แชร์

บทที่ 11 จดทะเบียนสมรส

วันต่อมา

นับดาวเดินฮั่มเพลงลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างสบายใจ เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโต๊ะอาหารที่มีบิดา แม่เลี้ยงใจยักษ์ และนีรนุชนั่งอยู่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขมากแค่ไหน

เธอมองหน้าแม่เลี้ยงใจยักษ์พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากให้อย่างผู้ชนะ ก่อนเลื่อนสายตาไปบอกกล่าวกับบิดาเสียงดังฟังชัดจงใจให้ทุกคนได้ยินกันทั่วถึง "นับจดทะเบียนสมรสกับติณณภัทรววันนี้นะคะ ตอน 10โมง"

ทุกคนที่นั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน กลับหันไปมองนีรนุชที่นั่งหน้าเศร้าด้วยความเป็นห่วงทำให้เธออดหมั่นไส้ไม่ได้จึงจงใจพูดตอกย้ำให้นีรนุชเสียใจเข้าไปอีก "พี่นุชช่วยไปเป็นพยานรักให้นับกับติณณภัทร เอ้ย! ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าพี่ภัทรเพราะเรากำลังจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พี่นุชช่วยไปเป็นสักขีพยานให้ได้ไหมคะ"

ว่าจบเธอก็ลอบยิ้มออกมาอย่างสะใจกับสีหน้าของนีรนุชที่ดูจะแย่มากกว่าเก่า โดยเฉพาะแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่มองเธอเขม็งคงโกรธเธอมากสินะที่ทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง ไหนจะผิดหวังที่ไม่ได้ลูกเขยรวยอย่างติณณภัทรอีก

"แกจะพอได้หรือยังนับดาว จะตอกย้ำให้พี่เขาเสียใจไปถึงไหน" ทนงศักดิ์ที่นั่งหัวโต๊ะต่อว่าบุตรสาวคนเล็กอย่างเหลืออดทั้งที่พยายามข่มอารมณ์ไว้แล้ว แต่บุตรสาวก็ยังหาเรื่องไม่เลิกไม่รู้ว่าจงเกลียดจงชังอะไรบุตรสาวคนโตนักหนา

"ตอกย้ำที่ไหนกันคะ นับเห็นว่าพี่นุชเป็นพี่หรอกถึงได้ชวนไปในงานสำคัญแบบนี้" นับดาวตอบอย่างลอยหน้าลอยตาพร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

"ขอตัวก่อนนะคะนุชอิ่มแล้ว" นีรนุชมองหน้าน้องสาวต่างมารดาที่เธอรักอย่างจริงใจด้วยแววตาเจ็บปวด และตัดพ้อถูกคนอื่นแทงข้างหลังยังไม่เท่าถูกคนที่เธอเห็นเป็นน้องสาวมาตลอดแทงข้างหลัง เธอรู้ว่านับดาวไม่ชอบเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้มันผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวดจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

"ขอตัวก่อนนะคะนุชอิ่มแล้ว" เธอรีบขอตัวออกจากโต๊ะอาหารทั้งที่ทานได้แค่ไม่กี่คำเพราะกลัวน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้จะไหลออกมาแล้วทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเสีย

ทันทีที่ขึ้นมาถึงห้องนอนเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่ต้องอายใครระบายความเจ็บปวดที่มันสุ่มอยู่ในอกกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอจึงค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกพยายามกลั้นก้อนสะอื้น หยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ติณณภัทร ชั่งใจอยู่ชั่วครู่จึงกดรับสายเพราะต้องการเคลียร์ใจให้มันจบ ๆ ไปก่อนที่เขาจะเป็นสามีของน้องสาวต่างมารดาอย่างเป็นทางการ

เธอไม่อยากติดต่อ หรือเกี่ยวข้องกับติณณภัทรอีกเพราะเธอไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอยผู้เป็นแม่ จะไม่ยอมให้คำว่าเมียน้อยมาแปดเปื้อนชีวิตเธอแน่นอน

"ว่าไงภัทร"

(นุชคงโกรธ และเกลียดภัทรมากใช่ไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ภัทรขอโทษนะนุช)

"นุชให้อภัย เพราะนุชรู้ว่าภัทรไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเกิดขึ้น และนุชก็ดีใจนะที่ภัทรยอมรับผิดชอบน้องนับ นุชไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รักภัทร"

(ทำไมนุชถึงได้แสนดีแบบนี้ ยิ่งเป็นแบบนี้ภัทรยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก หากนุชจะโกรธจะเกลียดภัทรต่อไปภัทรก็เข้าใจ)

"ไม่ล่ะ นุชไม่อยากผูกใจเจ็บไม่อยากเป็นทุกข์เพราะความโกรธความเกลียด อะไรให้อภัยได้ก็ให้อภัยถือซะว่านุชกับภัทรไม่ใช่คู่กัน"

(แล้วเรายังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ไหม)

"ได้สิ แต่ให้เวลานุชหน่อยนะภัทร"

(ขอบใจมากนะนุช ขอบใจจริง ๆ)

ติณณภัทรเอ่ยขอบคุณซ้ำ ๆ รู้สึกซึ้งใจกับความแสนดีของนีรนุช ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ชอบนับดาวและรู้สึกผิดมากเข้าไปอีกทำไมคนดี ๆ อย่างนีรนุชถึงต้องถูกทำร้าย ส่วนคนนิสัยไม่ดีอย่างนับดาวกลับสมหวังและมีความสุข

หลังจากวางสายนีรนุชติณณภัทรก็เดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน แล้วบอกกล่าวกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่ในห้องโถงให้รับรู้ "วันนี้ผมกับนับดาวจะไปจดทะเบียนสมรสกันนะครับ ส่วนงานแต่งนับดาวบอกว่าไม่ต้องจัด"

"ก็ดีแล้วแม่ก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าลูกคว้าผู้หญิงแบบนับดาวมาเป็นเมีย" อรอินตวัดสายตาเอ่ยกับบุตรชายอย่างเคือง ๆ แค่บุตรชายต้องจดทะเบียนสมรสกับนับดาวเธอก็ช้ำใจจะตายอยู่แล้ว

"คุณก็เบา ๆ หน่อยเถอะ ยังไงหนูนับดาวก็จะมาเป็นลูกสะใภ้เราแล้ว" เอกรัฐส่งเสียงปรามภรรยาเบา ๆ ถึงเขาจะไม่ชอบในพฤติกรรมของนับดาวเท่าไร แต่ในเมื่อต้องตบแต่งมาเป็นภรรยาบุตรชายแล้วยังไงก็ต้องยอมรับให้ได้ อีกอย่างคนเราก็เคยทำผิด และพลาดพลั้งด้วยกันทุกคน

"เป็นลูกสะใภ้คุณคนเดียวเถอะ ฉันไม่มีวันรับผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นสะใภ้เด็ดขาด" อรอินพาลโกรธสามีไปด้วยอีกคนที่ดันพูดไม่เข้าหูเธอ ก่อนจะลุกเดินสะบัดตูดขึ้นไปชั้นบนทิ้งให้สองคนพอลูกมองตามหลังด้วยความอ่อนใจ

"งั้นผมไปก่อนนะครับพ่อ" ติณณภัทรมองตามหลังแม่จนสุดสายตา ก่อนจะบอกกล่าวกับผู้เป็นพ่อ แล้วเดินออกไปขึ้นรถขับตรงสู่ที่ว่าการอำเภอ

รถของติณณภัทรกับนับดาวเคลื่อนตัวมาจอดที่ว่าการอำเภอในเวลาสิบโมงพอดีแป๊ะ ทั้งสองเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาประจบกันทางเข้าอาคารพอดี

"สวัสดีค่ะว่าที่สามี" นับดาวเอ่ยทักทายร่างสูงที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปควงแขนเขาอย่างถือวิสาสะ ไม่ลืมจะพูดจายั่วโมโหเขาไปด้วย "เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ ฉันอยากได้คุณเป็นผัวจนใจจะขาดแล้ว"

"เธอนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ นับดาว ปล่อยแขนฉัน" ติณณภัทรถึงกับกัดกรามกรอดเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยความโกรธพลางพยายามดึงแขนออกจากการเกาะกุมของผู้หญิงร้ายกาจ ทว่านอกจากอีกคนจะไม่สะทกสะท้านกับคำด่าแล้วยังมีหน้าส่งยิ้มหวานให้พร้อมกับกอดแขนเขาแน่นขึ้นอีก ครั้นจะให้เขาทำอะไรรุนแรงก็เกรงจะเป็นจุดสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา

"เร็ว ๆ สิคะ หรือคุณอยากให้พวกปาปารัสซี่มาเห็นแล้วถ่ายไปลงข่าว แบบนั้นก็ได้นะฉันชอบอยู่แล้วกับการเป็นข่าวเนี่ย" นับดาวจงใจเอ่ยให้ชายหนุ่มเป็นเดือดเป็นร้อน แล้วเดินเข้าไปทำทุกอย่างให้มันเสร็จ ๆ ไป ถึงปากเธอบอกจะชอบเป็นข่าวแต่ในใจตรงกันข้ามกันสิ้นเชิง เธอเกลียดการเป็นข่าวให้คนอื่นเมาท์เป็นที่สุด ที่ผ่านมาก็แค่ทำเพื่อประชดบิดาเท่านั้น

สิ้นเสียงนับดาวติณณภัทรก็รีบเดินเข้าไปในอาคารทันทีเพราะไม่อยากเป็นข่าวตามที่หญิงสาวพูด ปล่อยให้อีกคนเดินควงแขนด้วยความจำใจ

"มาจดทะเบียนสมรสค่ะ" เมื่อเข้าไปถึงนับดาวก็บอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่ทันทีไม่ปล่อยให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว ติณณภัทรได้แต่เก็บกลั้นความโมโห และความรังเกียจนับดาวเอาไว้ในใจกับกิริยาที่เธอแสดงออกมาจนปิดไม่มิดว่าอยากได้เขาเป็นสามีจนตัวสั่น เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกขยาด

"ได้ครับ เชิญนั่งเลย" สิ้นเสียงนับดาวเจ้าหน้าที่วัยกลางคนก็เชิญทั้งสองนั่ง ขอเอกสาร และทำการสอบถามข้อมูลทั่วไปจากนั้นก็หยิบเอกสารให้ทั้งสองเซ็น

ทั้งนับดาวและติณณภัทรรับเอกสารมาเซ็นโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาต้องการเพียงทำทุกอย่างให้มันเสร็จ ๆ ไป เพราะสำหรับทั้งสองแล้วการจดทะเบียนในครั้งนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลยสักนิด

เมื่อเซ็นเสร็จรอเพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ก็มอบใบสำคัญการสมรสให้

"ทีนี่ก็เรียกสามีได้เต็มปากเต็มคำแล้วนะคะคุณสามีข๋า" นับดาวจงใจเอ่ยยั่วโมโหชายหนุ่มพร้อมกับก้มมองใบทะเบียนสมรสในมือที่มีชื่อเธอกับเขาอยู่ ขณะกำลังเดินออกไปขึ้นรถทำให้ติณณภัทรที่เดินนำด้านหน้าถึงกับหยุดชะงัก หันกลับไปมองเจ้าของคำพูดไร้ยางอายด้วยแววตาวาวโรจน์

"เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ฟังแล้วแสลงหู แล้วก็จำใส่สมองน้อย ๆ ของเธอไว้ด้วยว่าต่อให้โลกนี้มีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวฉันก็ไม่มีวันเอามาทำเมีย เชิญนอนกอดใบทะเบียนสมรสไปคนเดียวเถอะนับดาว" เอ่ยใส่หน้าคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจ้องมองราวกับจะฉีกร่างเธอออกเป็นชิ้น ๆ เพราะความอดทนเริ่มหมดลงเรื่อย ๆ แล้ว ว่าจบก็หมุนตัวเดินต่อ

"คิดว่าฉันพิศวาสคุณนักหรือไง ผู้ชายอะไรเถื่อนชะมัด" นับดาวทำปากขมุบขมุบต่อว่าร่างสูงที่เดินตัวปลิวออกไปด้วยความหมั่นไส้ และบอกเลยยิ่งเขาแสดงออกมาชัดเจนว่ารังเกียจเธอแบบนี้เธอก็ยิ่งอยากเอาชนะ รีบสาวเท้าเดินกึ่งวิ่งตามไปปากก็ร้องเรียกไม่ขาดสาย "สามีข๋ารอเมียด้วยสิคะ จะรีบเดินไปไหนกันเมียเดินตามไม่ทันแล้วนะ"

เสียงของนับดาวทำให้คนที่เดินสวนไปมาต่างพากันมอง บางก็ซุบซิบกัน บางก็อมยิ้มทำเอาติณณภัทรขายหน้าแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี สุดท้ายก็ต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองตัวต้นเหตุอีกครั้ง เมื่อเธอเดินมาถึงก็ต่อว่าด้วยความโมโห "หุบปากสักทีนับดาว อย่าให้ผมรังเกียจคุณไปมากกว่านี้เลย"

เขารู้สึกโกรธเธอมากจริง ๆ นึกรังเกียจกับการกระทำของเธอจนไม่อยากอยู่ใก้ลสักวินาทีเดียว "ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไสหัวไป"

"อย่าใจร้ายกับเมียสิคะผัวข๋า เราจดทะเบียนกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันสิคะ" นับดาวทำเหมือนว่าคำพูดแสนร้ายกาจของติณณภัทรเป็นอากาศยังคงยิ้มหน้าระรื่น เดินเข้าไปเกาะแขนถูไถแก้มไปมาอย่างออดอ้อน ยิ่งอีกคนพยายามหลีกหนีเธอก็ยิ่งกอดแขนเขาแน่นขึ้นโทษฐานที่รังเกียจเธอดีนัก

การกระทำของหญิงสาวทำให้ความอดทนที่เหลือเพียงน้อยนิดของติณณภัทรหมดลง ใช้มืออีกข้างจับมือของเธอแล้วบีบอย่างแรง จนอีกคนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บ

"ฉันเจ็บนะ" ร้องท้วงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่เขากลับออกแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั้งเธอเจ็บจนทนไม่ไหวต้องยอมคลายพันธนาการออกจากแขนแกร่ง

ติณณภัทรรีบสาวเท้าเดินจากไปทันทีที่ได้รับอิสระไม่คิดจะพูดกับผู้หญิงไร้ยางอายให้เสียเวลาเพราะแค่นี้เขาก็เสียเวลาอันมีค่าไปกับเธอมากพอแล้ว ทิ้งให้นับดาวยืนก่นด่าตามตามหลังด้วยความโมโห

คิดว่าทำแบบนี้แล้วเธอจะยอมแพ้เหรอบอกเลยว่าไม่มีทาง ร้องตะโกนในใจว่าคนอย่างนับดาวสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นโว้ย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status