Share

บทที่ 3 “ปราบคิดถึงแม่”

วินาทีที่ได้ยินคำว่าแม่จากปากเล็ก ๆ ราวกับโลกของวัชรมัยหยุดหมุน เธอทรุดกายลง มืออันสั่นเทาโอบประคองแก้มยุ้ยของลูก

“แม่กลับมาหาปราบแล้วใช่ไหมครับ แม่ไปอยู่ไหนมา รู้ไหมปราบคิดถึง”

เด็กที่ชายที่กินสตอร์วเบอรี่ปั่นจนอิ่ม เห็นทั้งสองหายไปนาน แล้วเป็นช่วงจังหวะที่ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ศรัญญาจึงปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียว

กระจกห้องประชุมนั้นเป็นแบบใส สกลกันต์เห็นข้างในหมด ภาพวัชรมัยร้องไห้ ทำให้นึกถึงคำสอนของบิดา

“ลูกต้องไม่รังแกคนอื่น”

เด็กชายไม่เคยรังแกใคร แล้วทำไมพ่อถึงทำคุณน้าคนสวยร้องไห้เสียล่ะ เขาไม่ชอบเลย

ขาสั้นป้อมจึงเดินเตาะแตะไปเปิดประตูห้องประชุม หูได้ยินความจริงอันต้องตกตะลึง

“ปราบคิดถึงแม่”

สกลกันต์เบะปาก ความรู้สึกตื้อตันตีตื้นขึ้นในอก ในตาร้อนผ่าว

“แม่ขอโทษครับปราบ...แม่ขอโทษ”

เด็กชายโถมกอดซุกหน้าลงกับไหล่บาง วัชรมัยพร่ำบอกพร้อมกอดเจ้าตัวนุ่มนิ่มไว้แน่น

“แม่ไปทำหน้าที่นางฟ้าเสร็จแล้วใช่ไหม จะกลับมาอยู่กับปราบตลอดไปใช่ไหมครับ”

เสียงเล็ก ๆ มาพร้อมอาการสะอื้นฮัก หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจคำถามนัก แต่เธออยากอยู่กับลูกตลอดไป

“จ้ะ แม่กลับมาแล้ว แม่จะอยู่กับปราบ”

ไผทมองภาพการกอดกันของทั้งสองด้วยใจปวดหนึบ วัชรมัยเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เชื่อใจไม่ได้ เธอต้องทำลูกเสียใจเป็นแน่

“มิ้ง”

ศรัญญาเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เมื่อไม่เห็นสกลกันต์นั่งอยู่ที่โต๊ะ เพื่อนจึงมองหาจนพลอยได้เห็นภาพในห้องประชุม เหลือบดูหน้าไผท

โอ๊ะ...โอ เคร่งเครียดพร้อมขบหัวทุกคนที่เข้าใกล้

“ทุกอย่างโอเคไหม”

ศรัญญาหลบตา เสมองเพื่อนกับหลานที่กอดกันกลม

“ฮื่อ ทุกอย่างโอเคแก”

มือขาวผอมจนเห็นเส้นเลือดยกขึ้นป้ายน้ำตา ยิ้มชื่นสมหวัง เด็กชายผละจากไหล่บาง ใบหน้ากลมแป้นเปื้อนน้ำตาเช่นกัน แก้มกับจมูกโด่งขึ้นสีแดง สูดน้ำมูกฟิด ๆ

“แม่กลับไปอยู่บ้านกับปราบนะครับ”

เด็กถามชวนมารดาที่เพิ่งพบหน้าอย่างเว้าวอน เธอยังไม่ทันอ้าปากตอบอะไร อีกคนก็ขัด

“แม่เขายังทำหน้าที่ตัวเองไม่เสร็จเรียบร้อยดีครับ วันนี้ปราบต้องกลับบ้านกับพ่อนะ”

ไผทรีบแทรก ในเมื่อเรื่องแตกแล้ว ก็ไม่อาจโกหกได้ แยกลูกออกไปก่อน แล้วค่อยมาเจรจายื่นข้อเสนอกับวัชรมัย

ผู้หญิงอย่างเธอจู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวต่อหน้าลูก ต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่ ไผทสังหรณ์ใจว่าไม่ใช่เรื่องดี

“ใช่ ๆ ปราบกลับบ้านไปกับพ่อก่อนนะครับ”

ศรัญญาเห็นด้วย สภาพเพื่อนน้ำหูน้ำตาไหลขนาดนี้ คงไม่มีสติเจรจาอะไร เรื่องความแตกที่เป็นแม่สกลกันต์นี่คงเป็นเหตุบังเอิญแน่ ๆ ดูท่าเพื่อนคงไม่ได้วางแผนไว้

คืนนี้ค่อยตบสติตั้งหลักกันใหม่ว่าจะเอายังไง ดูสิ หน้าพ่อลูกเพื่อนแทบจะแยกเขี้ยวเป็นยักษ์พร้อมหักคอคนจิ้มน้ำพริกอยู่แล้ว

“ไปทำงานที่บ้านปราบก็ได้ครับ เวิร์คฟอร์มโฮมไง เหมือนแม่เกล ที่บ้านปราบมีไฟวายนะครับ ยายพุดชอบใช้ตรวจหวย แกบอกรู้ผลเร็วดี ประหยัดกว่าซื้อกระดาษตรวจ”

ผู้ใหญ่ที่ได้ฟังถึงกับอึ้ง ประมาทความฉลาดของเด็กชายน้อยไปหน่อย ช่างพูดช่างจา รู้ความดีจริง ๆ นะพ่อคุณ

“หน้าที่นางฟ้าของแม่มีอะไรบ้างครับ ให้ปราบช่วยไหม ลุงเชียรบอกปราบช่วยงานเก่ง เคยไปช่วยเก็บลูกปาล์มด้วย”

คำพูดซื่อ ๆ แววตาใส ๆ ที่จ้องเป๋ง ทำเอาผู้ใหญ่ที่เห็นใจอ่อนยวบ

“ปราบครับ อย่าเอาแต่ใจ ...แม่เขามีหน้าที่ต้องทำ”

ไผทก้าวเข้ามาใกล้ ยื่นมือรวบตัวลูกไปจากอกเธอ วัชรมัยดังใจหลุดลอยร่วง คว้ากอดตัวลูกเอาไว้แน่น

“แม่กลับบ้านกับปราบนะครับ ปราบคิดถึงแม่ สัญญาระหว่างทำงาน ปราบจะไม่เอาแต่ใจ ไม่ดื้อ ไม่ซน”

นิ้วก้อยป้อม ๆ ยกขึ้นเตรียมเกี่ยว

“ปราบ...”

ชายหนุ่มปรามลูกชายด้วยเสียงกดต่ำ เมื่อเห็นสถานการณ์ชักจะบานปลายจากเจ้าตัวดื้อ

“โอเคครับ โอเค แม่จะกลับบ้านไปกับปราบ”

คิ้วเข้มขมวดผูกเป็นปม ส่วนศรัญญาอ้าปากค้าง กลัวเพื่อนโดนฆ่าหมกสวนปาล์ม ก็ดูหน้าพ่อของลูกเพื่อนสิ

“เย้!”

สกลกันต์กระโดดดึ๋ง ๆ จนแก้มกลมกระเพื่อม ยิ้มตาโค้งเป็นสระอิ

ยามวัชรมัยลุกขึ้น มือเล็กก็จับเธอไว้แน่น เดินนำออกไปออกร้าน ปลายสายตาเธอคนเป็นพ่อ ตาเข้มที่ส่งมาทอประกายวาบโหด ราวกับจะฆ่ากันให้ตาย

สองแม่ลูกนั่งคุยกันหงุงหงิงบนเบาะหลังรถ ไผทที่ไม่อาจปิดบังความไม่พอใจขั้นสุด ต้องทำหน้าที่คนขับ

แม้แผ่รัศมีมาคุออกมาสักเพียงไหน สองแม่ลูกที่คุยกันหน้าบานก็หาได้สนใจไม่

“แม่ครับหน้าที่ของนางฟ้ามีอะไรบ้าง ทำไมแม่ไปทำงานนานจัง กว่าจะได้กลับมาหาปราบ”

พอสติเริ่มกลับมาวัชรมัยก็นึกขอบคุณไผท เขาสอนลูกดีมาก เลี่ยงไม่ให้ลูกรู้สึกโดนแม่ทิ้ง โดยหลอกว่าเธอไปเป็นนางฟ้า

“แม่มีหน้าที่ทำให้คนมีความสุขครับ”

เธอพยายามหาคำตอบที่ดีที่สุด แม้จะไม่รู้เหมือนกันว่าหน้าที่นางฟ้าที่ว่านั่นจริง ๆ ต้องทำอะไร

“เหมือนนางฟ้าแม่ทูนหัวที่เสกชุดเต้นรำให้ซินเดอเรลล่าไปงานเลี้ยงใช่ไหมครับ”

“ปราบอ่านนิทานซินเดอเรลล่าด้วยเหรอครับ”

วัชรมัยเหล่ตาไปยังไผท เขาอ่านเรื่องหวานแหว๋วมุ้งมิ้งอย่างนี้ให้ลูกฟังด้วยละหรือ

“เกลเล่าให้ฟังครับ เกลอยากมีนางฟ้าแม่ทูนหัว เสกท็อฟฟี่ให้เยอะ ๆ”

สกลกันต์กลับมาพูดเจื้อยแจ้ว ทั้ง ๆ ตายังบวม จมูกแดง เธอเปิดกระเป๋าสะพายของตน หยิบทิชชูเช็ดหน้าเจ้าตัวเล็กอย่างทะนุถนอม

“แม่เสกชุดสวย ๆ ได้ใช่ไหมครับ ทำให้ดูหน่อย ปราบจะเอาไปโชว์เกล”

มีเรื่องให้ได้อวดแล้ว เด็กชายแก้มกลมหน้าบานสุขใจ

“เดี๋ยวแม่ตัดชุดให้เกลดีไหมครับ ตัดให้ปราบด้วย แถมให้เพื่อนอีกคนที่ชื่อดีนด้วยก็ได้”

ด้วยฝีมือและหน้าที่การงานระดับเธอ เรื่องแค่นี้วัชรมัยทำได้สบายมาก

“เสกชุดให้พ่อด้วยได้ไหมครับ น้าเชียรกับยายพุดด้วย” สกลกันต์แสดงความใจกว้างเอื้ออารี

“นางฟ้าเสกอะไรเยอะ ๆ ขนาดนั้นไม่ได้หรอกลูก หมดแรงกันพอดี”

คนขับรถขัด ดวงตาผู้ใหญ่สองคู่สบกัน ไผทมองอย่างจับผิด

“แม่ไม่ได้เสกครับ แต่แม่จะตัดเสื้อผ้าให้ต่างหาก”

เธอละความสนใจจากเขา เลือกใช้เวลาอันมีค่าที่สุดอยู่กับลูกมากกว่า

“แม่ตัดเสื้อผ้าเป็นเหรอครับ”

คิ้วสกลกันต์ขมวดคิดว่าแม่เป็นนางฟ้า เสกเอาไม่ง่ายกว่าหรือ

“แม่ทำเป็นสิครับ ก็แม่เป็นดีไซเนอร์”

“โห...”

ลูกชายมองเธอตาสุกใสเป็นประกาย

“แม่เก่งมากเลย เป็นทั้งนางฟ้า เป็นทั้งดีไซเดอร์”

“ดีไซเนอร์ครับ ไม่ใช่ดีไซเดอร์”

เธอหัวเราะเผยให้เห็นฟันขาวเรียงกันราวไข่มุก ยกมือขึ้นยีกลุ่มเส้นผมนุ่มบนศีรษะเล็ก

“ดี...ซาย...เนอร์”

สกลกันต์ออกเสียงช้า ๆ ชัด ๆ มองมารดาด้วยสายตาความหวัง

“เก่งมากครับปราบ”

เมื่อได้รับคำชมก็ยิ้มแก้มแทบแตก

“แม่อยู่บนฟ้า แม่หนาวไหมครับ เดี๋ยวปราบแบ่งผ้าห่มสไปเดอร์แมนให้นะ ตอนนอนแม่เหงาหรือเปล่า ปราบให้ยืมพี่สิงโตไปกอด”

น้ำตาที่เช็ดแล้ว กลับมาไหลรินออกรอบ ความรู้สึกปลาบปลื้มตีรวนขึ้นในอก

ลูกชายช่างเป็นเด็กจิตใจดี

ลูกชายห่วงเธอ

“แม่อย่าร้องนะครับ โอ๋ ๆ”

ด้วยอายุขนาดนี้ สกลกันต์ไม่อาจแยกได้ว่าเธอร้องเพราะอะไร จึงตีความตามประสาเด็กว่าที่ร้องเพราะเจ็บตัว ต้องปลอบ

“พ่อ วันนี้บอกยายพุดทำทอดมันกุ้งได้ไหม ปราบจะได้แบ่งให้แม่กินเยอะ ๆ”

สกลกันต์เตรียมวางแผนเอาของกินปลอบ ยายพุดใช้วิธีนี้บ่อยครั้ง เวลาเขามีน้ำตา สกลกันต์จึงลักมาใช้บ้าง

“แม่เขาไม่ชอบ...”

ไผทยิ้มเหยียด วัชรมัยไม่ชอบของทอด เธอเคยบ่นกลัวอ้วนแล้วใส่เสื้อผ้าไม่สวย

“กินครับ แม่จะกิน ทุกอย่างที่ปราบให้แม่กินเลย”

หากเป็นของจากลูก ไม่ว่าหิน ดิน ทราย ต้นหญ้าขึ้นตามพื้น วัชรมัยพร้อมกินหมด

“แม่ชอบกินทอดมันกุ้งเหรอ เหมือนปราบเลย”

สกลกันต์มองหาความเหมือนระหว่างตนกับแม่ น้อยใจนิดหน่อยที่ใคร ๆ มักบอกเขาเหมือนพ่อ พอได้รู้ว่าแม่ชอบกินเหมือนตนก็พอจะเก็บไว้อวดคนอื่นได้บ้าง

“ปราบชอบกินชีสวัวหัวเราะ แม่เคยกินไหมครับ”

เสียงแจ้ว ๆ เล่าเรื่องตนของลูกฟังไพเราะเสนาะหูกว่าดนตรีใด ๆ ในโลกหล้า วัชรมัยนั่งฟังเพลิน อยากหยุดช่วงเวลาเปี่ยมสุขนี้ไว้ให้นานนับนิรันดร์

กระทั่งรถคันโตมาจอดลง ณ บ้านหลังใหญ่

“ทำการบ้านให้เสร็จก่อนนะค่อยดูการ์ตูน”

ไผทบอกลูกเหมือนทุกวัน ตั้งใจแยกเจ้าตัวดีออกไป จะได้มีเวลาเจรจากับแขกไม่ได้รับเชิญ

“แม่สอนการบ้านปราบหน่อยนะครับ”

สกลกันต์ส่งสายปิ๊ง ๆ ให้เธอ

“ปราบ”

ผู้เป็นพ่อชักจะหมดความอดทน ลูกชายติดคนง่ายไปแล้ว เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เดินตามก้นวัชรมัยต้อย ๆ

“นะครับ เหมือนที่แม่เกลกับดีนสอนการบ้านให้”

เจ้าตัวเล็กทำปากยู่ น่ารักผิดกับคนคมเข้มอย่างบิดา

“เดี๋ยวพ่อสอนให้เอง”

ไผทตัดปัญหา ไม่อยากให้ลูกอยู่ใกล้ผู้หญิงที่เขาไม่ไว้ใจคนนี้

“ไม่เอา พ่อชอบดุปราบ”

สกลกันต์สะบัดหน้าพรืด

“พ่อไม่ได้ดุ”

คิ้วเข้มขมวด

“แต่พ่อชอบทำหน้าอย่างนี้”

นิ้วแง่งขิงชี้ไปยังหัวคิ้ว คิ้วไผทขมวดมุ่น ก่อนคลายลง

“พ่อชอบดุปราบ”

“พ่อไม่ได้...”

ไผทหาคำแก้ตัวไม่ออก อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน สกลกันต์ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขาเลย พอวัชรมัยมาเท่านั้นแหละ ลูกชายกลายเป็นเด็กขี้ฟ้อง

“แม่จะสอนการบ้านปราบเองนะครับ”

หญิงสาวตัดบทความขัดแย้งระหว่างสองหนุ่ม

“เย้!”

สกลกันต์อารมณ์ดีจนกระโดดผมปลิวเปิดหน้าผากเหม่ง จากนั้นจูงมือแม่เดินเข้าบ้านไป ทิ้งกระเป๋าไว้บนรถให้ผู้เป็นพ่อหิ้วตามมา

ไผทกัดฟันกรอดยอมหิ้วกระเป๋านักเรียนตามสองแม่ลูกเข้าบ้านไป

เย็นนี้สกลกันต์ทำการบ้านด้วยความรู้สึกเป็นสุขอย่างที่สุด ด้วยมารดาใจเย็น ค่อย ๆ สอน พาเล่นเกมจับคู่คำภาษาอังกฤษ

พอเขาตอบถูกก็ชมตลอด หอมหัวบ้าง บีบแก้มบ้าง

ไผทเอาโน้ตบุคมานั่งเฝ้า...เอิ่ม นั่งทำงานอยู่ในห้องนั่งเล่นของลูกด้วย บังเอิญหูได้ยินยามวัชรมัยออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ สำเนียงอเมริกันชัดเจน

บางทีห้าปีที่ผ่านมาเธออาจไปอาศัยอยู่ที่นั่น

ห้าปีที่ทิ้งลูกไปเสวยสุข

ห้าปีที่ลูกตกอยู่ภายใต้เสียงซุบซิบนินทา

ห้าปีที่ลูกเฝ้ารอแม่อยู่ทุกวัน

แล้ววันนี้วัชรมัยก็กลับมา

ยิ้มหัวเราะราวกับไม่เคยทุกข์ร้อน

ผู้หญิงเลวร้ายอย่างนี้ ไม่สำนึกในการกระทำของตัวเอง ไผทไม่อาจยอมรับให้อยู่ใกล้ลูกได้

“มาคุยกันหน่อย”

เขากระซิบเสียงต่ำ หลังทำการบ้านเสร็จ ความสนใจของสกลกันต์จ้องอยู่ที่การ์ตูนในโทรทัศน์

“ตามฉันมาห้องทำงาน”

ยามร่างสูงคล้อยหลังไป วัชรมัยบอกลูกว่าจะไปห้องน้ำจากนั้นออกมาที่ทางเดิน

สูดลมหายใจเรียกความเข้มแข็งทั้งหมดในชีวิตที่มี เตรียมใจเผชิญหน้ากับเขา แล้วตามไผทไปยังห้องทำงาน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status