บรรยากาศภายในห้องโถงเป็นไปอย่างตึงเครียด มีทนงศักดิ์นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่ นีรนุชยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุดโดยมีผู้เป็นแม่ปลอบประโลมไม่ห่าง ส่วนคนอื่นทนงศักดิ์ให้กลับกันไปหมดแล้วเพราะต้องการเคลียร์กันแค่คนในครอบครัว
"ผมขอโทษคุณลุง คุณน้า และน้องนุชด้วยนะครับ " ติณณภัทรเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าคนทั้งสาม ก่อนยกมือไหว้ขอโทษด้วยความรู้สึกผิด และยืดอกรับอย่างลูกผู้ชายไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม "ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งสิ้นครับ" "ภะ..ภัทรทำแบบนี้กับนุชได้ยังไงคะ" นีรนุชเอ่ยออกมาทั้งน้ำตานองหน้า จ้องมองผู้ชายที่เธอแอบรักมาเนินนานด้วยแววตาผิดหวัง เธอผิดหวังและเสียใจมากจริง ๆ "ภัทรขอโทษนุช ภัทรขอโทษ" ภาพนีรนุชสะอื้นไห้ทำเอาติณณภัทรถึงกับเอ่ยอะไรไม่ออกมีเพียงเสียงขอโทษแผ่วเบาที่ดังซ้ำ ๆ ต่อให้เขาอธิบายอะไรไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา หนำซ้ำคงจะทำให้ทนงศักดิ์ผู้ใหญ่ที่เขาเคารพรักดั่งพ่อรู้สึกแย่หนักกว่าเดิมจนโรคหัวใจอาจกำเริบได้หากเขาบอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะโดนนับดาววางยาปลุกเซ็กซ์ และถ้าเป็นแบบนั้นนีรนุชคงยิ่งแย่ "น้าไม่คิดเลยว่าภัทรจะทำแบบนี้ น้าผิดหวังมากจริง ๆ" นิ่มตัดพ้อเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าเศร้า แววตาฉายความผิดหวังอย่างชัดเจน ไม่ใช่ผิดหวังเพราะเด็กหนุ่มทำแบบนี้แต่ผิดหวังที่เธออาจจะอดได้เขามาเป็นลูกเขยต่างหาก ติณณภัทรทั้งหล่อทั้งรวย เพรียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง หนำซ้ำยังชาติตระกูลดีได้มาเป็นลูกเขยเธอกับลูกคงมีหน้ามีตาทางสังคมมากกว่านี้ และสบายไปทั้งชาติ เธออดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าบางทีนับดาวอาจจะยั่วเด็กหนุ่มเลยทำให้เขาอดใจไม่ไหว นิสัยของนับดาวใคร ๆ ก็รู้กันอยู่ว่าแรดขนาดไหน ส่วนเหตุผลคงอยากเอาคืนเธอกับลูก แต่ก็ทำได้แค่คิดในใจหากพูดออกไปเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าเธอใส่ร้ายลูเลี้ยงอีก เธอต้องสร้างภาพเป็นแม่เลี้ยงที่แสนดีต่อไป "ผมขอโทษจริง ๆ ครับคุณน้า" ติณณภัทรทำได้เพียงน้อมรับคำตัดพ้อของนิ่มโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ นอกจากคำว่าขอโทษ และขอโทษที่ทำให้พวกท่านผิดหวัง "ละ.." ทนงศักดิ์ทำท่าจะอ้าปากเอ่ยกับติณณภัทร แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อปรายตาไปเห็นบุตรสาวตัวดีที่กำลังเดินเข้ามา หันไปต่อว่าเธอแทนโดยไม่คิดถามเหตุผลสักนิด "ทำไมแกทำแบบนี้นับดาว รู้ทั้งรู้ว่าติณณภัทรเขาเป็นคู่หมั้นพี่สาว" "นับไม่มีพี่สาวค่ะ เพราะฉะนั้นนับไม่ได้แย่งของพี่สาว แต่เป็นคนแปลกหน้าต่างหาก" นับดาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมกับหย่อนก้นบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้เป็นพ่อ วาดเรียวขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางชิลล์ ๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อน หรือรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักนิด ก่อนจะตวัดสายตามองนีรนุชที่นั่งสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดแม่เลี้ยงใจยักษ์อย่างสะใจ การได้เห็นน้ำตาและความเสียใจของนีรนุชมันทำให้เธอมีความสุขยิ่งนัก โดยเฉพาะแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่มีสีหน้าผิดหวังอย่างชัดเจน ในใจตอนนี้คงเดือดเป็นน้ำร้อนตั้งบนเตาที่เห็นลูกสาวสุดที่รักเจ็บปวด แต่แค่นี้มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่แม่เธอต้องเจอหรอก ถึงครั้งนี้ทุกอย่างจะผิดพลาดไปจากที่วางแผนไว้มาก และเธอต้องเสียพรหมจรรย์ให้ผู้ชายร้ายกาจฟรี ๆ แต่มันก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะมีผลลัพธ์ไม่ต่างกันคือได้เห็นความทุกข์ของสองแม่ลูก "ฉันหมดคำจะพูดกับแกจริง ๆ นับดาว ทำไมแกถึงเลวได้ขนาดนี้ ทำผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก" ทนงศักดิ์ชี้หน้าด่าบุตรสาวด้วยอารมณ์โกรธจัด เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแล้ว ๆ เพราะบุตรสาวคงสำนึกไม่ได้อยู่ดี "เพราะนับได้เชื้อเลว ๆ มาจากพ่อเต็ม ๆ ไงคะ" นับดาวสวนกลับทันควันหากเธอเลว แล้วบิดาที่ทรยศหักหลังมารดาแอบคบชู้มานานหลายปีทำให้มารดาเธอต้องตายไม่เรียกว่าเลวหรอกหรือ เธอยังจำภาพเหตุการณ์วันที่มารดาจากไปได้ขึ้นใจ... "ไอ้ลูกทรพี!" คำพูดนับดาวยิ่งทำให้ทนงศักดิ์โกรธเป็นไฟมากกว่าเดิม ตวาดเสียงด่าดังลั่นพร้อมกับฝ่ามือสากที่ฟาดลงบนใบหน้าบุตรสาวอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น เพียะ!! ใบหน้าของนับดาวถึงกับหันตามแรงตบ เลือดไหลซิบมุมปาก การกระทำของทนงศักดิ์สร้างความตกใจให้ทุกคนไม่น้อย ติณณภัทรเองถึงแม้ไม่ชอบนับดาวแต่พอเห็นแบบนี้ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ นีรนุชเองก็เช่นกันรีบยื่นมือไปจับมือผู้เป็นพ่อไว้เพราะกลัวท่านจะตบนับดาวอีก พลางส่งสายตาเว้าวอนสุดฤทธิ์ คงจะมีแต่นิ่มที่แอบสะใจอยู่ลึก ๆ คนถูกตบอย่างนับดาวยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่าหน้าหันไปด้านขวา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะบนมุมปากที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด เธอแสยะยิ้มออกมาราวกับสิ่งที่เจอเป็นเรื่องขบขันวินาทีที่เห็นรอยเลือดปลายนิ้ว ราวกับว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดสักนิด ทั้งที่ในใจมันแหลกเหลวไปหมดแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตบิดาไม่เคยลงมือทำร้ายเธอเลยสักครั้งอย่างมากก็แค่ดุด่าด้วยคำพูดแรง ๆ แต่ครั้งนี้ท่านกลับลงมือเพียงเพราะเธอทำให้ลูกสาวสุดที่รักอย่างนีรนุชเสียใจ ทว่าถึงในใจจะชอกช้ำเพียงใดเธอก็ไม่แม้แต่จะแสดงอาการ หรือร้องไห้ออกมาให้ใครสมเพชได้ "ตบอีกสิคะ ตบนับให้ตายไปเลย" หันกลับไปเชิดหน้าท้าทายบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แววตาไร้ความรู้สึกในเมื่อทุกอย่างมันมาถึงจุดแตกหักแล้วงั้นก็เอามันให้สุดไปเลย "แกอย่ามาท้าทายฉันนับดาว แกเป็นลูกที่ฉันทำให้เกิดมาได้ ฉันก็ทำลายแกได้เหมือนกัน" "นับเชื่อค่ะว่าพ่อสามารถทำลายนับได้ เพราะนับเป็นลูกที่พ่อไม่เคยรักอยู่แล้วนิคะ" "ยัยนับ!" ทนงศักดิ์ทำท่าจะง้างมืออีกข้างตบบุตรสาวอีกครั้ง ทว่านีรนุชกลับพรวดลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดังลั่น น้ำตาที่เพิ่งเหือดหายไปรินไหลออกมาอีกครั้ง "ฮึก พอสักทีนุชไม่ไหวกับเรื่องบ้า ๆ นี้แล้ว ได้ยินไหมคะว่านุชไม่ไหวแล้ว" "โอเค ๆ ลูกนุชนั่งลงก่อนนะ" นิ่มรีบประคองบุตรสาวให้นั่งลงอีกครั้งพลางลูบแผ่นหลังเบา ๆ หวังให้บุตรสาวใจเย็นลง ส่วนทนงศักดิ์ก็ยอมหยุดอย่างว่าง่ายเพราะเป็นห่วงความรู้สึกนีรนุชมากกว่า นับดาวเหยียดยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันกับความรักที่แสนลำเอียงของพ่อตัวเอง บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอเป็นลูกแท้ ๆ ของท่านหรือเปล่าทำไมท่านถึงดูเหมือนไม่รักเธอเลยสักนิดเหมือนเลี้ยงให้ปล่อย ๆ ไปเท่านั้น และยิ่งท่านแสดงออกมาว่ารักนีรนุชมากเท่าไรเธอก็ยิ่งเกลียดนีรนุชกับแม่มากขึ้นเท่านั้น ติณณภัทรที่นั่งมองเหตุการณ์เงียบ ๆ รู้สึกแปลกใจนิด ๆ เหมือนกันเพราะดูทนงศักดิ์จะรักนีรนุชมากกว่านับดาว แต่ก็สามารถหาเหตุผลมาหักล้างได้ ก็นับดาวนิสัยกร้าวเสียขนาดนั้น แถมยังทำตัวเละเทะจนท่านเสียชื่อเสียงอีก เธอทำตัวเองทั้งนั้นสมควรแล้วที่จะไม่ได้รับความรักจากใครเลย ภายในห้องโถงถูกความเงียบเข้าปกคลุมนานนับนาที ก่อนทนงศักดิ์จะเอ่ยถามนีรนุชด้วยน้ำเสียงนุ่มหลังจากอารมณ์เย็นลงแล้ว "พ่อให้นุชตัดสินใจเลยว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้" "นะ.." "ยังไงติณณภัทรกับนับก็ได้เสียกันแล้ว เพราะฉะนั้นเขาต้องรับผิดชอบนับค่ะ" ไม่ทันที่นีรนุชจะได้ตอบอะไรนับดาวก็พูดแทรกขึ้นอย่างลอยหน้าลอยตา เรื่องอื่นสองแม่ลูกอาจจะชนะ แต่เรื่องนี้เธอจะไม่มีวันพ่ายแพ้เพราะเธอต้องเสียอะไรไปตั้งมากมายกว่าจะได้เห็นน้ำตานีรนุช และได้ความสะใจนี้มา "..." "ว่าไงคะถ้าพี่นุชเห็นนับเป็นน้องก็ต้องเสียสละให้นับได้ใช่ไหมคะ หรือถ้าพี่นุชอยากจะใช้ผัวร่วมกันนับก็ไม่ว่านะคะถือว่าแบ่ง ๆ กันใช้ แต่พี่คงต้องอยู่ในสถานะเมียน้อย" เสียงห้วนเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างเย้ยหยันเมื่อนีรนุชยังคงนั่งนิ่งเงียบ พร้อมกับรอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นประดับมุมปากหยักด้วยความสะใจที่สามารถกดนีรนุชให้อยู่ต่ำกว่าเธอได้ คำพูดและกิริยาที่นับดาวแสดงออกมาทำให้ทุกคนต่างพากันส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา "แกเลิกพูดจาทุเรศ ๆ เดี๋ยวนี้นับดาว" คำพูดและกิริยาที่นับดาวแสดงออกมาทำเอาอารมณ์ของทนงศักดิ์คุกรุ่นขึ้นอีกครั้งตวาดเธอเสียงดังลั่น ขณะที่นีรนุชนั้นยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมแววตาที่พร่ามัวด้วยหยาดน้ำตามองหน้าน้องสาวต่างมารดาด้วยความรู้สึกเสียใจเป็นที่สุด ไม่คิดเลยว่าน้องสาวจะย่ำยีหัวใจเธอได้ถึงเพียงนี้ทำให้คนเป็นแม่อย่างนิ่มพลอยใจสลายไปด้วยรู้สึกเจ็บปวดแทนบุตรสาวเหลือเกิน ภายใจก็รู้สึกแค้นเคืองลูกเลี้ยงจนแทบอยากจะกระชากหัวมาตบให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้แค่กำหมัดแน่นเก็บอารมณ์เอาไว้ ติณณภัทรได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเหลือใจกับนิสัยของนับดาวจากที่รู้สึกสงสารในตอนแรกก็กลายเป็นไม่ชอบเหมือนเดิมไม่แปลก ๆ เลยจริง ๆ ที่จะไม่ถูกรัก "ทุเรศตรงไหนคะ ขนาดแม่ของพี่นุชยังใช้ผัวร่วมกับแม่นับได้เลย" ถามว่านับดาวแคร์กับสายตาที่มองมายังเธออย่างเอือมระอาไหม ตอบเลยว่าไม่ยังคงพ่นคำพูดร้ายกาจกระแทกแดกดันใส่นีรนุชไม่เลิกโดยพาดพิงไปถึงแม่ของเธอด้วย ก่อนเลื่อนสายตาเอ่ยกับแม่เลี้ยงด้วยแววตาเย้ยหยัน "จริงไหมคะน้านิ่ม" "กะ.." "ให้ภัทรรับผิดชอบน้องนับเถอะค่ะ ยังไงน้องก็เป็นคนเสียหาย" ทนงศักดิ์ทำท่าจะก่นด่าบุตรสาวอีกครั้ง แต่เสียงของนีรนุชก็ดังขึ้นเสียก่อนเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง เธอเหนื่อยเหลือเกินกับการที่ทุกคนเถียงกันไปมาไม่จบไม่สิ้น "แล้วลูกล่ะ" นิ่มโพลงขึ้นทันทีที่บุตรสาวเอ่ยจบเพราะไม่ชอบใจเป็นอย่างมากที่บุตรสาวยอมง่าย ๆ แบบนี้เธอก็อดได้ติณณภัทรเป็นลูกเขยน่ะสิ เธออยากจะด่าให้บุตรสาวหายโง่สักทีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะอยู่ต่อหน้าทุกคน "ลูกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม" ทนงศักดิ์ถามย้ำนีรนุชอีกครั้งถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับบุตรสาว แต่เมื่อเป็นความต้องการของลูกเขาก็ไม่อยากขัด "แน่ใจค่ะ นุชกับภัทรเราเป็นคู่หมั้นกันก็จริง แต่เราไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันค่ะ นอกจากกอดและหอมแก้มกันเท่านั้น" "แต่.." "แม่เข้าใจนุชนะคะ นุชไม่สามารถลืมเรื่องวันนี้แล้วคบกับภัทรต่อได้จริง ๆ และที่สำคัญภัทรควรรับผิดน้องนับ" นีรนุชตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แล้วก็ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนใจเธอได้อีก อย่างที่บอกไปเธอไม่สามารถใช้ผู้ชายซ้ำรอยน้องสาวได้จริง ๆ "แบบนี้มันไม่แฟร์กับติณณภัทรรึเปล่าคะ หากเขาต้องรับผิดชอบหนูนับเพราะพลาดมีอะไรด้วยกันแค่ครั้งเดียว แล้วผู้ชายทุกคนที่ผ่านมาไม่ต้องรับผิดชอบกันหมดเลยเหรอคะ" นิ่มเอ่ยอย่างเหลืออดมองหน้าลูกเลี้ยงอย่างนับดาวด้วยแววตาโกรธจัด นาทีนี้เธอโกรธมากจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ "แล้วทำไมคะ ก็นับพอใจจะให้เขารับผิดชอบเพราะหากได้เขามาเป็นสามีอนาคตนับคงไปได้ดี" นับดาวไม่ได้สะทกสะท้านกับคำด่าสักนิด หนำซ้ำยังส่งยิ้มหวานให้แม่เลี้ยงใจยักษ์ เปล่งเสียงตอบอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่ในใจไม่ได้ดีใจอย่างที่พูดเลยเธอเกลียดขี้หน้าชายหนุ่มยังกับอะไรดี และเขาเองก็คงรู้สึกเหมือนกับเธอ ในชีวิตนี้เธอไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะแต่งงาน หรือยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหน แต่เมื่อทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด เธอต้องเป็นผู้ลงเล่นเกมนี้เองฉะนั้นก็ขอทุ่มสุดตัวเอาให้ฝ่ายตรงข้ามแพ้ราบคาบไปเลย ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว "ภัทรว่ายังไงลุงเคารพในการตัดสินใจ หากจะไม่รับผิดชอบลุงก็ไม่ว่าเพราะลูกสาวลุงก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อะไร" ทนงศักดิ์มองหน้าติณณภัทร ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างอ่อนใจเพราะเขาเองก็คิดแบบเดียวกับนิ่ม อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าบุตรสาวคนเล็กของเขามั่วผู้ชายไม่ซ้ำหน้าหากให้ติณณภัทรมารับผิดชอบเพียงเพราะพลาดครั้งเดียวคงไม่ยุติธรรมเท่าไร แค่นี้เขาก็รู้สึกอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว "ใช่ค่ะคุณไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้ หากคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกผู้ชาย" สิ้นเสียงบิดานับดาวก็เอ่ยต่อแม้จะรู้สึกสะอึกกับคำพูดของบิดาก็ตาม เธอจงใจดูถูกชายหนุ่มเพราะต้องการให้เขารับผิดชอบ เธอเชื่อว่าคนอย่างเขาไม่ยอมเสียหน้าแน่นอน และมันก็เป็นไปตามที่คิด "ผมจะรับผิดชอบครับ" ติณณภัทรตอบตกลงด้วยความจำใจเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นลูกผู้ชายพอ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่าทีหลังแล้วกัน ดวงตาคมกริบตวัดมองผู้หญิงร้ายกาจที่นั่งเหยียดยิ้มหน้าระรื่นเขม็ง เธอแน่มากจริง ๆ ที่ทำให้ทุกอย่างเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ได้เขาเชื่อว่าเธอต้องวางแผนมาอย่างดีแน่นอน "งั้นก็ตกลงตามนี้นะคะ แต่นับไม่ขอจัดงานแต่งนะคะมันวุ่นวาย แค่จดทะเบียนสมรสพอ เดี๋ยวนับไปดูฤกษ์เองว่าจดวันไหนดี" นับดาวมองสบนัยน์ตาวาวโรจน์ของติณณภัทรอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเลื่อนสายตามาเอ่ยกับบิดาด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มของผู้ชนะ ที่เธอไม่ต้องการจัดงานให้เป็นเรื่องราวใหญ่เพราะยังไงสักวันก็ต้องแยกย้ายกัน แต่ที่เลือกจะจดทะเบียนสมรสเพราะป้องกันเอาไวก่อนเผื่อสองคนแม่ลูกจะคิดแผนชั่วแย่งชายหนุ่มคืน เธอจะได้หยิบยื่นคำว่าเมียน้อยให้นีรนุชได้เต็มภาคภูมิ หรือจัดการฟ้องเรียกเงินมาใช้เล่น ๆ สักนิดหน่อย เธอกระตุกยิ้มใส่แม่เลี้ยงใจยักษ์ด้วยความสะใจ ก่อนจะลุกเดินไปยืนตรงหน้าชายหนุ่มใช้นิ้วกรีดกรายกรอบหน้าคม เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วยวน "แล้วนับจะโทรบอกนะคะว่าที่คุณสามี ว่าเราจะไปจดทะเบียนกันวันไหน" ว่าจบก็ก้าวเท้าเดินออกไปจากบ้านอย่างอารมณ์ดีไม่สนใจว่าคนในห้องโถงจะมองเธอยังไง"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ" นับดาวพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในสมองหลังจากก้าวขึ้นมานับบนรถแล้ว อารมณ์หมองมนในทันตา ใบหน้าสวยฉายแววอ่อนล้าออกมาอย่างชัดเจนเธอรู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ กับการต้องปั้นหน้าเหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคนทั้งที่ในใจมันไม่ใช่เลยจนถึงตอนนี้ยังคงมีคำถามมากมายติดค้างอยู่ในใจว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมทุกอย่างถึงได้กลับตาลปัตรแบบนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอุงอิงเพื่อสอบถามเหตุการณ์เมื่อคืน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(สวัสดีค่ะคุณนับดาว)"ค่ะ ฉันจะโทรมาถามเรื่องเมื่อคืนหน่อยค่ะ"(ค่ะ ฉันก็ว่าจะโทรหาคุณอยู่พอดีเลย)"เมื่อคืนคุณจำอะไรได้บางไหมคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างมันถึงผิดแผนไปหมด ส่วนฉันจำได้แค่ว่านั่งดื่มกับคุณอยู่จากนั้นภาพก็ตัดไปเลย"(ฉันก็เหมือนกันค่ะภาพสุดท้ายที่จำได้คือนั่งดื่มอยู่กับคุณ แต่พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็นอนอยู่ในห้องที่บ้านคุณแล้ว ฉันถามออยแม่บ้านของคุณแล้วเธอก็บอกว่าเหมือนกัน เป็นไปได้ไหมคะว่าพวกเราจะเผลอดื่มแก้วที่มียานอนหลับเขาไปด้ว
@บ้านอัครกุลติณณภัทรทิ้งเตียงตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่ม หลับตาลงด้วยอาการหนักอึ้งในสมองเพราะคิดไม่ตกกับเรื่องในวันนี้ นี่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างนับดาวจริงหรือแค่คิดก็หนักใจตั้งไว้แล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องเจอกับอะไรอีก ไหนจะนีรนุชที่ยังไม่ได้คุยกันสักนิด เธอคงโกรธและเกลียดเขามากขนาดเขาขอคุยกับเธอก่อนกลับเธอยังปฏิเสธแล้ววิ่งหนีขึ้นห้องไป ไหนจะพ่อกับแม่ตัวเองอีกไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเขาบอกเรื่องนี้ไป ที่ผ่านมาผู้เป็นแม่ก็ดูจะไม่ชอบนับดาวอย่างชัดเจน ส่วนผู้เป็นพ่อเขาเดาไม่ถูกจริง ๆ ว่าท่านคิดยังไง"แม่ง! เพราะเธอคนเดียวนับดาว" เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนเขาดีดตัวลุกลงจากเตียงถอดเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำหวังให้น้ำช่วยบรรเทาอารมณ์คุกรุ่นในร่างกายให้เย็นลง ทว่าเหมือนน้ำเย็น ๆ จะไม่ได้ช่วยอะไรเพราะภาพความร้ายกาจของหญิงสาวยังคงวนเวียนในสมองเขาไม่เลิก"บ้าชะมัด!" เขาสบถออกมาอีกครั้งพร้อมกับปิดฝักบัว เอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวแล้วเดินออกไปแต่งตัวก็อก! ก็อก!ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเขาจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปเปิดประตู"มันเกิดอ
วันต่อมานับดาวเดินฮั่มเพลงลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างสบายใจ เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโต๊ะอาหารที่มีบิดา แม่เลี้ยงใจยักษ์ และนีรนุชนั่งอยู่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขมากแค่ไหน เธอมองหน้าแม่เลี้ยงใจยักษ์พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากให้อย่างผู้ชนะ ก่อนเลื่อนสายตาไปบอกกล่าวกับบิดาเสียงดังฟังชัดจงใจให้ทุกคนได้ยินกันทั่วถึง "นับจดทะเบียนสมรสกับติณณภัทรววันนี้นะคะ ตอน 10โมง"ทุกคนที่นั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน กลับหันไปมองนีรนุชที่นั่งหน้าเศร้าด้วยความเป็นห่วงทำให้เธออดหมั่นไส้ไม่ได้จึงจงใจพูดตอกย้ำให้นีรนุชเสียใจเข้าไปอีก "พี่นุชช่วยไปเป็นพยานรักให้นับกับติณณภัทร เอ้ย! ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าพี่ภัทรเพราะเรากำลังจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พี่นุชช่วยไปเป็นสักขีพยานให้ได้ไหมคะ" ว่าจบเธอก็ลอบยิ้มออกมาอย่างสะใจกับสีหน้าของนีรนุชที่ดูจะแย่มากกว่าเก่า โดยเฉพาะแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่มองเธอเขม็งคงโกรธเธอมากสินะที่ทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง ไหนจะผิดหวังที่ไม่ได้ลูกเขยรวยอย่างติณณภัทรอีก"แกจะพอได้หรือยังนับดาว จะตอกย้ำให้พี่เขาเสียใจไปถึงไหน" ทนงศักดิ์ที่นั่ง
@คอนโดนับดาวนับดาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีที่มาถึงคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ทว่าเธอหลับตาลงได้ไม่ทิ้งห้านาทีก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้นระรัว รีบเอื้อมมือไปหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ส้มจึงกดรับสาย(เห็นข่าวตัวเองรึยังนับ ตอนนี้เต็มโซเชียลไปหมด แล้วแกก็อธิบายมาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมในข่าวถึงแกถึงย่องจดทะเบียนสมรสกับคุณติณณภัทร)ทันทีที่เธอกดรับปลายสายก็พ่นคำพูดใส่จนไฟแลบ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้เธอตกใจเท่ากับประโยคที่เพื่อนสาวบอกในที่สุดเรื่องของเธอกับติณณภัทรก็เป็นข่าวจนได้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนตอบเพื่อนสาวไป "แกมาหาฉันที่คอนโดสิ เดี๋ยวจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง"(โอเคฉันจะรีบไป) ว่าจบปลายสายก็วางไป นับดาวจึงรีบเปิดเฟสบุ๊คเพื่อดูข่าวของตัวเองซึ่งมันเป็นไปตามที่เพื่อนสาวบอกไม่มีผิด หน้าฝืดเต็มไปด้วยข่าวของเธอกับติณณภัทรที่คนนับพันต่างพากันแชร์ รีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าวด้วยความอยากรู้ว่างานนี้นักข่าวจะตีสีใส่ไข่ไปมากแค่ไหนเป็นประเด็นร้อนแรงอีกแล้วนะคะสำหรับนางแบบสาวคนดังอย่าง 'นับดาว พรนับพัน จิระกาญ' ที่ย่องไปจดทะเบียนสมรสแบบเงียบ
วันต่อมาหลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จนับดาวก็หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาติณณภัทรทันทีเพื่อบอกล่าวว่าเธอจะไปหาพ่อแม่เขาที่บ้าน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(มีอะไร)"เมียแค่จะโทรมาบอกสามีนะคะ ว่าตอนนี้กำลังจะขับรถไปไหว้พ่อกับแม่สามีที่บ้าน พร้อมกับขนเสื้อผ้าไปอยู่กับสามีแล้ว" เธอเอ่ยบอกปลายสายอย่างอารมณ์ดี(หยุดเลยนะนับดาว ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรหยุดคิดเดี๋ยวนี้) ปลายสายกดเสียงพูดอย่างดุดัน ทว่านับดาวหาได้สนใจไม่ ตอบกลับอย่างท้าทาย "ไม่หยุดค่ะ เจอกันที่บ้านนะคะคุณสามี บ๊ายบาย" ว่าจบก็กดวางสายเธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเพียงคิดว่าตอนนี้อีกคนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะรีบขับรถตรงไปยังบ้านของเขาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบ้านอัครกุลปรากฏว่าเห็นรถชายหนุ่มจอดอยู่แล้วไม่รู้ว่าตอนที่เธอโทรมาเขาอยู่บ้านอยู่แล้ว หรือพอรู้ว่าเธอจะมาเลยรีบกลับบ้านก่อนกันแน่ ที่สำคัญตอนนี้เขากำลังเดินหน้าบอกบุญไม่รับตรงมายังรถของเธอราวกับว่ากำลังรอการมาของเธออยู่ เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยืนมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ "สามีมารับเมียเหรอคะ""ฉันมาไล่ต่างหาก กลับไปบ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับเธ
"โอ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยติณณภัทร" นับดาวร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นเมื่ออีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ แล้วจับแขนดึงให้เธอลงจากรถ เธอพยายามขืนตัวใช้อีกมือเหนี่ยวรั้งเบาะสุดแรงไม่ให้ตัวลอยไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่อาจต้านกำลังคนตัวโตกว่าได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงออกจากรถได้สำเร็จทันทีที่ดึงหญิงสาวออกจากรถได้สำเร็จติณณภัทรก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับจัดการล็อกประตูรถด้วยความเร็วไม่ต้องการให้อีกคนขึ้นรถได้ จากนั้นก็ขับออกไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะกลับยังไง "อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย" นับดาวส่งเสียงกรีดในลำคอกระโดดเต้นเร่า ๆ ด้วยความโมโห สายตามองตามรถคันหรูที่เคลื่อนจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะกลับมาสนใจสภาพตัวเองต่อว่าจะกลับไปที่บ้านชายหนุ่มยังไงตอนนี้เธอไม่มีทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ติดตัวเลยเพราะอยู่ในรถยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความแค้นนี้เธอจะต้องได้ชำระคิดว่าทำแบบนี้จะล้มเลิกความตั้งใจเธอได้เหรอบอกเลยว่าไม่ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะเธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนหันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่เผื่อว่าจะขับผ่านมาบ้างเธอจะได้กลับที่บ้านชายหนุ่มอีกคร
หลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน"เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว""เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้"เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดีแรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~เ
ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไรจะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตามเธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร