วันต่อมาหลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จนับดาวก็หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาติณณภัทรทันทีเพื่อบอกล่าวว่าเธอจะไปหาพ่อแม่เขาที่บ้าน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ
(มีอะไร) "เมียแค่จะโทรมาบอกสามีนะคะ ว่าตอนนี้กำลังจะขับรถไปไหว้พ่อกับแม่สามีที่บ้าน พร้อมกับขนเสื้อผ้าไปอยู่กับสามีแล้ว" เธอเอ่ยบอกปลายสายอย่างอารมณ์ดี (หยุดเลยนะนับดาว ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรหยุดคิดเดี๋ยวนี้) ปลายสายกดเสียงพูดอย่างดุดัน ทว่านับดาวหาได้สนใจไม่ ตอบกลับอย่างท้าทาย "ไม่หยุดค่ะ เจอกันที่บ้านนะคะคุณสามี บ๊ายบาย" ว่าจบก็กดวางสาย เธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเพียงคิดว่าตอนนี้อีกคนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะรีบขับรถตรงไปยังบ้านของเขาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบ้านอัครกุลปรากฏว่าเห็นรถชายหนุ่มจอดอยู่แล้วไม่รู้ว่าตอนที่เธอโทรมาเขาอยู่บ้านอยู่แล้ว หรือพอรู้ว่าเธอจะมาเลยรีบกลับบ้านก่อนกันแน่ ที่สำคัญตอนนี้เขากำลังเดินหน้าบอกบุญไม่รับตรงมายังรถของเธอราวกับว่ากำลังรอการมาของเธออยู่ เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยืนมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ "สามีมารับเมียเหรอคะ" "ฉันมาไล่ต่างหาก กลับไปบ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับเธอ" ทว่าคำตอบที่อีกคนสวนกลับทำเอาเธอต้องหุบยิ้มลงฉับพลัน แสร้งตีหน้าเศร้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อทำเหมือนเสียใจทั้งที่ความจริงไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด "สามีพูดแบบนี้เมียเสียใจนะคะ" "ฉันรู้เธอแสแสร้ง" ติณณภัทรกดเสียงว่าคนที่ตีหน้าเศร้าอย่างเหลืออดมองลงมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าเธอแสร้งทำ เขารู้สึกเอือมระอากับเธอเต็มทนแล้วจริง ๆ นึกว่าจดทะเบียนเสร็จเธอจะเลิกวุ่นวายกับเขา แต่มันไม่ใช่เลยเธอกลับยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม "หว่า..ถูกสามีรู้ทันอีกล่ะ" คนถูกรู้ทันรำพึงออกมาเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่ผุดขึ้นประดับมุมปากหยักสามีของเธอนี่ช่างแสนรู้จริง ๆ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็รู้ทันไปหมด อีกคนได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาจับจ้องใบหน้าสวยเขม็งหากฉีกเนื้อเธอได้เขาคงทำไปแล้ว นับดาวรู้ว่าชายหนุ่มกำลังโกรธเธอมากแค่ไหน แต่แล้วไงใครแคร์ เอ่ยออกมาอย่างลอยหน้าลอยตา "เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะคุณสามี" ว่าจบก็ก้าวเท้าเดินฉับ ๆ เข้าไปในบ้านโดยไม่รอให้อีกคนอนุญาต ซึ่งแน่นอนว่าติณณภัทรไม่ยอมให้เธอเข้าไปพบพ่อแม่เขาง่าย ๆ เพราะกลัวเธอจะไปทำนิสัยไม่ดีใส่พวกท่าน "หยุดเดี๋ยวนี้นับดาว ผมบอกให้กลับไป" รีบตามไปกระชากแขนเธอไว้จนร่างบางตัวหมุนเซถลาปะทะอกเขาดังปึกทำเอานับดาวใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้พยายามสะบัดแขนออกจากการจับกุมสุดแรงเมื่อเธอตั้งใจไว้แล้วก็จะทำให้ได้ "ปล่อยฉันนะติณณภัทร ฉันแค่จะไปทำความเคารพพ่อแม่สามีตามมารยาทมันจะอะไรนักหนา" "เธอนี่มันดื้อด้านจริง ๆ นับดาว ก็บอกแล้วไงว่าคนบ้านนี้ไม่ต้อนรับเธอ" ติณณภัทรเองก็ไม่ยอมแพ้ยิ่งออกแรงบีบต้นแขนเล็กมากขึ้น ๆ จนอีกคนรู้สึกเจ็บเหมือนกับกระดูกจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ น้ำตาคลอเบ้าอย่างห้ามไม่ได้ "คุณจะเล่นแบบนี้ใช่ไหมได้" คิดว่าเธอจะยอมเจ็บฝ่ายเดียวเหรอไม่มีทาง ว่าจบเธอก็ก้มลงกัดหลังมือหนาอย่างแรงระบายความโกรธที่คุกรุ่นในกาย "โอ๊ย! ยัยบ้า" คนถูกกัดร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ รีบสะบัดมือออกจากแขนเล็กก้มมองหลังที่มีรอยเขี้ยว และเลือดซิบออกมาด้วยแววตาวาวโรจน์ ขณะที่เจ้าของรอยเขี้ยวไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด "สมน้ำหน้า" เอ่ยกระแทกเสียงพร้อมยกยิ้มออกมาด้วยความสะใจ จากนั้นก็รีบเดินกึ่งวิ่งหมายเข้าไปในบ้าน ทว่าก้าวได้ไม่เท่าไรเธอก็ต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกอีกคนตามมาจับตัวขึ้นอุ้มพาดบ่า พยายามดีดดิ้นรัวกำปั้นทุบตีแผ่นหลังคนตัวโตสุดแรงหวังให้เขาปล่อยลง "ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะติณณภัทร บอกให้ปล่อย" "อย่าหวังว่าผมจะปล่อยให้คุณเข้าไปพบพ่อแม่ผมได้" แรงทุบตีเพียงน้อยนิดของนับดาวไม่ได้ทำให้ติณณภัทรรู้สึกเจ็บสักนิด กลับอุ้มเธอเดินตรงไปที่รถตัวเองด้วยท่าทางสบาย ไม่ว่ายังไงเขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงนิสัยกร้าวร้าวอย่างนับดาวพบพ่อแม่เด็ดขาด โดยเฉพาะผู้เป็นแม่หากพบกันคงได้ปะทะฝีปากกันแน่ ๆ เพราะต่างคนต่างฝีปากดีด้วยกันทั้งคู่ "ไอ้บ้าติณณภัทรปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยสิโว้ย!" นับดาวร้องโวยวายด้วยความโมโห แม้รู้ว่าสู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ได้แต่เธอก็ยังดีดดิ้น และรัวกำปั้นใส่แผ่นหลังกว้างไม่หยุด ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดในเวลาต่อมาเมื่อถูกคนป่าเถื่อนจับยัดเข้าไปในรถฝั่งข้างคนขับเหมือนเธอเป็นสิ่งของทำให้ศีรษะเธอโขกกับขอบประตูอย่างแรง แค่นั้นไม่พอยังหน้าคะมำชนช่องใส่ของระหว่างเบาะอีกคงไม่ต้องถามว่าเจ็บแค่ไหน ติณณภัทรรู้ว่าหญิงสาวคงเจ็บน่าดูแต่ไม่คิดสนใจรีบเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ แล้วบึ่งรถออกจากบ้านทันทีไม่รอให้อีกคนได้ตั้งตัวทำให้นับดาวที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเซถลาชนคอนโซลรถเต็ม ๆ ในตอนที่รถเลี้ยวออกจากรั้วบ้านออัครกุล "โอ๊ย! ไอ้บ้าติณณภัทรฉันเจ็บนะ จะฆ่ากันรึไง" เธอตะเบ็งเสียงด่าตัวต้นเหตุด้วยความโมโหพลางขยับตัวนั่งให้เข้าที่เข้าทาง ให้ตายเถอะเขาทำแบบนี้เหมือนต้องการฆ่าเธอทางอ้อมชัด ๆ หากไม่ติดว่าเขากำลังขับรถอยู่นะจะเอาคืนให้หนักเลย "ผู้หญิงดื้อด้านอย่างเธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ" ติณณภัทรย้อนถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับตวัดสายตามองเธอแวบหนึ่ง แล้วจดจ่อกับถนนต่อ "คุณจะพาฉันไปไหน" นับดาวเลือกไม่ต่อล้อต่อเถียงต่อยิงถามใส่แทน ตอนนี้เธออยากรู้มากกว่าว่าเขาจะพาเธอไปไหน "กลับไปส่งฉันที่บ้านคุณเดี๋ยวนี้นะ" "..." "ฉันพูดกับคุณไม่ได้ยินรึไงติณณภัทร" เสียงห้วนเอ่ยออกมาดังกว่าเดิมเมื่ออีกคนทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ แต่เธอก็ยังได้รับความเงียบตอบกลับมาเหมือนเดิม ยิ่งทำให้อารมณ์เธอเดือดดาลมากกว่าเดิมยิ่งทำให้เธออยากเอาชนะ "ติณณภัทร!" โน้มไปตะเบ็งเสียงเรียกใกล้หูของเขาดังลั่นทำเอาอีกคนแสบแก้วหูจนต้องตบไฟเลี้ยวจอดข้างทางฉับพลัน "เธอทำบ้าอะไร" ติณณภัทรยกมือขึ้นลูบหูตัวเองเบา ๆ พลางจ้องร่างบางข้าง ๆ ด้วยความโมโห "นึกว่าหูหนวกไงเลยต้องเรียกดัง ๆ" นับดาวลอยหน้าลอยตาตอบพร้อมกับยกยิ้มร้ายใส่เขาไปหนึ่งทีอย่างผู้ชนะ ท่าทางแสนยียวนและคำพูดกวนประสาทของหญิงสาวทำเอาติณณภัทรกัดกรามกรอดด้วยความโกรธจัด ก่อนจะกดเสียงพูดอย่างดุดัน "ลงไปจากรถฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนฉันจะหมดความอดทนแล้วฆ่าเธอตาย" "อุ้ย! กลัวจังเลยค่ะคุณสามีข๋า" นับดาวยกมือทาบอกแสร้งทำเป็นกลัวทั้งที่ในใจกำลังยิ้มเยาะอยู่ เธออยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำอะไร นั่นทำให้ความอดทนของติณณภัทรหมดลง"โอ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยติณณภัทร" นับดาวร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นเมื่ออีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ แล้วจับแขนดึงให้เธอลงจากรถ เธอพยายามขืนตัวใช้อีกมือเหนี่ยวรั้งเบาะสุดแรงไม่ให้ตัวลอยไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่อาจต้านกำลังคนตัวโตกว่าได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงออกจากรถได้สำเร็จทันทีที่ดึงหญิงสาวออกจากรถได้สำเร็จติณณภัทรก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับจัดการล็อกประตูรถด้วยความเร็วไม่ต้องการให้อีกคนขึ้นรถได้ จากนั้นก็ขับออกไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะกลับยังไง "อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย" นับดาวส่งเสียงกรีดในลำคอกระโดดเต้นเร่า ๆ ด้วยความโมโห สายตามองตามรถคันหรูที่เคลื่อนจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะกลับมาสนใจสภาพตัวเองต่อว่าจะกลับไปที่บ้านชายหนุ่มยังไงตอนนี้เธอไม่มีทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ติดตัวเลยเพราะอยู่ในรถยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความแค้นนี้เธอจะต้องได้ชำระคิดว่าทำแบบนี้จะล้มเลิกความตั้งใจเธอได้เหรอบอกเลยว่าไม่ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะเธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนหันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่เผื่อว่าจะขับผ่านมาบ้างเธอจะได้กลับที่บ้านชายหนุ่มอีกคร
หลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน"เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว""เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้"เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดีแรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~เ
ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไรจะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตามเธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร
"ว๊าย!"เอี๊ยดดด!นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตรส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้"บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่"พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด"กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา"กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแ
ติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรมือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่าเจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมดตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกันภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการ
"อึก" นับดาวรู้สึกปวดร้าวระบมตรงกลางกลายเป็นอย่างมากเมื่อคนด้านบนเริ่มสอบสะโพกกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าออกในร่องสาวแห้งฝืด ความเจ็บทำเอาเธอเผลอหุบขาเข้าอย่างลืมตัว แต่ก็โดนมือหนาจับให้ถ่างออกอีกครั้ง ทั้งที่เป็นครั้งที่สองแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ ไหนใครบอกว่าเซ็กซ์ทำให้มีความสุขไงนั่นมันคงจะใช้ได้กับคนที่เป็นคู่รักกันเท่านั้นแหละ มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดหลังมือปูดนูนข่มความรวดร้าวในกาย หลับตาเชิดหน้ากัดริมฝีปากเบา ๆ ทำเหมือนว่าเธอรู้สึกดีกับมันแค่ไหน ทั้งที่ในใจร้องตะโกนว่าเจ็บจะตายแล้วโว้ยเพราะคนด้านบนถาโถมแรงกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ไร้ความปราณีทุกแรงกระทำติณณภัทรจงใจทำให้หญิงสาวเจ็บ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยไปด้วยเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ มุมปากหนาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันที่ได้เห็นเศษเสี้ยวความเจ็บปวดบนใบหน้าสวยที่เธอเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเคลื่อนมือไปดึงบราเซียร์ออกทำให้สองเต้าอวบดีดเด้งออกมาโชว์ความใหญ่โต ฝ่ามือนุ่มกอบกำสองเต้าแล้วบีบเคล้นแรง ๆ พร้อมทั้งโน้มหน้าลงไปซุกไซ้ลำคอระหงฝังเขี้ยวคมบนผิวเนื้อขาวเรียบเนียน ขณะเอวสอบยังส่งแรงเข้าออกไม่
เช้าวันต่อมา"วันนี้แม่นับดาวไปไหนล่ะ ปกติจะมาเสนอหน้าแล้วนิ" อรอินที่กำลังเดินเข้าไปในห้องอาหารเอ่ยถามบุตรชายอย่างประชดประชันเมื่อเห็นแค่สองพ่อลูกนั่งทานอาหารอยู่โดยไร้เงาของอีกคน"ยังไม่ตื่นมั้งครับ" ติณณภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักพลางนึกถึงสภาพของหญิงสาวในเมื่อคืนที่โดนเอาจนสลบคาอกของเขา หลังจากเธอสลบเขาก็ไม่คิดจะดูดำดูดีสักนิด สวมเสื้อผ้าแล้วกลับไปยังห้องนอนตัวเองเลย เช้านี้เธอไม่ตื่นก็คงไม่แปลกโดนเล่นงานหนักเสียขนาดนั้น เผลอ ๆ ระบมจนลงจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ในเมื่อเธออวดเก่งเอง"ใช้ไม่ได้ ผู้หญิงอะไรตื่นหลังสามี ตื่นหลังพ่อแม่สามีแทนที่จะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้" อรอินอดค่อนแขวะไม่ได้อะไรที่เป็นนับดาวเธอก็ไม่ชอบหมดนั่นแหละ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งประมุขของบ้านนกับคนเป็นบุตรชายเพียงมองหน้ากันนิ่ง ๆ ไม่ออกความคิดเห็นด้วยเพราะเกรงว่าจะยืดยาวไม่รู้จบอรอินนึกขัดใจไม่น้อยที่สองพ่อลูกไม่คุยกับเธอ ตวัดดสายตามองหน้าทั้งสองอย่างอารมณ์เสีย ก่อนหันไปสั่งให้แม่บ้านตักข้าวต้มให้ จากนั้นก็นั่งทานไปเงียบ ๆ ติณณภัทรเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จก็ลุกเดินออกไปขึ้นรถขับตรงไปยัง
วันต่อมาครืดดด~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นับดาวที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหยุดชะงัก ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางบนเตียงมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนสาวจึงกดรับสาย"ว่าไงส้มโทรมาแต่เช้าเชียว" (ฉันอยู่พัทยาแล้วนะ เมื่อกี้ตอนฉันเข้าเช็คอินที่โรงแรม ฉันเห็นนีรนุชด้วยมากับผู้ชายคนหนึ่งท่าทางสนิทสนมกันมากเหมือนเป็นคู่รักกันเลย)"จริงเหรอ แล้วนีรนุชเห็นแกรึเปล่า" คำบอกล่าวจากปลายสายทำเอานับดาวหูผึ่ง (ไม่น่าจะเห็นเพราะพอฉันเห็นนีรนุชก็รีบวิ่งหลบมุมเลย)"นีรนุชพักอยู่โรงแรมนั้นเหมือนกันเหรอ"(ฉันว่าน่าจะใช่นะเพราะเห็นเดินออกมาจากลิฟต์) "งั้นแกช่วยจับตาดูไว้ให้หน่อยนะ ฉันจะรีบตามไป"(ได้ ๆ)เมื่อวางสายจากเพื่อนสาวนับดาวก็รีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วคว้ารีโมทรถกับกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องเพื่อเดินทางไปพัทยาตามจับตาดูนีรนุช ฟังจากที่เพื่อนสาวเล่ามาเธอว่ามันมีอะไรแปลก ๆ นีรนุชเพิ่งเสียใจจากติณณภัทรได้ไม่กี่วันจะทำใจ และมีคนรักใหม่ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เธอชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อยขณะกำลังเดินถึงห้องอาหารซึ่งคาดว่าตอนนี้ทุกคนคงนั่งทานอาหารกันอยู่ ปรายตามองไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนตั้งใจอยู่กับการทานอ