วันต่อมา
นับดาวเดินฮั่มเพลงลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างสบายใจ เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโต๊ะอาหารที่มีบิดา แม่เลี้ยงใจยักษ์ และนีรนุชนั่งอยู่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขมากแค่ไหน เธอมองหน้าแม่เลี้ยงใจยักษ์พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากให้อย่างผู้ชนะ ก่อนเลื่อนสายตาไปบอกกล่าวกับบิดาเสียงดังฟังชัดจงใจให้ทุกคนได้ยินกันทั่วถึง "นับจดทะเบียนสมรสกับติณณภัทรววันนี้นะคะ ตอน 10โมง" ทุกคนที่นั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน กลับหันไปมองนีรนุชที่นั่งหน้าเศร้าด้วยความเป็นห่วงทำให้เธออดหมั่นไส้ไม่ได้จึงจงใจพูดตอกย้ำให้นีรนุชเสียใจเข้าไปอีก "พี่นุชช่วยไปเป็นพยานรักให้นับกับติณณภัทร เอ้ย! ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าพี่ภัทรเพราะเรากำลังจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พี่นุชช่วยไปเป็นสักขีพยานให้ได้ไหมคะ" ว่าจบเธอก็ลอบยิ้มออกมาอย่างสะใจกับสีหน้าของนีรนุชที่ดูจะแย่มากกว่าเก่า โดยเฉพาะแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่มองเธอเขม็งคงโกรธเธอมากสินะที่ทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง ไหนจะผิดหวังที่ไม่ได้ลูกเขยรวยอย่างติณณภัทรอีก "แกจะพอได้หรือยังนับดาว จะตอกย้ำให้พี่เขาเสียใจไปถึงไหน" ทนงศักดิ์ที่นั่งหัวโต๊ะต่อว่าบุตรสาวคนเล็กอย่างเหลืออดทั้งที่พยายามข่มอารมณ์ไว้แล้ว แต่บุตรสาวก็ยังหาเรื่องไม่เลิกไม่รู้ว่าจงเกลียดจงชังอะไรบุตรสาวคนโตนักหนา "ตอกย้ำที่ไหนกันคะ นับเห็นว่าพี่นุชเป็นพี่หรอกถึงได้ชวนไปในงานสำคัญแบบนี้" นับดาวตอบอย่างลอยหน้าลอยตาพร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย "ขอตัวก่อนนะคะนุชอิ่มแล้ว" นีรนุชมองหน้าน้องสาวต่างมารดาที่เธอรักอย่างจริงใจด้วยแววตาเจ็บปวด และตัดพ้อถูกคนอื่นแทงข้างหลังยังไม่เท่าถูกคนที่เธอเห็นเป็นน้องสาวมาตลอดแทงข้างหลัง เธอรู้ว่านับดาวไม่ชอบเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้มันผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวดจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ "ขอตัวก่อนนะคะนุชอิ่มแล้ว" เธอรีบขอตัวออกจากโต๊ะอาหารทั้งที่ทานได้แค่ไม่กี่คำเพราะกลัวน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้จะไหลออกมาแล้วทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเสีย ทันทีที่ขึ้นมาถึงห้องนอนเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่ต้องอายใครระบายความเจ็บปวดที่มันสุ่มอยู่ในอกกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอจึงค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกพยายามกลั้นก้อนสะอื้น หยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ติณณภัทร ชั่งใจอยู่ชั่วครู่จึงกดรับสายเพราะต้องการเคลียร์ใจให้มันจบ ๆ ไปก่อนที่เขาจะเป็นสามีของน้องสาวต่างมารดาอย่างเป็นทางการ เธอไม่อยากติดต่อ หรือเกี่ยวข้องกับติณณภัทรอีกเพราะเธอไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอยผู้เป็นแม่ จะไม่ยอมให้คำว่าเมียน้อยมาแปดเปื้อนชีวิตเธอแน่นอน "ว่าไงภัทร" (นุชคงโกรธ และเกลียดภัทรมากใช่ไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ภัทรขอโทษนะนุช) "นุชให้อภัย เพราะนุชรู้ว่าภัทรไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเกิดขึ้น และนุชก็ดีใจนะที่ภัทรยอมรับผิดชอบน้องนับ นุชไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รักภัทร" (ทำไมนุชถึงได้แสนดีแบบนี้ ยิ่งเป็นแบบนี้ภัทรยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก หากนุชจะโกรธจะเกลียดภัทรต่อไปภัทรก็เข้าใจ) "ไม่ล่ะ นุชไม่อยากผูกใจเจ็บไม่อยากเป็นทุกข์เพราะความโกรธความเกลียด อะไรให้อภัยได้ก็ให้อภัยถือซะว่านุชกับภัทรไม่ใช่คู่กัน" (แล้วเรายังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ไหม) "ได้สิ แต่ให้เวลานุชหน่อยนะภัทร" (ขอบใจมากนะนุช ขอบใจจริง ๆ) ติณณภัทรเอ่ยขอบคุณซ้ำ ๆ รู้สึกซึ้งใจกับความแสนดีของนีรนุช ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ชอบนับดาวและรู้สึกผิดมากเข้าไปอีกทำไมคนดี ๆ อย่างนีรนุชถึงต้องถูกทำร้าย ส่วนคนนิสัยไม่ดีอย่างนับดาวกลับสมหวังและมีความสุข หลังจากวางสายนีรนุชติณณภัทรก็เดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน แล้วบอกกล่าวกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่ในห้องโถงให้รับรู้ "วันนี้ผมกับนับดาวจะไปจดทะเบียนสมรสกันนะครับ ส่วนงานแต่งนับดาวบอกว่าไม่ต้องจัด" "ก็ดีแล้วแม่ก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าลูกคว้าผู้หญิงแบบนับดาวมาเป็นเมีย" อรอินตวัดสายตาเอ่ยกับบุตรชายอย่างเคือง ๆ แค่บุตรชายต้องจดทะเบียนสมรสกับนับดาวเธอก็ช้ำใจจะตายอยู่แล้ว "คุณก็เบา ๆ หน่อยเถอะ ยังไงหนูนับดาวก็จะมาเป็นลูกสะใภ้เราแล้ว" เอกรัฐส่งเสียงปรามภรรยาเบา ๆ ถึงเขาจะไม่ชอบในพฤติกรรมของนับดาวเท่าไร แต่ในเมื่อต้องตบแต่งมาเป็นภรรยาบุตรชายแล้วยังไงก็ต้องยอมรับให้ได้ อีกอย่างคนเราก็เคยทำผิด และพลาดพลั้งด้วยกันทุกคน "เป็นลูกสะใภ้คุณคนเดียวเถอะ ฉันไม่มีวันรับผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นสะใภ้เด็ดขาด" อรอินพาลโกรธสามีไปด้วยอีกคนที่ดันพูดไม่เข้าหูเธอ ก่อนจะลุกเดินสะบัดตูดขึ้นไปชั้นบนทิ้งให้สองคนพอลูกมองตามหลังด้วยความอ่อนใจ "งั้นผมไปก่อนนะครับพ่อ" ติณณภัทรมองตามหลังแม่จนสุดสายตา ก่อนจะบอกกล่าวกับผู้เป็นพ่อ แล้วเดินออกไปขึ้นรถขับตรงสู่ที่ว่าการอำเภอ รถของติณณภัทรกับนับดาวเคลื่อนตัวมาจอดที่ว่าการอำเภอในเวลาสิบโมงพอดีแป๊ะ ทั้งสองเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาประจบกันทางเข้าอาคารพอดี "สวัสดีค่ะว่าที่สามี" นับดาวเอ่ยทักทายร่างสูงที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปควงแขนเขาอย่างถือวิสาสะ ไม่ลืมจะพูดจายั่วโมโหเขาไปด้วย "เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ ฉันอยากได้คุณเป็นผัวจนใจจะขาดแล้ว" "เธอนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ นับดาว ปล่อยแขนฉัน" ติณณภัทรถึงกับกัดกรามกรอดเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยความโกรธพลางพยายามดึงแขนออกจากการเกาะกุมของผู้หญิงร้ายกาจ ทว่านอกจากอีกคนจะไม่สะทกสะท้านกับคำด่าแล้วยังมีหน้าส่งยิ้มหวานให้พร้อมกับกอดแขนเขาแน่นขึ้นอีก ครั้นจะให้เขาทำอะไรรุนแรงก็เกรงจะเป็นจุดสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา "เร็ว ๆ สิคะ หรือคุณอยากให้พวกปาปารัสซี่มาเห็นแล้วถ่ายไปลงข่าว แบบนั้นก็ได้นะฉันชอบอยู่แล้วกับการเป็นข่าวเนี่ย" นับดาวจงใจเอ่ยให้ชายหนุ่มเป็นเดือดเป็นร้อน แล้วเดินเข้าไปทำทุกอย่างให้มันเสร็จ ๆ ไป ถึงปากเธอบอกจะชอบเป็นข่าวแต่ในใจตรงกันข้ามกันสิ้นเชิง เธอเกลียดการเป็นข่าวให้คนอื่นเมาท์เป็นที่สุด ที่ผ่านมาก็แค่ทำเพื่อประชดบิดาเท่านั้น สิ้นเสียงนับดาวติณณภัทรก็รีบเดินเข้าไปในอาคารทันทีเพราะไม่อยากเป็นข่าวตามที่หญิงสาวพูด ปล่อยให้อีกคนเดินควงแขนด้วยความจำใจ "มาจดทะเบียนสมรสค่ะ" เมื่อเข้าไปถึงนับดาวก็บอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่ทันทีไม่ปล่อยให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว ติณณภัทรได้แต่เก็บกลั้นความโมโห และความรังเกียจนับดาวเอาไว้ในใจกับกิริยาที่เธอแสดงออกมาจนปิดไม่มิดว่าอยากได้เขาเป็นสามีจนตัวสั่น เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกขยาด "ได้ครับ เชิญนั่งเลย" สิ้นเสียงนับดาวเจ้าหน้าที่วัยกลางคนก็เชิญทั้งสองนั่ง ขอเอกสาร และทำการสอบถามข้อมูลทั่วไปจากนั้นก็หยิบเอกสารให้ทั้งสองเซ็น ทั้งนับดาวและติณณภัทรรับเอกสารมาเซ็นโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาต้องการเพียงทำทุกอย่างให้มันเสร็จ ๆ ไป เพราะสำหรับทั้งสองแล้วการจดทะเบียนในครั้งนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลยสักนิด เมื่อเซ็นเสร็จรอเพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ก็มอบใบสำคัญการสมรสให้ "ทีนี่ก็เรียกสามีได้เต็มปากเต็มคำแล้วนะคะคุณสามีข๋า" นับดาวจงใจเอ่ยยั่วโมโหชายหนุ่มพร้อมกับก้มมองใบทะเบียนสมรสในมือที่มีชื่อเธอกับเขาอยู่ ขณะกำลังเดินออกไปขึ้นรถทำให้ติณณภัทรที่เดินนำด้านหน้าถึงกับหยุดชะงัก หันกลับไปมองเจ้าของคำพูดไร้ยางอายด้วยแววตาวาวโรจน์ "เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ฟังแล้วแสลงหู แล้วก็จำใส่สมองน้อย ๆ ของเธอไว้ด้วยว่าต่อให้โลกนี้มีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวฉันก็ไม่มีวันเอามาทำเมีย เชิญนอนกอดใบทะเบียนสมรสไปคนเดียวเถอะนับดาว" เอ่ยใส่หน้าคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจ้องมองราวกับจะฉีกร่างเธอออกเป็นชิ้น ๆ เพราะความอดทนเริ่มหมดลงเรื่อย ๆ แล้ว ว่าจบก็หมุนตัวเดินต่อ "คิดว่าฉันพิศวาสคุณนักหรือไง ผู้ชายอะไรเถื่อนชะมัด" นับดาวทำปากขมุบขมุบต่อว่าร่างสูงที่เดินตัวปลิวออกไปด้วยความหมั่นไส้ และบอกเลยยิ่งเขาแสดงออกมาชัดเจนว่ารังเกียจเธอแบบนี้เธอก็ยิ่งอยากเอาชนะ รีบสาวเท้าเดินกึ่งวิ่งตามไปปากก็ร้องเรียกไม่ขาดสาย "สามีข๋ารอเมียด้วยสิคะ จะรีบเดินไปไหนกันเมียเดินตามไม่ทันแล้วนะ" เสียงของนับดาวทำให้คนที่เดินสวนไปมาต่างพากันมอง บางก็ซุบซิบกัน บางก็อมยิ้มทำเอาติณณภัทรขายหน้าแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี สุดท้ายก็ต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองตัวต้นเหตุอีกครั้ง เมื่อเธอเดินมาถึงก็ต่อว่าด้วยความโมโห "หุบปากสักทีนับดาว อย่าให้ผมรังเกียจคุณไปมากกว่านี้เลย" เขารู้สึกโกรธเธอมากจริง ๆ นึกรังเกียจกับการกระทำของเธอจนไม่อยากอยู่ใก้ลสักวินาทีเดียว "ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไสหัวไป" "อย่าใจร้ายกับเมียสิคะผัวข๋า เราจดทะเบียนกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันสิคะ" นับดาวทำเหมือนว่าคำพูดแสนร้ายกาจของติณณภัทรเป็นอากาศยังคงยิ้มหน้าระรื่น เดินเข้าไปเกาะแขนถูไถแก้มไปมาอย่างออดอ้อน ยิ่งอีกคนพยายามหลีกหนีเธอก็ยิ่งกอดแขนเขาแน่นขึ้นโทษฐานที่รังเกียจเธอดีนัก การกระทำของหญิงสาวทำให้ความอดทนที่เหลือเพียงน้อยนิดของติณณภัทรหมดลง ใช้มืออีกข้างจับมือของเธอแล้วบีบอย่างแรง จนอีกคนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บ "ฉันเจ็บนะ" ร้องท้วงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่เขากลับออกแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั้งเธอเจ็บจนทนไม่ไหวต้องยอมคลายพันธนาการออกจากแขนแกร่ง ติณณภัทรรีบสาวเท้าเดินจากไปทันทีที่ได้รับอิสระไม่คิดจะพูดกับผู้หญิงไร้ยางอายให้เสียเวลาเพราะแค่นี้เขาก็เสียเวลาอันมีค่าไปกับเธอมากพอแล้ว ทิ้งให้นับดาวยืนก่นด่าตามตามหลังด้วยความโมโห คิดว่าทำแบบนี้แล้วเธอจะยอมแพ้เหรอบอกเลยว่าไม่มีทาง ร้องตะโกนในใจว่าคนอย่างนับดาวสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นโว้ย@คอนโดนับดาวนับดาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีที่มาถึงคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ทว่าเธอหลับตาลงได้ไม่ทิ้งห้านาทีก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้นระรัว รีบเอื้อมมือไปหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ส้มจึงกดรับสาย(เห็นข่าวตัวเองรึยังนับ ตอนนี้เต็มโซเชียลไปหมด แล้วแกก็อธิบายมาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมในข่าวถึงแกถึงย่องจดทะเบียนสมรสกับคุณติณณภัทร)ทันทีที่เธอกดรับปลายสายก็พ่นคำพูดใส่จนไฟแลบ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้เธอตกใจเท่ากับประโยคที่เพื่อนสาวบอกในที่สุดเรื่องของเธอกับติณณภัทรก็เป็นข่าวจนได้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนตอบเพื่อนสาวไป "แกมาหาฉันที่คอนโดสิ เดี๋ยวจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง"(โอเคฉันจะรีบไป) ว่าจบปลายสายก็วางไป นับดาวจึงรีบเปิดเฟสบุ๊คเพื่อดูข่าวของตัวเองซึ่งมันเป็นไปตามที่เพื่อนสาวบอกไม่มีผิด หน้าฝืดเต็มไปด้วยข่าวของเธอกับติณณภัทรที่คนนับพันต่างพากันแชร์ รีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าวด้วยความอยากรู้ว่างานนี้นักข่าวจะตีสีใส่ไข่ไปมากแค่ไหนเป็นประเด็นร้อนแรงอีกแล้วนะคะสำหรับนางแบบสาวคนดังอย่าง 'นับดาว พรนับพัน จิระกาญ' ที่ย่องไปจดทะเบียนสมรสแบบเงียบ
วันต่อมาหลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จนับดาวก็หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาติณณภัทรทันทีเพื่อบอกล่าวว่าเธอจะไปหาพ่อแม่เขาที่บ้าน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(มีอะไร)"เมียแค่จะโทรมาบอกสามีนะคะ ว่าตอนนี้กำลังจะขับรถไปไหว้พ่อกับแม่สามีที่บ้าน พร้อมกับขนเสื้อผ้าไปอยู่กับสามีแล้ว" เธอเอ่ยบอกปลายสายอย่างอารมณ์ดี(หยุดเลยนะนับดาว ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรหยุดคิดเดี๋ยวนี้) ปลายสายกดเสียงพูดอย่างดุดัน ทว่านับดาวหาได้สนใจไม่ ตอบกลับอย่างท้าทาย "ไม่หยุดค่ะ เจอกันที่บ้านนะคะคุณสามี บ๊ายบาย" ว่าจบก็กดวางสายเธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเพียงคิดว่าตอนนี้อีกคนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะรีบขับรถตรงไปยังบ้านของเขาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบ้านอัครกุลปรากฏว่าเห็นรถชายหนุ่มจอดอยู่แล้วไม่รู้ว่าตอนที่เธอโทรมาเขาอยู่บ้านอยู่แล้ว หรือพอรู้ว่าเธอจะมาเลยรีบกลับบ้านก่อนกันแน่ ที่สำคัญตอนนี้เขากำลังเดินหน้าบอกบุญไม่รับตรงมายังรถของเธอราวกับว่ากำลังรอการมาของเธออยู่ เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยืนมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ "สามีมารับเมียเหรอคะ""ฉันมาไล่ต่างหาก กลับไปบ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับเธ
"โอ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยติณณภัทร" นับดาวร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นเมื่ออีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ แล้วจับแขนดึงให้เธอลงจากรถ เธอพยายามขืนตัวใช้อีกมือเหนี่ยวรั้งเบาะสุดแรงไม่ให้ตัวลอยไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่อาจต้านกำลังคนตัวโตกว่าได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงออกจากรถได้สำเร็จทันทีที่ดึงหญิงสาวออกจากรถได้สำเร็จติณณภัทรก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับจัดการล็อกประตูรถด้วยความเร็วไม่ต้องการให้อีกคนขึ้นรถได้ จากนั้นก็ขับออกไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะกลับยังไง "อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย" นับดาวส่งเสียงกรีดในลำคอกระโดดเต้นเร่า ๆ ด้วยความโมโห สายตามองตามรถคันหรูที่เคลื่อนจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะกลับมาสนใจสภาพตัวเองต่อว่าจะกลับไปที่บ้านชายหนุ่มยังไงตอนนี้เธอไม่มีทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ติดตัวเลยเพราะอยู่ในรถยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความแค้นนี้เธอจะต้องได้ชำระคิดว่าทำแบบนี้จะล้มเลิกความตั้งใจเธอได้เหรอบอกเลยว่าไม่ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะเธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนหันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่เผื่อว่าจะขับผ่านมาบ้างเธอจะได้กลับที่บ้านชายหนุ่มอีกคร
หลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน"เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว""เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้"เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดีแรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~เ
ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไรจะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตามเธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร
"ว๊าย!"เอี๊ยดดด!นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตรส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้"บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่"พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด"กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา"กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแ
ติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรมือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่าเจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมดตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกันภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการ
"อึก" นับดาวรู้สึกปวดร้าวระบมตรงกลางกลายเป็นอย่างมากเมื่อคนด้านบนเริ่มสอบสะโพกกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าออกในร่องสาวแห้งฝืด ความเจ็บทำเอาเธอเผลอหุบขาเข้าอย่างลืมตัว แต่ก็โดนมือหนาจับให้ถ่างออกอีกครั้ง ทั้งที่เป็นครั้งที่สองแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ ไหนใครบอกว่าเซ็กซ์ทำให้มีความสุขไงนั่นมันคงจะใช้ได้กับคนที่เป็นคู่รักกันเท่านั้นแหละ มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดหลังมือปูดนูนข่มความรวดร้าวในกาย หลับตาเชิดหน้ากัดริมฝีปากเบา ๆ ทำเหมือนว่าเธอรู้สึกดีกับมันแค่ไหน ทั้งที่ในใจร้องตะโกนว่าเจ็บจะตายแล้วโว้ยเพราะคนด้านบนถาโถมแรงกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ไร้ความปราณีทุกแรงกระทำติณณภัทรจงใจทำให้หญิงสาวเจ็บ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยไปด้วยเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ มุมปากหนาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันที่ได้เห็นเศษเสี้ยวความเจ็บปวดบนใบหน้าสวยที่เธอเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเคลื่อนมือไปดึงบราเซียร์ออกทำให้สองเต้าอวบดีดเด้งออกมาโชว์ความใหญ่โต ฝ่ามือนุ่มกอบกำสองเต้าแล้วบีบเคล้นแรง ๆ พร้อมทั้งโน้มหน้าลงไปซุกไซ้ลำคอระหงฝังเขี้ยวคมบนผิวเนื้อขาวเรียบเนียน ขณะเอวสอบยังส่งแรงเข้าออกไม่