@คอนโดนับดาว
นับดาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีที่มาถึงคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ทว่าเธอหลับตาลงได้ไม่ทิ้งห้านาทีก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้นระรัว รีบเอื้อมมือไปหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ส้มจึงกดรับสาย (เห็นข่าวตัวเองรึยังนับ ตอนนี้เต็มโซเชียลไปหมด แล้วแกก็อธิบายมาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมในข่าวถึงแกถึงย่องจดทะเบียนสมรสกับคุณติณณภัทร) ทันทีที่เธอกดรับปลายสายก็พ่นคำพูดใส่จนไฟแลบ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้เธอตกใจเท่ากับประโยคที่เพื่อนสาวบอกในที่สุดเรื่องของเธอกับติณณภัทรก็เป็นข่าวจนได้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนตอบเพื่อนสาวไป "แกมาหาฉันที่คอนโดสิ เดี๋ยวจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง" (โอเคฉันจะรีบไป) ว่าจบปลายสายก็วางไป นับดาวจึงรีบเปิดเฟสบุ๊คเพื่อดูข่าวของตัวเองซึ่งมันเป็นไปตามที่เพื่อนสาวบอกไม่มีผิด หน้าฝืดเต็มไปด้วยข่าวของเธอกับติณณภัทรที่คนนับพันต่างพากันแชร์ รีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าวด้วยความอยากรู้ว่างานนี้นักข่าวจะตีสีใส่ไข่ไปมากแค่ไหนเป็นประเด็นร้อนแรงอีกแล้วนะคะสำหรับนางแบบสาวคนดังอย่าง 'นับดาว พรนับพัน จิระกาญ' ที่ย่องไปจดทะเบียนสมรสแบบเงียบ ๆ กับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างคุณ 'ติณณภัทร อัครสกุล' แต่ที่ร้อนแรงกว่านั้นคือมีคนวงในกระซิบมาว่านางแบบสาวคนดังไปแย่งคู่หมั้นของพี่สาวมานี่สิคะ ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเปล่างานนี้ชาวเน็ตคงต้องสวมบทโคนันตามสืบกันแล้วละคะว่าจะจริงหรือเท็จ ทันทีที่อ่านข่าวจบนับดาวถึงกับกำหมัดแน่นมันไม่ใช่แค่เรื่องเธอจดทะเบียนสมรสกับติณณภัทร แต่ยังเกี่ยวกับเรื่องนีรนุชด้วยซึ่งปาปารัสซี่ไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้แน่ ๆ หากไม่มีคนในบ้านของเธอ หรือคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวานเป็นคนเอาออกมาบอก ตอนนี้เธอสงสัยอยู่สองคนคือนีรนุชกับแม่เลี้ยงใจยักษ์เพราะดูมีเหตุจูงใจที่สุดแล้ว และดูเหมือนตอนนี้กระแสสังคมจะโจมตีเธอหนักมากมีคอมเมนท์ด้านลบเต็มไปหมด ที่ผ่านมาเธอมีแต่ข่าวในด้านที่ไม่ดีพอมีเรื่องแบบนี้คนส่วนใหญ่ก็ตัดสินไปเองแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งเธอก็ไม่เถียงเพราะเรื่องนี้คือความจริง แต่สิ่งที่เธอต้องทำคือหาตัวคนปล่อยข่าวให้ได้ เธอพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์วางลงที่เดิม จากนั้นก็หลับตาลงเพื่อพักผ่อนสายตา แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็ต้องปรือตาอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ เมื่อหยิบมาดูเป็นเบอร์ของติณณภัทรนั่นเองเธอจึงกดรับสายพอจะเดาได้ว่าเขาโทรมาทำไม "คิดถึงเมียหรอกคะคุณสามี" รู้ทั้งรู้ว่าเขาโทรมาด้วยเรื่องอะไร แต่เธอก็มิวายพูดกวนประสาทอีก (คุณเป็นคนปล่อยข่าวใช่ไหมนับดาว) ปลายสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีแววล้อเล่นบ่งบอกได้ว่าเขาโกรธมากแค่ไหน "คุณคิดว่าฉันจะโง่ปล่อยข่าวให้คนด่าตัวเองรึไง อยากรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวก็สืบเอาสิพ่อคูณ หากคุณมีหลักฐานว่าฉันเป็นคนทำ ฉันจะยอมหย่าให้เลยเอาไหม" นับดาวก็ไม่ยอมเช่นกันตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน แถมยังกล้าท้าทายอีกในเมื่อเธอไม่ได้เป็นคนทำจะกลัวทำไม ดีเสียอีกให้เขาเป็นคนสืบหากเป็นแบบที่เธอคิดเขาจะได้ตาสว่างสักทีว่าคนสองแม่ลูกนั่นไม่ได้แสนดีอย่างที่คิด (ก็ไม่แน่ คนอย่างเธอมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วนิเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ) แต่เหมือนปลายสายจะฟังหูสายทะลุหูขวายังมีหน้ามาว่าเธออีก เป็นแบบนี้ก็สุดแล้วแต่เถอะ "ก็แล้วแต่จะคิด ฉันไม่มีเวลามานั่งอธิบายกับคนใจแคบแบบคุณหรอก" ว่าจบก็กดวางสายทันทีให้รอให้ปลายสายพูดอะไรต่อ "เชิญโง่ให้สองคนแม่ลูกนั่นหลอกต่อไปเถอะ" เธอบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่มดับอารมณ์คุกรุ่นในกาย แกร็ก! ระหว่างนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามานับดาวไม่ต้องออกไปดูก็รู้แล้วว่าเป็นส้มเพื่อนสนิทเพราะมีเธอคนเดียวที่รู้รหัสห้องนี้ ไม่ทันขาดคำเสียงของเพื่อนสาวก็ดังโวยวายขึ้น "ยัยนับอยู่ไหนมาคุยกันให้รู้เรื่องเลย" แต่ผิดคาดนิดหน่อนเมื่อเดินออกมาดูยังห้องนั่งเล่นปรากฏว่าแบงค์มาด้วย แถมตอนนี้ทั้งสองก็มองมาทีเธอราวกับจะเขมือบหัวยังไงยังงั้น งานนี้เธอคงต้องนั่งตอบคำถามทั้งสองยาว ๆ แล้วล่ะ "ว่ามาฉันกับไอ้แบงค์รอฟังอยู่" ส้มยิงคำถามทันทีที่นับดาวหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม "ข่าวนั่นเป็นจริงทุกอย่าง ฉันไม่มีอะไรจะปฏิเสธ" นับดาวลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนยอมรับไปตามตรง ไม่คิดแก้ตัวใด ๆ เธอทำจริงก็ต้องยอมรับต่อให้เพื่อนทั้งสองจะมองเธอเปลี่ยนไปก็ตาม "พวกแกจะว่าฉันเลว ฉันก็ยอมรับ" คำตอบจากปากนับดาวทำเอาส้มกับแบงค์นิ่งเงียบไปชั่วครู่ หันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายเหมือนชั่งใจอะไรบางอย่าง ซึ่งทั้งสองจักนิสัยนับดาวดีว่าเธอไม่มีทางทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน บางทีเบื้องลึกเบื้องหลังอาจมีอะไรมากกว่าที่เห็นทั้งสองเชื่อแบบนั้น ยิ่งเรื่องจดทะเบียนยิ่งแล้วใหญ่เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่านับดาวขยาดผู้ชายขนาดที่ป่าวประกาศว่าชาตินี้จะไม่ขอแต่งงาน หรือยุ่งเกี่ยวกับผู้ชาย "เรื่องนี้มันมีอะไรมากกว่าที่เห็นใช่ไหม" ส้มมองหน้าถามอย่างคาดคั้น ซึ่งนับดาวก็ไม่คิดจะปิดบังเพราะยังไงเรื่องมันก็แดงขึ้นมาขนาดนี้แล้ว จึงตัดสินใจเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟังตั้งแต่ต้นจนจบ "ทำไมแกทำแบบนี้ว่ะนับ" ฟังเพื่อนสาวเล่าจบแบงค์ก็อดโกรธไม่ได้จริง ๆ เพราะทั้งเขา และส้มเคยเตือนไปแล้วว่าให้หยุดเรื่องที่คิดจะเอาคืนสองคนแม่ลูกนั่น แต่เพื่อนสาวก็ไม่ฟังสุดท้ายเป็นไงล่ะให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตน "เห็นไหมว่าผลมันออกมาเป็นยังไง" "ใช่นับ แล้วทำไมแกถึงไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับพวกฉันสักคำ" ส้มเอ่ยเสริมมองหน้าเพื่อนสาวอย่างตัดพ้อ "ถ้าฉันบอกพวกแกก็จะห้ามไม่ให้ฉันทำ และในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วฉันก็ต้องยอมรับ แล้วเดินหน้าต่อ" "ที่พวกฉันห้ามเพราะรัก และหวังดีกับแกนะ" ส้มเอ่ย "ฉันรู้ว่าพวกแกรัก และหวังดีกับฉัน แต่ฉันไม่สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ได้จริง ๆ จนกว่าสองคนแม่ลูกนั่นจะได้รับกรรม" "สรุปแกยังจะเดินหน้าเอาคืนสองคนแม่ลูกนั่นต่อ ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม" ส้มถามย้ำให้แน่ใจว่าเธอเข้าใจไม่ผิดเพราะดูจากสายตาอาฆาต และใบหน้าจริงจังแล้วเพื่อนสาวคงไม่ล้มเลิกเรื่องนี้แน่ "ใช่" "งั้นตามใจแกก็แล้วกัน แต่ทำอะไรก็นึกถึงผลเสียที่ตามมาด้วย ยังไงฉันกับแบงค์ก็อยู่ข้างแกเสมอ" สุดท้ายส้มก็ต้องร่วมลงเรือลำเดียวกับเพื่อนสาว เพราะความรัก และความผูกพันธ์ที่มีต่อกันถึงแม้จะไม่เห็นด้วยสักเท่าไรก็ตาม สำหรับคนอื่นนับดาวอาจจะเป็นคนแรง ๆ นิสัยไม่ดี แต่ในฐานะเพื่อนนับดาวคือเพื่อนที่ดีที่สุด และนับดาวก็ไม่ได้ร้ายแบบไม่มีเหตุผลเธอเชื่อว่าเพื่อนสาวต้องเจออะไรมามากมายแน่ถึงได้จงเกลียดจงชังสองแม่ลูกนั่นขนาดนี้ ส่วนแบงค์เองก็คิดแบบนี้เพราะเคยได้ยินเรื่องปัญหาภายในครอบครัวจากนับดาวมามากพอสมควร "ขอบคุณพวกแกมากนะ ที่ยังยืนข้างฉันเสมอแม้ว่าฉันจะนิสัยไม่ดีก็ตาม" นับดาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมารู้สึกซึ้งใจในความรักของเพื่อน ๆ ที่เธอสัมผัสมาได้ตลอด ก่อนจะลุกเดินเข้าไปสวมกอดทั้งสองหลวม "ฉันรักพวกแกนะ" "ฉันก็รักแก ยัยนับดาวนิสัยไม่ดี" ส้มเอ่ยแกล้มหยอกล้อพลางสวมกอดตอบอย่างแนบแน่นส่งผ่านความรู้สึกให้เพื่อนสาว "ฉันก็รักแกนะ" แบงค์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าบอกรักออกไปเสียงหนักแน่น และมันแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เกินคำว่าเพื่อน ใช่เขาไม่ได้รู้สึกกับนับดาวแค่เพื่อน แต่เขาแอบรักนับดาวมานานแล้วตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ทว่าเพราะมีคำว่าเพื่อนค้ำคออยู่บวกกับนับดาวเคยพูดเสมอว่าชาตินี้จะไม่ขอข้องเกี่ยวกับผู้ชายในเชิงชู้สาวเขาจึงทำได้เพียงเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ กลัวว่าบอกไปความสัมพันธ์อันดีนี้จะจบลง เรื่องที่ได้รับรู้ในวันนี้ทำให้เขาเจ็บไม่น้อยแต่จะทำยังไงได้ล่ะนอกจากทำใจเพราะแสดงอะไรออกไปไม่ได้มาก "แล้วแกจะเอายังไงต่อตั้งแต่เกิดเรื่องคนที่เคยดีลงานกับเราพากันทยอยยกเลิกงานไปหมดเลย ไหนจะคอมเมนท์ด้านลบอีก ชาวเน็ตเมาท์กันสนุกปากเลย" ส้มเอ่ยขึ้นหลังจากผละกอดเพื่อนสาวแล้ว พลางล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาเปิดดูข่าว "ปล่อยไปเถอะ เดี๋ยวนานไปข่าวก็เงียบเองแหละ" นับดาวเอ่ยอย่างไม่ใส่มากนัก เธอทน และก้าวผ่านความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดจากคำก่นด่า และการกระทำรุนแรงของบิดามาได้เพราะฉะนั้นคำพูดของชาวเน็ต หรือใคร ๆ ก็ไม่สามารถกระทบกระเทือนต่อมความรู้สึกของเธอได้อีกแล้ว อีกอย่างเธอก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาบ่อยจนชินตั้งแต่เข้าวงการนางแบบมา "มันต้องอย่างนี้สิ" ส้มยกยิ้มออกมาอย่างพอใจกับความเข้มแข็งของเพื่อนสาวตอนแรกพอเห็นคอมเมนท์แรง ๆ ในเน็ตเธอก็อดกังวลไม่ได้ แต่เพื่อนสาวเข้มแข็งกว่าที่เธอคิดจริง ๆ "แล้วเรื่องงานล่ะ ไม่มีงานแกะเอาอะไรกิน" "ฉันมีเงินเก็บอยู่ไม่ต้องห่วงหรอก นั่งกินนอนกินได้อีกเป็นปี" นับดาวเอ่ยติดตลก แต่ที่เธอพูดคือความจริงเพราะตลอดเวลาที่ทำงานเธอจะแยกเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้เผื่อยามฉุกเฉิน ทว่านั่นมันก็เป็นแค่คำพูดทำให้เพื่อนสบายใจเพราะความจริงแล้วเธอมีทางได้เงินใช้โดยไม่ต้องควักของตัวเองสักบาท หนำซ้ำงานนี้ยังสามารถทำให้สองแม่ลูกนั่นอิจฉาตาร้อนจนนั่งไม่ติดเลยล่ะอยากสร้างเรื่องให้เธอดีนัก กระเป๋าเงินที่ว่าก็คือติณณภัทรยังไงล่ะในเมื่อเขาเป็นสามีเธอแล้ว เธอก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าหน่อยสิ "หากไม่พอเอาที่เราก่อนได้นะ" แบงค์เอ่ยด้วยความเป็นห่วงเป็นใย "ได้ ฉันจะเอาจากแกให้หมดตัวเลย" นับดาวตอบกลับติดตลก ทั้งสามนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนค่ำส้มกับแบงค์จึงกลับไป นับดาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ แล้วเข้านอนเพราะพรุ่งนี้มีเรื่องให้ทำอีกมากมายโดยเฉพาะต้องไปหาพ่อแม่ของติณณภัทร แม้เธอจะจดทะเบียนสมรสกับเขาเพราะเหตุผลบางอย่าง แต่เธอก็ควรเข้าไปทำความเคารพผู้ใหญ่ทั้งสองสักหน่อย ถึงไม่รู้ว่าทั้งสองจะต้อนรับเธอหรือไม่ ที่สำคัญคือไปหาสามีสุดที่เกลียดอย่างติณณภัทรบอกเลยงานนี้เธอจะทำให้เขาเห่าเป็นหมาให้ได้ทำท่ารังเกียจเธอดีนักวันต่อมาหลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จนับดาวก็หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาติณณภัทรทันทีเพื่อบอกล่าวว่าเธอจะไปหาพ่อแม่เขาที่บ้าน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(มีอะไร)"เมียแค่จะโทรมาบอกสามีนะคะ ว่าตอนนี้กำลังจะขับรถไปไหว้พ่อกับแม่สามีที่บ้าน พร้อมกับขนเสื้อผ้าไปอยู่กับสามีแล้ว" เธอเอ่ยบอกปลายสายอย่างอารมณ์ดี(หยุดเลยนะนับดาว ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรหยุดคิดเดี๋ยวนี้) ปลายสายกดเสียงพูดอย่างดุดัน ทว่านับดาวหาได้สนใจไม่ ตอบกลับอย่างท้าทาย "ไม่หยุดค่ะ เจอกันที่บ้านนะคะคุณสามี บ๊ายบาย" ว่าจบก็กดวางสายเธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเพียงคิดว่าตอนนี้อีกคนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะรีบขับรถตรงไปยังบ้านของเขาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบ้านอัครกุลปรากฏว่าเห็นรถชายหนุ่มจอดอยู่แล้วไม่รู้ว่าตอนที่เธอโทรมาเขาอยู่บ้านอยู่แล้ว หรือพอรู้ว่าเธอจะมาเลยรีบกลับบ้านก่อนกันแน่ ที่สำคัญตอนนี้เขากำลังเดินหน้าบอกบุญไม่รับตรงมายังรถของเธอราวกับว่ากำลังรอการมาของเธออยู่ เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยืนมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ "สามีมารับเมียเหรอคะ""ฉันมาไล่ต่างหาก กลับไปบ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับเธ
"โอ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยติณณภัทร" นับดาวร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นเมื่ออีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ แล้วจับแขนดึงให้เธอลงจากรถ เธอพยายามขืนตัวใช้อีกมือเหนี่ยวรั้งเบาะสุดแรงไม่ให้ตัวลอยไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่อาจต้านกำลังคนตัวโตกว่าได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงออกจากรถได้สำเร็จทันทีที่ดึงหญิงสาวออกจากรถได้สำเร็จติณณภัทรก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับจัดการล็อกประตูรถด้วยความเร็วไม่ต้องการให้อีกคนขึ้นรถได้ จากนั้นก็ขับออกไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะกลับยังไง "อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย" นับดาวส่งเสียงกรีดในลำคอกระโดดเต้นเร่า ๆ ด้วยความโมโห สายตามองตามรถคันหรูที่เคลื่อนจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะกลับมาสนใจสภาพตัวเองต่อว่าจะกลับไปที่บ้านชายหนุ่มยังไงตอนนี้เธอไม่มีทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ติดตัวเลยเพราะอยู่ในรถยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความแค้นนี้เธอจะต้องได้ชำระคิดว่าทำแบบนี้จะล้มเลิกความตั้งใจเธอได้เหรอบอกเลยว่าไม่ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะเธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนหันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่เผื่อว่าจะขับผ่านมาบ้างเธอจะได้กลับที่บ้านชายหนุ่มอีกคร
หลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน"เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว""เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้"เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดีแรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~เ
ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไรจะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตามเธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร
"ว๊าย!"เอี๊ยดดด!นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตรส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้"บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่"พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด"กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา"กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแ
ติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรมือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่าเจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมดตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกันภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการ
"อึก" นับดาวรู้สึกปวดร้าวระบมตรงกลางกลายเป็นอย่างมากเมื่อคนด้านบนเริ่มสอบสะโพกกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าออกในร่องสาวแห้งฝืด ความเจ็บทำเอาเธอเผลอหุบขาเข้าอย่างลืมตัว แต่ก็โดนมือหนาจับให้ถ่างออกอีกครั้ง ทั้งที่เป็นครั้งที่สองแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ ไหนใครบอกว่าเซ็กซ์ทำให้มีความสุขไงนั่นมันคงจะใช้ได้กับคนที่เป็นคู่รักกันเท่านั้นแหละ มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดหลังมือปูดนูนข่มความรวดร้าวในกาย หลับตาเชิดหน้ากัดริมฝีปากเบา ๆ ทำเหมือนว่าเธอรู้สึกดีกับมันแค่ไหน ทั้งที่ในใจร้องตะโกนว่าเจ็บจะตายแล้วโว้ยเพราะคนด้านบนถาโถมแรงกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ไร้ความปราณีทุกแรงกระทำติณณภัทรจงใจทำให้หญิงสาวเจ็บ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยไปด้วยเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ มุมปากหนาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันที่ได้เห็นเศษเสี้ยวความเจ็บปวดบนใบหน้าสวยที่เธอเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเคลื่อนมือไปดึงบราเซียร์ออกทำให้สองเต้าอวบดีดเด้งออกมาโชว์ความใหญ่โต ฝ่ามือนุ่มกอบกำสองเต้าแล้วบีบเคล้นแรง ๆ พร้อมทั้งโน้มหน้าลงไปซุกไซ้ลำคอระหงฝังเขี้ยวคมบนผิวเนื้อขาวเรียบเนียน ขณะเอวสอบยังส่งแรงเข้าออกไม่
เช้าวันต่อมา"วันนี้แม่นับดาวไปไหนล่ะ ปกติจะมาเสนอหน้าแล้วนิ" อรอินที่กำลังเดินเข้าไปในห้องอาหารเอ่ยถามบุตรชายอย่างประชดประชันเมื่อเห็นแค่สองพ่อลูกนั่งทานอาหารอยู่โดยไร้เงาของอีกคน"ยังไม่ตื่นมั้งครับ" ติณณภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักพลางนึกถึงสภาพของหญิงสาวในเมื่อคืนที่โดนเอาจนสลบคาอกของเขา หลังจากเธอสลบเขาก็ไม่คิดจะดูดำดูดีสักนิด สวมเสื้อผ้าแล้วกลับไปยังห้องนอนตัวเองเลย เช้านี้เธอไม่ตื่นก็คงไม่แปลกโดนเล่นงานหนักเสียขนาดนั้น เผลอ ๆ ระบมจนลงจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ในเมื่อเธออวดเก่งเอง"ใช้ไม่ได้ ผู้หญิงอะไรตื่นหลังสามี ตื่นหลังพ่อแม่สามีแทนที่จะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้" อรอินอดค่อนแขวะไม่ได้อะไรที่เป็นนับดาวเธอก็ไม่ชอบหมดนั่นแหละ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งประมุขของบ้านนกับคนเป็นบุตรชายเพียงมองหน้ากันนิ่ง ๆ ไม่ออกความคิดเห็นด้วยเพราะเกรงว่าจะยืดยาวไม่รู้จบอรอินนึกขัดใจไม่น้อยที่สองพ่อลูกไม่คุยกับเธอ ตวัดดสายตามองหน้าทั้งสองอย่างอารมณ์เสีย ก่อนหันไปสั่งให้แม่บ้านตักข้าวต้มให้ จากนั้นก็นั่งทานไปเงียบ ๆ ติณณภัทรเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จก็ลุกเดินออกไปขึ้นรถขับตรงไปยัง