Share

บทที่ 4 “แม่ทำอะไรไม่ดีเหรอครับ บอกปราบสิ เดี๋ยวปราบเคลียร์กับพ่อให้”

ห้องทำงานของนายหัวไผทเป็นห้องลึกสุดทางเดิน อยู่ชั้นหนึ่งของบ้าน ประตูไม้สักสีเข้มสลักลายเถาวัลย์พันวัวชนอันดูดุดัน

บานประตูปิดอยู่ ราวกับไม่ต้อนรับใครทั้งนั้น วัชรมัยจำได้ดี เวลาไผทจะดุว่าเธอ เขามักเรียกมาที่ห้องนี้

เวลาปรกติยามยังอยู่ด้วยกัน เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า ถ้าเจ้าของไม่ต้องการ

มือขาวผอมบางเปิดประตูเข้าไป เจ้าของบ้านนั่งอยู่บนเก้าอี้ หันหลังให้เธอ ตามองออกไปยังสวนเขียวข้างนอก

“ฉันขออยู่กับลูกอีกหน่อยได้ไหม สักประเดี๋ยว”

หญิงสาววอน ตอนนี้เรื่องเดียวที่ไผทจะทำคือไล่วัชรมัยออกไปจากที่นี่

“เพื่ออะไรล่ะ เมื่อห้าปีที่แล้ว เธอเลือกรับเงิน ทิ้งเขาไปเอง ตอนนี้จะมาเรียกร้องอะไร”

คนบนเก้าอี้หันมา ดวงตาคมลึกส่งแววห้ำหั่น

“หรือเงินหมดแล้ว อยากได้อีก จะใช้ลูกเป็นตัวประกันล่ะสิ เลว!”

แม้คำบริภาษนี้ เธอก็เคยเอ่ยกับตัวเอง แต่ยามได้ฟังจากริมฝีปากหนา มันทำเจ็บกว่า บาดลึกจนรู้สึกราวเลือดอุ่น ๆ ซึมออกจากอก

“ฉันไม่ได้ต้องการเงิน ฉันต้องการเจอลูก”

วัชรมัยสูดลมหายใจลึกอีกครา กล้ำกลืนเลือดเข้าไว้ในอก

“เธอได้เจอเขาแล้ว ออกไปจากบ้านฉันซะ!”

หญิงสาวพยายามมองหาความปรานีในดวงตาคม แต่มันไม่เหลือเลย มีเพียงความเดือดดาล ไฟโทสะพร้อมพร่าผลาญเธอให้ไหม้เป็นจุณ

“ฉันขอร้องละค่ะ ขออยู่กับลูกอีกหน่อย”

“หึ!” ไผทเหยียดยิ้ม

“เมื่อห้าปีที่แล้ว ฉันก็เคยขอร้องเธออย่างนี้ จำไม่ได้เหรอ แล้วเธอตอบว่ายังไงล่ะ”

ชายหนุ่มรื้อความหลังมาทิ่มแทงคนตรงหน้า

“เธอตอบว่า ไม่! แล้วเก็บข้าวของ ทิ้งลูกไว้กับฉัน”

วัชรมัยบอกตัวเองว่าอย่าร้อง...อย่าร้องไห้

“ขอโทษค่ะพี่ป้อง มิ้งขอโทษ”

สมองสั่งการ แต่ร่างกายไม่เป็นใจ น้ำในตาล้นทะลัก ไหลอาบสองแก้มนวล

“ฉันไม่ใช่พี่ป้องของเธอ!”

หลงเหลือแต่คนแปลกหน้า ที่ทั้งแค้นทั้งเกลียดหญิงสาวนัก

“ฉันแค่อยากอยู่กับลูก”

“เพื่ออะไรล่ะ เพื่อจะจู่ ๆ ก็หายไปจากชีวิตลูกอีกหรือไง”

วัชรมัยก้มหน้าไม่อาจปฏิเสธคำครหา สักวันเธอต้องหายไปจริง ๆ

“เธอจะทำให้ลูกเสียใจอีก”

ไผทยอมไม่ได้ที่จะเห็นสกลกันต์มีน้ำตา เลี้ยงมาอย่างยากลำบากตั้งแต่ตัวแดง ๆ จะให้ผู้หญิงไร้ความรับผิดชอบมาทำร้ายลูกสุดที่รักของเขาได้อย่างไร

“ฉันจะไม่ทำให้ลูกเสียใจ ฉันสาบาน”

เมื่อรู้คำตัดสินในชะตาชีวิต วัชรมัยจะเป็นคนอธิบายกับลูกเอง

“ไม่มีทางที่ลูกจะไม่เสียใจ เธอน่ะเห็นแก่ตัวเสมอนะมิ้ง”

ไผทกัดริมฝีปาก เมื่อเผลอเรียกชื่อที่ฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ

“ขอแค่ให้มิ้งได้อยู่กับลูก เงินสักบาทมิ้งก็ไม่เอา พี่ป้องจะให้มิ้งทำงานในสวนก็ได้ มิ้งยอม”

เพื่อลูกวัชรมัยเทหมดหน้าตัก ไม่สนว่าตนเองจะลำบากขนาดไหน ชีวิตที่เหลืออยู่ไม่ต้องการอะไรแล้ว นอกจากได้อยู่กับลูก

“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก ออกไปจากที่นี่ซะ ถ้าไม่ออกฉันจะให้คนงานหิ้วไปโยนไว้หน้าสวน”

ทั้งน้ำเสียง ทั้งหน้าตา บ่งบอกเจ้าตัวพูดจริง แต่กระนั้นเธอยังยืนนิ่ง พร้อมน้ำตาเปื้อนใบหน้า

“ก๊อก...ก๊อก”

“ใคร”

ไผทตะโกนถามคนหน้าห้องอย่างหัวเสีย

“พ่อคุยอะไรกับแม่นานจัง แม่ครับปราบอยากดูหนังสไปเดอร์แมน ไม่อยากดูการ์ตูนแล้ว”

สกลกันต์โต้ตอบจากหน้าห้อง

“ไปรออยู่หน้าทีวีไป เดี๋ยวพ่อไปเปิดให้ดู”

วัชรมัยยกมือเช็ดน้ำตาป้อย ๆ กลั้นอาการสะอึกสะอื้น จนคนตัวโตรำคาญ ยื่นทิชชูให้ทั้งกล่อง

“ไม่เอาอ่ะ ปราบจะรอดูกับแม่ ดูกับพ่อบ่อยแล้ว”

เจ้าตัวเล็กต่อรอง หญิงสาวรีบเช็ดหน้าเช็ดตา เดินออกไปเปิดประตูรับลูกเข้ามา

“ป่ะปราบ...ไปดูหนังกัน”

พร้อมบรรจงส่งยิ้มที่สวยที่สุด

“พ่อทำแม่ร้องไห้อีกแล้ว ลุงเชียรบอกว่าผู้ชายที่ทำผู้หญิงร้องไห้ เป็นผู้ชายนิสัยไม่ดี”

สกลกันต์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพวัชรมัย คิ้วหนอนน้อยขมวดดุใส่ผู้เป็นบิดา

“พ่อไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีนะครับปราบ แม่ต่างหากที่ทำเรื่องไม่ดี จนต้องถูกพ่อดุ”

วัชรมัยแก้ความเข้าใจผิด ...เธอไม่อยากให้ลูกมองไผทในแง่ไม่ดี ถึงแม้เขาจะใจร้ายขนาดไหนก็ตาม

“แม่ทำอะไรไม่ดีเหรอครับ บอกปราบสิ เดี๋ยวปราบเคลียร์กับพ่อให้”

ทนายวัยสี่ขวบยืดอก วัชรมัยส่งยิ้มเอ็นดู จูงมือลูกกลับไปยังห้องนั่งเล่น ทิ้งไผทที่ยังคงสีหน้าอึมครึมไว้ในห้องทำงาน

“ยายพุด วันนี้ปราบให้หยุดงานหนึ่งวันนะ แม่จะทำข้าวเย็นให้ปราบกิน”

หลังดูหนังจบ สกลกันต์อ้อนขอกินอาหารฝีมือเธอ

“ตอนบ่ายปราบกินซุปมะเขือเทศยังไม่อิ่ม พ่อก็มารับซะก่อน”

วัชรมัยตอบรับอย่างยินดี เด็กชายจึงจูงมือเธอเดินเตาะแตะไปในครัว

“สวัสดีค่ะ ยายพุด”

เธอยกมือกระพุ่มไหว้แม่ครัวที่เคยคุ้น นางรับไว้พอเป็นพิธี สายตาที่ส่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจ มีเด็กรับใช้อีกสองคนในครัว ต่างมองเธอสลับสกลกันต์

“ไม่รู้ของกินทางใต้จะถูกปากคุณหรือเปล่า ไหนว่าไปอยู่ที่อื่นมาตั้งนาน”

ยายพุดแขวะ จดจำพฤติกรรมวัชรมัยเมื่อห้าปีที่แล้วได้ดี

“ในตู้เย็นมีแต่ของบ้าน ๆ นะคะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันจะหาอะไรที่พอทำกับข้าวให้ลูกกินได้บ้าง”

หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่สนใจกิริยานั้นเสีย เธอรับมือไผทคนเดียวก็ยากพอแล้ว ไม่อยากถือสาคนอื่นให้ขุ่นอารมณ์

“ปราบอยากกินมะเขือเทศ”

เสียงเล็กทะลุขึ้นกลางครัว

“อุ๊ย! คุณปราบ ไหนว่าไม่ชอบไงคะ”

“แม่มีเวทมนต์ทำให้มะเขือเทศอร่อย ยายพุดรู้ไหม แม่ทำซุปมะเขือเทศให้ปราบกินด้วย”

เจ้าตัวน้อยยืดอกอวดภูมิใจ ยายพุดมองหญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตา

เพราะเมื่อห้าปีก่อนนั้น วัชรมัยไร้ฝีมือในการทำอาหาร ที่เห็นทำได้มีแต่เมนูไข่ พวกไข่เจียว ไข่ทอด ไข่ตุ๋น ยามมาอยู่บ้านนี้ ก็กินแต่อาหารฝีมือนาง

“โอเค ปราบอยากกินมะเขือเทศนะครับ ชอบกินไข่ไหม”

วัชรมัยเปิดตู้เย็นมองหาวัตถุดิบ ทุกอย่างจัดแน่นเป็นระเบียบ

“ชอบครับ แต่ไม่เอามะเขือเทศผัดไข่นะ ยายพุดชอบทำเละ ๆ”

แม่ครัวของบ้านที่ถูกเผากันต่อหน้า ค้อนเด็กชายเสียวงใหญ่

“เดี๋ยว แม่จะบอกยายพุดให้ทำเมนูมะเขือเทศอร่อย ๆ เยอะ ๆ ให้”

ยายพุดเบ้ปากดูถูก วัชรมัยลำเลียงวัตถุดิบมาวางในบนเคาน์เตอร์

เธอจะทำออมเล็ตมะเขือเทศแฮมให้ลูก มีต้มจืดลูกชิ้นกุ้งไว้ให้ซดคล่องคอ ผักเธอเลือกผักกาดขาว แครอต ข้าวโพด เพิ่มความหวานของน้ำแกง

แม่ครัววางยาวัชรมัยโดยการนำคนของตนออกไปจนหมด ผู้ช่วยจำเป็นจึงเหลือเพียงสกลกันต์ ซึ่งออกจะมาป่วนมากกว่า

กับข้าวของผู้ใหญ่ เธอทำคั่วกลิ้งหมูสับ เพราะเห็นมีพริกแกงใต้ในตู้ ทอดปลาใส่ขมิ้น น้ำแกงก็อาศัยกินที่ทำให้ลูก ปอกฝรั่งแช่เย็นไว้เป็นของหวาน เท่านี้มื้อเย็นก็เสร็จเรียบร้อย

“ป่ะ...ไปอาบน้ำกินก่อนกินข้าวครับ”

วัชรมัยจูงมือสกลกันต์ที่แก้มยุ้ยเปื้อนสีเหลืองของขมิ้นเป็นปื้นขึ้นไปชั้นบน ห้องลูกเดาได้ไม่ยากเพราะมีป้ายแปะชื่อพร้อมรูปสไปเดอร์แมนอยู่หน้าประตู

“แม่ดูสิฮะ ลูกเป็ดลอยตามก้นแม่เป็ดเป็นแถวเลย”

ห้องเด็กชายมีอ่างอาบน้ำ เจ้าตัวหลังเปลื้องผ้าเสร็จก็รีบชี้บอกเธอทัน

การได้อาบน้ำให้ลูกชายครั้งแรกในชีวิต ทำเอาใจหญิงสาวพองโต แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“โอ๊ะ...ตัวนี้เกเรแตกแถว”

มือป้อมหยิบเป็ดยางที่เหลืองที่ลอยน้ำเฉออกนอกกลุ่ม

“บางทีน้องเป็ดคงไม่ตั้งใจเกเรหรอกครับ น้องอาจจะหลงทาง”

เหมือนที่วัชรมัยเมื่อห้าปีก่อน เธอทิ้งทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ตัวเองคิดว่าจะเป็นความสุข หลงทางอยู่ในโลกแห่งแสงสีใบใหญ่ ก่อนจะพบจุดวิกฤติของชีวิต

จึงได้กลับมาค้นหาความสุขที่แท้จริง นั่นคือเด็กชายตัวน้อยช่างจ้อคนนี้

“น่าสงสารเนอะ”

สกลกันต์ยู่ปาก เธอใช้มือตบตุ๊กตาเป็ดกลับเข้าแถว

“ใช่แล้วครับ เวลาปราบเจอคนหลงทาง อย่าลืมช่วยเขาด้วยนะครับ”

แม้ไม่ได้โอบอุ้มเลี้ยงดูตั้งแต่เกิด แต่นับตั้งแต่นี้วัชรมัยตั้งใจจะอบรมสั่งสอนลูกตามหน้าที่แม่ที่ดี

ไม่ให้เติบโตมาแล้วทำผิดอย่างเธอ

“ทำอะไรกัน”

ไผทก้าวเข้ามาในห้องลูก เห็นแล้วว่าเธอกำลังอาบน้ำให้เจ้าตัวเล็ก แต่ปากดันเอ่ยคำถามงี่เง่าที่เห็นคำตอบกันอยู่แล้ว

“ปราบช่วยแม่ทำกับข้าวตัวเลยเปื้อน พ่อก็รีบอาบน้ำสิ จะได้มากินข้าวเย็นด้วยกัน”

นายหัวหนุ่มมองเธออย่างไม่เชื่อหู คนอย่างวัชรมัยนะหรือจะทำกับข้าว เจ้าตัวส่งยิ้มจืดเจื่อนให้ เขาละสายตา ไม่สนใจเธอ

“รีบ ๆ อาบเข้าปราบ อย่ามัวแต่เล่นน้ำ เดี๋ยวจะเป็นหวัด”

จากนั้นร่างสูงก็ก้าวออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบเหมือนขามา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status