หน้าหลัก / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 56 ยกโทษให้พ่อเถอะ

แชร์

ตอนที่ 56 ยกโทษให้พ่อเถอะ

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-28 07:00:47

สองอาทิตย์ต่อมา

สมุนจอมมารทั้งสามล้อมวงก้มมองเจ้าถ่านด้วยความสงสัยว่านกน้อยตัวนี้เป็นมารปีศาจเผ่าพันธุ์ใดกันแน่

“ผ่านมานานถึงเพียงนี้ เหตุใดบาดแผลจึงยังไม่หายหรือว่าถูกพลังร้ายกาจของผู้ใดมา” เฉินซือหยางขมวดคิ้วเป็นปมนึกสงสัยเพราะจับตามองอยู่นานแล้ว

“พลังเทพอาจจะรักษาไม่ได้เพราะเป็นนกที่มาจากภพมารแต่ถึงอย่างไรพลังของนายน้อยก็ไม่ได้ผลอีก ข้าว่าเจ้าถ่านนี่มีอะไรแปลก ๆ” หลิวอิงอิงวิเคราะห์ตามความรูสึกของตัวเอง มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับปีกที่เป็นแผล

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

“เฮอะ ดูสิ ข้าว่ามันบ่นเจ้าใหญ่เลย” โจวเหวินหลงพูดบ้าง คนที่มีสติดีที่สุดอย่างเขาจึงนึกเรื่องบางอย่างออกพลันจ้องมองดวงตาของนกน้อยอีกครั้งหนึ่ง

“...” สหายที่เหลือไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

ทว่า สายตาและสีหน้าโจวเหวินหลงกลับทำให้เข้าใจได้ในทันทีจึงอุทานพร้อมกันว่า “นายท่านหรือขอรับ”

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

โจวเหวินหลงรีบสะบัดเจ้าถ่านพลางขยับหนีในทันที เหตุการณ์นั้นอยู่ในสายตาของสวีลู่ชิงพอดิบพอดีจึงคิดว่าเจ้านกน้อยถูกสมุนจอมมารกลั่นแกล้ง

“พวกเจ้าทำอะไรเจ้าถ่าน” นางโพล่งถามสีหน้าตระหนกที่เห็นนกตัวเล็ก ๆ ถูกเหวี่ยงอย่างแรงเพราะความตกใจจนนอนหงายท้องอยู่บนพื้น

“ข้าเปล่าสักหน่อย” เขาปฏิเสธทันควัน

“ข้าเห็นหมดแล้ว เหตุใดจึงกล้าทำไม่รู้ไม่ชี้” นางส่ายหน้าแล้วค่อย ๆ โอบมืออุ้มเจ้าถ่านขึ้นมาด้วยความอ่อนโยน เลือดตรงปีกไหลย้อยราวกับแผลเปิด

จิ๊บ

นกน้อยมีแรงส่งเสียงเพียงเท่านั้น ทำท่าอ่อนเพลียบาดเจ็บให้นางนึกสงสาร

หลิวอิงอิงกระซิบกับสหายที่เหลือด้วยความมั่นใจเต็มร้อย “เจ้าเล่ห์เพียงนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก”

“อือ” คนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดว่า “เมื่อครู่ข้าตกใจไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจทำให้มัน... เอ่อ นายท่... เอ่อเจ้าถ่านบาดเจ็บ รบกวนท่านช่วยดูแลได้หรือไม่ขอรับ”

สวีลู่ชิงนิ่วหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนจะพานกตัวกระจิริดไปรักษาแผลที่บ้านเล็กของตนเอง สายตาของนางดูเป็นห่วงเป็นใยและกังวลที่บาดแผลของมันไม่หายสักที

“เจ้าถูกผู้ใดทำร้ายมาหรือ” นางถามไถ่ตามประสาพยายามคิดหาวิธีรักษามันให้หายดี

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

เสียงร้องของมันดูผิวเผินเหมือนพูดโต้ตอบทั่วไปไม่ได้ความอันใด แต่คนที่รู้ความหมายเพียงคนเดียวอย่างอีนั่วกลับทำหน้ามุ่ยส่งกระแสจิตไปถึงบิดาที่กำลังเล่นละคร

“ยังไม่ถึงพันปีเลย เหตุใดท่านพ่อจึงฟื้นขึ้นมาได้เร็วเพียงนี้”

“ข้ากลับมาหาเจ้ากับนาง ทำไมถึงไม่ดีใจเล่า” เสียงกงจื่อเย่ถามบุตรชายด้วยความสงสัย “ยังโกรธข้าอยู่หรือ”

“เฮอะ” อีนั่วทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ

“พ่อขอโทษ” เขาเอ่ยกับมารน้อยแผ่วเบาเพราะรู้ตัวว่าทำผิดไป ครั้งนั้นทำให้อีนั่วตกใจจนวิญญาณกระเด็นหายแถมพรากแม่ลูกจากกันนานหลายปี

แม้จะถูกบุตรชายปิดบังไม่ยอมให้เจอสวีลู่ชิงเป็นร้อยปี ทิ้งเขาไว้ในสุสานเทพเซียน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางอยู่ที่ใดแต่กงจื่อเย่ไม่นึกโกรธอันใดเลยคิดว่าเขาสมควรโดนกระทำกลับบ้าง

หากครั้งนี้ต้องง้อมารน้อยอีกสักพันปีคงต้องยอมให้เป็นเช่นนั้นจึงบอกเขาไปว่า “อีนั่ว เจ้าฟังข้าให้ดี ถึงแม้ว่าข้าจะกลับมาได้แต่เวลานี้ไม่มีพลังใด ๆ ทั้งสิ้น ปกป้องเจ้าไม่ได้ ดูแลมารดาเจ้าก็ไม่ได้ เป็นเพียงเงาไร้ตัวตน ทำได้แค่แปลงกายเป็นนกตัวเล็กนิดเดียว นึกอยากเอ่ยปากพูดกับนางยังทำไม่ได้เลย เจ้ายอมให้ข้าสักเรื่องได้หรือไม่”

“...”

“กว่าข้าจะกลับมาได้คงใช้เวลานานนัก แค่อยากอยู่ข้างเจ้ากับนาง”

“ท่านพ่อกำลังคิดหลอกล่อข้าหรืออย่างไร จอมมารไร้ใจรับรู้ความรู้สึกเช่นนั้นได้แล้วหรือ” อีนั่วจ้องดวงตาสีม่วงแดงของอีกฝ่ายไม่วางคอยจับพิรุธเพราะยังคงไม่ไว้ใจคำพูดของเขา

ทว่า นกน้อยทำทีหลบสายตาราวกับโดนจับได้ว่าปิดบังอะไรไว้อยู่แต่ยังทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้ แล้วบอกให้อีนั่วมั่นใจอยู่หนึ่งอย่าง

“ต้นไม้แห่งชีวิตกำลังงอกงามอยู่ในแก่นวิญญาณของเจ้า ความรู้สึกครึ่งหนึ่งเป็นของข้า อีกครึ่งเป็นของมารดาเจ้า เจ้าเองก็รับรู้ไม่ใช่หรือว่าข้าคิดอย่างไรกับนาง เวลานั้นจึงยอมบอกให้ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ใด” มุมปากของนกน้อยยกขึ้นเหมือนตนเองพูดได้มีเหตุผล

ท่าทีของมารน้อยโอนอ่อนลง เขารู้ดีว่ากงจื่อเย่รู้สึกเช่นไรจึงได้ขอให้ช่วยแต่ก็อดไม่สบอารมณ์เพราะเรื่องในอดีตอยู่ดีจึงไม่ยอมยกโทษให้อีกฝ่ายเสียที

“บาดแผลนั่น จะหายเมื่อใดหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยแม้จะรู้ว่าไม่เป็นอันตรายก็ตาม

“...” จอมมารตอบไม่ได้เพราะถ้าเขาหายดีขึ้นมา ไม่รู้ว่าสวีลู่ชิงจะทำอย่างไรกับเขาต่อไป

“ไม่เห็นต้องทนเจ็บเลยก็ได้นี่ หากท่านพ่ออยากอยู่ที่นี่ต่อไป ท่านแม่คงไม่ว่าอันใดอยู่แล้ว”

กงจื่อเย่หูผึ่งทันทีที่ได้ยินบุตรชายเอ่ยปากเช่นนั้น แอบอมยิ้มในใจเพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยอมลดกำแพงลงบ้าง

ขณะที่สองพ่อลูกกำลังพูดคุยกันเพียงลำพัง เสียงเรียกของสวีลู่ชิงดังขึ้น “เจ้าถ่าน”

ดวงตาสีม่วงแดงเบิกโตด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่านางกรีดปลายนิ้วของตนเองต่อหน้าเขา

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

คำพูดที่เปล่งออกมาจากใจกลายเป็นเพียงเสียงนกร้องแต่ถึงอย่างนั้นกลับทำให้สวีลู่ชิงพอจะคาดเดาได้ว่าเจ้าถ่านพูดอะไร

“พลังของข้าอาจจะรักษาเจ้าไม่หาย แต่ถ้าเป็นเลือดของข้าน่าจะใช้ได้” นางยื่นนิ้วชี้มาใกล้เขากลิ่นหอมหวานโชยแตะจมูกจอมมารจำแลง “ดื่มเสีย บาดแผลของเจ้าอาจจะหายดีก็เป็นได้”

กงจื่อเย่จึงจำใจต้องทำตามที่นางบอกอย่างเคร่งครัด บาดแผลที่ไม่รู้ว่าควรจะต้องหายดีเมื่อใด เห็นทีอาจจะต้องรีบหายโดยเร็ววันเพราะไม่เช่นนั้นนางคงทำเหมือนอย่างเดิม

ทันทีที่สัมผัสกับเลือดเทพดารา แววตาของเขาเคลิบเคลิ้มราวกับหลงอยู่ในภวังค์ ไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่าเลือดเนื้อของเทพเซียนจะน่าพิศมัยถึงเพียงนี้

เมื่อก่อนรับรู้เพียงแต่ว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยดับกระหายได้ ครั้งนี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดพวกมารปีศาจจึงจ้องจะจับผู้คนในแดนสวรรค์กินนัก

พลันสายตาเหลือบมองไปยังเทพวายุที่กำลังนั่งสมาธิอยู่เพียงลำพังก่อนจะได้ยินเสียงกระแอมไอจากอีนั่ว

“ข้ารู้น่า” เขาบอกบุตรชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ช่วยบอกมารดาของเจ้าทีว่าคราวหลังอย่าทำร้ายตนเองอีกได้หรือไม่”

“ถ้าท่านพ่อไม่รีบหาย ข้าจะจัดการท่านพ่อเอง” เขามองค้อนบิดาราวกับตั้งตนเป็นศัตรูกัน “แล้วก็ห้ามยุ่งกับท่านลุงของข้าด้วย”

กงจื่อเย่ส่ายหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่งกระแสจิตกลับมาหาเขา “อีนั่ว เจ้ายังเห็นข้าเป็นบิดาของเจ้าอยู่หรือไม่ ชักจะน้อยใจเสียแล้ว”

“...”

“เอาเถอะ ข้ารับปากว่าจะรีบหายบาดเจ็บแล้วก็ไม่กินท่านลุงของเจ้า” อีนั่วเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเล็กน้อยผ่านกระแสจิตจึงนึกว่าบิดาเจ้าเล่ห์คงคิดอะไรอยู่เป็นแน่แต่ปล่อยผ่านเพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็สัญญาเอาไว้แล้ว

“เจ้าถ่าน ให้ข้าดูแผลได้หรือไม่” สวีลู่ชิงเอ่ยปากก่อนจับปีกนกน้อยกางสยายออก “บาดแผลเหมือนค่อย ๆ สมาน เจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่”

แววตาสีฟ้าแสนอ่อนโยนทำให้เขานึกถึงคืนวันเก่า ๆ ที่ได้อยู่ร่วมกันจนเกือบกลายร่างเป็นเงาดำเพื่อโอบกอดนางโดยไม่รู้ตัว เอ่ยพึมพำในใจ คืนนี้ยังมีเวลา

กลางดึกคืนนั้น

เขาวางอุบายให้อีนั่วหลับลึกแล้วสลับร่างเป็นเงามืดร่างเดิมของตนเองนอนลงข้าง ๆ สวีลู่ชิง ปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมสีขาวของนาง

สายตามองลำคอเรียวตรงหน้าพลางเลียริมฝีปากตนเองนึกอยากลิ้มรสเลือดของนางอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากตรงลำคอของนาง

เรียวลิ้นตวัดไล้ดูดเม้มอย่างคนหิวกระหายแต่ยับยั้งชั่งใจตัวเองไว้อยู่

“อือ...” สวีลู่ชิงรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไปในความฝันครั้งนี้ นางมองเห็นใบหน้าเลือนรางของใครบางคนปรากฏขึ้นมา สัมผัสที่เขากอดรัดคุ้นเคยยิ่งนัก ทว่ายิ่งรู้สึกต้องการอ้อมกอดนั้นมากเท่าใดอีกใจก็อยากผลักไสออกไปมากเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ลึก ๆ นางกลับโหยหาคนผู้นั้นโดยไม่รู้ตัวจึงเอื้อมแขนกอดเขากลับไป

จอมมารยิ้มกว้างหยุดสัมผัสต้นคอเรียวแล้วจุมพิตหน้าผากของเทพดาราอย่างอ่อนโยน กระซิบเหมือนอย่างเคย “ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่”

“อยากกลับมาหาเจ้าโดยเร็ว ข้าควรทำเช่นไรดี”

“อ้อมกอดของเจ้าอบอุ่นยิ่งนัก เหตุใดข้าจึงรู้สึกตัวช้าเยี่ยงนี้”

“ข้ารักเจ้า”

ทันทีที่ได้ยินคำนั้น สวีลู่ชิงซบใบหน้าเข้าอ้อมแขนของเขา ความรู้สึกท่วมท้นทำให้ต้นไม้แห่งชีวิตในแก่นวิญญาณจอมมารเบ่งบานทีละช่ออย่างช้า ๆ

“หากได้ยินคำบอกรักจากเจ้าอีกครั้ง ต้นไม้ในใจข้าคงจะผลิดอกสะพรั่งไม่มีร่วงโรย”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 0 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา

    ความสงบสุขเรียบง่ายหลายหมื่นปีของภพสวรรค์กำลังถูกสั่นคลอนเพราะมารตนหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน ใครเล่าจะคิดว่าสิ่งเล็ก ๆ จากบ่อโคลนของความชั่วร้ายทั้งปวงจะหลอมรวมภัยอันตรายที่สามารถทำลายล้างสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลองได้ในเวลาไม่นานภพมารแซ่ซ้องสรรเสริญผู้ปกครองดินแดนคนใหม่ ยกขึ้นเป็นนายเหนือหัวที่จะกลายเป็นจอมมารปลดเปลื้องพันธะให้เหล่ามารปีศาจที่ถูกกักขังในหุบเหวดำมืด จบสิ้นการลงทัณฑ์อันยาวนานจากเทพบรรพกาลเสียงอึกทึกกึกก้องคำรามข่มขู่เหล่าเทพเซียนบนฟากฟ้าพร้อมบุกเข้าโจมตีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์วุ่นวายโกลาหลเคราะห์ยังดีที่กองทัพสวรรค์เป่าแตรส่งสัญญาณเตือนภัยได้ทันเวลา เหล่าเทพเซียนจึงผนึกกำลังป้องกันการรุกรานของทัพมารอย่างสุดความสามารถเทพสงครามนำทัพออกมาเผชิญหน้าปกป้องสรรพสิ่งไม่ให้แตกสลายจากมหันตภัยในครั้งนี้ กลยุทธ์มากมายที่เคยใช้กับจอมมารตนอื่นกลับไม่ได้ผลนักไพ่ตายที่ถูกวางไว้สามอย่างเริ่มดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ หวังว่าจะหยุดความเลวร้ายทั้งหมดลงไปได้ก่อนที่จะมีความสูญเสียไปมากกว่านี้เวลานั้นโฉมหน้าของผู้นำทัพมารจึงปรากฏขึ้น รอยยิ้มชั่วร้ายและแววตาเย็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 1 ทัพมารบุกสวรรค์

    ท่ามกลางความโกลาหลตรงเขตชายแดนระหว่างภพมารและภพสวรรค์ เทพจันทราเร่งหลอมรวมวิญญาณและพลังของตนเองเพื่อผนึกลิขิตสวรรค์ในต้นไม้แห่งโชคชะตาไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้แม้จะต้องสละวิญญาณแต่นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องสรรพสิ่งจากหายนะที่คืบคลานเข้ามา ชายชรารู้เป็นอย่างดีว่าจอมมารจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชะตาของใครบางคนอย่างแน่นอน และนั่นอาจจะทำให้แผนการที่วางไว้ล่มไม่เป็นชิ้นดีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังกระหึ่มสร้างความวิตกในใจของเขาเป็นอย่างมาก อีกนิดเดียว ข้าขอเวลาอีกนิดเดียว เขาคิดในใจหวังว่ากองทัพสวรรค์ที่อยู่ด้านนอกจะช่วยต้านทานถ่วงเวลาผู้บุกรุกได้อีกสักเพียงนิด“หยุดนะ!” ปีศาจสาวนามว่าหลิวอิงอิงผู้เป็นมือขวาของจอมมารตะโกนก้อง นางร่ายพลังปีศาจใส่เทพจันทราโดยไม่ยั้งมือ หากแต่ถูกสกัดกั้นโดยกองอารักขาเสียก่อน จึงทำให้นางฉุนเฉียวเพราะไม่ได้ดั่งใจเทพจันทราตั้งสติมั่นพลันขอบข่ายอาคมปรากฏขึ้นหลอมรวมกับจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของชายชราผู้นี้โอบล้อมเป็นม่านคลุมต้นไม้แห่งโชคชะตาเอาไว้ในชั่วขณะหลิวอิงอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-04
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 2 จุติเป็นมนุษย์

    บทสนทนาระหว่างเทพวายุกับจอมมารและการต่อสู้ของทั้งสองดำเนินไปอย่างดุเดือด สวีต้าเฟิงเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อถ่วงเวลาให้เทพสงครามได้อย่างแนบเนียนจนอีกฝ่ายสามารถหลอมพลังวิญญาณได้เรียบร้อยกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบคู่กายของตนเองสายตาที่เทพวายุมองสหายเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อร่ำลาทำให้กงจื่อเย่รู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นละครฉากใหญ่จังหวะที่หันไปมองตามนั้น ดาบเทพสงครามอันมหึมาก็พุ่งทะลุผ่านร่างของจอมมารในพริบตาการสละวิญญาณของเทพสงครามได้ผลชะงัดเพราะสามารถผนึกเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตดวงแรกไว้ในแก่นวิญญาณของจอมมารได้ ส่งผลให้พลังมารที่รุนแรงถดถอยลงไปหนึ่งส่วนกงจื่อเย่จะไม่รู้ตัวว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาภายในแก่นวิญญาณของตัวเองเพราะถูกพลังเทพสงครามบดบังเอาไว้แต่เฉลียวได้ว่าผู้นำกองทัพสวรรค์ย่อมไม่สละตนเองเพียงเพื่อทำลายพลังมารของเขาส่วนเดียวจอมมารยืนทื่ออยู่ครู่หนึ่ง พิจารณาว่าร่างมารของตนเองมีสิ่งใดผิดแปลกไปหรือไม่“พวกเจ้าทำอะไรข้า” เขาไม่รู้ว่าเหล่าเทพใช้วิธีใดและนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 3 ขัดขวาง

    ภพสวรรค์เซียนผู้เฝ้าหออาวุธโบราณเพิ่งสังเกตได้ว่าดวงเนตรอำพันหายไปจึงคิดรายงานเทียนจวิน แต่กลับถูกสัตว์อสูรเขาแหลมตัวเขื่องขวิดจนร่างแตกสลายไปเสียก่อนสวีต้าเฟิงเห็นจอมมารยิ้มมุมปากได้แต่นึกสงสัยว่าผู้ที่โดนรุมล้อมสังหารมีเหตุอันใดให้รื่นรมย์ใจถึงเพียงนี้ ทั้งยังแววตาท้าทายที่มองมายังเขาไม่วางตาราวกับบรรลุเป้าหมายบางอย่างครั้นจะปลีกตัวออกมาจากที่แห่งนั้นเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจกลับถูกดาบเขี้ยวอสูรเหวี่ยงเข้ามาขวางทางเอาไว้ในพริบตา“จะหนีไปที่ใดกันเล่า” กงจื่อเย่แสยะพลางเรียกดาบประจำกายกลับมา“...” เทพวายุไม่เอ่ยอันใดแต่หันไปสบตากับเทียนจวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้ากังวลรู้สึกว่าตนเองกำลังตกหลุมพรางของมารเจ้าเล่ห์ผู้นี้“ไปเถิด” เทียนจวินเอ่ยปากบอกแล้วดันพลังของตัวเองมาต้านทานพลังมารของกงจื่อเย่แทนเทพวายุจอมมารเห็นช่องว่างช่วงเปลี่ยนผันไม่รอช้าเขวี้ยงดาบเขี้ยวอสูรใส่ทั้งคู่โดยไม่แยแสเพื่อสลายพลังที่ตรึงกายมารส่วนล่างของเขาเอาไว้กระนั้น เทพอาวุโสอีกคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีหลบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่ของสวีลู่ชิง

    แดนมนุษย์เดิมทีเทพดาราจะกลายเป็นดาวตกลงมาเผชิญด่านเคราะห์ทุก ๆ หนึ่งพันปีเพื่อเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตในแดนมนุษย์ นางมีโชคชะตาที่เทพบรรพกาลเลือกสรรให้เป็นผู้สังหารจอมมารที่ถือกำเนิดขึ้นในสามภพตลอดระยะเวลาหลายแสนปีที่ผ่านมา เหล่าเทพเซียนภพสวรรค์ได้รับเลือกจากเทพบรรพกาลมานับไม่ถ้วนเพราะเขาผู้นั้นคือผู้หยั่งรู้โชคชะตาเมื่อจอมมารในแต่ละช่วงเวลาถือกำเนิด หากวิธีที่รับมืออยู่ไม่สามารถต้านทานพลังมารอันชั่วร้ายได้ เมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตจึงเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะผู้ที่สังหารจอมมารตนนั้นต้องสละแก่นวิญญาณของตนเองหลอมรวมอสนีบาตสวรรค์ 19 ครั้ง ผันเปลี่ยนเป็นพลังมหาศาลทำลายจอมมารไปพร้อม ๆ กันเหตุการณ์เหล่านั้นจึงทำให้มีเทพเซียนดับสูญตลอดกาลไปไม่น้อย แต่เพื่อแลกกับความสงบสุขของสามภพแล้ว พวกเขาเหล่านั้นจึงยอมรับในโชคชะตาของตัวเองครั้งนี้สวีลู่ชิงลงมาเกิดเป็นมนุษย์ครั้งที่สองด้วยช่วงเวลาที่ห่างกันจากครั้งแรกเพียงห้าร้อยปี พลังเทพของนางจึงได้รับความเสียหายบางส่วนเด็กทารกดวงตาสีฟ้า เรือนผมขาวแต่กำเนิดราวหิมะปรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 5 ความโกลาหล

    โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งนอกเมืองหนานพ่อค้าจากต่างเมืองที่ผ่านมาแวะพักในโรงเตี๊ยมเล่าข่าวคราวที่บังเอิญได้ยินมาให้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นฟัง เสียงเล่าลือว่าคนในหมู่บ้านหงเหลียนทางตอนใต้แคว้นชิงตายด้วยอาการประหลาดคนที่เหลือรอดมาได้เล่าวกไปวนมาว่าสิ่งที่เข้าทำร้ายพวกเขาต้องไม่ใช่คน ดูไม่มีรูปร่างแต่แววตาแดงฉานฉายชัด ครั้นจะถามต่อว่าเป็นอย่างไรบ้างกลับไม่ได้อะไรเพิ่มเติม คนเหล่านั้นเหมือนสติหลุดพูดจาไม่รู้เรื่องไปเสียแล้วเจ้าเมืองจึงต้องส่งคนไปเชิญเซียนสำนักต่าง ๆ เข้ามาตรวจสอบข่าวลือที่ว่าผีปีศาจออกอาละวาดทำร้ายชาวเมืองเป็นเรื่องจริงหรือไม่กระนั้น หลายเดือนผ่านไปยังไม่มีใครเห็นเซียนที่เข้าไปในหมู่บ้านหงเหลียนออกมาข้างนอก บรรยากาศรอบหมู่บ้านราวกับมีผีสิง อึมครึม เย็นยะเยือก นานวันเข้าจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หมู่บ้านร้างอีกเลย“แค่เล่าให้พวกเจ้าฟังก็ขนหัวลุกแล้ว” หนึ่งในคาราวานพ่อค้าเอ่ยปากพลางทำท่าสั่นกลัว“ไม่ใช่แค่หมู่บ้านหงเหลียนหรอก” ชายคนหนึ่งกระดกแก้วเหล้าอึกใหญ่รำลึกถึงเหตุการณ์เฉียดตายที่พบเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 6 ผจญภัย

    สำนักเซียนดาราสวรรค์“จื่อเถิง มาหาอาจารย์หน่อยเถิด” เสียงของเฉาหมิงเรียกนางด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลูบศีรษะของศิษย์ผู้นี้อย่างอ่อนโยน “อาจารย์เจ้าสำนักฝากข้าเอามาให้เจ้า”จื่อเถิงมองดูหยกสีชมพูอ่อน สีหน้างงงวยเพราะไม่รู้ว่าหยกหน้าตาสวยงามคืออะไร“อาจารย์เจ้าสำนักเป็นห่วงเจ้ามากจึงฝากข้านำมาให้” เขาถอนหายใจเพราะรู้ว่าอาจารย์ของตนเองใช้พลังเซียนที่สั่งสมมานานหลายสิบปีหลอมหยกชิ้นนี้ขึ้นมาให้ศิษย์หลานโดยเฉพาะครั้นถามว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้นกลับได้คำตอบมาว่า “นางเดินทางออกนอกสำนักเป็นครั้งแรก ย่อมต้องห่วงเป็นธรรมดา”ทว่า เฉาหมิงกลับสังเกตได้ว่ารอยยิ้มของนางนั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ไม่อาจถามไถ่สิ่งใดได้อีกเพราะนางคงไม่มีทางบอกอย่างแน่นอน“ขอบคุณเจ้าค่ะ” จื่อเถิงรับปากว่าจะปกป้องทุกคนและกลับมาสำนักดาราสวรรค์ก่อนเทศกาลโคมไฟแล้วรีบวิ่งไปหาศิษย์น้องอิงฮวาที่ยืนรออยู่ด้านหน้าสำนักคล้อยหลังจื่อเถิง เฉาหมิงเอ่ยปากบอกหยางซีอวิ๋นผู้เป็นศิษย์พี่ว่า &ld

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 7 มังกรดำ

    ช่วงเวลานั้นเกิดเสียงหวีดร้องและเสียงปะทะพลังของทั้งสองฝ่ายกระหึ่มดังไปทั่วบริเวณเซียนหนุ่มหันไปมองสหายด้วยสายตากังวล“ไม่เป็นอันใดหรอก เลี่ยงหวง” เซียนสาวบอกศิษย์ร่วมสำนักด้วยท่าทีใจเย็นเพราะมีประสบการณ์เรื่องต่อสู้มามาก “จำที่อาจารย์สอนเจ้าได้หรือไม่”เลี่ยงหวงพยักหน้าแล้วรวบรวมพลังเซียนวิชาหนึ่งของสำนักตนเอง พลันแสงสีขาวก่อตัวพองโตเป็นลูกกลม ๆ ขึ้นทีละนิด เขาขมวดคิ้วกลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ ข้าพร้อมแล้ว”เฉินซือหยางมัวแต่วอกแวกเพื่อกวนประสาทเซียนทั้งสองจึงไม่ทันระวังตัวโดนพลังเซียนขั้นสูงสาดใส่ร่างปีศาจเข้าเต็มเหนี่ยวกระเด็นทะลุบ้านเรือนไปหลายหลังเขายันตัวลุกขึ้นเอียงคอจัดกระดูกที่หักไปหลายท่อนกลับมาดังเดิมแล้วเช็ดเลือดที่มุมปากพลางปัดฝุ่นดินบนเสื้อผ้า แสยะยิ้มที่ไม่ได้เจอผู้ใดมีฤทธิ์เดชรุนแรงเท่าสองคนข้างหน้ามานานมากแล้ว“เฉินซือหยาง เจ้าอย่าลืมว่าพวกเขามิใช่เซียนธรรมดา”มังกรดำเอ่ยปากเตือนเพราะไม่อยากให้สหายเพลี่ยงพล้ำจนเสียการงาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16

บทล่าสุด

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 56 ยกโทษให้พ่อเถอะ

    สองอาทิตย์ต่อมาสมุนจอมมารทั้งสามล้อมวงก้มมองเจ้าถ่านด้วยความสงสัยว่านกน้อยตัวนี้เป็นมารปีศาจเผ่าพันธุ์ใดกันแน่“ผ่านมานานถึงเพียงนี้ เหตุใดบาดแผลจึงยังไม่หายหรือว่าถูกพลังร้ายกาจของผู้ใดมา” เฉินซือหยางขมวดคิ้วเป็นปมนึกสงสัยเพราะจับตามองอยู่นานแล้ว“พลังเทพอาจจะรักษาไม่ได้เพราะเป็นนกที่มาจากภพมารแต่ถึงอย่างไรพลังของนายน้อยก็ไม่ได้ผลอีก ข้าว่าเจ้าถ่านนี่มีอะไรแปลก ๆ” หลิวอิงอิงวิเคราะห์ตามความรูสึกของตัวเอง มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับปีกที่เป็นแผลจิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ“เฮอะ ดูสิ ข้าว่ามันบ่นเจ้าใหญ่เลย” โจวเหวินหลงพูดบ้าง คนที่มีสติดีที่สุดอย่างเขาจึงนึกเรื่องบางอย่างออกพลันจ้องมองดวงตาของนกน้อยอีกครั้งหนึ่ง&l

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 55 จอมมารยังคงเจ้าเล่ห์

    บ้านหลังเล็กของมารน้อยเมื่อทั้งสองฝ่ายตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปจึงร่างสัญญาสงบศึกชั่วคราวเพราะต้องการดูลาดเลาสถานการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงบ้านหลังเล็กที่เคยอยู่กันเพียงสองคน เวลานี้มีหลังอื่นผุดขึ้นมาอยู่ใกล้ ๆ กันอีกสามสี่หลังจนแทบจะกลายเป็นหมู่บ้านที่มีทั้งมารและเทพอยู่ร่วมกันอย่างสันติต้นท้อรายรอบกำลังผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่งเหมือนภาพวาด อีนั่วจึงตั้งชื่อหมู่บ้านของเขาว่าหมู่บ้านดอกท้อ ในใจคิดอยากอยู่ที่แห่งนี้อย่างสงบตลอดไปพลังของอีนั่วถูกกลบซ่อนเอาไว้ไม่ให้มารปีศาจตนอื่นรู้ รอบเขตบ้านจึงมีม่านศักดิ์สิทธิ์ของเทพวายุห้อมล้อมอยู่ด้วย“เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ พวกข้าอึดอัด” หลิวอิง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 54 คนละครึ่งทาง

    สวีลู่ชิงและพี่ชายรอข่าวคราวจากเสี่ยวไป๋อยู่นอกเขตแดนมารนางเดินวนไปวนมาด้วยความกังวลกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับอีนั่วจนแทบอยากจะฝ่าเข้าไปในภพมารเพื่อตามหาเขาด้วยตัวเอง“นั่งลงก่อนเถิด เจ้าเดินไปเดินมาจนข้าตาลายแล้ว” สวีต้าเฟิงส่ายหน้าพลางบ่นพึมพำ“ข้าเป็นห่วงเขา” นางเอ่ยตามตรง ใจหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอกับมารน้อยครั้งแรกแต่อีกใจกลับสัมผัสความรู้สึกคุ้นเคยได้อย่างบอกไม่ถูกช่วงเวลาเพียงเสี้ยวหนึ่ง เสี่ยวไป๋ส่งสัญญาณบางอย่างกลับมาหาผู้เป็นเจ้านายบอกให้รู้ว่ากำลังมาถึง รอยยิ้มบางจึงผุดขึ้นมาด้วยความยินดีพลันเงาดำตะคุ่มปรากฏด้านหลังเขตแดนภพมาร“สวีลู่ชิง ถอยออกมา” เทพวายุดึงร่างน้องสาวให้ออกห่างเพราะกลัวจะมีอันตราย “เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม จงอย่าล

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 53 ฝากดูแลลูก

    หลังจากกงจื่อเย่สูญสิ้นไปทัพมารที่กำลังบุกสวรรค์ครานี้จึงแตกพ่ายเพราะไร้ผู้นำถูกกองทัพสวรรค์ขับไล่กลับภพมารในเวลาไม่นานเหล่าเทพเซียนต่างพากันโห่ร้องยินดีเพราะภัยคุกคามถูกกำจัดแล้ว หากแต่เทพอาวุโสและเทพชั้นสูงบางคนยังคงไม่อาจวางใจได้มากนักแต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็พอจะโล่งใจได้บ้างว่าหลายพันปีต่อจากนี้สามภพคงจะสงบสุขราบรื่น และหากถึงเวลาที่จอมมารฟื้นคืนกลับมา ตอนนั้นพวกเขาคงหาวิธีรับมือได้บ้างแล้วตำหนักเทพดารามีแขกเข้าเยี่ยมไม่ขาดสายเพราะได้ยินเรื่องราวปากต่อปากจึงมาถามไถ่ด้วยตนเอง สวีลู่ชิงจึงบอกพวกเขาแต่เพียงว่า “มารผู้นั้นคงกลับใจกระมัง แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะอันใด”นางกล่าวเช่นนั้นเพราะไม่รู้จริง ๆ แม้กงจื่อเย่จะจากไปแล้วแต่ความทรงจำที่ขาดหายไปก็ยังไม่กลับคืนมา

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 52 สัญญาได้หรือไม่

    เทพเซียนที่ยืนอยู่รายรอบมองหน้ากันด้วยความงุนงงครั้นจะพุ่งตัวเข้าไปดึงจอมมารออกมาจากที่นั่นก็ทำไม่ได้เพราะรังแต่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองไปด้วยคราวแรกก็คิดว่าเขาเข้ามาขัดขวางไม่ให้นางทำภารกิจสำเร็จ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับได้เห็นว่าจอมมารกำลังใช้ร่างกายตัวเองเป็นเกราะกำบังและรับอสนีบาตแต่เพียงผู้เดียว“สวีต้าเฟิง นี่มันเรื่องอันใดกัน” หนึ่งในเทพอาวุโสถามเขาเพราะเพิ่งมาถึง“ข้าก็ไม่รู้ขอรับ” เขาไม่อาจตอบคำถามนั้นได้เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวตรงหน้าจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนั้น“แต่ถ้าปล่อยเอาไว้แล้วจะจัดการจอมมารได้อย่างไร เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเทพดาราจะต้องเป็นผู้รับทัณฑ์สวรรค์ ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบเข้าไปห้าม”เทพอาวุโสส่ายหน้าหนักใจ ช่วงท

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 51 อย่าผลักไสข้า

    เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นคนเป็นพี่ชายอย่างสวีต้าเฟิงแทบทำอาวุธหลุดมือ ในใจนึกโกรธเกรี้ยวที่จอมมารเจ้าเล่ห์พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง“เจ้าอย่ามาพูดซี้ซั้ว” เทพวายุกำอาวุธประจำกายไว้แน่น “กล้าพูดใส่ร้ายให้น้องสาวข้ามีมลทิน เห็นทีคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่”กงจื่อเย่ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะทุกสิ่งที่พูดออกไปเป็นความจริงจึงยืนยันว่า “ข้าคือสามีที่ถูกต้องตามประเพณีในด่านเคราะห์ชาติที่สองของนาง” ใจจริงเขาอยากจะพูดต่อด้วยซ้ำไปว่ามีพยานรักหนึ่งคนที่มีดวงตาสีฟ้างดงามเหมือนกับนางแต่เพื่อความปลอดภัยของมารน้อย เขาจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ต่อไป“เฮอะ” เทพปฐพีแสยะยิ้ม “ก็แค่ด่านเคราะห์ เจ้าจะมายึดถือเช่นนั้นได้อย่างไร” เขาถามออกไปแต่ในใจเริ่มคิดแล้วว่าถ้าเขาได้ตัวภรรยากลับไปแล้วเรื่องราวสงครามของจอมมา

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 50 บุกสวรรค์ตามหาภรรยา

    สายใยระหว่างแม่ลูกที่ถักทอในแก่นวิญญาณมารน้อยทำให้เขารู้ว่าเวลานี้นางหายไปอยู่ในที่แสนไกล ถึงอย่างนั้นก็ยังคงหวังลึก ๆ และนั่งรอมารดาอยู่ที่เดิมทว่า ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในใจของอีนั่วเศร้าหมองและคิดถึงนางยิ่งนักจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ไม่เกรงกลัวว่าจะมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวเองพลันใช้พลังมารหายตัวเข้าสู่แดนสวรรค์ในพริบตาอีนั่วรีบพุ่งไปที่ตำหนักเทพดาราในทันที ไม่ข้องแวะที่ใดเพราะห่วงว่าจะมีใครสังเกตเห็นตัวตนมารปีศาจ คอยแอบอยู่ในมุมมืด พรางตัวราวกับเป็นอากาศ แล้วกวาดสายตามองหามารดา“ท่านแม่...” เขาเผลอเรียกออกไปแบบนั้นอย่างเคยแต่หยุดชะงักไปเพราะรู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ามีอะไรแปลกไปจากเดิม นางกำลังหัวเราะและยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าเลือดเนื้อเชื้อไขตัวน้อย ๆ รอนางเพียงลำพัง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 49 มารน้อยหวนกลับ

    วันหนึ่งในฤดูฝนเสียงฟ้าร้องคำรามก้องไปทั่วบริเวณเป็นเวลาเกือบสองชั่วยาม พื้นดินรอบบ้านเปียกแฉะกลายเป็นโคลนและมีแอ่งน้ำเล็ก ๆ เกิดขึ้นหลายแห่งทุ่งดอกไม้สีเหลืองพัดไหวตามสายฝนลมพัดในเวลานั้นราวกับเริงระบำแม้อู๋เยว่ชิงจะถูกพลังของอีนั่วปกปิดเรื่องบางอย่างเอาไว้ แต่นางที่เป็นถึงเทพดาราย่อมเฉลียวใจได้ในบางครั้งว่าทุกสิ่งมันแปลกเกินไป อายุที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวัน ไม่มีมนุษย์ผู้ใดหรอกจะอายุยืนร้อยปีแต่เนื้อหนังร่างกายและใบหน้ายังคงเหมือนวันวานไม่เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอีนั่ว ร้อยปีผ่านมาแล้วเขายังคงเหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบไม่มีผิดสายตาที่ล่องลอยราวกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้บุตรชายสังเกตได้ในพริบตา เขาเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่พลังมารจาง ๆ ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไปหาอู๋เยว่ชิง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 48 ตามหาทุกหนแห่ง

    นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมากงจื่อเย่ออกเดินทางตามหาร่องรอยของอู๋เยว่ชิงทุกหนแห่ง ยามคิดถึงหรือเหนื่อยล้าหัวใจมักจะหยิบถุงหอมและปิ่นปักผมที่เคยมอบให้นางมาดูเขาเริ่มฟื้นฟูตำหนักจันทราให้เป็นเหมือนเดิมแล้วใช้เป็นสถานที่พักผ่อนยามค่ำคืน กลิ่นอายเก่า ๆ หวนกลับมาทุกครั้งจนเขานึกอยากย้อนวันเวลากลับไป“เจ้าอยู่ที่ใดหรือเยว่ชิง” จอมมารกวาดสายตามองไปรอบตำหนักที่เวลานี้เริ่มมีต้นไม้ดอกไม้ผลิบานตามฤดู “ดอกไม้งดงามปานนี้แล้ว เจ้าไม่อยากเห็นหรือ”คำถามของเขาไม่มีเสียงตอบกลับมา ความว่างเปล่าเกาะกุมหัวใจจนทรมานในเมื่อตามหาทุกหนทุกแห่งแล้วยังไม่พบเจอ คงจะเหลือเพียงสถานที่สุดท้าย หากเสี้ยววิญญาณของนางยังคงอยู่ บางทีนางอาจจะยังอยู่ที่แห่งนั้น

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status