้ว่าคนชั่วสองคนนี้วางแผนฆาตกรรมเธอ !แล้วสายตาของผีสาวก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ กำลังเดินสะลึมสะลือ ในมือถือโทรศัพท์เพื่อส่องแสงนำทางไปเข้าห้องน้ำ ทำให้เธอคิดถึงแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหายตัวแวบเข้าไปสิงร่างของพิมพ์วาบ.....พิมพ์ที่กำลังนอนกอดดอนหอบกระเส่าด้วยอารมณ์รัญจวน จู่ ๆ ก็ลืมตาโพลงขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวทำเอาชายหนุ่มที่กำลังนัวเนียเธออยู่ชะงัก ถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจว่า“พิมพ์ เป็นอะไร หรือว่าเมื่อครู่ผมยังปรนเปรอความสุขให้คุณไม่พอ”ท้ายประโยคชายหนุ่มซุกไซ้ลงไปจูบที่ซอกคอของชู้สาวเพื่อเอาใจเกศราในร่างของเพื่อนสนิท รีบกะพริบตา ปรับสีหน้า แล้วปั้นยิ้มฉ่ำเยิ้ม“ดอนขา.... ความสุขที่คุณให้มันล้นปรี่จนเต็มร่องพิมพ์เลยค่ะ แต่เมื่อครู่พิมพ์แค่นึกถึงเกศราเขาน่ะค่ะ”“จะไปนึกถึงคนอื่นทำไมกัน คิดถึงอนาคตเราสองคนดีกว่า”ดอนส่งเสียงตอบอู้อี้ผ่านริมฝีปากที่กำลังพรมจูบลงมาจนถึงทรวงอกของหญิงสาว“อะ... ดอนขา...”เกศราในร่างคนอื่นส่งเส