Share

บทที่ 2 “ฉันแค่อยากเห็นหน้าลูก”

ไผทไม่ต้องการคุยเรื่องลับในครอบครัวในที่สาธารณะ เขาจึงพาวัชรมัยออกไปข้างนอก พอสกลกันต์เห็นพ่อเดิน ลูกก็ตามมาด้วย

วันนี้ไผทมารับคนเดียว ส่วนวิเชียร คอยคุมคนงานขนปุ๋ยที่ร้านในตลาดเพื่อเอากลับไร่

ตัวเลือกในการคุยกันจึงเป็นร้านอาหาร และพอดีกับที่เป็นคาเฟ่ของศรัญญาด้วย

“ยินดีต้อนระ...”

เพื่อนทักทายลูกค้าที่เข้ามาใหม่ยังไม่ทันจบประโยค หน้าเจื่อนลงทันที ส่งสายตาเลิ่กลั่กให้วัชรมัย

“ขอใช้ห้องประชุมหน่อย...ค่ะ”

เกือบพูดอย่างสนิทสนมไปแล้ว เธอไม่อยากให้จำได้ว่าศรัญญาเป็นเพื่อนกัน มิเช่นนั้นแผนมาตามส่องลูกวันอื่นอาจพัง

“ปราบไปอยู่กับพี่เขาก่อนนะครับ อยากกินอะไรสั่งได้เลย” วัชรมัยยิ้มให้เจ้าตัวเล็ก

“ท็อฟฟี่ก็กินได้เหรอ”

ตาคมคู่เล็กจ้องไปยัง ท็อฟฟี่ห่อยักษ์ที่วางในตะกร้าบนตู้กระจกโชว์ขนมเค้ก

“ได้สิครับ ปราบกินแล้วต้องแปรงฟันด้วยนะครับ ไม่งั้นคุณแมงกินฟันจะมาหา แล้วจะปวดฟัน”

เด็กชายเอามือขึ้นกุมแก้มพอดี แสดงว่าเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วแน่ ๆ

“เป็นเด็กดีนะครับ...น้าขอคุยธุระกับพ่อปราบเดี๋ยวเดียว”

สกลกันต์พยักหน้า ศรัญญารับช่วงต่อ ยื่นมือแตะไหล่เด็กชาย

“ฝากด้วยนะ”

ขยับปากไม่ออกเสียง

“แกก็ด้วยล่ะ ตั้งสติ ใจเย็น ๆ”

ศรัญญานั้นเตือนเบา ๆ ก่อนรุนหลังเด็กชายไป

วัชรมัยเข้าไปในห้องประชุมที่อีกคนยืนจังก้ารออยู่หัวโต๊ะ แสงไฟดาวน์ไลต์เหลืองนวลที่สาดส่องไปทั่วควรทำให้บรรยากาศห้องอบอุ่นละมุนละไม

แต่ตอนนี้วัชรมัยกลับรู้สึกถึงความมืดครึ้ม ไอเย็นและรัศมีดำมืดแผ่ออกมาจากคนตัวโต

“สบายดีไหมคะ”

เธอยังจำได้ ไผทเป็นคนพูดน้อย เพราะฉะนั้นเปิดก่อนได้เปรียบกว่า

“กลับมาที่นี่อีกทำไม”

ในตาสีดำคู่นั้น เหมือนมีความเคลื่อนไหว รู้สึกถึงแรงกดดันปานพายุในทะเลคลั่ง

“เธอจะเอาอะไรอีก”

น้ำเสียงเข้มทุ้มต่ำ ท่าทีคุกคามแสดงความมาดร้าย ...เหล่านี้มันคือผลกรรมที่วัชรมัยต้องเผชิญ

“มิ้ง...มิ้งอยากเจอลูก”

เธอบังคับเสียงไม่ให้สั่น สมองสั่งน้ำตาไม่ให้ไหล ทั้ง ๆ ที่ความร้อนกำลังแล่นขึ้นกระบอกตา

“หึ! ลูกของฉันคนเดียวตั้งหาก เธอหมดสิทธิ์นั้นไปตั้งแต่รับเงินสิบล้านไปจากฉันแล้ว”

ไผทรังเกียจ ขยะแขยงผู้หญิงตรงหน้า ท่าทางเธอใสซื่อ แต่ในใจดำมืดมิด

“ผู้หญิงที่ขายลูกกินอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เป็นแม่ใคร!”

ทันใดนั้นภาพคู่สนทนาของวัชรมัยก็พร่าเลือน ภาพคนตัวโตกลับโย้เย้ไม่เป็นรูปทรง ด้วยมองผ่านม่านน้ำตาที่ไหลริน

“พี่ป้อง มิ้งขอโทษ”

ริมฝีปากวัชรมัยพึมพำ สิ่งตระหนักได้ตั้งแต่เผชิญเหตุการณ์ร้ายในชีวิต

“อย่ามาให้ฉันกับลูกเห็นหน้าอีก!”

ไผทกำมือตัวเองแน่น ยั้งไว้เพื่อไม่ให้เผลอบีบคอใครตาย วัชรมัย...ผู้หญิงคนนี้แหละที่เขาอยากให้หายไปจากโลกนี้เสียที

ระหว่างเธอและเขา ไม่มีแล้วเสียงเรียกขานกันอย่างอ่อนหวานอย่างวันวาน

ไม่มีพี่ป้อง ไม่มีน้องมิ้ง

ไม่มีรอยยิ้ม อ้อมกอดอันอบอุ่น

มือที่เคยจับกันแน่นกลับถูกใครคนหนึ่งสะบัดออก

ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังอย่างไม่ไยดี

และวัชรมัยก็คือใครคนนั้นที่ทำมันเอง

เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อเจ็ดปีก่อน เมื่อวัชรมัยกับวารีผู้เป็นพี่สาวย้ายมาอยู่จังหวัดทางภาคใต้อย่างกะทันหัน

วารีในอดีตเป็นผู้หญิงบาร์แถวพัทยา แต่เพราะขัดแย้งกับเจ้าของร้านที่เป็นขาใหญ่ของที่นั่น หางานใหม่ก็ไม่มีใครรับ การศึกษาก็น้อย ไม่เห็นหนทางที่จะเลี้ยงสองปากท้องไหว

โชคยังดีที่มีเสี่ยลูกค้ากระเป๋าหนักชวนไปอยู่ด้วย วารีที่ทางเลือกเหลือไม่มากจึงตามเขามา ไปเป็นเมียเก็บ

สองพี่น้องย้ายมาใต้พร้อมกับลูกค้าเสี่ยให้อาศัยอยู่ตึกแถวของเขา วารีบอกอยากเปิดกิจการเล็ก ๆ ร้านเสริมสวยขนาดน่ารัก

วัชรมัยแม้จะรู้พี่ผิดศีลข้อสาม แต่ไม่อาจห้ามได้ วารีมักบอกไม่ให้เธอมายุ่ง ตั้งใจเรียนหนังสือไป

บอกพี่หลายครั้ง เธอไม่ชอบเรียนมัธยมปลาย อยากเรียนอาชีวะวิชาตัดเสื้อผ้ามากกว่า

“โบราณไปแล้วนะมิ้ง นี่มันสมัยไหนแล้ว เรียนไปทำไมตัดเสื้อในเมืองไทย ถ้าอยากเรียนจริงน่ะ โน่น...ต้องไปเรียนดีไซน์ที่เมืองนอก”

เธอก้มหน้ายอมพับความฝัน วารีไม่มีเงินส่งเธอถึงขนาดนั้นหรอก ยังดีที่ในตลาดมีร้านตัดเสื้อ วัชรมัยอาศัยไปตีสนิท ลูบ ๆ คลำ ๆ ผ้าเนื้อดี

ตาเป็นประกายเมื่อเห็นชุดสวย ที่คุณหญิงคุณนายใส่เพชรระยิบระยับจนแยงตายามมาลองเสื้อ

วัชรมัยอยากลองทำดูบ้าง แต่ค่าผ้าค่าอุปกรณ์ก็แพงเหลือเกิน เธอเกรงใจไม่อยากขอค่าขนมพี่สาวเพิ่ม

จนเกิดไอเดียตั้งแผงขายน้ำปั่น หารายได้เสริมหน้าร้านเสริมสวย ข้าง ๆ กันเป็นร้านขายอุปกรณ์การเกษตร มีหนุ่ม ๆ คนงานกับลูกค้าร้านปุ๋ยมาอุดหนุน กระทั่งเจอกับไผท

นายหัวใหญ่คนดังประจำจังหวัด เขาอายุยี่สิบเจ็ด ขณะวัชรมัยอายุสิบแปด ทีแรกเธอคิดว่าไผทมาจีบพี่สาว

“นายหัวป้องชอบเธอต่างหาก”

ศรัญญาผู้มักชอบผลุบโผล่ ๆ มาหา ไขข้อข้องใจให้เธอในวันหนึ่ง หลังเขามาซื้อน้ำปั่นร้านเธอสามวันติด

“จะเป็นไปได้ยังไงแก เพ้อเจ้อน่า”

วัชรมัยยกปอยผมทัดหู แก้มแดงแข่งกับอากาศ

“ผู้ใหญ่ที่รวย ๆ แบบนี้ งานเยอะมาก พี่ฉันบ่นพี่เขยอยู่บ่อย ๆ ยากนะที่จะมาเจอกันที่เดิม ๆ ติดกันสามวันได้”

“บางทีนายหัวเขาอาจชอบน้ำปั่นก็ได้”

ปฏิเสธไม่ได้เลย ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผิวสีทองแดง ตาคม ใบหน้าเคร่งขรึม ทำสาวน้อยอย่างเธอใจเต้นหนัก

“ไหน เขาสั่งเมนูอะไร เอามาให้ลองชิมสิ”

วัชรมัยทำเมนูแตงโมเสาวรสปั่นที่ไผทสั่งบ่อย ๆ ให้ เพื่อนดูดไปอึกหนึ่งแล้วเบ้หน้า

“เค็ม”

“อ้าวเหรอ...”

พอได้ชิมเอง วัชรมันถึงกับแลบลิ้น

“เค็มจริงด้วย”

“นายหัวสั่งเมนูนี้ตลอดสามวันจริงเหรอ ไม่บ่นอะไรเลยใช่ไหม ชัดแล้ว เขาชอบแก”

ศรัญญาส่งสายตากรุ้มกริ่ม ล้อจนผิวเธอแดงไปถึงใบหู วันต่อมาวัชรมัยจึงขอโทษเรื่องรสชาติน้ำปั่นกับไผท เขาและเธอได้คุยกันนานขึ้น พัฒนาความสัมพันธ์กันทีละนิด

ความสุขอยู่กับเธอไม่นาน เมื่อเมียเสี่ยของพี่สาวรู้เรื่องสามีเลี้ยงเมียเก็บ นางมาอาละวาดทำลายข้าวของ สั่งตัดขาดไม่ให้สามีมายุ่งกับพี่เธอ

ความลำบากจึงมาเยือน ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินอยู่ ร้านประวัติเรื่องชู้สาวฉาวโฉ่ลูกค้าก็ไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ

“สักวันมันก็ต้องเป็นกะหรี่เหมือนพี่มัน”

วัชรมัยถูกเพื่อนนักเรียนซุบซิบนินทาไม่เว้นว่าง ศรัญญาถลึงตาใส่พวกปากหอยปากปูจนตาโปน

สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อวารีไปกู้หนี้นอกระบบมาเป็นค่าใช้จ่าย คนทวงหนี้หมวกกันน็อคดำมายืนทวงดอกเบี้ยหน้าร้านอยู่ทุกวัน

ทางเลือกในชีวิตของสองพี่น้องช่างบีบรัด กระทั่งในคืนหนึ่ง วารีก็เอ่ย

“มิ้งรักนายหัวป้องใช่ไหม”

วัชรมัยตอบพี่สาวไม่ถูก เธอเป็นแค่เด็กสาว ยังสับสนว่ารักหรือไม่ ส่วนชอบนั้น ชอบเขาไปแล้วทั้งใจ

“พี่จะทำให้มิ้งได้เป็นเมียเขา”

“ไม่เอานะพี่หมิว มิ้งแค่ชอบเขาเอง ยังไม่ได้อยากเป็นเมีย” เธอส่ายศีรษะเป็นพัลวัน

“พี่ห่วงเธอนะมิ้ง ยิ่งโดนทวงหนี้แบบนี้ พี่กลัวสักวันจะหาไม่ทัน แล้วพวกมันเอาเธอไปขายตัวล้างหนี้”

เสียงจริงจังของวารีทำสาวน้อยขนลุกเกรียว

“เชื่อมือพี่เถอะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง พี่รักมิ้งนะ พี่ทำทุกอย่างเพื่อเธอ”

จากนั้นวารีก็จัดฉาก ให้กลายเป็นทั้งไผทและวัชรมัยอยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสอง พี่สาวเรียกร้องให้เขารับผิดชอบที่ทำเธอเสื่อมเสีย

ไผทไม่ว่าอะไร ยอมรับเธอเป็นเมีย พาไปอยู่บ้านด้วย

วัชรมัยที่ยังสับสนก็ตกเป็นเมียนายหัวอย่างงง ๆ

ไม่กี่เดือนต่อมาวารีก็ตาย เพราะถูกเมียหลวงของเสี่ยยิง ด้วยความหึงหวงจนเป็นข่าวดังกระฉ่อนจังหวัด

วัชรมัยร้องไห้อยู่เป็นอาทิตย์ เพราะเหลือตัวคนเดียวในโลกแล้ว

ไผทปกป้องเธอ ช่วยปิดข่าว ไม่ให้ออกจากบ้าน ช่วงนั้นเป็นตอนจบม.หกพอดี เขากับเธอจึงตกลงกัน หากสภาพจิตใจดีขึ้นค่อยสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิด

ชีวิตสาวน้อยที่ขาดญาติมิตร มีที่พึ่งเดียวคือสามี แถมไม่ได้ออกไปไหน วัชรมัยจึงตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เกือบจะได้กินยารักษาอยู่แล้ว หากไม่พบว่าตนตั้งครรภ์เสียก่อน

นั่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการชิงอำนาจในจังหวัด มีความขัดแย้งเรื่องการซื้อขายที่ ลอบยิง แอบทำลายธุรกิจฝ่ายตรงข้าม

ไผทผู้ซึ่งมีที่ดินที่คนมีอิทธิพลในจังหวัดอยากได้ เขาต้องหัวหมุนกับการรับมือ ไม่ได้มาดูแลคนท้องอย่างเธอ

วัชรมัยที่อารมณ์แปรปรวนยิ่งเศร้าหนัก ยามเห็นเพื่อนสวมชุดนักศึกษา มีชีวิตวัยรุ่นสดใสในรั้วมหาวิทยาลัย เธอยิ่งร้องไห้

คิดว่าเร็วเกินไปที่ตัวเองจะเป็นแม่คน

เธออยากเรียน อยากทำตามความฝัน

อยากออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ

การครุ่นคิดอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ รู้ถึงหูไผทจนได้ นำมาซึ่งการทะเลาะกัน

ทุกคนในบ้านตราหน้าวัชรมัยเป็นคนผิด

ทุกคนคาดหวังให้เธอเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกที่ดี

วัชรมัยที่ยังเด็กไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดตรงไหน ที่มีความฝัน

นานวันเข้าผู้คนรอบข้างเริ่มมึนตึง มองวัชรมัยเป็นเด็กเอาแต่ใจ

ไผทไม่สนใจเธอ ไม่แม้จะมองเห็นอาการป่วยทางใจ สะสมนานวันเข้าก็ทำเธอเข้าโรงพยาบาล

วันนั้นวัชรมัยได้คุยกับจิตแพทย์ พรั่งพรูความรู้สึกข้างในออกมา

เธอไม่พร้อมจะเป็นเมีย

เธอไม่พร้อมจะเป็นแม่

เธอต้องการอิสระ

วัชรมัยต้องการชีวิตวัยรุ่นของเธอคืน

ไผทจึงยื่นข้อเสนอ ให้อุ้มท้องลูกจนครบกำหนดคลอด

แลกกับเงินสิบล้าน สละสิทธิ์เลี้ยงดูลูก และหายไปจากชีวิตทั้งสองเสีย

วัชรมัยมองผู้ชายที่เคยคิดว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในชีวิตด้วยน้ำตาคลอ

เขาไม่แคร์ ไม่สนใจความรู้สึกเธอเลย

ไม่คิดด้วยซ้ำว่านี่คืออาการเจ็บป่วย

เธอร้องไห้ทุกวันจนลูกคลอด เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นทนายมาพร้อมเอกสารให้เซ็นพร้อมเช็คสิบล้าน

จากนั้นคนงานก็เอากระเป๋าเดินทางใบเดิมใบเดียวกับที่เธอเคยลากเข้าบ้านไผทมาให้

วัชรมัยถูกไล่ออกจากชีวิตนายหัวไผทอย่างสมบูรณ์

เธอจึงติดต่อหาศรัญญาให้พาขึ้นรถไปกรุงเทพฯ ปิดฉากชีวิตการเป็นภริยานายหัว ทิ้งอดีตไปทุกอย่าง

“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”

ไผทผิวคล้ำขึ้นกว่าแต่ก่อน สันกรามมีแนวเขียวหนวดครึ้ม มาดคมเข้มขึ้นตามอายุ ดวงตาดุดันที่มองมายังเธอราวเป็นไฟจะเผาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

“ฉันแค่อยากเห็นหน้าลูก”

วัชรมัยยกมือป้ายน้ำตา ไม่ได้ขอความเห็นใจ แต่มันเกะกะไหลเข้าปากทำให้พูดไม่สะดวก

“ลูกฉันไม่ต้องการเธอ อย่าให้ลูกรับรู้ว่าเธอเป็นแม่”

“คุณหนีความจริงไม่พ้นหรอกนายหัวป้อง ฉันเป็นแม่แกนะ”

ไผทแสยะยิ้มร้าย

“ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอรังเกียจ ไม่ต้องการลูกขนาดไหนนะฮึ!”

“ฉันไม่ได้รังเกียจแก”

เธอไม่เคยรังเกียจสกลกันต์เลยสักครั้ง แค่คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม

“อย่ามาโกหก! อยากได้อะไรล่ะ เงินเพิ่มเหรอ ฉันจะไม่ให้เธอสักบาทเดียว”

คนตัวสูงก้าวย่างช้า ๆ เข้ามาหาเธอ มวลความกดดันที่อัดแน่นเข้ามา ทำเอาหายใจติดขัด

“มิ้งไม่ต้องการอะไรเลยนะคะพี่ป้อง มิ้งแค่อยากเห็นหน้าลูก”

ด้วยถูกเขาข่มจนสติกระเจิงไม่เต็มร้อย วัชรมัยจึงเผลอเรียกกันได้สรรพนามเดิม

“แม่!”

ทันใดนั้นเสียงเล็ก ๆ ก็ทะลุเข้ามาทำลายความตึงเครียดภายในห้อง

“แม่กลับมาหาปราบแล้ว”

เด็กชายสกลกันต์ยิ้มแป้น วิ่งทะลุกลางห้องมากอดขาเธอ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status