Share

บทที่ 5 “เนี่ย...แม่ดูสิ พ่อชอบดุปราบ”

วัชรมัยพาสกลกันต์ในชุดนอนลายสไปเดอร์แมนลงมาข้างล่าง บ้านเปิดไฟสว่าง บรรยากาศเงียบเชียบ

เธอโดนยายพุดเล่นงานอีกแล้ว ไม่มีคนรับใช้คอยช่วยอะไรเลย แต่ไม่อยากเกินจะรับมือ ห้าปีที่ผ่านมาวัชรมัยทำอะไรเองมาตลอด เรื่องงานบ้านแค่นี้จิ๊บ ๆ นัก

“ปราบไปตามพ่อมากินข้าวนะครับ”

สกลกันต์พยักหน้าอย่างยินดี เธอเข้าครัว ลำเลียงอาหารมาจัดโต๊ะ บีบซอสมะเขือเทศตกแต่งออมเล็ตเป็นรูปหน้ายิ้ม

ข้าวก็ตักใส่ถ้วยคว่ำลงจาน ตกแต่งข้าวขาวด้วยเม็ดข้าวโพดต้มเหลืองอ๋อยเป็นตา ปากเป็นรูปแคร์รอตส้มสดใสหั่นแว่น สภาพจึงเหมือนคนอ้าปากกว้าง

สิ่งละอันพันละน้อยที่เธอเรียนรู้จากยูทูปบ้าง จากหนังสือบ้าง วัชรมัยอยากทำมาตลอดตั้งแต่เห็นหน้าสกลกันต์

“คุณหน้ายิ้ม คุณปากจู๋”

เด็กชายเบิกตาโต ห่อปากเมื่อเห็นการตกแต่งในจาน

“แม่มีเวทมนตร์จริง ๆ ด้วย”

รอยยิ้มจากใบหน้าเล็ก ๆ ช่างมีอานุภาพทำลายล้างสูงนัก วัชรมัยกุมใจที่เต้นแรงแทบเป็นลม

“อย่ามัวแต่เล่นสิปราบ กินข้าวได้แล้ว”

ไผทยังตีหน้าเข้ม หลังเอ็ดลูก ก็เลื่อนเก้าอี้นั่งประจำหัวโต๊ะ สกลกันต์นั่งทางขวาเขา วัชรมัยนั่งถัดไป

“ง่ำ ๆ แม่ทำมะเขือเทศอร่อย ไข่ปราบก็ชอบมาก”

คนอายุน้อยสุดตาเป็นประกายทันทีเมื่อตักอาหารเข้าปาก

“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะครับ จะได้โตเร็ว ๆ”

วัชรมัยตักลูกชิ้นกุ้งกับผักในแกงจืดใส่จานลูก สกลกันต์เมื่อเห็นแคร์รอตหั่นเป็นรูปดอกไม้แก้มยิ่งบาน

“แม่เก่งจัง ทำแคร์รอตสวย ๆ ได้ด้วย แม่ทำกับข้าวให้ปราบกินทุกวันนะครับ”

“ปราบเคี้ยวข้าวให้หมดก่อนค่อยพูด เดี๋ยวติดคอ”

ไผทขัด อกคันยุบยิบ ที่วัชรมัยมาวันเดียวก็ได้น้ำหนักในใจลูกไปมากโข

“ปราบเคี้ยวหมดแล้วต่างหากถึงพูด”

สกลกันต์เถียง เพราะคิดตัวเองไม่ผิด

“ปราบ”

ผู้เป็นพ่อใช้เสียงทุ้มต่ำปราม

“เนี่ย...แม่ดูสิ พ่อชอบดุปราบ”

เด็กชายหันมาฟ้อง ปรกติเขาไม่เคยฟ้องใครได้ เพราะพ่อเป็นใหญ่ในบ้าน แต่เกลเล่าว่าบ้านเกลแม่ใหญ่ที่สุด

แม่กลับมาหาเขาแล้ว แสดงว่าต่อไปบ้านนี้แม่จะใหญ่ที่สุด สกลกันต์ฟ้องได้

“ปราบ ไม่ชอบ”

วัชรมัยมองคนหัวโต๊ะที่หน้าทะมึน บนศีรษะราวเห็นควันกรุ่นเป็นภูเขาไฟเตรียมระเบิด จ้องเขม็งกับเจ้าตัวเล็กที่หน้ามุ่ย นี่มันสงครามในครอบครัวชัด ๆ

“ที่พ่อพูดเมื่อกี้ เพราะพ่อห่วงปราบนะครับ ถ้าข้าวติดคอปราบจะทอระ...”

เธอตัดสินใจเปลี่ยนเป็นคำง่าย ๆ ที่เด็กน่าจะเข้าใจ

“ปราบจะเจ็บ ถ้าปราบเจ็บพ่อจะเสียใจนะครับ”

สกลกันต์มองหน้าเธอสลับกับไผท

“ก็ได้...ปราบกินข้าวคำเล็ก ๆ จะได้เคี้ยวหมดเร็ว จะได้คุยกับแม่ได้”

อืม...ต่อรองเก่งเสียด้วย วัชรมัยสบตากับคนหัวโต๊ะ เขาขึงตาต่อว่าเป็นความผิดของเธอที่ทำให้ลูกเถียง

มื้ออาหารเย็นเป็นไปแบบราบรื่น ไผทกินข้าว เคล้าเสียงพูดคุยกันระหว่างแม่และลูก ทีแรกคิดต้องฝืนกินรสมืออันจืดชืดของวัชรมัย

แต่เมื่อได้ลองชิมจริง ๆ พบว่า เธอทำกับข้าวได้ดีมาก ขนาดคั่วกลิ้งยังทำรสเผ็ดถึงใจ จนเขาเผลอเติมข้าวไปสองจาน

“แล้วแม่ไก่กับเพื่อน ๆ ก็แบ่งพายกินกันอย่างมีความสุข”

สกลกันต์นอนบนเตียงที่มีหัวรูปรถยนต์สีสันสดใส หลังมื้อเย็นวัชรมัยพาลูกเข้านอน โดยไผทไม่คัดค้าน เพราะร่างสูงเดินกับเข้าห้องทำงาน วัชรมัยเล่านิทานเรื่องแม่ไก่อบพายฟักทองให้ลูกชายฟัง

“แม่ทำพายฟักทองเป็นไหมครับ”

ตาเจ้าตัวเล็กบนเตียงปรือ แต่กระนั้นยังยื้อให้ลืมตาอยู่นานที่สุด เพราะยังอยากคุยกับมารดา

“เอ่อ...เป็นสิ”

เป็นไม่เป็น วัชรมัยก็บอกทำเป็นไว้ก่อน ค่อยพึ่งศรัญญาเอา ยอมผจญครัวนรกอีกหลาย ๆ คืน

“แม่ทำให้ปราบกินนะครับ”

“ได้สิลูก”

มือขาวเคลื่อนไปลูบผมบริเวณหน้าผากเล็ก วัชรมัยอยากให้เวลาผาสุกนี้คงอยู่ตราบนานเท่านาน

“แม่ครับ...”

เสียงน้อย ๆ เริ่มเจอความง่วงงุน

“ถ้าปราบตื่นขึ้นมา แม่จะไม่กลับไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ใช่ไหมครับ”

มีก้อนความรู้สึกมวลใหญ่ตีรวนขึ้นในอกเธอ มันแล่นลิ่วจุกลำคอจนหาเสียงตัวเองไม่เจอ

“ปราบอยากอยู่กับแม่...”

จากนั้นก็เป็นเสียงงึมงำไม่ได้ศัพท์ และลมหายใจที่ทอดยาวลึก แสดงอาการตกอยู่ในห้วงนิทรา

มือวัชรมัยที่สัมผัสผิวนุ่มสั่น น้ำในตารื้น

“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”

ไผทออกปากไล่ เขาแอบเข้ามาในห้องลูก ยืนฟังการสนทนาอยู่เงียบ ๆ จนสบโอกาสลูกหลับ

“พี่ป้อง ขอมิ้งอยู่กับลูกเถอะค่ะ ขอร้องล่ะ”

นายหัวหนุ่ม ตอบรับคำขอของหญิงสาวโดยการลากแขน ดึงตัวเธอลงมาด้านล่าง เปิดประตู แล้วผลักให้ร่างเล็กล้มลงที่พื้นระเบียง

“กลับไปได้แล้ว ฉันใจดีกับเธอแล้วนะ ถ้าไม่อย่างนั้นจะให้คนลากเอาไปทิ้งหน้าสวน”

“พี่ป้อง มิ้งขอล่ะ ขอให้ได้อยู่กับลูก อย่าไล่มิ้งไปอีกเลย”

วัชรมัยคลานมากอดขาแข็งแรงไว้แน่น แนบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตากับท่อนขา น้ำตาร้อนซึมกางเกงเขาเปียกชุ่ม

“เธอเลือกแล้วนะมิ้งเมื่อห้าปีก่อน เธอเลือกจะทิ้งลูก ทิ้งฉันไว้ที่นี่ เธอบอกเองว่าต้องการอิสระ แล้วตอนนี้จะมาเรียกร้องอะไรอีก หรือว่าใกล้ตายแล้วถึงสำนึกว่าตัวเองทำผิดน่ะฮึ”

ไม่มีคำตอบใดหลุดจากปากคู่สวย มีเพียงเสียงสะอื้นปานจะขาดใจ และความร้อนของน้ำตาที่ซึมแทรกผ่านเนื้อผ้ามา

“ลูกกำลังโต แกกำลังมีอนาคตสดใส เธอกลับมาเป็นรอยด่างในชีวิตแกทำไม”

ลมกลางคืนเงียบสงบ แม้หรีดเรไรก็ไม่ส่งเสียง พระจันทร์หลบเร้นอยู่ในเมฆหนาทึบ โลกหล้ามืดมนไร้แสงสว่าง เหมือนความรู้สึกวัชรมัยยามนี้

“ถ้ายังอยากทำตัวเป็นแม่ที่ดี ก็ไปจากชีวิตลูกซะ ส่วนที่เหลือฉันจะอธิบายลูกเอง”

ไผทหน้านิ่ง น้ำเสียงมั่นคง แต่ในอกเจ็บแปลบ เหมือนมีมีดปลายแหลมเป็นร้อย ๆ เล่มสวบ เมื่อนึกถึงใบหน้าเศร้าของลูกชาย ยามรู้ว่ามารดาจากไปแล้ว

“มิ้งไม่ไป...มิ้งจะอยู่กับลูก ขอโอกาสเถอะค่ะ มิ้งจะไม่สร้างปัญหา สัญญา”

วัชรมัยพร่ำละล่ำลักกับท่อนขา กอดแน่นดังเป็นฟางเส้นสุดท้ายในชีวิต

“จะให้ฉันเชื่อใจผู้หญิงใจดำ ร้ายกาจที่ทิ้งลูกที่เพิ่งคลอดไปนะหรือ”

นายหัวไผทอาศัยแรงผู้ชายที่เยอะกว่า แกะมือเหนียวหนึบเป็นตุ๊กแกของอดีตภรรยาออกอย่างง่ายดาย ลากเธอออกจากพื้นระเบียงจนถึงสนามหญ้าหน้าบ้าน

“เฮ้ย! ใครก็ได้ที่อยู่หน้าบ้าน เอาผู้หญิงคนนี้ออกไปนอกสวนหน่อย”

เสียงคำรามของผู้เป็นนายทำเอาคนงานที่เดินลาดตระเวนตรวจความเรียบร้อยในสวนสะดุ้ง

“ครับ นายหัว”

หนุ่มผิวแทนร่างสันทัด รีบมาหาเจ้านายทันที

“เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป อย่าให้มาเหยียบสวนนี้อีก!” ดังเป็นคำสั่งตาย วัชรมัยกรีดร้องสุดเสียง หน้าเหยเก

“พี่ป้อง มิ้งขอร้องล่ะ มิ้งแค่อยากอยู่กับลูก”

คนงานละล้าละลัง ถึงมาอยู่ใหม่ แต่ก็พอได้ยินเรื่องซุบซิบว่าแม่ของสกลกันต์ทิ้งเขาไป อดีตเมียนายหัวไผทเป็นชื่อต้องห้ามของที่นี่ ใครฝ่าฝืนมีสิทธิ์คอขาดได้ทันที

“พี่ป้อง”

ร่างที่หนุ่มคนงานจับไว้ดิ้นรนอย่างน่าสงสาร ใบหน้าบิดเบี้ยวเปื้อนน้ำตา

“เอาตัวออกไป แล้ววางกำลังคนเพิ่ม อย่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในสวนได้อีก”

คนงานรับคำ ลากวัชรมัยที่ทั้งดิ้นทั้งกรีดร้องปานโลกถล่มออกจากบริเวณบ้านไป

ไผทยืนตระหง่านนิ่ง ใบหน้าทะมึงทึง ร่างนั้นยืนอยู่นานกระทั่งเรียกร้องอันน่าสงสารแผ่วลงจนเบาบางเจือไปกับอากาศคืนนี้

ชายหนุ่มหันกลับมาก็เจอกับวิเชียรที่ยืนอยู่ข้างบันไดบ้าน

“ทำแบบนี้ไม่โหดไปเหรอครับ สงสารคุณมิ้ง”

วิเชียรรู้ตั้งแต่พวกยายพุดมาเม้าท์กันในโรงอาหารแล้วว่าวัชรมัยซมซานกลับมา

เขารู้ว่าเธอต้องโดนจัดการ แต่ไม่คิดว่าไผทจะโหด สั่งคนลากกันออกไปเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้

“ผู้หญิงที่ทิ้งลูกกูไป สมควรโดนอย่างนี้แล้ว”

นายหัวกัดฟันกรอด แผลใจเมื่อห้าปีที่คิดว่าแห้งแล้ว วันนี้กลับมากลัดหนอง ความเจ็บอกปะทุ

เขาจึงเลือกใช้วิธีเด็ดขาดเอาไฟนาบปิดแผลฆ่าเชื้อมันเสียเลย แม้จะทิ้งรอยสักเท่าใดก็ช่างหัวมัน!

“คุณมิ้งเธอน่าสงสารนะครับ”

ในสายตาวิเชียร คู่ไผทกับวัชรมัยน่าจะผิดฝาผิดตัว ไผทเป็นผู้ใหญ่ก็จริง แต่ด้วยภาระต้องคุมกิจการมากมาย อยู่ท่ามกลางผู้มีอิทธิพล พลอยทำให้เขามีบุคลิกแข็งกร้าวเย็นชา

ส่วนวัชรมัยคือสาวน้อยอ่อนต่อโลก เชื่อแต่พี่สาว เมื่อกลับมาเหลือตัวคนเดียวในโลก วัชรมัยก็เทความรัก ความหวังทุกอย่างมาทางสามี

การเป็นภรรยานายหัวนั้นสบาย แต่ไม่ง่าย วัชรมัยที่ไม่มีทั้งคนหนุนหลัง ไม่มีทั้งอำนาจบารมี เธอจึงอยู่ยาก

ช่วงนั้นไผทยุ่ง ๆ อยู่ด้วย จึงไม่ได้เอาใจใส่ภรรยา กระทั่งคนรอบข้างทักว่าเธอผ่ายผอม ไม่มีความสุข เมื่อพาไปเจอแพทย์ก็พบว่าตั้งครรภ์

แต่ด้วยสภาพจิตใจอันไม่มั่นคงผสมกับฮอร์โมนส์คนท้องที่แปรปรวน ชีวิตคู่จึงสิ้นสุดลงทันทีที่สกลกันต์คลอดออกมา

เด็กสาวอายุน้อยที่ไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งในโลกนี้ ร่างเล็ก ๆ ไหล่ห่อที่ออกไปจากไร่นี้ยังติดตาวิเชียร

ด้วยเอ็นดูเหมือนน้อง เขาจึงสงสาร...แต่ไม่อาจช่วยอะไรได้

“แล้วมึงไม่สงสารปราบบ้างเหรอไงฮึ! ไอ้เชียร”

ผู้เป็นนายคำรามในลำคอ

“ผู้หญิงคนนั้นกลับมาให้ลูกกูเสียใจชัด ๆ”

ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นในความมืด โทสะมากมายเต้นร่าอยู่ในนั้น

“แต่เขาเป็นแม่ลูกกันนะครับนาย จะกีดกันไม่ให้เจอได้สักเท่าไรกันเชียว”

วิเชียรถอนหายใจ ไผทรักแรงเกลียดแรงถึงเพียงนี้ สั่งคนลากถูลู่ถูกังไปนอกสวน หวังว่าวัชรมัยคงเข็ด ไม่มาต่อกรอีก

“กูจะส่งปราบไปเรียนสิงคโปร์ ไปให้ไกลจนแม่นั่นตามไม่ได้”

ไผทคิดว่าวัชรมัยคงเงินหมด อยากเอาลูกมาต่อรองขอเงินเพิ่มอีก จะว่าไปเธอก็เก่งจัดการเงินสิบล้านให้ใช้ได้ถึงห้าปี

ทีแรกเขาคิดว่าวัชรมัยจะซมซานกลับมาขอเงินตั้งแต่ปีแรกเสียด้วยซ้ำ

“เอาเถอะครับนาย เอาที่สบายใจ”

วิเชียรพรูลมหายใจออกปาก มีแต่เขาที่อยู่ด้วยกันมานาน จึงได้รับสิทธิ์ให้พูดประชดได้ โดยไม่โดนเตะตูดเสียก่อน

“มึงมากินเหล้าเป็นเพื่อนกูหน่อย”

ลูกน้องเลิกคิ้ว

“คืนนี้กูนอนไม่หลับหรอก”

จะบอกสกลกันต์เรื่องวัชรมัยหายไปยังไง เขายังไม่รู้เลย ต้องให้คนที่บอกให้หลอกลูกเรื่องแม่ไปทำหน้าที่นางฟ้าบนสวรรค์อย่างวิเชียรช่วยอีกครั้งแล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status